เรื่องของสลิ่มฉลาดกับแมลงสาบไม่โกง

“ไม่รู้ตัว”

สลิ่ม : ใครเป็นสลิ่ม ?
ชมพู :  
สลิ่ม คือ คนบางจำพวกที่เปลี่ยนสีเสื้อจากม็อบแอบอ้างเสื้อเหลืองไปสีอื่นเรื่อยๆ
จนได้ฉายาว่า สลิ่ม คนเสื้อหลากสี ในเรื่องราวอย่างนิยายน้ำเน่า บทละครเก่าซ้ำซากใส่ร้ายป้ายสีและล้างสมอง                    
ตั้งแต่สมัยจากดึกดำบรรพ์ไม่เคยเปลี่ยนแนวของพล็อตเรื่อง ของคนบางกลุ่มบางพรรค
มักมาในชื่อกลุ่มที่เปลี่ยนบ่อยๆ เพื่อให้ดูเหมือนว่ามีพรรคพวกหลายกลุ่มมาก
แต่ความจริงเป็นคนกลุ่มเดิมที่จำนวนลดลงเรื่อยๆ จนบางครั้งไม่ถึงสิบคนก็ยังเคยปรากฏให้ขำขัน


“ให้ยึดถือเป็นแบบอย่าง”

ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2545 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์
ของพรรคการเมืองที่ก่อตั้งมานานตั้งแต่ปี 2489
ส่วนหนึ่งของคำกล่าวในการประชุม ได้แก่

“การปฏิรูปการเมืองควรใช้ทฤษฎีแมลงสาบ
ที่วิเคราะห์มาจากพฤติกรรมของแมลงสาบ
คือ ปรับตัวเองได้ดี
มีเรดาห์ คือ หนวดในการตรวจสอบสิ่งต่างๆ
มีสมอง และประสาท ไว้คอยประสานงานกับส่วนต่างๆ
มีขา 6 ขา ไว้เดิน
มีปีก 2 คู่ เอาไว้บินเวลาคับขัน
เวลาวิ่ง จะวิ่งเร็ว แต่วิ่งระยะสั้นๆ วิ่งไปแล้วหยุด แล้ววิ่งต่อ
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่น คือ การแพร่พันธุ์ได้รวดเร็วมาก
จึงทำให้แมลงสาบอยู่มาได้เป็นพันล้านปี ไม่สูญพันธุ์
ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิรูปการเมืองได้ 4 ประการ คือ
1 รู้จักฟัง
2 รู้จักคิด
3 รู้จักจัดการ
4 รู้จักทำ
นี่คือบทเรียนที่แมลงสาบใช้
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับไดโนเสาร์ ที่ปรับตัวไม่ได้ ก็สูญพันธ์
การเมืองในยุคปฏิรูปก็เหมือนกัน”

ที่ซึ่ง
ฉายา “พรรคแมลงสาบ”
ก็บังเกิดตั้งแต่นั้นมา


“สลิ่มกดขี่แมลงสาบ”

แมลงสาบบอกสลิ่มว่า
ชนชั้นชาวนากดขี่ชนชั้นสลิ่ม เพราะชาวนาไม่เสียภาษี
สลิ่ม (เลียนแบบดารา) บอกแก่ชาวนาว่า จงออกไปจากบ้านหลังนี้
เมื่อไม่มีชาวนา สลิ่มจึงต้องเลิกทำงานกินเงินเดือน มาทำนาปลูกข้าวกินเอง
แมลงสาบจึงกล่าวแก่สลิ่มต่อไปว่า  
ชนชั้นสลิ่มกดขี่ชนชั้นแมลงสาบ เพราะชนชั้นสลิ่มไม่เสียภาษี

บรรดาสลิ่มที่กำลังทำนาและต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มกับภาษีสรรพสามิตซึ่งรวมอยู่ในค่าสินค้าและบริการต่างๆ
(ซึ่งเป็นภาษีส่วนใหญ่ของประเทศ มากกว่าภาษีอื่นใดอย่างเทียบไม่ติด
ส่วนหนึ่งไปจ่ายเป็นเงินเดือน แก่แมลงสาบ และไม่รู้ว่าจำนวนมหาศาลถูกแมลงสาบกัดแทะหรือไม่)
พากันพึมพำ ได้ยินแว่วๆ ว่า
“รวมกันทั้งหมดแล้วจ่ายภาษีมากกว่าสลิ่มอีก”


“จะเรียกว่าอะไร”

ในเรื่องเล่านิทาน
คาวีเป็นชื่อลูกโคที่ถูกชุบให้เป็นคนด้วยเวทมนต์

ในเว็บบอร์ดพันทิป
ผู้ใช้ล็อกอินชื่อ คาวี มักแสดงความคิดเห็นสนับสนุนพรรคที่อบรมบ่มเพาะกันในการประชุมใหญ่ประจำปีให้ยึดถือแมลงสาบเป็นแบบอย่าง
หรือมักแสดงความคิดเห็นสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อหลากสีที่เปลี่ยนจากการแอบอ้างเสื้อเหลืองไปสีอื่นๆ พร้อมเปลี่ยนชื่อกลุ่มไปเรื่อยๆ
ด้วยบทบาทในดราม่าน้ำเน่าใส่ร้ายป้ายสีและล้างสมอง ไม่เคยเปลี่ยนแนวพล็อตเรื่องจากดึกดำบรรพ์ของคนบางกลุ่มบางพรรค (ใช่หรือไม่ ?)
ในขณะที่จำนวนคนของกลุ่มที่ชุมนุมก็ถดถอยน้อยลงไปเรื่อยๆ กระทั่งบางครั้งไม่ถึงหลักสิบ

ในกลุ่มคนเหล่านี้มีผู้หนึ่งเอาภาพเครือญาติของคาวีที่ประสบเหตุถูกฟ้าผ่าล้มเกลื่อนเสียชีวิต
มาโพสในเชิงเพื่อบิดเบือนส่อเสียดเยาะเย้ยถากถางในเว็บบอร์ดพันทิป
คาวีในเว็บบอร์ดพันทิป เข้ามาโพสว่า ถูกใจ

ถ้าไม่เรียกว่าฉลาด จะเรียกว่าอะไร ?




“สัจจัง”

แมลงสาบเดินสายเปิดเวทีพูดไปทั่วเมือง
แมลงสาบ : สโลแกนของพวกเราคือ สัจจัง เว อมตา วาจา
สลิ่ม : แปลว่าอะไร
แมลงสาบ : คำสัตย์เป็นวาจาที่ไม่ตาย
สลิ่ม : เป็นยังไง
แมลงสาบ : ไม่พูดปด
สลิ่ม : เอ๊ะ ! ใครผายลม
แมลงสาบ : พวกเราเปล่า


“ขนอม”

ในกลุ่มคนที่อบรมบ่มเพาะกันมาในการประชุมใหญ่ประจำปี ให้ยึดถือแมลงสาบเป็นแบบอย่าง
นายเทพไถ ปรึกษาหารือกับนายศิริโรค ว่า
จะแสร้งทำทีคุยกันว่า ขนอม อ่านว่า ขน-อม ให้สลิ่มได้ยิน
บรรดาสลิ่มก็จะเอาไปบอกต่อๆ กันไป
(ซึ่งด้วยวิสัยของสลิ่ม การอาจเชื่ออย่างจริงๆ จังๆ ของสลิ่ม เป็นว่า ยิ่งรักเป็นคนพูด เป็นสิ่งที่ไม่เกินคาดเดาได้)

สลิ่มหนึ่ง : เทพไถบอกว่า ขนอม อ่านว่า ขน-อม
สลิ่มสอง : เทพไถบอกว่า ขนอม อ่านว่า ขน-อม
สลิ่มสาม : เทพไถบอกว่า ขนอม อ่านว่า ขน-อม

สลิ่มสิบ : (แชร์เฟซบุ๊ค) เทพไถบอกว่า ขนอม อ่านว่า ขน-อม
สลิ่มสิบเอ็ด : (แชร์เฟซบุ๊ค) เทพไถบอกว่า ขนอม อ่านว่า ขน-อม
สลิ่มสิบสอง : (แชร์เฟซบุ๊ค) เทพไถบอกว่า ขนอม อ่านว่า ขน-อม

ชมพู : (แชร์เฟซบุ๊ค)
ที่ดิน สปก.
ทรัพย์สิน ปรส.
เงินกู้งบไทยเข้มแข็ง
ค่าชดเชยโฮปเวลล์
น้ำมันปาล์มขาดตลาด
กล้องวงจรปิด
ฯลฯ


“คนบ้าตีกลองอยู่กลางตลาด”

ในพรรคที่อบรมบ่มเพาะกันมาในการประชุมใหญ่ประจำปี ให้ยึดถือแมลงสาบเป็นแบบอย่าง
ประธานที่ปรึกษาพรรค กล่าวว่า
พรรคการเมืองอื่นซื้อเสียง ทำให้พรรคของเราแพ้เลือกตั้ง
พรรคของประธานที่ปรึกษาพรรค ถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษจากการซื้อเสียงเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์เป็นระยะๆ

หัวหน้าพรรค กล่าวว่า
รัฐบาลสมชายทำร้ายคนถึงแก่ชีวิต และบาดเจ็บ
แล้วยังกล่าวหาว่าพกพาอาวุธ เป็นคนหรือเปล่า ?
(เสียชีวิตจากแผลฉกรรจ์ในซอกรักแร้ ไม่รู้สะพายอะไรมา ?)
(เสียชีวิตจากแรงระเบิดในรถยนต์ตนเอง ไม่รู้บรรทุกอะไรมาเป็นจำนวนมาก ?)
(อุ้งมือขาดหลายคน ไม่รู้กำอะไรอยู่ ?)
หัวหน้าพรรค สั่งให้ยกกองทัพทหารปฏิบัติการที่หัวหน้าพรรคใช้คำเรียกว่า ขอคืนพื้นที่และกระชับพื้นที่
ตาย 99 ศพ พิการและบาดเจ็บสองพันกว่าคน …ยังเผาบ้านเผาเมืองได้อีก แปลกหรือไม่ ?
(ทหารก็ยังคุมพื้นที่อยู่อย่างแน่นหนาอีกต่างหาก)

เลขาธิการพรรค กล่าวว่า
พวกโกง เป็นสัตว์ร้ายทางการเมือง
พวกของเลขาธิการพรรค คืนที่ดิน สปก. เพราะถูกจับได้ แล้วก็จบเรื่องไป
พวกของเลขาธิการพรรค อยู่กันจนสารพัดคดีต่างๆ หมดอายุความ
ฯลฯ

ผู้ว่าฯ เมืองที่เอากระสอบทรายยัดท่อระบายน้ำ ของพรรค กล่าวว่า “โตไปไม่โกง”
เมืองที่เอากระสอบทรายยัดท่อระบายน้ำ ติดตั้งกล้องวงจรปิดจำนวนหนึ่งหมื่นกล้อง ราคาทั้งหมดกว่าสองพันล้านบาท
คิดเป็นราคากล้องละกว่าสองแสนบาท มากกว่ายี่สิบเท่าของราคาทั่วไป
โดยมีผู้เข้าไปสังเกตใกล้ๆ พบเห็นว่าเป็นกล่องเปล่าจำนวนมาก
หลังจากที่มีการประกาศว่าติดตั้งครบจำนวนหนึ่งหมื่นกล้องทั้งหมดแล้ว
จากข้อมูลของ Nectec วันที่ 12 ตุลาคม 2553
กล้องวงจรปิดจำนวน 316 กล้อง บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและดินแดง
ใช้งานเพียง 69 กล้อง

คนบ้าตีกลองอยู่กลางตลาด กล่าวว่า
ใครตีกลองคนนั้นบ้า


“สลิ่มบัณฑิต”

สลิ่มบัณฑิต : ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต บัณฑิตจะลงทุนเรียนกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ชมพู :
ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต บัณฑิตจะลงทุนเรียนกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ถ้าบัณฑิตมีสิทธิเท่ามหาบัณฑิต มหาบัณฑิตจะลงทุนเรียนกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ถ้ามหาบัณฑิตมีสิทธิเท่านายจ้าง นายจ้างจะจ้างมหาบัณฑิตกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ถ้านายจ้างมีสิทธิเท่าหมอ หมอจะรักษานายจ้างเมื่อเจ็บป่วยกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ถ้าหมอมีสิทธิเท่าตำรวจ ตำรวจจะป้องกันและจับโจรผู้ร้ายให้หมอกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ถ้าตำรวจมีสิทธิเท่ากุลี กุลีจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิตเป็นเงินเดือนให้ตำรวจกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต บัณฑิตจะลงทุนเรียนกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ถ้าบัณฑิตมีสิทธิเท่ามหาบัณฑิต …


“สลิ่มหมอ”

สลิ่มหมอ : แก๊สน้ำตาเป็นสาเหตุทำให้ซอกใต้วงแขนไม่ขาว
ชมพู : รู้ได้อย่างไร
สลิ่มหมอ : ใช้ GT 200 ตรวจ


“เหนือสลิ่มมีแมลงสาบ เหนือแมลงสาบมี Baigon”

สลิ่มหนึ่ง : (แชร์เฟซบุ๊ค) เมนู ปูผัดผง karee ถูกรัฐบาลปูสั่งห้าม
สลิ่มสอง : (แชร์เฟซบุ๊ค) เมนู ปูผัดผง karee ถูกรัฐบาลปูสั่งห้าม
สลิ่มสาม : (แชร์เฟซบุ๊ค) เมนู ปูผัดผง karee ถูกรัฐบาลปูสั่งห้าม
ห้องราชดำเนิน :
มีคนเปลี่ยนเป็น ปูผัดผงมัลลิกา หรือปูผัดผงวรกรแล้ว
http://ppantip.com/topic/30484032 (คห. 16)


“ประชาธิปไตยแบบสลิ่ม ของแมลงสาบ โดยแมลงสาบ เพื่อแมลงสาบ”

สนับสนุนประชาธิปไตย …แบบรัฐประหารและการโหวตในสภาด้วยอำนาจที่ไม่อาจขัดขืน
(เปิดเผยโดยหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาที่เคยไม่อาจขัดขืน)

ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ …แบบที่มาจากประชาชนลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

เชื่อมั่นระบบรัฐสภา …เฉพาะระบบรัฐสภาของคณะรัฐประหาร

ไม่ยอมรับ “การใช้กฎกติกาแบบคะแนนเสียงข้างมาก”
เพราะคือการที่เสียงข้างมากลากไป …เฉพาะเสียงข้างมากของผู้อื่น

เสียงข้างมากต้องรับฟังเสียงข้างน้อย …เฉพาะเสียงข้างน้อยของแมลงสาบ
ถ้าไม่ฟัง …ก็บีบคอ ลากออกจากเก้าอี้ ปาเอกสารใส่ …หรือส่งเรื่องให้ ตลก. ที่จัดตั้งหลังรัฐประหาร พิจารณายุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง
(การบีบคอ ลากออกจากเก้าอี้ ปาเอกสารใส่ ไม่ควรถูกยุบพรรค)

ใช่หรือไม่ใช่ ?


“เลือกใช้ความจริงบางเสี้ยว  (ตอน ล้างสมอง)”

แมลงสาบ : แมลงสาบนั้นมีลักษณะแบนๆ (เอาปีกให้สลิ่มดู)
สลิ่ม : แบนๆๆๆ
แมลงสาบ : แมลงสาบนั้นมีลักษณะเป็นเส้นๆ (เอาหนวดให้สลิ่มดู)
สลิ่ม : เส้นๆๆๆ
แมลงสาบ : แมลงสาบนั้นมีลักษณะเป็นหนามๆ (เอาขาให้สลิ่มดู)
สลิ่ม : หนามๆๆๆ
แมลงสาบ : มูลแมลงสาบนั้นไม่เหม็น
สลิ่ม : ไม่เหม็นๆๆๆ


“เลือกใช้ความจริงบางเสี้ยว (ตอน แมลงสาบบินว่อน)”

แมลงสาบ :
รัฐบาลยิ่งรัก รับจำนำข้าว ตันละ 15,000 บาท
บอกว่าเพื่อช่วยชาวนาไม่ให้เดือดร้อนนั้น
เป็นการทำให้เป็นปัญหาต่อการคลัง
สลิ่ม : ทำให้เป็นปัญหาต่อการคลังๆๆๆ
แมลงสาบ :
รัฐบาลยิ่งรักเปลี่ยนเป็นรับจำนำข้าวตันละ 12,000 บาท
เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อการคลังตามที่พวกเราแมลงสาบเรียกร้องนั้น
เป็นการทำให้ชาวนาเดือดร้อน
สลิ่ม :  ทำให้ชาวนาเดือดร้อนๆๆๆ
แมลงสาบ : มูลแมลงสาบนั้นไม่เหม็น
สลิ่ม :  ไม่เหม็นๆๆๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่