ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่า ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งใจจะดูละครเรื่องนี้มาก่อนเลยค่ะ แม้จะเปิดไทยพีบีเอสทุกวัน แต่ด้วยความที่ไม่ใช่คนชอบดูละครไทยเท่าไหร่ก็เลยไม่ค่อยให้ความสนใจกับละครไทยเท่าใดนัก เพราะเบื่อกับความวนเวียนของพล็อตเรื่อง ความไม่สร้างสรรค์จรรโลงใจ และมุมมองชาตินิยมอันบิดเบี้ยวไม่น้อยก็มากที่สอดแทรกอยู่ข้างใน แต่หลังจากที่ได้ดูละคร "บุญผ่อง" ช่วงรีรันวันเสาร์-อาทิตย์โดยบังเอิญ ความคิดของเราก็เปลี่ยนไปค่ะ..
(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
เราชอบการดำเนินเรื่องของละครเรื่องนี้นะคะ ถึงใครจะบอกว่ามันเนิบนาบเชื่องช้า แต่เราว่ามันเป็น
ความเรียบง่าย ค่อยเป็นค่อยไป ที่ค่อยๆกัดกินใจของผู้ชม ค่ะ การดำเนินเรื่องตามลำดับเวลา การค่อยๆปูเรื่อง ค่อยๆให้เราทำความรู้จักกับตัวละครจากด้านหนึ่งสู่ด้านหนึ่ง ทำให้คนดูอย่างเราเกิดความรู้สึกรักและประทับใจในตัวละครทุกตัว ที่ต่างมีข้อดีข้อเสีย มีมุมมืดและมุมสว่างแตกต่างกันออกไป ความเคร่งครัดในหน้าที่ของมิโยชิ ความดุดันสมกับเป็นชาติชายนายทหาร ความจริงจังเจ้าระเบียบตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่น จึงกลายเป็นด้านที่ทำให้คนนอกหวาดเกรงและพูดกันไปต่างๆนาๆ แต่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสก้นเบื้องของจิตใจอันแท้จริงของเขา เราก็จะพบกับความอ่อนโยน ความรักครอบครัว ความคิดถึงลูก และจิตใจที่ไม่เห็นด้วยกับสงคราม แต่เขาเองก็เหมือนกันกับคนอื่นๆ คือไม่มีสิทธิ์เลือก..
แต่ตัวละครที่เราชอบที่สุดกลับเป็นตัวละครที่แสดงโดยแม่แดง ฉันทนาค่ะ (ไม่ทราบจริงๆว่าชื่ออะไร จำไม่ได้) ตอนแรกที่เราเห็นแม่แดง คือฉากที่รำเพยผู้เป็นหลานสาวของแม่แดงพูดถึงเพื่อนคนพิเศษ แล้วแม่แดงรู้ว่าเป็นหนึ่งในเชลยหนุ่มตาน้ำข้าว ตอนนั้นเราเผลอคิดไปว่าโดนด่าแน่.. ใครจะไปยอมให้หลานตัวเองไปชอบพอกับเชลยที่ไม่รู้อนาคตจริงมั้ยล่ะคะ? แต่แม่แดงกลับบอกว่าไม่เป็นไร จะเชลยหรือทหารต่างก็เป็นคนเช่นเดียวกันกับเรา วันนี้เค้าแพ้ พรุ่งนี้เค้าอาจชนะก็ได้ ผิดคาดของเราไปมากค่ะ ประทับใจมากตอนที่ได้ยิน นี่สิจิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมของมนุษย์โดยแท้จริง
ความคิดเห็นส่วนตัวของเรานั้น.. การบังคับขู่เข็ญเชลยให้ทำงานหนักจนกระทบไปถึงสุขภาพ การลงโทษหรือฆ่าเชลยที่เป็นตัวถ่วงการทำงาน การกักตุนยารักษาโรคเพื่อพวกพ้องของตนเอง อาจดูเป็นเรื่องเลวร้าย ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมเมื่ออยู่ในสายตาของนักมนุษยธรรมหรือนักบวชทั้งหลาย แต่หากใช้สายตาเดียวกันกับนายทหารที่ต้องสละชีวิตเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินของตน ซึ่งเป็นเหมือนกันทุกชาติทุกเผ่าไม่มีความต่าง การจัดการเนื้อร้ายที่อาจส่งผลกระทบถึงการชนะหรือแพ้สงคราม ซึ่งหมายถึงชีวิตของตนเอง เอกราชของประเทศชาติ ความเป็นอยู่ของครอบครัวที่คอยอยู่ที่บ้าน คุณจะรู้สึกเข้าอกเข้าใจในการกระทำเหล่านั้นได้ไม่ยาก.. จริงๆนะคะ..
ดังนั้นเมื่อถามว่าดูแล้วรู้สึกอย่างไร? เราบอกได้เลยว่าเราเฉยๆค่ะ เพราะเราเข้าใจหรืออย่างน้อยก็เรียกได้ว่าพยายามทำความเข้าใจในทุกๆฝ่าย ใจเราจึงทั้งสงสารเชลยที่ต้องลำบากตรากตรำ และเข้าใจความรู้สึกฝืนใจและขัดแย้งในตัวเองของฝ่ายทหาร ไม่ว่าจะฝ่ายอักษะหรือฝ่ายสัมพันธมิตรต่างก็เหมือนๆกัน บ้างเป็นผู้กระทำ บ้างถูกกระทำ ต่างกรรม ต่างวาระกันไป ไม่ว่าในอดีตใครจะเป็นฝ่ายฆ่าใคร ใครจะเคยกดขี่ข่มเหงใคร เราเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำหรืออยากให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ทุกล้วนทำเพื่อประเทศชาติ และทำตามภาระหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมาย ฉะนั้น.. การวางตัวเฉย อย่าปล่อยใจให้ไหลไปตามน้ำ จึงเป็นแนวทางที่เราใช้ในการรับสารและข้อมูลทางประวัติศาสตร์เสมอมาค่ะ หลายคนบอกว่าทำไมเราเลือดเย็นไม่มีหัวใจเลย ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ? ถามว่าเรารู้มั้ยว่ากองทัพจักรพรรดิทำอะไรไว้กับใครบ้าง? เรารู้ค่ะ.. แต่เราถือคติว่า ถ้าคิดจะศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ก็จงศึกษาเรื่องราวเหล่านั้นอย่างเป็นกลาง และปล่อยให้มันเป็นครูของอนาคต ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการปลูกฝังความเกลียดชังให้กันและกันอย่างไม่สิ้นสุดดีๆนี่เอง
ต้องยอมรับค่ะว่าบทเขียนดีในระดับนึงเลยนะคะ โดยเฉพาะการสอดแทรกแนวคิดที่เป็นกลาง ไม่กล่าวโทษหรือเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างสุดโต่ง ตัวละครมีความเข้าใจสภาพความเป็นไปที่แท้จริงของสงคราม อาจเห็นแก่ตัวกันบ้างไม่มากก็น้อยตามความเป็นมนุษย์โดยทั่วไป เพื่อนสาวของรำเพยอาจทำให้เราหงุดหงิดไปบ้าง แต่คนแบบนี้ก็มีอยู่จริงทุกยุคทุกสมัย คนดีที่มีความคิดอย่างคุณบุญผ่องก็มีอยู่ทุกยุคเช่นกัน ความเป็นสีเทาของตัวละครซึ่งเหมือนกับคนเดินดินธรรมดาจริงๆ ทำให้เราไม่รู้สึกว่ากำลังดูละครแนวฮีโร่จ๋าหรืออะไรทำนองนั้นเลย
ในส่วนของโปรดัคชัน เราชอบในความคมชัดของภาพที่สมกับความละเอียดแบบ HD มุมกล้องที่สวยและมีความเป็นสากล หน้าชัดหลังเบลออย่างชัดเจน ฉากและสถานที่ที่มีความสมจริง จึงทำให้คนดูอย่างเรา รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้น และรับรู้มันด้วยตัวของเราเองเลยทีเดียว แต่ขอติเรื่องการจัดแสงของภาพหน่อยค่ะ คือมันค่อนข้างจะเข้มไปซักนิด และโดดไปบ้างเป็นบางช่วง เท่าที่พอจำได้ก็มีอยู่ฉากนึง กล้องฉายภาพแบบ bird's-eye view ให้เห็นตอนที่รถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณค่าย ซึ่งตอนนั้นภาพเข้มและมืดมาก เหมือนเป็นท้องฟ้าหลังฝนตกหรือพระอาทิตย์กำลังจะตกยังไงยังงั้น ซึ่งเราดูแล้วไม่น่าใช่ปัญหาทางเทคนิคแน่ แต่คงเป็นช่วงเวลาของการถ่ายทำมากกว่า แต่พอตัดฉากเข้ามาในบริเวณค่าย ภาพกลับสว่างจ้าสมกับเป็นตอนกลางวันที่แสงแดดแผดเผาจนผิวกายไหม้เกรียม ซึ่งอยากให้ทีมงานระวังในจุดนี้ให้มากขึ้นในงานเรื่องหน้านะคะ
เรื่องภาษาญี่ปุ่นในเรื่องฟังรื่นหูดีค่ะ อาจเพราะได้นักแสดงชาวญี่ปุ่นมารับบทเป็นทหารคนสำคัญหลายต่อหลายคนก็เป็นได้ นักแสดงประกอบพูดญี่ปุ่นได้ไม่เลวเลยนะคะ พูดได้ใกล้เคียงเลยล่ะเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆที่เคยดูมา แอคติ้งก็ดีค่ะโดยเฉพาะคุณฮิโระ เป็นนายทหารญี่ปุ่นที่พูดไทยไม่ชัดได้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก จนเราเผลอคิดว่านี่มันโกโบริดีๆนี่เอง! โกโบริต้องแบบนี้สิ อะไรแบบนี้เลยค่ะ จุดนี้ต้องขอชื่นชมฮั้งมโนก้าที่แคสติ้งตัวละครมาได้ดี มีฝีมือ และเหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับเป็นอย่างยิ่ง แต่... คุณบุญผ่องเจมส์ เวลาพูดนี่พยายามให้ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูโบราณไปซักนิดนะคะ ฟังดูแล้วมันไม่ค่อยรื่นหูเลยอ่ะค่ะ เหมือนเค้าพยายามพูดให้เสียงต่ำและหนักแน่นเกินไป จนไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ส่วนคุณนุสบา... เราต้องขอโทษแฟนคลับเธอล่วงหน้าด้วยนะคะ แต่เราอยากบอกว่าเธอเล่นแข็งอ่ะ ตอนสื่ออารมณ์ก็ทำได้ดี แต่พอตอนพูดเท่านั้นแหละ ดูดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเลย ส่วนน้องพลอยหรือปะนิจัง น่ารักค่ะ.. สดใสสมวัย สะอาดบริสุทธิ์ สมเป็นผ้าขาวที่ทำให้มิโยชิคิดถึงลูก น่ารักค่ะ น้องน่ารักจริงๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นก็คือความละเมียดละไมได้สาระของเรื่องค่ะ ไม่ว่าจะนำเสนออะไรให้แก่ผู้ชม ThaiPBS ก็จะมีสกู๊ปและข้อมูลทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังสอดแทรกอยู่ในช่วงต่างๆให้ผู้ชมเสมอ ประวัติคุณบุญผ่องเอย ข้อมูลของเกี่ยวกับสงครามเอย หรือกระทั่งการเตรียมความพร้อมของคุณฮิโระ การทำเพลงประกอบละครเอย เราเห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดของทางช่องและทางฮั้งมโนก้าค่ะ สัมผัสได้ถึงความเป็นมืออาชีพและคุณภาพในระดับสากล เราว่าเรื่องนี้ภาพรวมดีค่ะ คุณภาพดี ส่งไปฉายต่างประเทศได้ไม่อายใครจริงๆค่ะ
สุดท้ายนี้.. กระทู้นี้เป็นรีวิวที่เขียนออกมาจากความรู้สึกนึกคิดและความรู้อันน้อยนิดของตัวเราเองค่ะ อาจทำให้ใครไม่พอใจได้ ดังนั้นหากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ
[CR] "บุญผ่อง" ละครน้ำดีที่เรียบง่าย แต่ประทับใจ
(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
เราชอบการดำเนินเรื่องของละครเรื่องนี้นะคะ ถึงใครจะบอกว่ามันเนิบนาบเชื่องช้า แต่เราว่ามันเป็น ความเรียบง่าย ค่อยเป็นค่อยไป ที่ค่อยๆกัดกินใจของผู้ชม ค่ะ การดำเนินเรื่องตามลำดับเวลา การค่อยๆปูเรื่อง ค่อยๆให้เราทำความรู้จักกับตัวละครจากด้านหนึ่งสู่ด้านหนึ่ง ทำให้คนดูอย่างเราเกิดความรู้สึกรักและประทับใจในตัวละครทุกตัว ที่ต่างมีข้อดีข้อเสีย มีมุมมืดและมุมสว่างแตกต่างกันออกไป ความเคร่งครัดในหน้าที่ของมิโยชิ ความดุดันสมกับเป็นชาติชายนายทหาร ความจริงจังเจ้าระเบียบตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่น จึงกลายเป็นด้านที่ทำให้คนนอกหวาดเกรงและพูดกันไปต่างๆนาๆ แต่เมื่อได้เข้าไปสัมผัสก้นเบื้องของจิตใจอันแท้จริงของเขา เราก็จะพบกับความอ่อนโยน ความรักครอบครัว ความคิดถึงลูก และจิตใจที่ไม่เห็นด้วยกับสงคราม แต่เขาเองก็เหมือนกันกับคนอื่นๆ คือไม่มีสิทธิ์เลือก..
แต่ตัวละครที่เราชอบที่สุดกลับเป็นตัวละครที่แสดงโดยแม่แดง ฉันทนาค่ะ (ไม่ทราบจริงๆว่าชื่ออะไร จำไม่ได้) ตอนแรกที่เราเห็นแม่แดง คือฉากที่รำเพยผู้เป็นหลานสาวของแม่แดงพูดถึงเพื่อนคนพิเศษ แล้วแม่แดงรู้ว่าเป็นหนึ่งในเชลยหนุ่มตาน้ำข้าว ตอนนั้นเราเผลอคิดไปว่าโดนด่าแน่.. ใครจะไปยอมให้หลานตัวเองไปชอบพอกับเชลยที่ไม่รู้อนาคตจริงมั้ยล่ะคะ? แต่แม่แดงกลับบอกว่าไม่เป็นไร จะเชลยหรือทหารต่างก็เป็นคนเช่นเดียวกันกับเรา วันนี้เค้าแพ้ พรุ่งนี้เค้าอาจชนะก็ได้ ผิดคาดของเราไปมากค่ะ ประทับใจมากตอนที่ได้ยิน นี่สิจิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมของมนุษย์โดยแท้จริง
ความคิดเห็นส่วนตัวของเรานั้น.. การบังคับขู่เข็ญเชลยให้ทำงานหนักจนกระทบไปถึงสุขภาพ การลงโทษหรือฆ่าเชลยที่เป็นตัวถ่วงการทำงาน การกักตุนยารักษาโรคเพื่อพวกพ้องของตนเอง อาจดูเป็นเรื่องเลวร้าย ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมเมื่ออยู่ในสายตาของนักมนุษยธรรมหรือนักบวชทั้งหลาย แต่หากใช้สายตาเดียวกันกับนายทหารที่ต้องสละชีวิตเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินของตน ซึ่งเป็นเหมือนกันทุกชาติทุกเผ่าไม่มีความต่าง การจัดการเนื้อร้ายที่อาจส่งผลกระทบถึงการชนะหรือแพ้สงคราม ซึ่งหมายถึงชีวิตของตนเอง เอกราชของประเทศชาติ ความเป็นอยู่ของครอบครัวที่คอยอยู่ที่บ้าน คุณจะรู้สึกเข้าอกเข้าใจในการกระทำเหล่านั้นได้ไม่ยาก.. จริงๆนะคะ..
ดังนั้นเมื่อถามว่าดูแล้วรู้สึกอย่างไร? เราบอกได้เลยว่าเราเฉยๆค่ะ เพราะเราเข้าใจหรืออย่างน้อยก็เรียกได้ว่าพยายามทำความเข้าใจในทุกๆฝ่าย ใจเราจึงทั้งสงสารเชลยที่ต้องลำบากตรากตรำ และเข้าใจความรู้สึกฝืนใจและขัดแย้งในตัวเองของฝ่ายทหาร ไม่ว่าจะฝ่ายอักษะหรือฝ่ายสัมพันธมิตรต่างก็เหมือนๆกัน บ้างเป็นผู้กระทำ บ้างถูกกระทำ ต่างกรรม ต่างวาระกันไป ไม่ว่าในอดีตใครจะเป็นฝ่ายฆ่าใคร ใครจะเคยกดขี่ข่มเหงใคร เราเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำหรืออยากให้เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ทุกล้วนทำเพื่อประเทศชาติ และทำตามภาระหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมาย ฉะนั้น.. การวางตัวเฉย อย่าปล่อยใจให้ไหลไปตามน้ำ จึงเป็นแนวทางที่เราใช้ในการรับสารและข้อมูลทางประวัติศาสตร์เสมอมาค่ะ หลายคนบอกว่าทำไมเราเลือดเย็นไม่มีหัวใจเลย ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ? ถามว่าเรารู้มั้ยว่ากองทัพจักรพรรดิทำอะไรไว้กับใครบ้าง? เรารู้ค่ะ.. แต่เราถือคติว่า ถ้าคิดจะศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ก็จงศึกษาเรื่องราวเหล่านั้นอย่างเป็นกลาง และปล่อยให้มันเป็นครูของอนาคต ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการปลูกฝังความเกลียดชังให้กันและกันอย่างไม่สิ้นสุดดีๆนี่เอง
ต้องยอมรับค่ะว่าบทเขียนดีในระดับนึงเลยนะคะ โดยเฉพาะการสอดแทรกแนวคิดที่เป็นกลาง ไม่กล่าวโทษหรือเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างสุดโต่ง ตัวละครมีความเข้าใจสภาพความเป็นไปที่แท้จริงของสงคราม อาจเห็นแก่ตัวกันบ้างไม่มากก็น้อยตามความเป็นมนุษย์โดยทั่วไป เพื่อนสาวของรำเพยอาจทำให้เราหงุดหงิดไปบ้าง แต่คนแบบนี้ก็มีอยู่จริงทุกยุคทุกสมัย คนดีที่มีความคิดอย่างคุณบุญผ่องก็มีอยู่ทุกยุคเช่นกัน ความเป็นสีเทาของตัวละครซึ่งเหมือนกับคนเดินดินธรรมดาจริงๆ ทำให้เราไม่รู้สึกว่ากำลังดูละครแนวฮีโร่จ๋าหรืออะไรทำนองนั้นเลย
ในส่วนของโปรดัคชัน เราชอบในความคมชัดของภาพที่สมกับความละเอียดแบบ HD มุมกล้องที่สวยและมีความเป็นสากล หน้าชัดหลังเบลออย่างชัดเจน ฉากและสถานที่ที่มีความสมจริง จึงทำให้คนดูอย่างเรา รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้น และรับรู้มันด้วยตัวของเราเองเลยทีเดียว แต่ขอติเรื่องการจัดแสงของภาพหน่อยค่ะ คือมันค่อนข้างจะเข้มไปซักนิด และโดดไปบ้างเป็นบางช่วง เท่าที่พอจำได้ก็มีอยู่ฉากนึง กล้องฉายภาพแบบ bird's-eye view ให้เห็นตอนที่รถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณค่าย ซึ่งตอนนั้นภาพเข้มและมืดมาก เหมือนเป็นท้องฟ้าหลังฝนตกหรือพระอาทิตย์กำลังจะตกยังไงยังงั้น ซึ่งเราดูแล้วไม่น่าใช่ปัญหาทางเทคนิคแน่ แต่คงเป็นช่วงเวลาของการถ่ายทำมากกว่า แต่พอตัดฉากเข้ามาในบริเวณค่าย ภาพกลับสว่างจ้าสมกับเป็นตอนกลางวันที่แสงแดดแผดเผาจนผิวกายไหม้เกรียม ซึ่งอยากให้ทีมงานระวังในจุดนี้ให้มากขึ้นในงานเรื่องหน้านะคะ
เรื่องภาษาญี่ปุ่นในเรื่องฟังรื่นหูดีค่ะ อาจเพราะได้นักแสดงชาวญี่ปุ่นมารับบทเป็นทหารคนสำคัญหลายต่อหลายคนก็เป็นได้ นักแสดงประกอบพูดญี่ปุ่นได้ไม่เลวเลยนะคะ พูดได้ใกล้เคียงเลยล่ะเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆที่เคยดูมา แอคติ้งก็ดีค่ะโดยเฉพาะคุณฮิโระ เป็นนายทหารญี่ปุ่นที่พูดไทยไม่ชัดได้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก จนเราเผลอคิดว่านี่มันโกโบริดีๆนี่เอง! โกโบริต้องแบบนี้สิ อะไรแบบนี้เลยค่ะ จุดนี้ต้องขอชื่นชมฮั้งมโนก้าที่แคสติ้งตัวละครมาได้ดี มีฝีมือ และเหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับเป็นอย่างยิ่ง แต่... คุณบุญผ่องเจมส์ เวลาพูดนี่พยายามให้ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูโบราณไปซักนิดนะคะ ฟังดูแล้วมันไม่ค่อยรื่นหูเลยอ่ะค่ะ เหมือนเค้าพยายามพูดให้เสียงต่ำและหนักแน่นเกินไป จนไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ส่วนคุณนุสบา... เราต้องขอโทษแฟนคลับเธอล่วงหน้าด้วยนะคะ แต่เราอยากบอกว่าเธอเล่นแข็งอ่ะ ตอนสื่ออารมณ์ก็ทำได้ดี แต่พอตอนพูดเท่านั้นแหละ ดูดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเลย ส่วนน้องพลอยหรือปะนิจัง น่ารักค่ะ.. สดใสสมวัย สะอาดบริสุทธิ์ สมเป็นผ้าขาวที่ทำให้มิโยชิคิดถึงลูก น่ารักค่ะ น้องน่ารักจริงๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นก็คือความละเมียดละไมได้สาระของเรื่องค่ะ ไม่ว่าจะนำเสนออะไรให้แก่ผู้ชม ThaiPBS ก็จะมีสกู๊ปและข้อมูลทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังสอดแทรกอยู่ในช่วงต่างๆให้ผู้ชมเสมอ ประวัติคุณบุญผ่องเอย ข้อมูลของเกี่ยวกับสงครามเอย หรือกระทั่งการเตรียมความพร้อมของคุณฮิโระ การทำเพลงประกอบละครเอย เราเห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดของทางช่องและทางฮั้งมโนก้าค่ะ สัมผัสได้ถึงความเป็นมืออาชีพและคุณภาพในระดับสากล เราว่าเรื่องนี้ภาพรวมดีค่ะ คุณภาพดี ส่งไปฉายต่างประเทศได้ไม่อายใครจริงๆค่ะ
สุดท้ายนี้.. กระทู้นี้เป็นรีวิวที่เขียนออกมาจากความรู้สึกนึกคิดและความรู้อันน้อยนิดของตัวเราเองค่ะ อาจทำให้ใครไม่พอใจได้ ดังนั้นหากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ