ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ใกล้ถึงวันทหารผ่านศึกแล้ว วันนี้มาทำความรู้จักกับพ่อลูกที่เป็นตำนานในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกันค่ะ
ตัวลูกสาวนั้น คนไทยเองแทบไม่ค่อยรู้จัก แต่เธอได้รับการยกย่องจากทั่วโลก
"ผณี ศุภวัฒน์ (นามสกุลเดิม สิริเวชชะพันธ์)"
ผณี วีรสตรีไทย โลกไม่ลืม
ผณี เป็นบุตรสาวของ พันโทบุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์ ผู้ได้รับยกย่องจากนานาชาติว่าเป็น
"
วีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2" หรือ "
วีรบุรุษสิงห์โตเงียบ"
เพราะเป็นผู้มีส่วนช่วยเหลือเชลยสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
บุญผ่องเป็นอดีตนักธุรกิจและนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี
อดีตนักธุรกิจกิจการรถเมล์บุญผ่อง รถเมล์เอกชนวิ่งรับผู้โดยสารในกรุงเทพมหานคร
คุณบุญผ่อง มีบ้านอยู่ที่ตึกแถวถนนเลียบริมน้ำ มีชื่อร้านว่า “Boonpong and Brothers” (บุญผ่อง แอนด์ บราเดอร์)
ขณะเกิดสงครามคุณบุญผ่องดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี และได้ติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่นโดยตรง
โดยญี่ปุ่นจะนำหัวหน้าค่ายเชลยมารับสินค้าที่สั่งไว้ทุกวัน
บางครั้งคุณบุญผ่องก็บริการส่งถึงค่าย ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำและทางบก คุณบุญผ่องทำการค้าผูกขาดกับญี่ปุ่นก็จริง
แต่เขารู้สึกสงสารพวกเชลยมากที่ต้องลำบาก ทนทุกข์ทรมานในการถูกบังคับให้มาสร้างทางรถไฟ
และจากการที่ได้พูดคุยกับเชลยบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความสนิทสนมกัน และรับรู้ถึงความทุกข์ยากของเชลย
ด้วยมนุษยธรรมจึงได้แอบให้ความช่วยเหลือเชลยศึก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงตายมากๆ
เพราะญี่ปุ่นประกาศว่า "
ใครที่ช่วยเชลย เท่ากับประกาศเป็นศัตรูกับญี่ปุ่น"
คุณบุญผ่องเลยร่วมมือกับแพทย์เชลยในค่ายชื่อคุณหมอดันล็อป แอบซ่อนยาเข้าไปในเสบียงต่างๆ อย่างมิดชิด
อย่างกับในหนังแน่ะค่ะ เช่น
ปอกก้านส้มโอเพื่อสอดยาบ้าง ซ่อนไว้ที่ตาข่ายเข่งสานบ้าง
ใส่ถุงมัดยางไว้ในแก้วแล้วเทโอเลี้ยงใส่ลงไปบ้าง
โดยให้คุณผณี ลูกสาวตัวน้อยๆ อายุเพียง 14 ปีเป็นนกต่อ
ด้วยความเป็นเด็กน่ารัก ทหารญี่ปุ่นจึงเอ็นดูเธอ ไม่ค่อยจะตรวจตราเธอเท่าไหร่นัก
และด้วยความฉลาดหัวไว เธอจึงเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้ไวมาก
บางครั้งเธอก็หันเหความสนใจทหารญี่ปุ่นด้วยการร้องเพลงญี่ปุ่น
เหล่าทหารก็เคลิ้มหยุดฟังด้วยความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน
(ภาพจากละคร)
ทหารญี่ปุ่นเริ่มคุ้นชินกับเธอ เธอจึงเข้าออกค่ายเชลยเป็นว่าเล่น
โดยไม่รู้ว่า…รอบตะเข็บผ้าถุงของเธอนี่เต็มไปด้วยยารักษาเชลยทั้งนั้น
พวกเขารู้ดีว่า ถ้าทหารญี่ปุ่นจับได้เมื่อไหร่วาระสุดท้ายของพวกเขาจะมาถึงเมื่อนั้น
แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะช่วยเหลือเชลยจนวินาทีสุดท้ายของสงคราม
คุณผณี เธอบอกว่า
ถ้าเธอเดินช้าไปนิดนึง เชลยจะตายไปคนนึงเลย ต้องรีบเดิน เพื่อจะเอายาไปให้เค้าให้ไวที่สุด
หลังสงครามจบ คุณบุญผ่องถูกลอบยิง 1 ครั้ง แต่ก็รอดมาได้
กองพันธ์ประเทศต่างๆ รีบส่งคนมาคุ้มกัน ไม่ให้ฮีโร่ของพวกเขาต้องเป็นอะไรไป
เงินมากมายที่ให้เชลยยืมไปใช้ก่อนหลายส่วนก็ไม่ได้คืน ทำเอาบริษัทของเขาเกือบล้มละลาย
รัฐบาลฝ่ายสัมพันธมิตรก็วิ่งโร่ช่วยส่งเงินส่งของมาให้เค้าหนุนกิจการ
พ.ศ. 2490 หลังจากกลับประเทศไปแล้ว หมอเวียรี่ ดันล็อป
ได้จัดตั้งกองทุน Weary Dunlop-Boon Pong Exchange Fellowship เพื่อมอบทุนการศึกษาให้แพทย์ไทย
ได้มีโอกาสศึกษาการแพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆ ที่โรงพยาบาลแพทย์ในออสเตรเลีย
เพื่อเป็นเครื่องระลึกความดีและความซื่อตรงของคุณบุญผ่อง
และในปีพ.ศ. 2515 คุณบุญผ่อง ได้รับการเชิดชูเกียรติจากการได้รับพระราชทานยศพันโทแห่งกองทัพอังกฤษ
ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 รัฐบาลออสเตรเลีย
และได้รับยกย่องให้เป็นวีรบุรุษสงครามทางรถไฟสายมรณะ คุณบุญผ่อง ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2525
คุณยายผณีเองก็ได้จากไปแล้ว แต่ความกล้าหาญและมนุษยธรรมที่เธอมี ไม่มีวันเลือนหาย
ความหมายที่แท้จริงของการให้
https://youtu.be/amHKE3bgaFo
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
https://www.foofoo.me/unsungheroine/
http://libsis.lib.su.ac.th/snclibblog/?p=39267
https://ppantip.com/topic/30362987
พี่ส้ม ที่แนะนำให้รู้จักกับเรื่องนี้ค่ะ
....................................................................
สองมือที่ดูนุ่มนวลอ่อนโยน สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น
สองมือที่ดังไม่มีความสำคัญ คือสองมือที่ทำให้โลกหมุนไป
แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย
ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ จะทุกข์ทนเดียวดาย ไม่มีความสำคัญ
บันดาลโลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพาให้เป็นไปตามต้องการ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปรไปด้วยมือเธอเสกสรร ดังถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา
ถึงชายได้กวัดแกว่ง แผลงจากอาสน์ ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า
อันมือไกวเปลโซร้ แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล
คือหัตถาครองพิภพ ...ศรัณย่า
https://www.youtube.com/watch?v=Le48s8bPzjw
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 1/2/2018 (บุญผ่อง-ผณี พ่อลูกวีรบุรุษสงครามโลก)
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ใกล้ถึงวันทหารผ่านศึกแล้ว วันนี้มาทำความรู้จักกับพ่อลูกที่เป็นตำนานในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกันค่ะ
ตัวลูกสาวนั้น คนไทยเองแทบไม่ค่อยรู้จัก แต่เธอได้รับการยกย่องจากทั่วโลก
"ผณี ศุภวัฒน์ (นามสกุลเดิม สิริเวชชะพันธ์)"
ผณี วีรสตรีไทย โลกไม่ลืม
ผณี เป็นบุตรสาวของ พันโทบุญผ่อง สิริเวชชะพันธ์ ผู้ได้รับยกย่องจากนานาชาติว่าเป็น
"วีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2" หรือ "วีรบุรุษสิงห์โตเงียบ"
เพราะเป็นผู้มีส่วนช่วยเหลือเชลยสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
บุญผ่องเป็นอดีตนักธุรกิจและนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี
อดีตนักธุรกิจกิจการรถเมล์บุญผ่อง รถเมล์เอกชนวิ่งรับผู้โดยสารในกรุงเทพมหานคร
คุณบุญผ่อง มีบ้านอยู่ที่ตึกแถวถนนเลียบริมน้ำ มีชื่อร้านว่า “Boonpong and Brothers” (บุญผ่อง แอนด์ บราเดอร์)
ขณะเกิดสงครามคุณบุญผ่องดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี และได้ติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่นโดยตรง
โดยญี่ปุ่นจะนำหัวหน้าค่ายเชลยมารับสินค้าที่สั่งไว้ทุกวัน
บางครั้งคุณบุญผ่องก็บริการส่งถึงค่าย ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำและทางบก คุณบุญผ่องทำการค้าผูกขาดกับญี่ปุ่นก็จริง
แต่เขารู้สึกสงสารพวกเชลยมากที่ต้องลำบาก ทนทุกข์ทรมานในการถูกบังคับให้มาสร้างทางรถไฟ
และจากการที่ได้พูดคุยกับเชลยบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความสนิทสนมกัน และรับรู้ถึงความทุกข์ยากของเชลย
ด้วยมนุษยธรรมจึงได้แอบให้ความช่วยเหลือเชลยศึก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงตายมากๆ
เพราะญี่ปุ่นประกาศว่า "ใครที่ช่วยเชลย เท่ากับประกาศเป็นศัตรูกับญี่ปุ่น"
คุณบุญผ่องเลยร่วมมือกับแพทย์เชลยในค่ายชื่อคุณหมอดันล็อป แอบซ่อนยาเข้าไปในเสบียงต่างๆ อย่างมิดชิด
อย่างกับในหนังแน่ะค่ะ เช่น ปอกก้านส้มโอเพื่อสอดยาบ้าง ซ่อนไว้ที่ตาข่ายเข่งสานบ้าง
ใส่ถุงมัดยางไว้ในแก้วแล้วเทโอเลี้ยงใส่ลงไปบ้าง
โดยให้คุณผณี ลูกสาวตัวน้อยๆ อายุเพียง 14 ปีเป็นนกต่อ
ด้วยความเป็นเด็กน่ารัก ทหารญี่ปุ่นจึงเอ็นดูเธอ ไม่ค่อยจะตรวจตราเธอเท่าไหร่นัก
และด้วยความฉลาดหัวไว เธอจึงเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้ไวมาก
บางครั้งเธอก็หันเหความสนใจทหารญี่ปุ่นด้วยการร้องเพลงญี่ปุ่น
เหล่าทหารก็เคลิ้มหยุดฟังด้วยความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน
(ภาพจากละคร)
ทหารญี่ปุ่นเริ่มคุ้นชินกับเธอ เธอจึงเข้าออกค่ายเชลยเป็นว่าเล่น
โดยไม่รู้ว่า…รอบตะเข็บผ้าถุงของเธอนี่เต็มไปด้วยยารักษาเชลยทั้งนั้น
พวกเขารู้ดีว่า ถ้าทหารญี่ปุ่นจับได้เมื่อไหร่วาระสุดท้ายของพวกเขาจะมาถึงเมื่อนั้น
แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะช่วยเหลือเชลยจนวินาทีสุดท้ายของสงคราม
คุณผณี เธอบอกว่า ถ้าเธอเดินช้าไปนิดนึง เชลยจะตายไปคนนึงเลย ต้องรีบเดิน เพื่อจะเอายาไปให้เค้าให้ไวที่สุด
หลังสงครามจบ คุณบุญผ่องถูกลอบยิง 1 ครั้ง แต่ก็รอดมาได้
กองพันธ์ประเทศต่างๆ รีบส่งคนมาคุ้มกัน ไม่ให้ฮีโร่ของพวกเขาต้องเป็นอะไรไป
เงินมากมายที่ให้เชลยยืมไปใช้ก่อนหลายส่วนก็ไม่ได้คืน ทำเอาบริษัทของเขาเกือบล้มละลาย
รัฐบาลฝ่ายสัมพันธมิตรก็วิ่งโร่ช่วยส่งเงินส่งของมาให้เค้าหนุนกิจการ
พ.ศ. 2490 หลังจากกลับประเทศไปแล้ว หมอเวียรี่ ดันล็อป
ได้จัดตั้งกองทุน Weary Dunlop-Boon Pong Exchange Fellowship เพื่อมอบทุนการศึกษาให้แพทย์ไทย
ได้มีโอกาสศึกษาการแพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆ ที่โรงพยาบาลแพทย์ในออสเตรเลีย
เพื่อเป็นเครื่องระลึกความดีและความซื่อตรงของคุณบุญผ่อง
และในปีพ.ศ. 2515 คุณบุญผ่อง ได้รับการเชิดชูเกียรติจากการได้รับพระราชทานยศพันโทแห่งกองทัพอังกฤษ
ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 รัฐบาลออสเตรเลีย
และได้รับยกย่องให้เป็นวีรบุรุษสงครามทางรถไฟสายมรณะ คุณบุญผ่อง ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2525
คุณยายผณีเองก็ได้จากไปแล้ว แต่ความกล้าหาญและมนุษยธรรมที่เธอมี ไม่มีวันเลือนหาย
ความหมายที่แท้จริงของการให้
https://youtu.be/amHKE3bgaFo
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
https://www.foofoo.me/unsungheroine/
http://libsis.lib.su.ac.th/snclibblog/?p=39267
https://ppantip.com/topic/30362987
พี่ส้ม ที่แนะนำให้รู้จักกับเรื่องนี้ค่ะ
....................................................................
สองมือที่ดูนุ่มนวลอ่อนโยน สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น
สองมือที่ดังไม่มีความสำคัญ คือสองมือที่ทำให้โลกหมุนไป
แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย
ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ จะทุกข์ทนเดียวดาย ไม่มีความสำคัญ
บันดาลโลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพาให้เป็นไปตามต้องการ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปรไปด้วยมือเธอเสกสรร ดังถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา
ถึงชายได้กวัดแกว่ง แผลงจากอาสน์ ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า
อันมือไกวเปลโซร้ แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล
คือหัตถาครองพิภพ ...ศรัณย่า
https://www.youtube.com/watch?v=Le48s8bPzjw