ฝรั่งกลุ่มหนึ่งซื้อเงินบาทเยอะทำให้เงินบาทแพงขึ้น ฝรั่งเอาเงินบาทไปซื้อหุ้นทำให้หุ้นแพงขึ้น
ฝรั่งกลุ่มต่อไปเห็นแนวโน้มเงินบาทกำลังแพงขึ้น ก็เลยทำเหมือนฝรั่งกลุ่มแรก
ฝรั่งกลุ่มต่อๆไป ก็จะทำเหมือนกัน พอไม่มีเงินก็ไปกู้มา ถ้ากู้ญี่ปุ่นก็ 2%
ฝรั่งบางกลุ่มอาจจะหากู้ได้ต้นทุนต่ำกว่านี้ เอาเข้ามาในไทย ถ้าค่าเงินเท่าเดิม ก็กำไรส่วนต่างดอกเบี้ยเกือบ 1%
แต่ตอนนี้แนวโน้มมันเป็นแบบว่า ค่าเงินแพงขึ้น หุ้นกำลังขึ้น กู้เงินมาลงหุ้นไทย มีแนวโน้มว่าจะได้กำไรจากหุ้นและค่าเงิน

ทำให้เงินบาทแพงขึ้นอย่างมาก พอเงินบาทแพงขึ้นอย่างมาก ธุรกิจส่งออกซึ่งถือว่าเป็นผู้หารายได้เข้าประเทศก็ลำบาก
ของขายราคาเป็นดอลเท่าเดิม แต่ว่าแลกกลับมาแล้วได้เงินบาทน้อยลง 5-10%
ปกติกิจการบริษัทก็กำไรกันแค่ 3-20% อยู่แล้วนะครับ เจอแบบนี้ก็อยู่ไม่ได้

รัฐบาล กับ แบงค์ชาติ(ทุกชาตินั่นแหละ) ก็ต้องหาวิธีจัดการให้ค่าเงินอ่อนลง
ตัวเลือกของประเทศไทยในคราวนี้คือ แบงค์ชาติเป็นผู้ดำเนินการ ลดดอกเบี้ยนโยบายลง

พอดอกเบี้ยนโยบายลดลง ก็หมายความว่า กู้เงินมาฝากเริ่มกำไรน้อยลง
จากที่เคยกำไร 1% เหลือแค่ 0.75% เท่ากับว่ารายได้หายไป 25%
บวกกับความเสี่ยงว่าค่าเงินบาทจะถูกลง ทำให้ฝรั่งรู้ว่าต้องรีบเอาเงินออก
ยิ่งช้า ค่าเงินยิ่งอ่อน กำไรแค่ 0.75% ค่าเงินบาทถูกลง 0.225 บาท ฝรั่งก็ขาดทุนแล้วครับ
ดังนั้น ลุกก่อนได้เปรียบแน่นอน

ฝรั่งไม่เหมือนคนไทย ฝรั่งไม่ได้มีประเทศไทยเป็นบ้าน
ฝรั่งหอบทุนไปได้ทั่วโลก ส่งออกไทยแย่ เศรษฐกิจไทยเน่า ฝรั่งก็ไม่ลำบากด้วย

ฝรั่งจะซื้อเงินบาทก็ต่อเมื่อ มองว่าแนวโน้มมันจะแพงขึ้น ไม่ใช่ซื้อตอนบาทถูกแล้วไม่รู้จะปล่อยตอนไหนดี
ฝรั่งจะซื้อหุ้นไทยก็ต่อเมื่อ มองว่าแนวโน้มมันจะแพงขึ้น ไม่ใช่ซื้อตอนหุ้นถูกแล้วไม่รู้จะปล่อยตอนไหนดี
ดังนั้น ตอนนี้แนวโน้มบาทแพงจบลงแล้ว
แต่ บาทจะอ่อนลงถึงแค่ไหนยังไม่รู้

สัญญาณแรงๆจากแบงค์ชาติเมื่อ 2 วันก่อนว่าจะคุมค่าเงินให้อยู่แถวๆ 30 บาท
ฝรั่งก็รอดู
พอเมื่อวานทะลุ 31 ฝรั่งก็ต้องรีบลุกก่อนแหละครับ เพราะแสดงให้เห็นว่าแบงค์ชาติอาจจะคุมไม่อยู่