อยู่ในวงการมา 9 ปี เล่นละครมาแล้วก็หลายเรื่อง
“แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” เพิ่งจะมาดังอีหลีอีหลอเป็นพลุแตกเมื่อสวมบทสาวบ้านป่าชื่อ “อีสร้อย” หรือ “สร้อยฟ้า” เจ้านางแห่งเวียงภูคำ ในละครฮิต “คุณชายรัชชานนท์” ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของละครชุด “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ”
บทนี้ไม่เพียงทโมนแก่นแก้วกว่าเรื่องไหนๆ แต่ดาราสาววัย 24 ปี ยังต้องเว้าภาษาจ้อยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยลีลาสำเนียงขั้นเทพทำให้แต้วได้รับเสียงปรบมือไปทุกหย่อมหญ้า ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ คนจำนวนมากต้องเกาะติดหน้าจอเพื่อรอดู อีสร้อย แทนที่จะมาดู คุณชายรัชชานนท์ เธอมีอิทธิพลขนาดทำให้เด็กสยามยังหันมาเว้าอีสานในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว
ในละคร อีสร้อย และพลพรรคเว้าภาษาเวียงภูคำ ซึ่งมีส่วนคล้ายกับภาษาลาวและภาษาอีสานบ้านเฮา สาวแต้วผู้เกิดและโตในกรุงเทพฯ ได้รับเสียงชมดังกึกก้องว่าเว้าได้คืออีหลี เสมือนเจ้าของภาษา จะว่าไปแล้วบทนี้ก็เป็นบทหินสำหรับนักแสดง เพราะนอกจากต้องใส่ใจกับแอ็กติงแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับบทพูดอีกด้วย
กว่าแต้วจะทำได้อย่างที่เราเห็นในโทรทัศน์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “พอแต้วได้บทมาก็ส่งไปให้เพื่อนสนิทคุณแม่ซึ่งเป็นคนอีสาน พูดเป็นภาษาอีสานอัดเป็นไฟล์เสียงมาให้ แล้วแต้วก็ท่องตาม ตอนแรกฟังจับสำเนียงก่อน ทีละพยางค์ๆ คำไหนออกเสียงสูงต่ำยังไง ช่วงเปิดกล้องใหม่ๆ ฉากหนึ่งใช้เวลานานมาก บางคำเราพูดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ ก็นึกถึงภาษากลางแล้วใส่วรรณยุกต์ที่ถูกต้องเข้าไปแทน แต่ถ้าตอนไหนมีบทเพิ่มมาใหม่ส่งให้เพื่อนคุณแม่ไม่ทัน แต้วก็ให้เต้ย (พงศกร เมตตาริกานนท์) ที่เล่นเป็นบักจ่อยช่วยสอน น้องเป็นคนอำนาจเจริญก็ช่วยสอนตรงนั้นเลย เรื่องนี้เราต้องท่องบทหนักมากขึ้นกว่าปกติ ฟังบ่อยๆ เหมือนฟังเพลงเลย เมื่อก่อนเวลาพักกองนอนได้จะรีบนอนเก็บแรง แต่เรื่องนี้พักกองต้องฟังแล้วพูดตาม เราต้องทำการบ้านก่อนเข้าฉาก คือ ต้องทำให้ดีที่สุด เหมือนไม่เหมือนให้คนดูตัดสิน เพราะมีหลายองค์ประกอบ ถ้าให้เรื่องบทพูดมาทำให้เรากังวลเรื่องอื่นยิ่งเสียไปใหญ่”
ตัวช่วยของแต้วอีกอย่างหนึ่งคือ การทำเวิร์กช็อป อ่านบทก่อนถ่ายทำและการใช้เวลาซ้อมเยอะๆ “โชคดีได้เตรียมตัวก่อนจะถ่าย วันที่อ่านบท แต้วพูดไม่ได้เลย คิดว่าจะรอดไหมเนี่ย จากการที่ได้ลองก่อน ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเราพูดไม่ได้ ทำให้การแสดงไม่โอเค ก็ต้องหาเวลาฝึก ที่ผ่านมา แต้วโชคดีที่ส่วนใหญ่จะเจอละครที่มีการเวิร์กช็อปก่อน เพราะว่ามันทำให้เราได้รู้จักเพื่อนร่วมงาน ทำให้ได้ตีความบทก่อนว่าผู้กำกับต้องการยังไง เราเข้าใจตรงกันไหม บางจุดเราขาดจะได้เติม บางจุดเราเห็นต่างออกไปก็คุยกันได้ พอถึงวันทำงานจริงๆ ง่ายกว่ามาเจอกันแล้วถ่ายเลยค่ะ
สำหรับการทำงานละคร คนเล่าเรื่องคือ ผู้กำกับ คนถ่ายทอดคือ นักแสดง เราต้องทำให้เข้าใจตรงกันก่อน เพราะการที่เราจะแสดงออกมาได้ดีหรือไม่ มันอยู่ที่ความเข้าใจในการแสดง ตอนเข้าวงการใหม่ๆ แต้วไม่กล้าถาม แต่จะมีคนไกด์ให้ เราเหมือนนักเรียนที่ฝึกหัด แต่ถึง ณ จุดหนึ่ง เราพอมีความเข้าใจ เราสงสัยเราก็ยกมือถามได้ เสนอความคิดเห็นได้ เพราะบางทีคนจะเก็ตก็เก็ตในจุดที่แตกต่างกัน”
เมื่อละครออกอากาศ บรรดาคอละครที่ได้เจอหน้าแต้วต่างก็ทักว่า อีสร้อยๆ ทั้งยังขอให้เว้าลาวให้ฟังอีก แต้วก็ออกตัวว่า “แต้วพูดไม่ค่อยได้ค่ะ เหมือนเราเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าไม่ได้เรียนไม่ได้ใช้บ่อยๆ ก็ลืม ที่แต้วแสดง แต้วท่องเป็นฉากๆ ถ้าให้พูดตอนนี้ก็คงพูดได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นประโยคยาวๆ คงไม่ได้ คำๆ พอจำได้บ้าง ... ข้อยบ่ฮู้ ไปไส”
เล่นละครปลอมตัวเป็นผู้ชายก็เคยมาแล้ว คุณหนูลูกเศรษฐีแต่งสวยเช้งกระเด๊ะก็ได้ สวมบทนางเอกเจ้าน้ำตาโดนกดขี่ข่มเหงก็ผ่านมาฉลุย แต่บทอีสร้อยนับว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นแบบสุดโต่ง
“บทสร้อยสนุกดี แต่เว้นไปสักพักหนึ่งก็ได้ เพราะเรายังไม่เซียนถึงขั้นแสดงบทที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ต่างกันไปได้ ในมุมของแต้วมองว่า ถ้าเรารับบทที่ต่างกันไปเลย น่าจะง่ายกว่ารับบทที่ใกล้เคียงกัน เพราะเราไม่ต้องมาตีความให้ลึกว่าจะทำให้ต่างจากที่ผ่านมายังไง และการที่เราเล่นบทเดิมๆ คนก็จะติดภาพ พอไปเล่นบทอื่นคนก็อาจไม่อิน แต้วเชื่อว่าการเล่นบทที่แตกต่างกันออกไปมีโอกาสที่คนจะเชื่อมากกว่าเล่นบทเดิมๆ”
แต้ว มองว่า คาแรกเตอร์ของอีสร้อยเป็นตัวละครที่คนดูพร้อมจะรักอยู่แล้ว ส่งให้เธอพลอยโด่งดังตามไปด้วยไม่ยาก “จากที่อ่านในนวนิยาย ตัวละครตัวนี้ไม่ได้น่ารำคาญ เขามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ดูไม่มีอะไรแอบแฝง จริงใจ แต้วว่าตัวละครนี้จะอยู่ในสังคมไหน ชีวิตจริง หรือในละคร ทำให้คนยอมรับได้ง่าย คาแรกเตอร์ทำให้คนชอบได้ง่าย ตอนเล่นแต้วก็ไม่ได้แสดงความแก่นออกมามาก แต่เพราะเราต้องเอาตัวรอดอยู่ในป่า จึงต้องมีความคล่องแคล่วว่องไว ซึ่งจุดนี้เกิดจากการที่เราช่วยตีความกับผู้กำกับ สร้อยมีปมอยากช่วยพ่อปกป้องหมู่บ้าน การเป็นผู้หญิงก็เป็นอุปสรรค ท่าทางของเขาจึงทำออกมาพยายามเข้มแข็ง พยายามข่มทุกคน
อีสร้อยนี่ต่างจากตัวจริงของแต้วตรงความทะมัดทะแมง เพราะจริงๆ แล้วแต้วจะเรื่อยๆ ชิลชิล ชอบทำอะไรเนิบๆ ไม่ได้เป็นคนแอ็กทีฟ และแต้วจะเป็นคนคิดเยอะไม่ค่อยพูด สร้อยคิดแล้วพูดออกไปตรงๆ เลย แต่ที่เหมือนก็คือ ไม่มีฟอร์ม เราไม่มีมาด บทนี้ยากที่สุดของแต้ว เพราะมันด้วยความต่างด้วย ในเรื่องของกายภาพ ท่าทาง มันเลยเหมือนต้องสร้างความเชื่อเยอะๆ ว่าเราอยู่ในป่า ต้องกลับไปกู้ชาติ อินกับบทรักชาติมาก อย่างที่บอก เราศึกษาแบ็กกราวด์คนที่เกิดมาในแผ่นดิน มารู้ตอนโตว่าไม่ใช่แผ่นดินของเรา เป้าหมายของพ่อใหญ่คือ กลับแผ่นดิน มันอินจนแบบเราไม่ต้องสร้างความเชื่อเยอะแยะ แล้วด้วยพี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง-ผู้กำกับและรับบทบาทพ่อใหญ่) ส่งอารมณ์มาแบบสุดๆ เราไม่ต้องพยายามมากเลย มันอินเข้าไปในใจ”
ความสำเร็จของแต้วกับละครเรื่อง คุณชายรัชชานนท์ ต้องยกเครดิตส่วนหนึ่งให้กับ พงษ์พัฒน์ ซึ่งดาราสาวเคยร่วมงานมาหลายครั้งกับละคร เพลิงทระนง และที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ เวียงร้อยดาว เธอนับว่าเขาเป็นครูใหญ่สอนการแสดงและการใช้ชีวิต
“พี่อ๊อฟเป็นผู้กำกับที่เข้าใจนักแสดง มีหลักจิตวิทยา คนแบบนี้ต้องดีลยังไง นอกจากสอนเรื่องการแสดงแล้ว เรื่องการใช้ชีวิตก็ยังสอน แต่พี่อ๊อฟไม่สอนแบบมานั่งบอก แต่เหมือนเล่านิทานให้เด็กฟัง มีวิธีการบอกที่สนุก และเรื่องคุณชายรัชชานนท์มีนักแสดงใหม่เยอะมาก พี่อ๊อฟก็จะบอกทุกคน รู้ว่าจะคุยแต่ละคนแบบไหนยังไง”
แต้วเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 มา 9 ปีแล้ว ถึงแม้จะมีนางเอกชั้นแนวหน้ามากมาย แถมยังมีรุ่นใหม่แจ้งเกิดอีกจำนวนมาก แต่แต้วก็ยังคงรั้งตำแหน่งนางเอกน้ำดีที่มีผลงานละครออกมาต่อเนื่อง ตอนนี้แต้วเพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 2) เธอจึงมีเวลาทุ่มให้กับงานละครอย่างเต็มที่แบบนันสต็อปตลอดอาทิตย์
“เมื่อก่อนรับละครปีละเรื่อง ให้คิวละครแค่วันหยุด แต่ตอนนี้มีถ่ายละคร 2 เรื่อง คือเรื่องรอยฝันตะวันเดือด และ เวียงร้อยดาว ก็ 7 วันเลย ทำงานเต็มที่ ตื่นตีสี่ตีห้าแล้วแต่กองนัด เลิกกองก็สี่ห้าทุ่ม ถึงบ้านอาบน้ำนอนก็ตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว แต้วว่านักแสดงทุกคนก็คงเป็นแบบนี้หมด ถ้ามีช่วงไหนในกองพักได้ก็พัก แต่พอรับ 2 เรื่อง เวลาพักแต้วต้องอ่านบท ยิ่งเราเป็นตัวหลักมีฉากเยอะ เราต้องพร้อมที่สุด อยู่บ้านก็ต้องอ่านบท เพราะ 2 เรื่องเราจะเอามาอ่านทีเดียวไม่ได้ ต้องอ่านก่อนถ่ายเรื่องนั้นๆ ตีความ ทำความเข้าใจไปก่อน ถ่ายรุ่งขึ้นอ่านซ้ำอีกที จะได้ลดเวลาที่เรามาทำความเข้าใจหน้ากอง”
หลายคนมักมองว่าวงการบันเทิงมีแต่คนสวยหล่อ ทำงานหาเงินได้มากและหาได้ง่ายๆ ซึ่งแต้วเองก่อนเข้าวงการก็ยอมรับว่าเคยมองเช่นนั้น แต่เมื่อมาอยู่และทำงานจนถึงทุกวันนี้ มุมมองก็เปลี่ยนไป
"เหมือนรู้สึกว่าเราโตขึ้น มองเห็นอะไร เรียนรู้อะไรเยอะขึ้น ไม่ได้คิดว่าฉาบฉวยเหมือนตอนแรก จะอยู่ได้เราต้องมีการพัฒนาตลอด ไม่มีคำว่าที่สุด เพราะมันเป็นอะไรที่ท้าทายอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเล่นเรื่องไหนก็นับหนึ่ง ไม่มีอะไรการันตีว่าเราทำอันนี้ดี พรุ่งนี้จะดีเสมอไป ต้องเริ่มใหม่ ก็เรียนรู้ชีวิต ชีวิตเรามีขึ้นมีลงตลอด ต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ แต้วเองทุกวันนี้ก็ยังต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด แต้วคิดว่าเรายังไม่ได้เป็นที่ยอมรับในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาท เราต้องพยายามต่อไป แต่แต้วไม่กดดันตัวเองมาก เราแค่ต้องคอยเรียนรู้ที่จะทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้
"อย่างในเรื่องคุณชายรัชชานนท์ แต้วก็ถูกมอบหมายหน้าที่ให้เป็นเจ๊ดันกลายๆ ให้กับพระเอกใหม่ “บอม-ธนิน มนูญศิลป์” ซึ่งแต้วก็ถ่อมตัวว่ายังไม่มีความสามารถถึงขึ้นนั้น “มีคนบอกตลอดว่าเราต้องเป็นเจ๊ดัน ทางผู้ใหญ่ไม่ได้บอกตรงๆ แต่ก็บอกให้ช่วยแนะนำ แต่แต้วไม่ได้รู้สึกว่าต้องดัน เพราะบทของเราก็หนักมาก คงไม่สามารถไปดันใครได้ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่มีใครดันใครได้ แต่ทุกคนต้องไปพร้อมกัน ทำให้ดี แต่ในฐานะที่เราเป็นนักแสดงมาก่อน แต้วจะให้กำลังใจ ไม่ให้เขารู้สึกกดดัน เพราะแต้วจำวันแรกของตัวเองได้ เราเคยรู้สึกอย่างไรมาก็จะมาแนะนำเขา ให้กำลังใจ เพราะทุกคนต้องการกำลังใจ ยิ่งนักแสดงใหม่มีหลายปัจจัยให้กังวลนู่นนี่ ถ้าเราช่วยตัดตรงนี้ได้ก็คงดี"
กับสายงานที่ได้เล่าเรียนมา แต้วบอกว่า ตอนนี้ขอพักไว้ก่อน “ช่วงจบใหม่ๆ แต้วได้ทำงานสถาปนิกอยู่ประมาณ 2 เดือน และยังถ่ายละครไปด้วย แต่พอถ่ายละครหนักขึ้น มันก็กลายเป็นเหมือนเราไม่ทุ่มเทกับงานที่ทำ ไม่อยากไปเป็นภาระคนอื่น ถึงเวลาที่เราต้องเลือก แต้วก็เลือกงานแสดง เพราะเป็นงานที่เราทำมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ แต้วยังสนุกและรักงานตรงนี้ด้วย ส่วนงานในอนาคตค่อยดูกันอีกทีค่ะ”
วันนี้ แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ สามารถผ่านบททดสอบเพื่อพิสูจน์การเป็นนักแสดงมืออาชีพของเธอได้อีกหนึ่งครั้ง ด้วยบทบาท “อีสร้อย”
http://www.posttoday.com/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/228741/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%9D%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B8%93%E0%B8%90%E0%B8%9E%E0%B8%A3
"อีสร้อย"บทพิสูจน์ฝีมือ"แต้ว-ณฐพร"
อยู่ในวงการมา 9 ปี เล่นละครมาแล้วก็หลายเรื่อง “แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” เพิ่งจะมาดังอีหลีอีหลอเป็นพลุแตกเมื่อสวมบทสาวบ้านป่าชื่อ “อีสร้อย” หรือ “สร้อยฟ้า” เจ้านางแห่งเวียงภูคำ ในละครฮิต “คุณชายรัชชานนท์” ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของละครชุด “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ”
บทนี้ไม่เพียงทโมนแก่นแก้วกว่าเรื่องไหนๆ แต่ดาราสาววัย 24 ปี ยังต้องเว้าภาษาจ้อยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยลีลาสำเนียงขั้นเทพทำให้แต้วได้รับเสียงปรบมือไปทุกหย่อมหญ้า ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ คนจำนวนมากต้องเกาะติดหน้าจอเพื่อรอดู อีสร้อย แทนที่จะมาดู คุณชายรัชชานนท์ เธอมีอิทธิพลขนาดทำให้เด็กสยามยังหันมาเว้าอีสานในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว
ในละคร อีสร้อย และพลพรรคเว้าภาษาเวียงภูคำ ซึ่งมีส่วนคล้ายกับภาษาลาวและภาษาอีสานบ้านเฮา สาวแต้วผู้เกิดและโตในกรุงเทพฯ ได้รับเสียงชมดังกึกก้องว่าเว้าได้คืออีหลี เสมือนเจ้าของภาษา จะว่าไปแล้วบทนี้ก็เป็นบทหินสำหรับนักแสดง เพราะนอกจากต้องใส่ใจกับแอ็กติงแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับบทพูดอีกด้วย
กว่าแต้วจะทำได้อย่างที่เราเห็นในโทรทัศน์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “พอแต้วได้บทมาก็ส่งไปให้เพื่อนสนิทคุณแม่ซึ่งเป็นคนอีสาน พูดเป็นภาษาอีสานอัดเป็นไฟล์เสียงมาให้ แล้วแต้วก็ท่องตาม ตอนแรกฟังจับสำเนียงก่อน ทีละพยางค์ๆ คำไหนออกเสียงสูงต่ำยังไง ช่วงเปิดกล้องใหม่ๆ ฉากหนึ่งใช้เวลานานมาก บางคำเราพูดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ ก็นึกถึงภาษากลางแล้วใส่วรรณยุกต์ที่ถูกต้องเข้าไปแทน แต่ถ้าตอนไหนมีบทเพิ่มมาใหม่ส่งให้เพื่อนคุณแม่ไม่ทัน แต้วก็ให้เต้ย (พงศกร เมตตาริกานนท์) ที่เล่นเป็นบักจ่อยช่วยสอน น้องเป็นคนอำนาจเจริญก็ช่วยสอนตรงนั้นเลย เรื่องนี้เราต้องท่องบทหนักมากขึ้นกว่าปกติ ฟังบ่อยๆ เหมือนฟังเพลงเลย เมื่อก่อนเวลาพักกองนอนได้จะรีบนอนเก็บแรง แต่เรื่องนี้พักกองต้องฟังแล้วพูดตาม เราต้องทำการบ้านก่อนเข้าฉาก คือ ต้องทำให้ดีที่สุด เหมือนไม่เหมือนให้คนดูตัดสิน เพราะมีหลายองค์ประกอบ ถ้าให้เรื่องบทพูดมาทำให้เรากังวลเรื่องอื่นยิ่งเสียไปใหญ่”
ตัวช่วยของแต้วอีกอย่างหนึ่งคือ การทำเวิร์กช็อป อ่านบทก่อนถ่ายทำและการใช้เวลาซ้อมเยอะๆ “โชคดีได้เตรียมตัวก่อนจะถ่าย วันที่อ่านบท แต้วพูดไม่ได้เลย คิดว่าจะรอดไหมเนี่ย จากการที่ได้ลองก่อน ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเราพูดไม่ได้ ทำให้การแสดงไม่โอเค ก็ต้องหาเวลาฝึก ที่ผ่านมา แต้วโชคดีที่ส่วนใหญ่จะเจอละครที่มีการเวิร์กช็อปก่อน เพราะว่ามันทำให้เราได้รู้จักเพื่อนร่วมงาน ทำให้ได้ตีความบทก่อนว่าผู้กำกับต้องการยังไง เราเข้าใจตรงกันไหม บางจุดเราขาดจะได้เติม บางจุดเราเห็นต่างออกไปก็คุยกันได้ พอถึงวันทำงานจริงๆ ง่ายกว่ามาเจอกันแล้วถ่ายเลยค่ะ
สำหรับการทำงานละคร คนเล่าเรื่องคือ ผู้กำกับ คนถ่ายทอดคือ นักแสดง เราต้องทำให้เข้าใจตรงกันก่อน เพราะการที่เราจะแสดงออกมาได้ดีหรือไม่ มันอยู่ที่ความเข้าใจในการแสดง ตอนเข้าวงการใหม่ๆ แต้วไม่กล้าถาม แต่จะมีคนไกด์ให้ เราเหมือนนักเรียนที่ฝึกหัด แต่ถึง ณ จุดหนึ่ง เราพอมีความเข้าใจ เราสงสัยเราก็ยกมือถามได้ เสนอความคิดเห็นได้ เพราะบางทีคนจะเก็ตก็เก็ตในจุดที่แตกต่างกัน”
เมื่อละครออกอากาศ บรรดาคอละครที่ได้เจอหน้าแต้วต่างก็ทักว่า อีสร้อยๆ ทั้งยังขอให้เว้าลาวให้ฟังอีก แต้วก็ออกตัวว่า “แต้วพูดไม่ค่อยได้ค่ะ เหมือนเราเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าไม่ได้เรียนไม่ได้ใช้บ่อยๆ ก็ลืม ที่แต้วแสดง แต้วท่องเป็นฉากๆ ถ้าให้พูดตอนนี้ก็คงพูดได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นประโยคยาวๆ คงไม่ได้ คำๆ พอจำได้บ้าง ... ข้อยบ่ฮู้ ไปไส”
เล่นละครปลอมตัวเป็นผู้ชายก็เคยมาแล้ว คุณหนูลูกเศรษฐีแต่งสวยเช้งกระเด๊ะก็ได้ สวมบทนางเอกเจ้าน้ำตาโดนกดขี่ข่มเหงก็ผ่านมาฉลุย แต่บทอีสร้อยนับว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นแบบสุดโต่ง
“บทสร้อยสนุกดี แต่เว้นไปสักพักหนึ่งก็ได้ เพราะเรายังไม่เซียนถึงขั้นแสดงบทที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ต่างกันไปได้ ในมุมของแต้วมองว่า ถ้าเรารับบทที่ต่างกันไปเลย น่าจะง่ายกว่ารับบทที่ใกล้เคียงกัน เพราะเราไม่ต้องมาตีความให้ลึกว่าจะทำให้ต่างจากที่ผ่านมายังไง และการที่เราเล่นบทเดิมๆ คนก็จะติดภาพ พอไปเล่นบทอื่นคนก็อาจไม่อิน แต้วเชื่อว่าการเล่นบทที่แตกต่างกันออกไปมีโอกาสที่คนจะเชื่อมากกว่าเล่นบทเดิมๆ”
แต้ว มองว่า คาแรกเตอร์ของอีสร้อยเป็นตัวละครที่คนดูพร้อมจะรักอยู่แล้ว ส่งให้เธอพลอยโด่งดังตามไปด้วยไม่ยาก “จากที่อ่านในนวนิยาย ตัวละครตัวนี้ไม่ได้น่ารำคาญ เขามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ดูไม่มีอะไรแอบแฝง จริงใจ แต้วว่าตัวละครนี้จะอยู่ในสังคมไหน ชีวิตจริง หรือในละคร ทำให้คนยอมรับได้ง่าย คาแรกเตอร์ทำให้คนชอบได้ง่าย ตอนเล่นแต้วก็ไม่ได้แสดงความแก่นออกมามาก แต่เพราะเราต้องเอาตัวรอดอยู่ในป่า จึงต้องมีความคล่องแคล่วว่องไว ซึ่งจุดนี้เกิดจากการที่เราช่วยตีความกับผู้กำกับ สร้อยมีปมอยากช่วยพ่อปกป้องหมู่บ้าน การเป็นผู้หญิงก็เป็นอุปสรรค ท่าทางของเขาจึงทำออกมาพยายามเข้มแข็ง พยายามข่มทุกคน
อีสร้อยนี่ต่างจากตัวจริงของแต้วตรงความทะมัดทะแมง เพราะจริงๆ แล้วแต้วจะเรื่อยๆ ชิลชิล ชอบทำอะไรเนิบๆ ไม่ได้เป็นคนแอ็กทีฟ และแต้วจะเป็นคนคิดเยอะไม่ค่อยพูด สร้อยคิดแล้วพูดออกไปตรงๆ เลย แต่ที่เหมือนก็คือ ไม่มีฟอร์ม เราไม่มีมาด บทนี้ยากที่สุดของแต้ว เพราะมันด้วยความต่างด้วย ในเรื่องของกายภาพ ท่าทาง มันเลยเหมือนต้องสร้างความเชื่อเยอะๆ ว่าเราอยู่ในป่า ต้องกลับไปกู้ชาติ อินกับบทรักชาติมาก อย่างที่บอก เราศึกษาแบ็กกราวด์คนที่เกิดมาในแผ่นดิน มารู้ตอนโตว่าไม่ใช่แผ่นดินของเรา เป้าหมายของพ่อใหญ่คือ กลับแผ่นดิน มันอินจนแบบเราไม่ต้องสร้างความเชื่อเยอะแยะ แล้วด้วยพี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง-ผู้กำกับและรับบทบาทพ่อใหญ่) ส่งอารมณ์มาแบบสุดๆ เราไม่ต้องพยายามมากเลย มันอินเข้าไปในใจ”
ความสำเร็จของแต้วกับละครเรื่อง คุณชายรัชชานนท์ ต้องยกเครดิตส่วนหนึ่งให้กับ พงษ์พัฒน์ ซึ่งดาราสาวเคยร่วมงานมาหลายครั้งกับละคร เพลิงทระนง และที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ เวียงร้อยดาว เธอนับว่าเขาเป็นครูใหญ่สอนการแสดงและการใช้ชีวิต
“พี่อ๊อฟเป็นผู้กำกับที่เข้าใจนักแสดง มีหลักจิตวิทยา คนแบบนี้ต้องดีลยังไง นอกจากสอนเรื่องการแสดงแล้ว เรื่องการใช้ชีวิตก็ยังสอน แต่พี่อ๊อฟไม่สอนแบบมานั่งบอก แต่เหมือนเล่านิทานให้เด็กฟัง มีวิธีการบอกที่สนุก และเรื่องคุณชายรัชชานนท์มีนักแสดงใหม่เยอะมาก พี่อ๊อฟก็จะบอกทุกคน รู้ว่าจะคุยแต่ละคนแบบไหนยังไง”
แต้วเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 มา 9 ปีแล้ว ถึงแม้จะมีนางเอกชั้นแนวหน้ามากมาย แถมยังมีรุ่นใหม่แจ้งเกิดอีกจำนวนมาก แต่แต้วก็ยังคงรั้งตำแหน่งนางเอกน้ำดีที่มีผลงานละครออกมาต่อเนื่อง ตอนนี้แต้วเพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 2) เธอจึงมีเวลาทุ่มให้กับงานละครอย่างเต็มที่แบบนันสต็อปตลอดอาทิตย์
“เมื่อก่อนรับละครปีละเรื่อง ให้คิวละครแค่วันหยุด แต่ตอนนี้มีถ่ายละคร 2 เรื่อง คือเรื่องรอยฝันตะวันเดือด และ เวียงร้อยดาว ก็ 7 วันเลย ทำงานเต็มที่ ตื่นตีสี่ตีห้าแล้วแต่กองนัด เลิกกองก็สี่ห้าทุ่ม ถึงบ้านอาบน้ำนอนก็ตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว แต้วว่านักแสดงทุกคนก็คงเป็นแบบนี้หมด ถ้ามีช่วงไหนในกองพักได้ก็พัก แต่พอรับ 2 เรื่อง เวลาพักแต้วต้องอ่านบท ยิ่งเราเป็นตัวหลักมีฉากเยอะ เราต้องพร้อมที่สุด อยู่บ้านก็ต้องอ่านบท เพราะ 2 เรื่องเราจะเอามาอ่านทีเดียวไม่ได้ ต้องอ่านก่อนถ่ายเรื่องนั้นๆ ตีความ ทำความเข้าใจไปก่อน ถ่ายรุ่งขึ้นอ่านซ้ำอีกที จะได้ลดเวลาที่เรามาทำความเข้าใจหน้ากอง”
หลายคนมักมองว่าวงการบันเทิงมีแต่คนสวยหล่อ ทำงานหาเงินได้มากและหาได้ง่ายๆ ซึ่งแต้วเองก่อนเข้าวงการก็ยอมรับว่าเคยมองเช่นนั้น แต่เมื่อมาอยู่และทำงานจนถึงทุกวันนี้ มุมมองก็เปลี่ยนไป
"เหมือนรู้สึกว่าเราโตขึ้น มองเห็นอะไร เรียนรู้อะไรเยอะขึ้น ไม่ได้คิดว่าฉาบฉวยเหมือนตอนแรก จะอยู่ได้เราต้องมีการพัฒนาตลอด ไม่มีคำว่าที่สุด เพราะมันเป็นอะไรที่ท้าทายอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเล่นเรื่องไหนก็นับหนึ่ง ไม่มีอะไรการันตีว่าเราทำอันนี้ดี พรุ่งนี้จะดีเสมอไป ต้องเริ่มใหม่ ก็เรียนรู้ชีวิต ชีวิตเรามีขึ้นมีลงตลอด ต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ แต้วเองทุกวันนี้ก็ยังต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด แต้วคิดว่าเรายังไม่ได้เป็นที่ยอมรับในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาท เราต้องพยายามต่อไป แต่แต้วไม่กดดันตัวเองมาก เราแค่ต้องคอยเรียนรู้ที่จะทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้
"อย่างในเรื่องคุณชายรัชชานนท์ แต้วก็ถูกมอบหมายหน้าที่ให้เป็นเจ๊ดันกลายๆ ให้กับพระเอกใหม่ “บอม-ธนิน มนูญศิลป์” ซึ่งแต้วก็ถ่อมตัวว่ายังไม่มีความสามารถถึงขึ้นนั้น “มีคนบอกตลอดว่าเราต้องเป็นเจ๊ดัน ทางผู้ใหญ่ไม่ได้บอกตรงๆ แต่ก็บอกให้ช่วยแนะนำ แต่แต้วไม่ได้รู้สึกว่าต้องดัน เพราะบทของเราก็หนักมาก คงไม่สามารถไปดันใครได้ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่มีใครดันใครได้ แต่ทุกคนต้องไปพร้อมกัน ทำให้ดี แต่ในฐานะที่เราเป็นนักแสดงมาก่อน แต้วจะให้กำลังใจ ไม่ให้เขารู้สึกกดดัน เพราะแต้วจำวันแรกของตัวเองได้ เราเคยรู้สึกอย่างไรมาก็จะมาแนะนำเขา ให้กำลังใจ เพราะทุกคนต้องการกำลังใจ ยิ่งนักแสดงใหม่มีหลายปัจจัยให้กังวลนู่นนี่ ถ้าเราช่วยตัดตรงนี้ได้ก็คงดี"
กับสายงานที่ได้เล่าเรียนมา แต้วบอกว่า ตอนนี้ขอพักไว้ก่อน “ช่วงจบใหม่ๆ แต้วได้ทำงานสถาปนิกอยู่ประมาณ 2 เดือน และยังถ่ายละครไปด้วย แต่พอถ่ายละครหนักขึ้น มันก็กลายเป็นเหมือนเราไม่ทุ่มเทกับงานที่ทำ ไม่อยากไปเป็นภาระคนอื่น ถึงเวลาที่เราต้องเลือก แต้วก็เลือกงานแสดง เพราะเป็นงานที่เราทำมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ แต้วยังสนุกและรักงานตรงนี้ด้วย ส่วนงานในอนาคตค่อยดูกันอีกทีค่ะ”
วันนี้ แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ สามารถผ่านบททดสอบเพื่อพิสูจน์การเป็นนักแสดงมืออาชีพของเธอได้อีกหนึ่งครั้ง ด้วยบทบาท “อีสร้อย”
http://www.posttoday.com/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/228741/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%9D%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B8%93%E0%B8%90%E0%B8%9E%E0%B8%A3