วันนี้ได้ไปใช้บริการ samsung shop มา และไม่พอใจในระบบการจัดการของ samsung เท่าใดนัก
เลยอยากมาระบายค่ะ...
เกริ่นก่อนว่า เราซื้อ Galaxy S3 มาใช้เมื่อประมาณ เดือนกันยาปีที่แล้ว
ประทับใจมากๆ เป็นแฟนเกิร์ลของ android และ samsung มาตลอด
ชอบทั้งระบบ ที่มีลูกเล่นเยอะ และหน้าจอที่ใหญ่ ภาพสวย
แต่ปรากฏว่าประมาณเดือนเมษา ที่ชาร์จที่มาพร้อมกับตัวเครื่องมีปัญหา
คือเสียบไม่ติด ไฟไม่เข้า เราก็เลยทิ้ง
แล้วไปซื้อที่ชาร์จอันใหม่ที่ shop samsung ที่ Seacon square ชั้น G
มันเริ่มตรงนี้แหละค่ะ
ผ่านไปสองเดือน เดือนมิถุนา มีปัญหาอีกแล้ว คือใช้เวลาชาร์จไฟนานมาก
เช่น ชาร์จทิ้งไว้ 3 ชม. แบตขึ้นมา 20% หรือบางครั้งชาร์จทิ้งไว้ แบตกลับน้อยกว่าเดิมอีก
เราลองเอา ที่ชาร์จ Note2 ของพ่อมาใช้ ก็ชาร์จเข้าปกติ เลยคิดว่าเป็นปัญหาที่ตัวชาร์จแน่ๆ
1. เราไปที่ shop samsung Paragon ช่างเช็คแล้วว่ามีปัญหาจริง เค้าบอกให้เอาไปเปลี่ยนที่ร้านที่ซื้อ เราก็โอเคค่ะ
2. เราไปที่ shop samsung Seacon ร้านที่ซื้อที่ชาร์จมาโดยตรง เค้าก็ให้ช่างเช็คให้ บอกว่าขอเวลา 30 นาที
* เราให้เครื่องมือถือของเี่รา ที่ชาร์จที่มีปัญหา และที่ชาร์จของพ่อทิ้งไว้ เพื่อให้เค้าทดสอบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆนะ
3. เราเดินเล่นไปเรื่อยชั่วโมงกว่าๆกลับมาที่ร้าน ร้านบอกว่าเป็นที่ขั้วมือถือของเรา เรางงเลย เพราะเราใช้ที่ชาร์จของพ่อชาร์จเข้าปกติ มันก็ต้องเป็นที่ตัวชาร์จสิคะ เค้าก็บอกว่าต้องส่งเข้าศูนย์
* พอคิดว่าเอาเข้าศูนย์ เราคิดว่าต้องใช้เวลานานมาก แล้วมีความจำเป็นต้องใช้มือถือทุกวัน เราเลยบอกว่า ขอเปลี่ยนตัวที่ชาร์จได้มั้ย ยังอยู่ในประกันนี่ เพราะเราคิดว่าปัญหาเกิดที่ตัวชาร์จแน่ๆ ไม่ใช่เครื่องเรา
4. เค้าบอกว่าไม่ได้ ถ้าภายใน 7 วันเปลี่ยนอันใหม่ได้ แต่ถ้าภายใน 6 เดือน จะเปลี่ยนที่ชาร์จก็ต้องเอาที่ชาร์จเข้าศูนย์ไปเช็คก่อน
ตรงนี้แหละค่ะ ที่เราฉุน คือถ้าบอกแบบนี้ตั้งแต่แรก เราก็ไม่ให้คุณเช็คให้เสียเวลา เพราะต่อให้มีปัญหาจริงก็เปลี่ยนอันใหม่ให้ไม่ได้
ต้ิองเอาไปเข้าศูนย์(ทั้งที่ตรวจสอบที่shopเลยก็ได้) ไม่รู้ว่าเป็นที่ระบบการจัดการ การบริหารองค์กรหรืออย่างไร
ที่ทำให้ลูกค้าต้องลำบากกับแค่การเปลี่ยนอุปกรณ์เสริม ไม่สามารถเปลี่ยนที่ร้านที่ซื้อมาได้
มันแตกต่างกับผลิตภัณฑ์ของ apple มาก เราเคยใช้ iPod มีปัญหาเ้ค้าก็เปลี่ยนหูฟังให้ใหม่เลยภายในระยะเวลา 1 ปี ใช้เวลาเช็คแปปเดียวที่ร้าน แถมไม่จำเป็นต้องเป็นร้านที่ซื้อด้วย เปลี่ยนที่สาขาอื่นก็ได้
สรุปว่าเราไม่ประทับใจกับระบบการจัดการหลังการขายของคุณ ที่สร้างความยุ่งยากให้ลูกค้าสุดๆ
แถมอุปกรณ์เสริมก็ไม่ทนเสียเลย ภายในเวลาไม่ถึงปี ที่ชาร์จของคุณพังไปสองอันแล้ว (อาจจะเป็นเราคนเดียว ขอโทษด้วยนะคะ ขอบ่นหน่อย)
ตอนนี้เลยเสียความรู้สึก ที่เพิ่งยุให้พ่อไปซื้อ Note2 มา และเราก็เพิ่งซื้อ ultrabookของ samsungไป (ตอนนั้นลังเลกับ Mac air)
แพลนว่าจะให้แม่ซื้อ S4 และเรารอซื้อ Note3 ปลายปีนี้ คงยกเลิกไป เพราะเรื่องบริการหลังการขายนี่แหละค่ะ
การขายสินค้าเทคโนโลยี เชื่อว่าทุกคนต้องใช้บริการตรงนี้อยู่แล้ว.
ที่ตั้งกระทู้นี้ก็อยากให้ samsung พิจารณาเรื่องการบริการ ให้คำนึงถึงลูกค้ามากขึ้น มากกว่าความสะดวกภายในองค์กร
เพราะทำแบบนี้ ลูกค้าจะไม่อยู่กับคุณระยะยาวแน่ๆ ส่วนคนที่จะคิดมาใช้ยาวๆ ก็คิดหนักหน่อยละกันค่ะ ว่าคุ้มกับราคาที่เสียไปไหม
ข้อสรุปของเราก็คือ เราจะไม่เสียเงินให้คุณอีก แม้ว่าที่ชาร์จจะราคา 590 บาทเท่านั้น
ถ้าเราว่างมากจริงๆ คงเอาไปส่งศูนย์ละกันค่ะ ตอนนี้ก็เก็บเข้ากรุไป
เราเลือกที่จะเสียเงินซื้อ smart phone เครื่องใหม่ แบรนด์อื่นไปเลย ที่มีการQC และบริการดีกว่านี้
เพราะปัญหาพวกนี้มันต้องตามมาอีกเรื่อยๆ ถ้าคุณใช้ต่อ คุณก็ต้องทนกับมันอีก
เลยอยากขอคำแนะนำจากคนในห้องนี้ด้วยค่ะ
ว่าเราอยากได้มือถือสักเครื่อง ใช้ยาวๆได้มากกว่า 1 ปี
งบ 20,000 บวกลบได้นิดหน่อยค่ะ
ระบบปฏิบัติการอยากได้ Android ค่ะ ติดใจมาก
ไม่เอา iPhone นะึคะ เพราะไม่ชอบเรื่องการ Transfer files เข้าออกคอม
ที่ต้อง backup บ่อยๆ และfile ชอบหาย
นอกจากนั้น option ที่ต้องการคือ
-แบตอึด(ไม่ใช่ครึ่งวันหมด)
-จอใหญ่(ใหญ่เท่ากันหรือใหญ่กว่าS3)
-ภาพสวยคมชัด
-กล้องโอเค
-ฟังเพลงได้ไม่น่าเกลียด
-ไม่เน้นเล่นเกมค่ะ ใช้รับส่งE-mail, line, เข้า internet ธรรมดา
ที่สำคัญคือบริการหลังการขายโอเคค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่ให้่พื้นที่ระบาย และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำปรึกษาจากเพื่อนสมาชิกทุกท่านค่ะ
ขอบ่นบริการหลังการขายของSamsung และขอคำแนะนำซื้อมือถือAndroidค่ะ
เลยอยากมาระบายค่ะ...
เกริ่นก่อนว่า เราซื้อ Galaxy S3 มาใช้เมื่อประมาณ เดือนกันยาปีที่แล้ว
ประทับใจมากๆ เป็นแฟนเกิร์ลของ android และ samsung มาตลอด
ชอบทั้งระบบ ที่มีลูกเล่นเยอะ และหน้าจอที่ใหญ่ ภาพสวย
แต่ปรากฏว่าประมาณเดือนเมษา ที่ชาร์จที่มาพร้อมกับตัวเครื่องมีปัญหา
คือเสียบไม่ติด ไฟไม่เข้า เราก็เลยทิ้ง
แล้วไปซื้อที่ชาร์จอันใหม่ที่ shop samsung ที่ Seacon square ชั้น G
มันเริ่มตรงนี้แหละค่ะ
ผ่านไปสองเดือน เดือนมิถุนา มีปัญหาอีกแล้ว คือใช้เวลาชาร์จไฟนานมาก
เช่น ชาร์จทิ้งไว้ 3 ชม. แบตขึ้นมา 20% หรือบางครั้งชาร์จทิ้งไว้ แบตกลับน้อยกว่าเดิมอีก
เราลองเอา ที่ชาร์จ Note2 ของพ่อมาใช้ ก็ชาร์จเข้าปกติ เลยคิดว่าเป็นปัญหาที่ตัวชาร์จแน่ๆ
1. เราไปที่ shop samsung Paragon ช่างเช็คแล้วว่ามีปัญหาจริง เค้าบอกให้เอาไปเปลี่ยนที่ร้านที่ซื้อ เราก็โอเคค่ะ
2. เราไปที่ shop samsung Seacon ร้านที่ซื้อที่ชาร์จมาโดยตรง เค้าก็ให้ช่างเช็คให้ บอกว่าขอเวลา 30 นาที
* เราให้เครื่องมือถือของเี่รา ที่ชาร์จที่มีปัญหา และที่ชาร์จของพ่อทิ้งไว้ เพื่อให้เค้าทดสอบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆนะ
3. เราเดินเล่นไปเรื่อยชั่วโมงกว่าๆกลับมาที่ร้าน ร้านบอกว่าเป็นที่ขั้วมือถือของเรา เรางงเลย เพราะเราใช้ที่ชาร์จของพ่อชาร์จเข้าปกติ มันก็ต้องเป็นที่ตัวชาร์จสิคะ เค้าก็บอกว่าต้องส่งเข้าศูนย์
* พอคิดว่าเอาเข้าศูนย์ เราคิดว่าต้องใช้เวลานานมาก แล้วมีความจำเป็นต้องใช้มือถือทุกวัน เราเลยบอกว่า ขอเปลี่ยนตัวที่ชาร์จได้มั้ย ยังอยู่ในประกันนี่ เพราะเราคิดว่าปัญหาเกิดที่ตัวชาร์จแน่ๆ ไม่ใช่เครื่องเรา
4. เค้าบอกว่าไม่ได้ ถ้าภายใน 7 วันเปลี่ยนอันใหม่ได้ แต่ถ้าภายใน 6 เดือน จะเปลี่ยนที่ชาร์จก็ต้องเอาที่ชาร์จเข้าศูนย์ไปเช็คก่อน
ตรงนี้แหละค่ะ ที่เราฉุน คือถ้าบอกแบบนี้ตั้งแต่แรก เราก็ไม่ให้คุณเช็คให้เสียเวลา เพราะต่อให้มีปัญหาจริงก็เปลี่ยนอันใหม่ให้ไม่ได้
ต้ิองเอาไปเข้าศูนย์(ทั้งที่ตรวจสอบที่shopเลยก็ได้) ไม่รู้ว่าเป็นที่ระบบการจัดการ การบริหารองค์กรหรืออย่างไร
ที่ทำให้ลูกค้าต้องลำบากกับแค่การเปลี่ยนอุปกรณ์เสริม ไม่สามารถเปลี่ยนที่ร้านที่ซื้อมาได้
มันแตกต่างกับผลิตภัณฑ์ของ apple มาก เราเคยใช้ iPod มีปัญหาเ้ค้าก็เปลี่ยนหูฟังให้ใหม่เลยภายในระยะเวลา 1 ปี ใช้เวลาเช็คแปปเดียวที่ร้าน แถมไม่จำเป็นต้องเป็นร้านที่ซื้อด้วย เปลี่ยนที่สาขาอื่นก็ได้
สรุปว่าเราไม่ประทับใจกับระบบการจัดการหลังการขายของคุณ ที่สร้างความยุ่งยากให้ลูกค้าสุดๆ
แถมอุปกรณ์เสริมก็ไม่ทนเสียเลย ภายในเวลาไม่ถึงปี ที่ชาร์จของคุณพังไปสองอันแล้ว (อาจจะเป็นเราคนเดียว ขอโทษด้วยนะคะ ขอบ่นหน่อย)
ตอนนี้เลยเสียความรู้สึก ที่เพิ่งยุให้พ่อไปซื้อ Note2 มา และเราก็เพิ่งซื้อ ultrabookของ samsungไป (ตอนนั้นลังเลกับ Mac air)
แพลนว่าจะให้แม่ซื้อ S4 และเรารอซื้อ Note3 ปลายปีนี้ คงยกเลิกไป เพราะเรื่องบริการหลังการขายนี่แหละค่ะ
การขายสินค้าเทคโนโลยี เชื่อว่าทุกคนต้องใช้บริการตรงนี้อยู่แล้ว.
ที่ตั้งกระทู้นี้ก็อยากให้ samsung พิจารณาเรื่องการบริการ ให้คำนึงถึงลูกค้ามากขึ้น มากกว่าความสะดวกภายในองค์กร
เพราะทำแบบนี้ ลูกค้าจะไม่อยู่กับคุณระยะยาวแน่ๆ ส่วนคนที่จะคิดมาใช้ยาวๆ ก็คิดหนักหน่อยละกันค่ะ ว่าคุ้มกับราคาที่เสียไปไหม
ข้อสรุปของเราก็คือ เราจะไม่เสียเงินให้คุณอีก แม้ว่าที่ชาร์จจะราคา 590 บาทเท่านั้น
ถ้าเราว่างมากจริงๆ คงเอาไปส่งศูนย์ละกันค่ะ ตอนนี้ก็เก็บเข้ากรุไป
เราเลือกที่จะเสียเงินซื้อ smart phone เครื่องใหม่ แบรนด์อื่นไปเลย ที่มีการQC และบริการดีกว่านี้
เพราะปัญหาพวกนี้มันต้องตามมาอีกเรื่อยๆ ถ้าคุณใช้ต่อ คุณก็ต้องทนกับมันอีก
เลยอยากขอคำแนะนำจากคนในห้องนี้ด้วยค่ะ
ว่าเราอยากได้มือถือสักเครื่อง ใช้ยาวๆได้มากกว่า 1 ปี
งบ 20,000 บวกลบได้นิดหน่อยค่ะ
ระบบปฏิบัติการอยากได้ Android ค่ะ ติดใจมาก
ไม่เอา iPhone นะึคะ เพราะไม่ชอบเรื่องการ Transfer files เข้าออกคอม
ที่ต้อง backup บ่อยๆ และfile ชอบหาย
นอกจากนั้น option ที่ต้องการคือ
-แบตอึด(ไม่ใช่ครึ่งวันหมด)
-จอใหญ่(ใหญ่เท่ากันหรือใหญ่กว่าS3)
-ภาพสวยคมชัด
-กล้องโอเค
-ฟังเพลงได้ไม่น่าเกลียด
-ไม่เน้นเล่นเกมค่ะ ใช้รับส่งE-mail, line, เข้า internet ธรรมดา
ที่สำคัญคือบริการหลังการขายโอเคค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่ให้่พื้นที่ระบาย และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำปรึกษาจากเพื่อนสมาชิกทุกท่านค่ะ