เป็นอีกคดีที่สังคมให้ความสนใจและถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคดีหนึ่ง เกี่ยวกับเงื่อนงำการสังหาร "เอกยุทธ อัญชันบุตร" นักธุรกิจชื่อดัง จากความพยายามทำให้เขวของนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 23 ปี คนขับรถกุญแจสำคัญในการไขคดี
แต่งเรื่องสับขาหลอกได้เป็นฉากๆ
แรกเริ่มบอกว่า เป็นการจัดฉากสร้างเรื่องของนายเอกยุทธเอง ทำทีว่าหายตัวไป จนมีการเมาธ์กันถึงขั้นว่าอาจเกี่ยวโยงกับการเมือง
แต่สุดท้าย "สันติภาพ" ก็ยอมคายความจริงว่าฆ่าเจ้านาย เพราะต้องการชิงทรัพย์เงินสด 5 ล้านบาท และทรัพย์สินมีค่าในตัวเจ้านาย
"สันติภาพ" ยอมรับว่าคดีนี้ร่วมกับพวกอีก 3 คน ประกอบด้วย นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร อายุ 28 ปี ร่วมจี้และฆ่านายเอกยุทธจากในกรุงเทพฯ ก่อนเคลื่อนย้ายศพมาฝังอำพรางที่ จ.พัทลุง
โดยมีนายชวลิต วุ่นชุม อายุ 24 ปี และนายทิวากร เกื้อทอง อายุ 18 ปี ทำหน้าที่ร่วมฝังอำพราง
คดีดูเหมือนจะคลี่คลาย
กระนั้นกระแสสังคมส่วนหนึ่ง ก็ยังไม่ปักเชื่อคำสารภาพจากปากผู้ก่อเหตุว่า มีเพียงปมฆ่าชิงเงิน 5 ล้านบาทเท่านั้น
ตั้งข้อสังเกต ข้อสันนิษฐาน คิดวิเคราะห์กันต่างๆ นานา ว่าอาจมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง
เพื่อไขความกระจ่าง "มติชน" สัมภาษณ์นักสืบรุ่นเก๋า เกี่ยวกับข้อสังเกตถึงแผนประทุษกรรมของคดี โดยวิเคราะห์ตามหลักการสืบสวน
อดีตนายตำรวจนักสืบฝีมือดีคนหนึ่ง วิเคราะห์ว่า จากประสบการณ์การสืบสวน ในการอุ้มฆ่านายเอกยุทธน่าจะมีคนร่วมมากกว่านี้ เพราะเส้นทางการนำศพไปฝังดิน จากกรุงเทพฯถึงพัทลุง น่าจะมีคนขับรถสเกาต์หน้า เพื่อดูต้นทาง และด่านตรวจ หลบหลีกการจับกุม
และอีกกรณีที่ตั้งข้อสังเกต
หากถูกฆ่าที่กรุงเทพฯ ฆาตกรทั่วไปอาจไปถ่วงน้ำที่ไหนสักแห่งก็ได้
ส่วนปมชิงเงิน 5 ล้านบาทนั้น ก็มีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ยังสามารถตั้งข้อสังเกตได้อีกว่า หากชิงทรัพย์ในบ้านหรือบริษัทน่าจะได้ทรัพย์สินมากกว่านี้หรือไม่
ขณะที่อีกปมที่น่าสงสัยคือ
การจับนายเอกยุทธแก้ผ้า ถอดรองเท้า เนื่องจากพบศพในสภาพเปลือยกายฝังดินอยู่ จุดนี้ตั้งข้อสังเกตได้ว่า อาจเพื่อไม่ให้นายเอกยุทธหลบหนีระหว่างถูกจับตัว
กรณีนี้ตั้งข้อสังเกตว่า 4 ผู้ต้องหาซึ่งอายุยังน้อย จะคิดวางแผนได้ขนาดนี้เชียวหรือ
ขณะที่นักสืบรุ่นเก๋าอีกราย ขอสงวนชื่อและนามสกุล ระบุว่า การจะรู้ได้ว่าคดีการสังหารนายเอกยุทธ
มีเงื่อนงำมากกว่าปมฆ่าชิงเงิน 5 ล้านบาทหรือไม่ ต้องดูจากประวัตินายสันติภาพ ที่มาเป็นคนขับรถนายเอกยุทธได้เพียงแค่ 7 เดือน โดยต้องดูว่ามาเป็นคนขับรถได้อย่างไร ใครฝากมา เพราะโดยทั่วไปการว่าจ้างคนขับรถมักจะเลือกคนมีอายุ ไม่เลือกวัยรุ่นที่มักหุนหันพลันแล่น
เมื่อทราบที่มาและประวัติของคนขับรถแล้ว จึงจะวิเคราะห์ได้ว่ามีเงื่อนงำอื่นหรือไม่ อาทิ มาเพื่อประกบตัวเอกยุทธ หรือมาดูความเคลื่อนไหว
เช่นเดียวกัน นักสืบระดับมือพระกาฬอีกราย บอกว่า
กุญแจสำคัญอยู่ที่คนขับรถเช่นกัน ต้องดูที่มาที่ไป เคยเป็นคนของใคร และเหตุใดนายเอกยุทธจึงเชื่อใจในเวลาอันรวดเร็วและรับมาเป็นคนขับรถ รวมทั้งต้องตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย
และเมื่อดูจากพฤติการณ์อุ้มฆ่า มีข้อน่าสังเกตว่าผู้ต้องหาน่าจะมีมากกว่านี้ ทั้งวิธีการฆ่าที่ระบุว่ามีแค่ 2 คน ช่วยกันบีบคอและรัดคอ ขณะที่นายสันติภาพต้องทำหน้าที่ขับรถด้วย จึงน่าจะมีผู้ต้องหาร่วมฆ่ามากกว่านี้
ตลอดจนมีการนำศพจากรุงเทพฯมาฝังดินอำพรางถึงพัทลุง ซึ่งน่าจะมีรถนำอีกคันเพื่อส่งสัญญาณให้เลี่ยงด่านตรวจ จากแผนประทุษกรรมจึงน่าเชื่อว่า
มีคนที่รู้วิธีการในการอุ้มฆ่ามาช่วยคิดวางแผนการอย่างดี
เหล่านี้เป็นข้อสังเกตจากนักสืบรุ่นเดอะ ขณะที่การดำเนินคดีขึ้นกับพยานหลักฐานที่ปรากฏ!!
จาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1371186583&grpid=01&catid=&subcatid=
คาใจ ปมอุ้มฆ่า "เอกยุทธ อัญชันบุตร" อาจมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง จาก มติชน
แรกเริ่มบอกว่า เป็นการจัดฉากสร้างเรื่องของนายเอกยุทธเอง ทำทีว่าหายตัวไป จนมีการเมาธ์กันถึงขั้นว่าอาจเกี่ยวโยงกับการเมือง
แต่สุดท้าย "สันติภาพ" ก็ยอมคายความจริงว่าฆ่าเจ้านาย เพราะต้องการชิงทรัพย์เงินสด 5 ล้านบาท และทรัพย์สินมีค่าในตัวเจ้านาย
"สันติภาพ" ยอมรับว่าคดีนี้ร่วมกับพวกอีก 3 คน ประกอบด้วย นายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม พิมพิสาร อายุ 28 ปี ร่วมจี้และฆ่านายเอกยุทธจากในกรุงเทพฯ ก่อนเคลื่อนย้ายศพมาฝังอำพรางที่ จ.พัทลุง
โดยมีนายชวลิต วุ่นชุม อายุ 24 ปี และนายทิวากร เกื้อทอง อายุ 18 ปี ทำหน้าที่ร่วมฝังอำพราง
คดีดูเหมือนจะคลี่คลาย
กระนั้นกระแสสังคมส่วนหนึ่ง ก็ยังไม่ปักเชื่อคำสารภาพจากปากผู้ก่อเหตุว่า มีเพียงปมฆ่าชิงเงิน 5 ล้านบาทเท่านั้น
ตั้งข้อสังเกต ข้อสันนิษฐาน คิดวิเคราะห์กันต่างๆ นานา ว่าอาจมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง
เพื่อไขความกระจ่าง "มติชน" สัมภาษณ์นักสืบรุ่นเก๋า เกี่ยวกับข้อสังเกตถึงแผนประทุษกรรมของคดี โดยวิเคราะห์ตามหลักการสืบสวน
อดีตนายตำรวจนักสืบฝีมือดีคนหนึ่ง วิเคราะห์ว่า จากประสบการณ์การสืบสวน ในการอุ้มฆ่านายเอกยุทธน่าจะมีคนร่วมมากกว่านี้ เพราะเส้นทางการนำศพไปฝังดิน จากกรุงเทพฯถึงพัทลุง น่าจะมีคนขับรถสเกาต์หน้า เพื่อดูต้นทาง และด่านตรวจ หลบหลีกการจับกุม
และอีกกรณีที่ตั้งข้อสังเกต หากถูกฆ่าที่กรุงเทพฯ ฆาตกรทั่วไปอาจไปถ่วงน้ำที่ไหนสักแห่งก็ได้
ส่วนปมชิงเงิน 5 ล้านบาทนั้น ก็มีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ยังสามารถตั้งข้อสังเกตได้อีกว่า หากชิงทรัพย์ในบ้านหรือบริษัทน่าจะได้ทรัพย์สินมากกว่านี้หรือไม่
ขณะที่อีกปมที่น่าสงสัยคือ การจับนายเอกยุทธแก้ผ้า ถอดรองเท้า เนื่องจากพบศพในสภาพเปลือยกายฝังดินอยู่ จุดนี้ตั้งข้อสังเกตได้ว่า อาจเพื่อไม่ให้นายเอกยุทธหลบหนีระหว่างถูกจับตัว
กรณีนี้ตั้งข้อสังเกตว่า 4 ผู้ต้องหาซึ่งอายุยังน้อย จะคิดวางแผนได้ขนาดนี้เชียวหรือ
ขณะที่นักสืบรุ่นเก๋าอีกราย ขอสงวนชื่อและนามสกุล ระบุว่า การจะรู้ได้ว่าคดีการสังหารนายเอกยุทธ มีเงื่อนงำมากกว่าปมฆ่าชิงเงิน 5 ล้านบาทหรือไม่ ต้องดูจากประวัตินายสันติภาพ ที่มาเป็นคนขับรถนายเอกยุทธได้เพียงแค่ 7 เดือน โดยต้องดูว่ามาเป็นคนขับรถได้อย่างไร ใครฝากมา เพราะโดยทั่วไปการว่าจ้างคนขับรถมักจะเลือกคนมีอายุ ไม่เลือกวัยรุ่นที่มักหุนหันพลันแล่น
เมื่อทราบที่มาและประวัติของคนขับรถแล้ว จึงจะวิเคราะห์ได้ว่ามีเงื่อนงำอื่นหรือไม่ อาทิ มาเพื่อประกบตัวเอกยุทธ หรือมาดูความเคลื่อนไหว
เช่นเดียวกัน นักสืบระดับมือพระกาฬอีกราย บอกว่ากุญแจสำคัญอยู่ที่คนขับรถเช่นกัน ต้องดูที่มาที่ไป เคยเป็นคนของใคร และเหตุใดนายเอกยุทธจึงเชื่อใจในเวลาอันรวดเร็วและรับมาเป็นคนขับรถ รวมทั้งต้องตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย
และเมื่อดูจากพฤติการณ์อุ้มฆ่า มีข้อน่าสังเกตว่าผู้ต้องหาน่าจะมีมากกว่านี้ ทั้งวิธีการฆ่าที่ระบุว่ามีแค่ 2 คน ช่วยกันบีบคอและรัดคอ ขณะที่นายสันติภาพต้องทำหน้าที่ขับรถด้วย จึงน่าจะมีผู้ต้องหาร่วมฆ่ามากกว่านี้
ตลอดจนมีการนำศพจากรุงเทพฯมาฝังดินอำพรางถึงพัทลุง ซึ่งน่าจะมีรถนำอีกคันเพื่อส่งสัญญาณให้เลี่ยงด่านตรวจ จากแผนประทุษกรรมจึงน่าเชื่อว่า มีคนที่รู้วิธีการในการอุ้มฆ่ามาช่วยคิดวางแผนการอย่างดี
เหล่านี้เป็นข้อสังเกตจากนักสืบรุ่นเดอะ ขณะที่การดำเนินคดีขึ้นกับพยานหลักฐานที่ปรากฏ!!
จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1371186583&grpid=01&catid=&subcatid=