สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ส่วนลีกภูมิภาค คุณต้องส่งทีมแข่งในนามของสมาคมกีฬาจังหวัดครับ
และตอนนี้จังหวัดที่มีที่ว่างให้ส่ง ก็เหลือแค่แม่ฮ่องสอนเท่านั้น
ถ้าคุณมีเส้นสายที่ดีกับสมาคมกีฬาจังหวัด คุณก็ไปขอใช้สิทธิ เพื่อสมัครเข้าแข่งได้ครับ แต่ก็ต้องมีการทำแผนส่งสมาคมเหมือนกัน (แผนที่ทีมต่างๆทำไป 95% ทำไม่ได้ตามเป้าหรอกครับ) ส่งๆไปเหอะ ไม่สำคัญ ... สำคัญที่เส้นสาย (อีกแล้ว) ว่าถ้าท่านเข้าถูกช่องทาง ต่อให้สนามเป็นทุ่งนา หรือส้วมตัน ฝ่ายจัดการแข่งขันก็เซ็นผ่านให้เข้าแข่งได้อยู่ดีครับ
อ่อ ที่สำคัญที่สุด คือเรื่องสนามนี่แหละ เพราะมันเป็นรูปธรรมหน่อย พวกแผนการหาสปอนเซอร์ หรือผังการบริหารทีม หรือผู้เล่น พวกนี้เราสามารถขอผ่อนผันสมาคมได้ เพราะทีมส่วนใหญ่ก็เขียนมาก่อน และกว่าจะได้ผู้เล่น ได้สปอนเซอร์ ก็ใกล้จะเริ่มแข่งแล้ว
ตามแผนแล้ว สมาคมกีฬาแต่ละจังหวัดจะได้เงินช่วยเหลือจาก กกท. จังหวัดละ 1 ล้านบาท แต่อย่าถามว่างบจะได้เดือนไหน ดังนั้นทีมที่เขาบริหารดีๆหน่อย จะมองเงินตัวนี้เหมือนแค่โบนัส ไม่เอามารวมในรายได้ เพราะไม่งั้น ถ้าเงินมาปลายๆฤดูกาล คุณจะหมุนเงินไม่ทันแน่ๆ
เท่าที่ผมสัมผัสมา ทีมในลีกภูมิภาค แบ่งกลุ่มตามงบประมาฯได้ดังนี้
- เตะไปวันๆ เตะเพื่อหาเสียง เอาหน้าท่านประธาน แปะรอบๆสนามเพื่อหาเสียง ... ทีมวกนี้อาจเอาเด็ก ม ปลาย มาเตะก็ได้ (ให้ทุนการศึกษา ไม่มีเงินเดือน) งบประมาณอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท แต่ผลงานไม่รับประกันนะ อาจจะโดนถล่ม 7-8 ลูกก็ได้ มีให้เห็นกันทุกปี
- เตะไปวันๆ แต่ก็พยายามยกระดับทีมทุกปี เปิดฤดูกาลมา มีการออกแคมเปญ "เราจะไป D1" แต่เตะไปสัก 4-5 นัดก็รู้สัจธรรม ก็เลยประคองตัว ทีมพวกนี้ใช้นักเตะที่เป็นนักบอลจริงๆ แต่ก็เงินเดือนไม่ได้สูงมาก ฐานเงินเดือนอาจจะสัก 7000-15000 ค่าใช้จ่ายรวมๆก็ปีละ 5 ล้าน
- มีเป้าหมายชัดเจนในการลุ้นขึ้นชั้น นักเตะที่ระดมมา มีประสบการณ์ในการเล่น D1 หรือ D2 มาแล้ว เงินเดือนก็จะอยู่ที่ 10,000-30,000 ทีมพวกนี้ต้องใช้งบในระดับ 7-10 ล้าน ต่อปีครับ ไม่งั้นจะเกิดอาการ "ถังแตกตอนปลาย" คือเริ่มสวย แล้วเลกสองก็วูบลงเรื่อยๆ
- เจ้าบุญทุ่ม พวกนี้เกิดจากการที่มีมหาเศรษฐี หรือนักการเมืองใหญ่เข้ามาดูแลทีม ... งบปีนึงอาจจะถึง 30 ล้านก็ได้ !! ทีมเหล่านี้ ยังไงๆก็ต้องขึ้นชั้นครับ นักเตะที่เอามา ก็ระดับ D1 และ TPL ... ดีไม่ดี เอาพวกระดับชาติมาเล่นด้วยซ่้ำ ที่เห็นๆก็ บุรีรัมย์ เอฟซี , ชัยนาท , ราชบุรี พวกนี้เริ่มแข่งก็เห็นความแตกต่างกับทีมอื่นๆแล้วครับ
อยู่ที่คุณ จขกท เลือกแล้วล่ะครับ ว่าถ้าได้ทำทีมจริงๆ จะเอาทีมคุณไปอยู่ในหมวดหมู่ไหน
และตอนนี้จังหวัดที่มีที่ว่างให้ส่ง ก็เหลือแค่แม่ฮ่องสอนเท่านั้น
ถ้าคุณมีเส้นสายที่ดีกับสมาคมกีฬาจังหวัด คุณก็ไปขอใช้สิทธิ เพื่อสมัครเข้าแข่งได้ครับ แต่ก็ต้องมีการทำแผนส่งสมาคมเหมือนกัน (แผนที่ทีมต่างๆทำไป 95% ทำไม่ได้ตามเป้าหรอกครับ) ส่งๆไปเหอะ ไม่สำคัญ ... สำคัญที่เส้นสาย (อีกแล้ว) ว่าถ้าท่านเข้าถูกช่องทาง ต่อให้สนามเป็นทุ่งนา หรือส้วมตัน ฝ่ายจัดการแข่งขันก็เซ็นผ่านให้เข้าแข่งได้อยู่ดีครับ
อ่อ ที่สำคัญที่สุด คือเรื่องสนามนี่แหละ เพราะมันเป็นรูปธรรมหน่อย พวกแผนการหาสปอนเซอร์ หรือผังการบริหารทีม หรือผู้เล่น พวกนี้เราสามารถขอผ่อนผันสมาคมได้ เพราะทีมส่วนใหญ่ก็เขียนมาก่อน และกว่าจะได้ผู้เล่น ได้สปอนเซอร์ ก็ใกล้จะเริ่มแข่งแล้ว
ตามแผนแล้ว สมาคมกีฬาแต่ละจังหวัดจะได้เงินช่วยเหลือจาก กกท. จังหวัดละ 1 ล้านบาท แต่อย่าถามว่างบจะได้เดือนไหน ดังนั้นทีมที่เขาบริหารดีๆหน่อย จะมองเงินตัวนี้เหมือนแค่โบนัส ไม่เอามารวมในรายได้ เพราะไม่งั้น ถ้าเงินมาปลายๆฤดูกาล คุณจะหมุนเงินไม่ทันแน่ๆ
เท่าที่ผมสัมผัสมา ทีมในลีกภูมิภาค แบ่งกลุ่มตามงบประมาฯได้ดังนี้
- เตะไปวันๆ เตะเพื่อหาเสียง เอาหน้าท่านประธาน แปะรอบๆสนามเพื่อหาเสียง ... ทีมวกนี้อาจเอาเด็ก ม ปลาย มาเตะก็ได้ (ให้ทุนการศึกษา ไม่มีเงินเดือน) งบประมาณอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท แต่ผลงานไม่รับประกันนะ อาจจะโดนถล่ม 7-8 ลูกก็ได้ มีให้เห็นกันทุกปี
- เตะไปวันๆ แต่ก็พยายามยกระดับทีมทุกปี เปิดฤดูกาลมา มีการออกแคมเปญ "เราจะไป D1" แต่เตะไปสัก 4-5 นัดก็รู้สัจธรรม ก็เลยประคองตัว ทีมพวกนี้ใช้นักเตะที่เป็นนักบอลจริงๆ แต่ก็เงินเดือนไม่ได้สูงมาก ฐานเงินเดือนอาจจะสัก 7000-15000 ค่าใช้จ่ายรวมๆก็ปีละ 5 ล้าน
- มีเป้าหมายชัดเจนในการลุ้นขึ้นชั้น นักเตะที่ระดมมา มีประสบการณ์ในการเล่น D1 หรือ D2 มาแล้ว เงินเดือนก็จะอยู่ที่ 10,000-30,000 ทีมพวกนี้ต้องใช้งบในระดับ 7-10 ล้าน ต่อปีครับ ไม่งั้นจะเกิดอาการ "ถังแตกตอนปลาย" คือเริ่มสวย แล้วเลกสองก็วูบลงเรื่อยๆ
- เจ้าบุญทุ่ม พวกนี้เกิดจากการที่มีมหาเศรษฐี หรือนักการเมืองใหญ่เข้ามาดูแลทีม ... งบปีนึงอาจจะถึง 30 ล้านก็ได้ !! ทีมเหล่านี้ ยังไงๆก็ต้องขึ้นชั้นครับ นักเตะที่เอามา ก็ระดับ D1 และ TPL ... ดีไม่ดี เอาพวกระดับชาติมาเล่นด้วยซ่้ำ ที่เห็นๆก็ บุรีรัมย์ เอฟซี , ชัยนาท , ราชบุรี พวกนี้เริ่มแข่งก็เห็นความแตกต่างกับทีมอื่นๆแล้วครับ
อยู่ที่คุณ จขกท เลือกแล้วล่ะครับ ว่าถ้าได้ทำทีมจริงๆ จะเอาทีมคุณไปอยู่ในหมวดหมู่ไหน
ความคิดเห็นที่ 10
ถ้าจะไต่จากถ้วย ง ก็ต้องมีลำดับขั้นแบบนี้ครับ
- จดทะเบียนทีมในนามสมาคมกีฬา อะไรสักอย่างขึ้นมาก่อน (อิงตาม พรบ ก็ต้องมีทุนจดทะเบียนสัก 2-3 แสนและสมาชิกประมาณ 9คน+)
- หลังจากจดทะเบียนสมาคมกีฬาแล้ว ก็ไปสมัครเป็นสมาชิกภาพกับทางสมาคม อ่อ สมาชิกอันนี้เป็นแบบชั่วคราวนะครับ ไม่ใช่ 120 กว่าเสียงที่ได้เลือกตั้งนายกฯ พวกนั้นเป็นสมาชิกถาวร ต่อให้ทีมไม่ได้เตะก็ยังได้โหวต
- พอเป็นมาชิกแล้ว ก็ยื่นใบสมัครเข้าแข่งขันถ้วยพระราชทาน ง.
การแข่งด้วย ง จะแข่งเหมือนบอลโลก คือแบ่งกลุ่มย่อย 10 กว่ากลุ่ม เอาทีมที่ 1-2 ของแต่ละกลุ่มเข้ามาน็อคเอาท์ และคัดประมาณ 8 ทีมขึ้นมาถ้วย ค. ส่วนสถานที่แข่งก็มักจะเป็นสักสนามใน กทม เช่นสนามสวนรถไฟ ที่ใช้บ่อย
ปัญหาของถ้วย ง (หรือรวม ถ้วย ค + ถ้วย ข ด้วย) คือแข่งแบบนี้ใช้เวลานานมากครับ เตะกัน 3 แมตช์ในรอบแรก อาจกินเวลา 1 เกือนได้ เพราะปัญหาเรื่องไม่มีสนามแข่งนี่แหละ (รอบแรกเตะกันรวมๆ 70-80 คู่) ดังนั้นเรื่องการเก็บตัว จะต้องต่อเนื่อง หลายๆทีมซ้อมกันแบบ 3 วันก่อนแข่ง ก็จะเสียเปรียบทีมที่ซ้อมต่อเนื่องทุกวันตลอดเดือน
นักเตะ ถ้าจะเอามาเล่น ก็อาจต้องจ้างนักเตะเดินสายกัน มีสองทางครับ คือ
1) จ้างมาเล่นแมตช์ละ 500-1000 บาท แบบนี้คือมาแล้วเตะเลย ไม่มีการซ้อม .. รวมๆ นักเตะสัก 15-20 คน ก็นัดละ 10,000-20,000 บาท
เบ็ดเสร็จ ถ้าเล่นจนขึ้นชั้น (เตะสัก 6-7 นัด) ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 150,000-200,000 บาท (รวมค่ารถ ค่าชุด ค่าอาหาร ค่าน้ำโดยประมาณ)
2) สร้างทีมจริงๆจัง ถ้าจะให้เด็กซ้อมกันทั้งเดือน ก็อาจจะต้องเลี้ยงดูกันหนัก ทั้งที่พัก อาหาร อาจรวมเบี้ยซ้อมรายวัน (ต่อให้เอาเด็ก ม ปลายมาเล่น ถ้าไม่ได้เบี้ยซ้อม รับรอง มันโดดซ้อมกันแน่นอนครับ) ผมเคยคิดเบ็ดเสร็จ ค่าใช้จ่ายอาจถึง 500,000 บาทได้เลย
ถ้าขึ้นมาถ้วย ค. ก็วนลูปแบบเดิมเพื่อขึ้น ถ้วย ข. (แต่ทีมคู่แข่งจะโหดขึ้น) ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นในเรื่องของค่าจ้างนักเตะ เพราะเราอาจจะใช้เด็ก ม ปลายไม่ได้แล้ว ต้องเอาระดับเด็กมหาลัยมาเล่น ก็ต้องจ่ายมากขึ้นอีก
จากถ้วย ข. มาสู่ดิวิชั่น 2 อันนี้แหละที่หนัก เพราะคู่แข่งแต่ละทีมเป็นนักฟุตบอลจริงๆ อย่างพวกนักเตะทีมมหาลัย หรือนักเตะเดินสายทีมองค์กร ผมเคยไปดูถ้วย ข เตะกัน ฝีเท้าและประสบการณ์นักเตะ ดีกว่าทีมจังหวัดหลายๆทีมใน D2 ด้วยซ้ำ
และการขึ้นชั้น จะเอาขึ้นมาไม่เกิน 3-4 ทีม (แล้วแต่ว่าทีมใน D2 ยุบทีมกันไปมากน้อยแค่ไหน หึหึ) ไม่ใช่ 6-10 ทีมเหมือนถ้วยเล็กๆ
การจะหานักเตะมาต่อกรกับทีมเหล่านี้ได้ ต้องใช้นักเตะอาชีพครับ เพราะอย่างทีมมหาวิทยาลัยทั้งหลาย ใช้นักเตะช้างเผือกที่เล่นอาชีพได้สบายๆ แถมพวกนี้ซ้อมกันทุกวัน ทีมเวิร์คและความฟิตหายห่วง ถ้าทีมของคุณจะสู้เขาได้ นักเตะที่คุณเอามา ต้องเป็นนักเตะที่เคยผ่าน D2 เป็นอย่างต่ำ ซึ่งถ้าจ้างมาเล่นเป็นนัดๆ ก็อาจจะมากกว่า 2,000 บาท
เบ็ดเสร็จ...เล่น ถ้วย ข. เพื่อเลื่อนชั้น ท่านต้องมีงบมากวก่า 1 ล้านบาทครับ
3 ปี , เลื่อนชั้น 3 ครั้ง ..... ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 2-3 ล้านบาทแน่ๆ
(นี่ยังไม่ได้เข้าเล่นในระบบลีกของ D2 เลยนะครับ)
- จดทะเบียนทีมในนามสมาคมกีฬา อะไรสักอย่างขึ้นมาก่อน (อิงตาม พรบ ก็ต้องมีทุนจดทะเบียนสัก 2-3 แสนและสมาชิกประมาณ 9คน+)
- หลังจากจดทะเบียนสมาคมกีฬาแล้ว ก็ไปสมัครเป็นสมาชิกภาพกับทางสมาคม อ่อ สมาชิกอันนี้เป็นแบบชั่วคราวนะครับ ไม่ใช่ 120 กว่าเสียงที่ได้เลือกตั้งนายกฯ พวกนั้นเป็นสมาชิกถาวร ต่อให้ทีมไม่ได้เตะก็ยังได้โหวต
- พอเป็นมาชิกแล้ว ก็ยื่นใบสมัครเข้าแข่งขันถ้วยพระราชทาน ง.
การแข่งด้วย ง จะแข่งเหมือนบอลโลก คือแบ่งกลุ่มย่อย 10 กว่ากลุ่ม เอาทีมที่ 1-2 ของแต่ละกลุ่มเข้ามาน็อคเอาท์ และคัดประมาณ 8 ทีมขึ้นมาถ้วย ค. ส่วนสถานที่แข่งก็มักจะเป็นสักสนามใน กทม เช่นสนามสวนรถไฟ ที่ใช้บ่อย
ปัญหาของถ้วย ง (หรือรวม ถ้วย ค + ถ้วย ข ด้วย) คือแข่งแบบนี้ใช้เวลานานมากครับ เตะกัน 3 แมตช์ในรอบแรก อาจกินเวลา 1 เกือนได้ เพราะปัญหาเรื่องไม่มีสนามแข่งนี่แหละ (รอบแรกเตะกันรวมๆ 70-80 คู่) ดังนั้นเรื่องการเก็บตัว จะต้องต่อเนื่อง หลายๆทีมซ้อมกันแบบ 3 วันก่อนแข่ง ก็จะเสียเปรียบทีมที่ซ้อมต่อเนื่องทุกวันตลอดเดือน
นักเตะ ถ้าจะเอามาเล่น ก็อาจต้องจ้างนักเตะเดินสายกัน มีสองทางครับ คือ
1) จ้างมาเล่นแมตช์ละ 500-1000 บาท แบบนี้คือมาแล้วเตะเลย ไม่มีการซ้อม .. รวมๆ นักเตะสัก 15-20 คน ก็นัดละ 10,000-20,000 บาท
เบ็ดเสร็จ ถ้าเล่นจนขึ้นชั้น (เตะสัก 6-7 นัด) ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 150,000-200,000 บาท (รวมค่ารถ ค่าชุด ค่าอาหาร ค่าน้ำโดยประมาณ)
2) สร้างทีมจริงๆจัง ถ้าจะให้เด็กซ้อมกันทั้งเดือน ก็อาจจะต้องเลี้ยงดูกันหนัก ทั้งที่พัก อาหาร อาจรวมเบี้ยซ้อมรายวัน (ต่อให้เอาเด็ก ม ปลายมาเล่น ถ้าไม่ได้เบี้ยซ้อม รับรอง มันโดดซ้อมกันแน่นอนครับ) ผมเคยคิดเบ็ดเสร็จ ค่าใช้จ่ายอาจถึง 500,000 บาทได้เลย
ถ้าขึ้นมาถ้วย ค. ก็วนลูปแบบเดิมเพื่อขึ้น ถ้วย ข. (แต่ทีมคู่แข่งจะโหดขึ้น) ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นในเรื่องของค่าจ้างนักเตะ เพราะเราอาจจะใช้เด็ก ม ปลายไม่ได้แล้ว ต้องเอาระดับเด็กมหาลัยมาเล่น ก็ต้องจ่ายมากขึ้นอีก
จากถ้วย ข. มาสู่ดิวิชั่น 2 อันนี้แหละที่หนัก เพราะคู่แข่งแต่ละทีมเป็นนักฟุตบอลจริงๆ อย่างพวกนักเตะทีมมหาลัย หรือนักเตะเดินสายทีมองค์กร ผมเคยไปดูถ้วย ข เตะกัน ฝีเท้าและประสบการณ์นักเตะ ดีกว่าทีมจังหวัดหลายๆทีมใน D2 ด้วยซ้ำ
และการขึ้นชั้น จะเอาขึ้นมาไม่เกิน 3-4 ทีม (แล้วแต่ว่าทีมใน D2 ยุบทีมกันไปมากน้อยแค่ไหน หึหึ) ไม่ใช่ 6-10 ทีมเหมือนถ้วยเล็กๆ
การจะหานักเตะมาต่อกรกับทีมเหล่านี้ได้ ต้องใช้นักเตะอาชีพครับ เพราะอย่างทีมมหาวิทยาลัยทั้งหลาย ใช้นักเตะช้างเผือกที่เล่นอาชีพได้สบายๆ แถมพวกนี้ซ้อมกันทุกวัน ทีมเวิร์คและความฟิตหายห่วง ถ้าทีมของคุณจะสู้เขาได้ นักเตะที่คุณเอามา ต้องเป็นนักเตะที่เคยผ่าน D2 เป็นอย่างต่ำ ซึ่งถ้าจ้างมาเล่นเป็นนัดๆ ก็อาจจะมากกว่า 2,000 บาท
เบ็ดเสร็จ...เล่น ถ้วย ข. เพื่อเลื่อนชั้น ท่านต้องมีงบมากวก่า 1 ล้านบาทครับ
3 ปี , เลื่อนชั้น 3 ครั้ง ..... ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 2-3 ล้านบาทแน่ๆ
(นี่ยังไม่ได้เข้าเล่นในระบบลีกของ D2 เลยนะครับ)
แสดงความคิดเห็น
อยากสร้างทีมฟุตบอลเพื่อก้าวไปเล่นในไทยลีก
ในกรณีที่จะสร้างทีมเล่นในลีกภูมิภาค D.2 สามารถสร้างทีมในจังหวัดบุรีรัมย์ขึ้นมา 1 ทีม ได้หรือไม่ เพราะไม่เห็นมีทีมในจังหวัดบุรีรัมย์ลงแข่งขันในฟุตบอลลีกภูมิภาคเลย และถ้าทำได้ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง