สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีปัญหาที่ค้างคาใจอยากมาปรึกษาครับ (จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกทีเดียวครับ ผมแค่ต้องการบอกเล่าให้ใครซักคนได้รับรู้เสียมากกว่า)
ผมมีคำถามที่คาใจตัวเองก็คือ ทำไมสุดท้ายเราถึงกลายเป็นคนที่ตัวเราเกลียดที่สุด ?
บางคนอาจบอกว่าคำถามนี้มันแปลกๆ แต่ลองๆอ่านดูกันก่อนนะครับ
เคยสังเกตไหมตอนที่เราเด็กๆ เราเคยเกลียดคนที่ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนัน พูดโกหก แย่งแฟนชาวบ้าน บลาๆ
คุณเคยเป็นไหมครับ แต่พอคุณโตขึ้นได้ซักหน่อยคุณจะเริ่มทำในสิ่งที่คุณเคยเกลียด
ผมเคยเกลียดคนดื่มเหล้า ล้มเหลวในชีวิต บลาๆ แต่สุดท้ายก็กลับกลายมาเป็นคนๆนั้นเสียเอง
ผมเองก็นั่งทบทวนกับตัวเองมาหลายเดือนแล้วแต่ก็ยังคิดไม่ตก วันนี้เลยอยากจะแชร์ อยากรู้ว่ามีใครเป็นเหมือนกันไหม ?
เริ่มจากเด็กๆ ผมมีความคิดเพียอย่างเดียวว่าคนเราเกิดมา ใช้ชีวิต ต้องใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากเป็น ผมเป็นคนที่ค่อนข้างติสซักเล็กน้อย
ในช่วงเด็กผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี เฮฮา เพื่อนฝูงเยอะ ถึงไหนถึงกัน ใช้ชีวิตเรียกได้ว่าคุ้มสุดๆละ
ทั้งเที่ยว เล่น กิน อยากทำอะไรก็ทำ ทำทุกวันให้มีความสุข
เรื่องในจุดนี้มันก็เป็นปกติของคนเราใช่ไหมครับ ?
แต่เรื่องมันก็เริ่มจากที่เรามีเพื่อนเยอะๆนี้แหละ เกิดการหักหลัง แทงหลัง แย่งแฟนกันเกิดขึ้น หลายๆเรื่องเริ่มประเดประดัง ปานหนังคนละม้วน
(อันนี้ผมถูกกระทำทั้งหมดเลยนะครับ ถึงทุกวันนี้ผมก็ยังเจอเรื่องแบบนี้วนเป็นลูปกลับมาซ้ำๆซากๆ)
ถ้าในชีวิตนี้เพื่อนคือความสุขที่สุดของผม
ในทางกลับกัน เพื่อนก็คือความทุกข์ที่สุดของผมเช่นกัน
มีทั้งคนที่ดีและไม่ดีปะปนกันไปหมด
ผมเริ่มมองโลกแง่ร้ายลงทุกวันๆ จากไว้ใจเพื่อนมากๆ กลับเป็นคนคิดมาก คิดอะไรก็แง่ร้ายเสียหมด
เพื่อนส่วนใหญ่ก็เริ่มด่า เราตั้งแต่นั้นมาว่าทำไมถึงมองโลกแง่ร้ายจัง
ผมเองก็ตอบเขาเหมือนกันนะ โดยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเราให้เขาฟัง
เขาก็ได้แต่พยักหน้า อืมๆ แต่เขาก็คงไม่เข้าใจเสียจริงๆหรอกครับ
ในส่วนนี้เพิ่งเป็นเรื่องเริ่มต้นจากเรื่องราวทั้งหมดในชีวิตของผมเท่านั้นเองครับ
ในช่วงชีวิตที่ผมมีความสุขที่สุดและผมอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ มาจากความรัก
ในช่วงวัยรุ่น ผมเป็นเด็กติดเกมส์มาก มาจนถึงทุกวันนี้เลยก็ได้ เล่นทุกอย่างที่ขว้าง เกมออนไลน์ ออฟไลท์ เวปไหนแจกเกมผมสิงอยู่ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เรียกว่าเล่นมันทุกอย่าง เล่นให้มันลืม มีความสุข เกมมันไม่ทรยศเราเหมือนเพื่อนบางคนที่ทำกับเรา
ความคิดนี้เข้ามาครอบงำหัวสมองผมได้ซักระยะ
จนเจอคนที่ผมรักเข้ามา พูดไปก็ปานนิยายน้ำเน่านะครับ
ผมอกหัก เขาเองก็อกหัก เจอกันก็ดั่งเพลงหนุ่มบาว สาวปานนั้นแหละครับ
คุยกัน เข้าใจกัน เริ่มเป็นกำลังใจให้กันและกัน ฟังดูมันก็คงจะจบแบบ แฮปปี้ใช่ไหมละครับ
แต่มันไม่ใช่อย่างที่ท่านๆ ทั้งหลายคิดหรอกครับ
(ชาติที่แล้วผมคงทำกรรมเอาไว้เสียมาก)
ช่วงชีวิตผมจะวนมาลูปนี้ตลอดเลยครับ เวลาอะไรๆมันกำลังไปได้สวยหรือชีวิตเรามีหลัก มีเป้าหมายในชีวิตแล้ว
ทุกอย่างมันก็จะพังครื้นปาน สึนามิถล่ม
ผู้หญิงคนที่เป็นคนแรกที่ผมบอกรักแบบ ทื่อๆ ผมไม่ได้ใช้ลูกไม้อะไรกับเธอเลยครับ
บอกรักวันวาเลนไทน์ด้วย อะไรๆมันก็คงจะดี ถ้าเป็นไปดั่งใจเราหวังนะครับ
แต่เขาก็ไม่ได้ปฎิเสธด้วยกลัวว่าเราจะเสียใจ แต่เขาก็อยากจะเป็นแค่เพื่อนกับเรา. . .
ชีวิตวนมาลูปเดิมอีกครั้งครับ เล่นเกม การงานไม่สนใจ
อ้อผมลืมบอกไปนะครับ แรงจูงใจที่ทำให้ผมรักเธอคนนี้มากเพราะผมมีความสุขเหลือเกินเวลาเราได้คุยกัน อยู่ด้วยกัน
ผมตั้งใจเรียน เด้งสปีด จากคน 50 คน ผมอยู่ 45 เป็นอย่างน้อยประจำ ผมดีดตัวขึ้นมาสอบได้ติด 5 ตลอดของห้องในช่วงนั้น
ผมเองรู้สึกมีความสุขมากๆ จากเด็กติดเกม โง่ๆ งั่งๆ คนหนึ่ง ก็ตั้งใจเรียน บอกแม่ขอไปเรียนภาษา จนทุกวันนี้ผมสามารถพูดอ่านเขียนฟัง
ได้คล่อง (อันนี้ผมยังละลึกถึงเธอทุกครั้ง เพราะเขาคือแรงบัลดานใจของผมจริงๆ ผมยังไม่เคยคิดว่าจะมอบความรัก ในแบบฉบับของคนหนุ่มสาวให้ผู้หญิงคนไหนได้มากเท่าผู้หญิงคนนี้เลยครับ)
แต่ก็นั้นแหละครับในเมื่อชีวิตมันพัง จุดมุ่งหมายของชีวิตมันหายไป
ผมกลับบ้านมานอนร้องไห้อยู่คนเดียว (ผมไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นซักครั้ง)
ด้วยความน้อยใจว่า ความรักของผมมันไร้ค่าปานนั้นเลยหรือ ทำไมเขาไม่รับรักเรา ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้
คิดไปต่างๆ นาๆ
เริ่มกลับมาใช้ชีวิตแบบไปวันๆเหมือนเดิม เล่นเกม ไม่สนใจการเรียน กลับมาเรียนโง่อีกเช่นเคยครับ
แต่ด้วยสัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะสอบขึ้นม ปลาย รรเก่าให้ได้ ผมก็มาฮึดเอาเมื่อเกือบสายเสียแล้ว
โชคยังดีครับ ที่ผมยังสอบเขาโรงเรียนเก่าแห่งนี้ได้ (ทุกครั้งที่ผมสัญญาอะไรกับ เธอผมจะทำให้สำเร็จทุกครั้ง)
เมื่อรักษา สัญญาได้แล้ว ก็คืออันจบครับสำหรับผม
ผมก็ใช้ชีวิต ม.ปลาย ปานศพเดินได้ จากที่เตะบอล
มีรุ่นน้องมาติดพัน มาคนมาบอกชอบ ในช่วงม.ต้น
ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ แต่ก็ทำให้เราชุ่มชื่นได้
ชีวิตม.ปลาย เป็นหนังคนละม้วนครับ อ้วน ลงพุง
น้ำหนักขึ้น 20 กิโลภายใน 3 เดือน (กินโค๊กมันทุกวัน เวลาเศร้าๆ แล้วกินเยอะๆ มันทำให้ลืมได้นะ สำหรับผม นั้นแหละ อัดเข้าไปไม่ได้ยับยั้งตัวเองเลย)
รู้สึกตัวเองอีกทีชีวิตผมก็เดินทางมาถึงจุดบดซบ เข้าเสียแล้ว
จากเล่นกีฬาได้นานๆ ก็เหนื่อยง่าย วิ่งไม่ได้ เตะบอลก็เหนื่อยไว
กินเยอะ แต่ก็ยังไม่ได้สนใจตัวเอง
มีความหวังโง่ๆอยู่ในใจ ว่าจะรอผู้หญิงคนนั้น ซักวันหนึ่งเธอคงจะรับรักเรา (โดยที่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้สร้างอะไรดีๆในชีวิตเลย)
ยิ่งเห็นเธอมีแฟนใหม่ ผมนี้ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้บอกใครหรอก เก็บไว้ในใจ มีแค่เพื่อนสนิทคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าผมยังรักเขาอยู่
เรื่องราวก็ดำเนินไปแบบนี้แหละครับ กับชีวิตเส็งเคร็ง จนจบม.6
ขึ้นมหาลัย อยากเข้าคณะ สูงๆก็เข้าไม่ได้หรอกครับ เพราะมั่วทำตัวเฮงซวยอยู่
ก็จับพลัดจับพูล เข้ามาในคณะที่เราก็ไม่ได้ชอบเสียเท่าไหร่
ดำเนินชีวิตวันต่อวันเช่นเดิม ปี1 2 3
ชีวิตมาเปลี่ยนแปลงเอาเมื่อตอนปี 3 นี้ครับ
ดั๊นเกิดเรื่องราวระหว่างเพื่อนอีกครั้ง มันก็วนมาลูปเดิมๆนั้นแหละครับ คือผมก็นั่งของผมอยู่ดีๆ แต่ก็มีเรื่องราววิ่งเข้ามา
เกิดการแย่งแฟน หักหลัง แทงหลังกันอีกครั้ง
รอบนี้ผมเป็นฝ่ายจำเลยครับ ผมโดนใส่ร้ายว่าแย่งแฟนเพื่อน อันนี้ผมสาบานเลยว่าผมไม่ได้ชอบ รึ จีบแฟนเพื่อนแต่ประการใด แต่เรื่องราว ปานหนังน้ำเน่าอีกครั้ง ผมกลายเป็นจำเลยในสายตาเพื่อนๆ เรื่องนี้ผมไม่ได้ใส่ใจซักเท่าไหร่ ตอนหลังเพื่อนเขาก็มาขอโทษ แฟนเขาก็มาขอโทษเรา เราก็คิดว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีแต่ก็ มีหลายอย่างที่มันไม่เหมือนเดิมแหละครับ ในความคิดคนเรา จะมีซักกี่คนที่ยอมรับว่าตัวเองผิด
แต่ในจุดแย่ที่สุดก็มีแสงสว่าง เข้ามาอีกวูป หนึ่งครับ
ผมเริ่มมีความรักเข้ามาอีกครั้ง ผมยังยึดมั่นกับความคิดที่ว่า ถ้าชอบเพื่อนตัวเอง เราต้องบอกเขาตรงๆ บอกรักแบบทื่อๆ เหมือนผู้หญิงคนแรกที่ผมบอกไป
ในความคิดผม ผมคิดว่าผมให้เกียรติ เขานะ ผมไม่ได้ใช้ลูกไม้ หรือลวดลายในการเข้าหา
เอากันตรงๆผมไม่ไช่ผู้ชาย ติ๋มๆ หรืออะไรหรอกนะครับ ผมมีวิธีจีบผู้หญิงเยอะแยะมาก เพื่อนสนิทผมมันจะรู้ๆอยู่ และชอบด่าผมว่า คารมณ์ ... เยอะนะ ลองใช้หน้าตาเข้าไปจีบให้ดูซักทีสิ (ผมไม่หล่อครับ อ้วนมากด้วยตอนนี้ ผมไม่เคยจีบผู้หญิงคนไหนติดเลยซักครั้งถ้าใช้หน้าตาเข้าจีบ)
แน่นอนครับ รอบนี้ก็เหมือนรอบที่แล้ว ปานหนังม้วนเดิม วนกลับมาฉายซ้ำ
แต่รอบนี้ผมได้ทำอะไรๆหลายๆอย่าง แบบที่รอบแรกผมไม่ได้ทำไป
เธอทั้งสองคนพูดเหมือนกันในหลายๆประโยค (ไม่รู้ผู้หญิงทุกคนพูดแบบนี้กันหมดเลยหรือปล่าว ?)
เป็นเพื่อนกันนะก็ดีแล้ว...
รอบที่แล้วผมแค่อึงๆและเงียบไปแต่รอบนี้ไม่ใช่ครับ
ผมถามเขากลับไปว่า แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นแฟนกัน มันจะไม่ดี
มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ . . .
หลายๆท่านเห็นด้วยกับผมรึเปล่าครับ ว่าถ้าเขาคิดแบบที่เขาพูด
เขาต้องตอบผมได้สิ ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นก็คือความจริง
แต่ผมก็เคารพการตัดสินใจของเขานะครับ ผมไม่ได้ดื้อดึง ตามจีบอะไรทั้งนั้น
ผมตามขอโทษเขาพักใหญ่ๆ ผมไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี
ตอนนี้เขาเริ่มดีขึ้นมาก ผมเองก็มีทางออกในใจแล้วเหมือนกัน
เพราะยังไงเสีย ความรู้สึกเดิมๆ มันก็คงไม่เหมือนเก่า
จะให้ผมไปหลอกเขาว่า ผมคิดกับเขาแค่เพื่อน มันก็คือการโกหกเพื่อนที่ดีของเรา
ผมเลือกเดินออกมา อยู่เงียบๆ คนเดียว ครับ
ตอนนี้ก็เงียบๆคนเดียวได้เกือบ4-5 เดือนแล้ว
บางครั้งผมก็สงสัยเหมือนกันนะครับว่าทำไมคนเราชอบฟังคำโกหก
คนเราเลือกที่จะฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ฟังเท่านั้น
ผมเคยเตือนถึงผู้ชายที่เข้ามาติดพันเธอ ว่าเขาคนนั้นไม่ดี ไม่จริงใจ
เธอกลับโกรธและโมโหผมมาก
อันนี้ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่ประการใดนะครับ แต่ทุกคนที่เป็นเพื่อนเธอก็คิดเหมือนผมเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเท่านั้นเอง
เรื่องราวของผมใกล้เดินทางมาถึงตอนจบแล้วครับ
ผมได้แต่เฝ้าถามตัวเอง จากหลักการใช้ชีวิต ของผม
ทำไมเราถึงกลายมาเป็นคนที่เราเกลียดมากที่สุด ?
ดื่มเหล้า เพื่อเข้าสังคม เพื่อนกินแต่เราไม่กิน ก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน
โกหก พูดในสิ่งที่คนอื่นต้องการได้ยิน
เหยียบหัวคนอื่น เพื่อก้าวขึ้นไปในจุดที่สูงที่สุด
แทงหลังเพื่อน เพราะแฟนเอ็งน่ารักดี
และสุดท้ายผมต้องยอมแพ้ให้กับความคิดที่จะต่อสู้หรือขัดขืนใช่รึเปล่า
ความกลัวที่สุด ในชีวิตของผมก็คือ การเปลี่ยนไปของตัวเราเอง
เพราะจากที่ผมใช้ชีวิตมาจากหลักที่ตัวเองตั้งขึ้น ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุข มันกลับกลายเป็นเริ่มมีแต่ความทุกข์เข้ามา
เป็นเพราะเราไม่ได้ทำตาม ที่ใครหลายๆคนทำ ทำในสิ่งที่เราๆก็เกลียดแต่ก็ต้องทำ ใช่รึเปล่า
บางครั้งเมื่อหันกลับไปมอง ชีวิตผมน่าจะแฮปปี้ที่สุด ถ้าผู้หญิงคนแรกรับรักผมใช่ไหม ?
บ่อยครั้งผมก็คิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้โทษเธอหรอกครับ
คนเราก็ต้องเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผมเองก็เข้าใจเธอเหมือนกัน
สุดท้ายนี้ ผมอยากถามหลายๆท่าน อีกซักข้อ
กับคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายแบบผม จะเดินต่อไปก็ไม่รู้จะไปทางไหน
จะหันหลังกลับ ก็ไม่มีที่ให้กลับแล้ว
ผมควรจะทำอย่างไรดี
เพราะตอนนี้หลายๆปัญหามันเข้ามามากเกินไป
ผมคิดไม่ตกจริงๆครับ
......
ขอบพระคุณทุกท่านมากที่แวะเวียนเข้ามาอ่านและตอบ
บางทีเวลามีปัญหา ผมเองก็ไม่รู้จะพูดกับใครดี. . .
ทำไมสุดท้ายเราถึงกลายเป็นคนที่เราเคยเกลียดมากที่สุด ?
วันนี้ผมมีปัญหาที่ค้างคาใจอยากมาปรึกษาครับ (จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกทีเดียวครับ ผมแค่ต้องการบอกเล่าให้ใครซักคนได้รับรู้เสียมากกว่า)
ผมมีคำถามที่คาใจตัวเองก็คือ ทำไมสุดท้ายเราถึงกลายเป็นคนที่ตัวเราเกลียดที่สุด ?
บางคนอาจบอกว่าคำถามนี้มันแปลกๆ แต่ลองๆอ่านดูกันก่อนนะครับ
เคยสังเกตไหมตอนที่เราเด็กๆ เราเคยเกลียดคนที่ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เล่นการพนัน พูดโกหก แย่งแฟนชาวบ้าน บลาๆ
คุณเคยเป็นไหมครับ แต่พอคุณโตขึ้นได้ซักหน่อยคุณจะเริ่มทำในสิ่งที่คุณเคยเกลียด
ผมเคยเกลียดคนดื่มเหล้า ล้มเหลวในชีวิต บลาๆ แต่สุดท้ายก็กลับกลายมาเป็นคนๆนั้นเสียเอง
ผมเองก็นั่งทบทวนกับตัวเองมาหลายเดือนแล้วแต่ก็ยังคิดไม่ตก วันนี้เลยอยากจะแชร์ อยากรู้ว่ามีใครเป็นเหมือนกันไหม ?
เริ่มจากเด็กๆ ผมมีความคิดเพียอย่างเดียวว่าคนเราเกิดมา ใช้ชีวิต ต้องใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากเป็น ผมเป็นคนที่ค่อนข้างติสซักเล็กน้อย
ในช่วงเด็กผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี เฮฮา เพื่อนฝูงเยอะ ถึงไหนถึงกัน ใช้ชีวิตเรียกได้ว่าคุ้มสุดๆละ
ทั้งเที่ยว เล่น กิน อยากทำอะไรก็ทำ ทำทุกวันให้มีความสุข
เรื่องในจุดนี้มันก็เป็นปกติของคนเราใช่ไหมครับ ?
แต่เรื่องมันก็เริ่มจากที่เรามีเพื่อนเยอะๆนี้แหละ เกิดการหักหลัง แทงหลัง แย่งแฟนกันเกิดขึ้น หลายๆเรื่องเริ่มประเดประดัง ปานหนังคนละม้วน
(อันนี้ผมถูกกระทำทั้งหมดเลยนะครับ ถึงทุกวันนี้ผมก็ยังเจอเรื่องแบบนี้วนเป็นลูปกลับมาซ้ำๆซากๆ)
ถ้าในชีวิตนี้เพื่อนคือความสุขที่สุดของผม
ในทางกลับกัน เพื่อนก็คือความทุกข์ที่สุดของผมเช่นกัน
มีทั้งคนที่ดีและไม่ดีปะปนกันไปหมด
ผมเริ่มมองโลกแง่ร้ายลงทุกวันๆ จากไว้ใจเพื่อนมากๆ กลับเป็นคนคิดมาก คิดอะไรก็แง่ร้ายเสียหมด
เพื่อนส่วนใหญ่ก็เริ่มด่า เราตั้งแต่นั้นมาว่าทำไมถึงมองโลกแง่ร้ายจัง
ผมเองก็ตอบเขาเหมือนกันนะ โดยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเราให้เขาฟัง
เขาก็ได้แต่พยักหน้า อืมๆ แต่เขาก็คงไม่เข้าใจเสียจริงๆหรอกครับ
ในส่วนนี้เพิ่งเป็นเรื่องเริ่มต้นจากเรื่องราวทั้งหมดในชีวิตของผมเท่านั้นเองครับ
ในช่วงชีวิตที่ผมมีความสุขที่สุดและผมอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ มาจากความรัก
ในช่วงวัยรุ่น ผมเป็นเด็กติดเกมส์มาก มาจนถึงทุกวันนี้เลยก็ได้ เล่นทุกอย่างที่ขว้าง เกมออนไลน์ ออฟไลท์ เวปไหนแจกเกมผมสิงอยู่ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เรียกว่าเล่นมันทุกอย่าง เล่นให้มันลืม มีความสุข เกมมันไม่ทรยศเราเหมือนเพื่อนบางคนที่ทำกับเรา
ความคิดนี้เข้ามาครอบงำหัวสมองผมได้ซักระยะ
จนเจอคนที่ผมรักเข้ามา พูดไปก็ปานนิยายน้ำเน่านะครับ
ผมอกหัก เขาเองก็อกหัก เจอกันก็ดั่งเพลงหนุ่มบาว สาวปานนั้นแหละครับ
คุยกัน เข้าใจกัน เริ่มเป็นกำลังใจให้กันและกัน ฟังดูมันก็คงจะจบแบบ แฮปปี้ใช่ไหมละครับ
แต่มันไม่ใช่อย่างที่ท่านๆ ทั้งหลายคิดหรอกครับ
(ชาติที่แล้วผมคงทำกรรมเอาไว้เสียมาก)
ช่วงชีวิตผมจะวนมาลูปนี้ตลอดเลยครับ เวลาอะไรๆมันกำลังไปได้สวยหรือชีวิตเรามีหลัก มีเป้าหมายในชีวิตแล้ว
ทุกอย่างมันก็จะพังครื้นปาน สึนามิถล่ม
ผู้หญิงคนที่เป็นคนแรกที่ผมบอกรักแบบ ทื่อๆ ผมไม่ได้ใช้ลูกไม้อะไรกับเธอเลยครับ
บอกรักวันวาเลนไทน์ด้วย อะไรๆมันก็คงจะดี ถ้าเป็นไปดั่งใจเราหวังนะครับ
แต่เขาก็ไม่ได้ปฎิเสธด้วยกลัวว่าเราจะเสียใจ แต่เขาก็อยากจะเป็นแค่เพื่อนกับเรา. . .
ชีวิตวนมาลูปเดิมอีกครั้งครับ เล่นเกม การงานไม่สนใจ
อ้อผมลืมบอกไปนะครับ แรงจูงใจที่ทำให้ผมรักเธอคนนี้มากเพราะผมมีความสุขเหลือเกินเวลาเราได้คุยกัน อยู่ด้วยกัน
ผมตั้งใจเรียน เด้งสปีด จากคน 50 คน ผมอยู่ 45 เป็นอย่างน้อยประจำ ผมดีดตัวขึ้นมาสอบได้ติด 5 ตลอดของห้องในช่วงนั้น
ผมเองรู้สึกมีความสุขมากๆ จากเด็กติดเกม โง่ๆ งั่งๆ คนหนึ่ง ก็ตั้งใจเรียน บอกแม่ขอไปเรียนภาษา จนทุกวันนี้ผมสามารถพูดอ่านเขียนฟัง
ได้คล่อง (อันนี้ผมยังละลึกถึงเธอทุกครั้ง เพราะเขาคือแรงบัลดานใจของผมจริงๆ ผมยังไม่เคยคิดว่าจะมอบความรัก ในแบบฉบับของคนหนุ่มสาวให้ผู้หญิงคนไหนได้มากเท่าผู้หญิงคนนี้เลยครับ)
แต่ก็นั้นแหละครับในเมื่อชีวิตมันพัง จุดมุ่งหมายของชีวิตมันหายไป
ผมกลับบ้านมานอนร้องไห้อยู่คนเดียว (ผมไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นซักครั้ง)
ด้วยความน้อยใจว่า ความรักของผมมันไร้ค่าปานนั้นเลยหรือ ทำไมเขาไม่รับรักเรา ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้
คิดไปต่างๆ นาๆ
เริ่มกลับมาใช้ชีวิตแบบไปวันๆเหมือนเดิม เล่นเกม ไม่สนใจการเรียน กลับมาเรียนโง่อีกเช่นเคยครับ
แต่ด้วยสัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะสอบขึ้นม ปลาย รรเก่าให้ได้ ผมก็มาฮึดเอาเมื่อเกือบสายเสียแล้ว
โชคยังดีครับ ที่ผมยังสอบเขาโรงเรียนเก่าแห่งนี้ได้ (ทุกครั้งที่ผมสัญญาอะไรกับ เธอผมจะทำให้สำเร็จทุกครั้ง)
เมื่อรักษา สัญญาได้แล้ว ก็คืออันจบครับสำหรับผม
ผมก็ใช้ชีวิต ม.ปลาย ปานศพเดินได้ จากที่เตะบอล
มีรุ่นน้องมาติดพัน มาคนมาบอกชอบ ในช่วงม.ต้น
ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ แต่ก็ทำให้เราชุ่มชื่นได้
ชีวิตม.ปลาย เป็นหนังคนละม้วนครับ อ้วน ลงพุง
น้ำหนักขึ้น 20 กิโลภายใน 3 เดือน (กินโค๊กมันทุกวัน เวลาเศร้าๆ แล้วกินเยอะๆ มันทำให้ลืมได้นะ สำหรับผม นั้นแหละ อัดเข้าไปไม่ได้ยับยั้งตัวเองเลย)
รู้สึกตัวเองอีกทีชีวิตผมก็เดินทางมาถึงจุดบดซบ เข้าเสียแล้ว
จากเล่นกีฬาได้นานๆ ก็เหนื่อยง่าย วิ่งไม่ได้ เตะบอลก็เหนื่อยไว
กินเยอะ แต่ก็ยังไม่ได้สนใจตัวเอง
มีความหวังโง่ๆอยู่ในใจ ว่าจะรอผู้หญิงคนนั้น ซักวันหนึ่งเธอคงจะรับรักเรา (โดยที่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้สร้างอะไรดีๆในชีวิตเลย)
ยิ่งเห็นเธอมีแฟนใหม่ ผมนี้ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้บอกใครหรอก เก็บไว้ในใจ มีแค่เพื่อนสนิทคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าผมยังรักเขาอยู่
เรื่องราวก็ดำเนินไปแบบนี้แหละครับ กับชีวิตเส็งเคร็ง จนจบม.6
ขึ้นมหาลัย อยากเข้าคณะ สูงๆก็เข้าไม่ได้หรอกครับ เพราะมั่วทำตัวเฮงซวยอยู่
ก็จับพลัดจับพูล เข้ามาในคณะที่เราก็ไม่ได้ชอบเสียเท่าไหร่
ดำเนินชีวิตวันต่อวันเช่นเดิม ปี1 2 3
ชีวิตมาเปลี่ยนแปลงเอาเมื่อตอนปี 3 นี้ครับ
ดั๊นเกิดเรื่องราวระหว่างเพื่อนอีกครั้ง มันก็วนมาลูปเดิมๆนั้นแหละครับ คือผมก็นั่งของผมอยู่ดีๆ แต่ก็มีเรื่องราววิ่งเข้ามา
เกิดการแย่งแฟน หักหลัง แทงหลังกันอีกครั้ง
รอบนี้ผมเป็นฝ่ายจำเลยครับ ผมโดนใส่ร้ายว่าแย่งแฟนเพื่อน อันนี้ผมสาบานเลยว่าผมไม่ได้ชอบ รึ จีบแฟนเพื่อนแต่ประการใด แต่เรื่องราว ปานหนังน้ำเน่าอีกครั้ง ผมกลายเป็นจำเลยในสายตาเพื่อนๆ เรื่องนี้ผมไม่ได้ใส่ใจซักเท่าไหร่ ตอนหลังเพื่อนเขาก็มาขอโทษ แฟนเขาก็มาขอโทษเรา เราก็คิดว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีแต่ก็ มีหลายอย่างที่มันไม่เหมือนเดิมแหละครับ ในความคิดคนเรา จะมีซักกี่คนที่ยอมรับว่าตัวเองผิด
แต่ในจุดแย่ที่สุดก็มีแสงสว่าง เข้ามาอีกวูป หนึ่งครับ
ผมเริ่มมีความรักเข้ามาอีกครั้ง ผมยังยึดมั่นกับความคิดที่ว่า ถ้าชอบเพื่อนตัวเอง เราต้องบอกเขาตรงๆ บอกรักแบบทื่อๆ เหมือนผู้หญิงคนแรกที่ผมบอกไป
ในความคิดผม ผมคิดว่าผมให้เกียรติ เขานะ ผมไม่ได้ใช้ลูกไม้ หรือลวดลายในการเข้าหา
เอากันตรงๆผมไม่ไช่ผู้ชาย ติ๋มๆ หรืออะไรหรอกนะครับ ผมมีวิธีจีบผู้หญิงเยอะแยะมาก เพื่อนสนิทผมมันจะรู้ๆอยู่ และชอบด่าผมว่า คารมณ์ ... เยอะนะ ลองใช้หน้าตาเข้าไปจีบให้ดูซักทีสิ (ผมไม่หล่อครับ อ้วนมากด้วยตอนนี้ ผมไม่เคยจีบผู้หญิงคนไหนติดเลยซักครั้งถ้าใช้หน้าตาเข้าจีบ)
แน่นอนครับ รอบนี้ก็เหมือนรอบที่แล้ว ปานหนังม้วนเดิม วนกลับมาฉายซ้ำ
แต่รอบนี้ผมได้ทำอะไรๆหลายๆอย่าง แบบที่รอบแรกผมไม่ได้ทำไป
เธอทั้งสองคนพูดเหมือนกันในหลายๆประโยค (ไม่รู้ผู้หญิงทุกคนพูดแบบนี้กันหมดเลยหรือปล่าว ?)
เป็นเพื่อนกันนะก็ดีแล้ว...
รอบที่แล้วผมแค่อึงๆและเงียบไปแต่รอบนี้ไม่ใช่ครับ
ผมถามเขากลับไปว่า แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นแฟนกัน มันจะไม่ดี
มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ . . .
หลายๆท่านเห็นด้วยกับผมรึเปล่าครับ ว่าถ้าเขาคิดแบบที่เขาพูด
เขาต้องตอบผมได้สิ ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นก็คือความจริง
แต่ผมก็เคารพการตัดสินใจของเขานะครับ ผมไม่ได้ดื้อดึง ตามจีบอะไรทั้งนั้น
ผมตามขอโทษเขาพักใหญ่ๆ ผมไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี
ตอนนี้เขาเริ่มดีขึ้นมาก ผมเองก็มีทางออกในใจแล้วเหมือนกัน
เพราะยังไงเสีย ความรู้สึกเดิมๆ มันก็คงไม่เหมือนเก่า
จะให้ผมไปหลอกเขาว่า ผมคิดกับเขาแค่เพื่อน มันก็คือการโกหกเพื่อนที่ดีของเรา
ผมเลือกเดินออกมา อยู่เงียบๆ คนเดียว ครับ
ตอนนี้ก็เงียบๆคนเดียวได้เกือบ4-5 เดือนแล้ว
บางครั้งผมก็สงสัยเหมือนกันนะครับว่าทำไมคนเราชอบฟังคำโกหก
คนเราเลือกที่จะฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ฟังเท่านั้น
ผมเคยเตือนถึงผู้ชายที่เข้ามาติดพันเธอ ว่าเขาคนนั้นไม่ดี ไม่จริงใจ
เธอกลับโกรธและโมโหผมมาก
อันนี้ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่ประการใดนะครับ แต่ทุกคนที่เป็นเพื่อนเธอก็คิดเหมือนผมเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเท่านั้นเอง
เรื่องราวของผมใกล้เดินทางมาถึงตอนจบแล้วครับ
ผมได้แต่เฝ้าถามตัวเอง จากหลักการใช้ชีวิต ของผม
ทำไมเราถึงกลายมาเป็นคนที่เราเกลียดมากที่สุด ?
ดื่มเหล้า เพื่อเข้าสังคม เพื่อนกินแต่เราไม่กิน ก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน
โกหก พูดในสิ่งที่คนอื่นต้องการได้ยิน
เหยียบหัวคนอื่น เพื่อก้าวขึ้นไปในจุดที่สูงที่สุด
แทงหลังเพื่อน เพราะแฟนเอ็งน่ารักดี
และสุดท้ายผมต้องยอมแพ้ให้กับความคิดที่จะต่อสู้หรือขัดขืนใช่รึเปล่า
ความกลัวที่สุด ในชีวิตของผมก็คือ การเปลี่ยนไปของตัวเราเอง
เพราะจากที่ผมใช้ชีวิตมาจากหลักที่ตัวเองตั้งขึ้น ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุข มันกลับกลายเป็นเริ่มมีแต่ความทุกข์เข้ามา
เป็นเพราะเราไม่ได้ทำตาม ที่ใครหลายๆคนทำ ทำในสิ่งที่เราๆก็เกลียดแต่ก็ต้องทำ ใช่รึเปล่า
บางครั้งเมื่อหันกลับไปมอง ชีวิตผมน่าจะแฮปปี้ที่สุด ถ้าผู้หญิงคนแรกรับรักผมใช่ไหม ?
บ่อยครั้งผมก็คิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้โทษเธอหรอกครับ
คนเราก็ต้องเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผมเองก็เข้าใจเธอเหมือนกัน
สุดท้ายนี้ ผมอยากถามหลายๆท่าน อีกซักข้อ
กับคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายแบบผม จะเดินต่อไปก็ไม่รู้จะไปทางไหน
จะหันหลังกลับ ก็ไม่มีที่ให้กลับแล้ว
ผมควรจะทำอย่างไรดี
เพราะตอนนี้หลายๆปัญหามันเข้ามามากเกินไป
ผมคิดไม่ตกจริงๆครับ
......
ขอบพระคุณทุกท่านมากที่แวะเวียนเข้ามาอ่านและตอบ
บางทีเวลามีปัญหา ผมเองก็ไม่รู้จะพูดกับใครดี. . .