สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
นึกถึงนายพันตำรวจขายราดหน้าเลย น่าชื่นชมตำรวจหากินสุจริต
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่า เมื่อรายได้จากเงินเดือนของตนไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ภายในครอบครัว
และรักษาตัวบุตรชาย ตนจึงต้องดิ้นรนด้วยการหาสินค้าต่าง ๆ ทั้งใช้ในการอุปโภคและบริโภค
ไปเดินเร่ขายหลังเลิกจากการปฏิบัติหน้าที่ในเวลาราชการ และจะมาต่อด้วยการทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าขาย
จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. จึงจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน เดิมมีร้านขายที่ ใกล้ โรงพัก อ.บางระกำ
แต่วันนี้เปิดร้านวันแรกที่ย่านหอพัก หน้ามหาวิทยาลัยนเรศวร
" ถึงแม้จะมีผู้คนมองด้วยความแปลกใจและสงสัยว่าตนเป็นนายตำรวจแต่ต้องมาเดินเร่ขายของ
ผมก็ไม่ได้รู้สึกอายและน้อยใจแต่อย่างใดในเมื่อสิ่งที่ได้ทำไปมันเป็นอาชีพที่สุจริต
และต้องพยายามทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อครอบครัวที่ผมต้องดูแล
และต้องหารายได้ให้ทันกับรายจ่ายค่อนข้างสูงที่ต้องใช้ในการรักษาบุตรชาย
คือยาบำรุงสมอง เข็มละ 2,500 บาท ฉีดทุกสัปดาห์ แต่ปัจจุบันฉีดเดือน ละ 1-2 ครั้ง
กายภาพบำบัด 300-400 บาท ทำวันเว้นวัน ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าขายตรงเดือนละ 4-5 พันบาท
ขายอาหาร ก๋วยเตี๋ยวหักต้นทุนเหลือกำไรเฉลี่ยเดือนละ 7-8 พันบาท
ยังไม่เพียงพอ แต่ก็สู้ทำงานทุกอย่างที่มีรายได้เพิ่มเข้ามา "
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่า สิ่งที่อยากได้วันนี้ คือ อยากได้กำลังใจ เวลาทำงานหนักเหนื่อย
บางครั้งก็ท้อบ้าง แอบร้องไห้ แต่พอเห็นหน้าลูกก็ทำให้สู้ ทำงานเหนือนอนพัก
เช้าก็หาย ทำงานต่อที่โรงพัก เย็นก็มาขายก๋วยเตี่ยว ส่วนสิ่งที่อยากได้ให้ลูกชายคือ
อยากได้ อุปกรณ์ช่วยทำกายภาพบำบัด ลูกชายยืนไม่ได้ ถ้ามี ทิ้วช่วยพยุงเวลายืน
ก็จะช่วยแบ่งเบาได้มาก เพราะผมหลังจากเลิกจากการขายของ และตอนเช้าก่อนไปทำงาน
ต้องทำกายภาพบำบัดให้ลูกชายก่อน อยากได้ที่นอนลม และเตียงนอนสำหรับผู้ป่วย
เพื่อป้องกันแผลกดทับ และช่วยให้ลูกนอนสบายขึ้น
ฉบับเนื้อเรื่องเต็ม
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349746846&grpid=01&catid=01
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่า เมื่อรายได้จากเงินเดือนของตนไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ภายในครอบครัว
และรักษาตัวบุตรชาย ตนจึงต้องดิ้นรนด้วยการหาสินค้าต่าง ๆ ทั้งใช้ในการอุปโภคและบริโภค
ไปเดินเร่ขายหลังเลิกจากการปฏิบัติหน้าที่ในเวลาราชการ และจะมาต่อด้วยการทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าขาย
จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. จึงจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน เดิมมีร้านขายที่ ใกล้ โรงพัก อ.บางระกำ
แต่วันนี้เปิดร้านวันแรกที่ย่านหอพัก หน้ามหาวิทยาลัยนเรศวร
" ถึงแม้จะมีผู้คนมองด้วยความแปลกใจและสงสัยว่าตนเป็นนายตำรวจแต่ต้องมาเดินเร่ขายของ
ผมก็ไม่ได้รู้สึกอายและน้อยใจแต่อย่างใดในเมื่อสิ่งที่ได้ทำไปมันเป็นอาชีพที่สุจริต
และต้องพยายามทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อครอบครัวที่ผมต้องดูแล
และต้องหารายได้ให้ทันกับรายจ่ายค่อนข้างสูงที่ต้องใช้ในการรักษาบุตรชาย
คือยาบำรุงสมอง เข็มละ 2,500 บาท ฉีดทุกสัปดาห์ แต่ปัจจุบันฉีดเดือน ละ 1-2 ครั้ง
กายภาพบำบัด 300-400 บาท ทำวันเว้นวัน ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าขายตรงเดือนละ 4-5 พันบาท
ขายอาหาร ก๋วยเตี๋ยวหักต้นทุนเหลือกำไรเฉลี่ยเดือนละ 7-8 พันบาท
ยังไม่เพียงพอ แต่ก็สู้ทำงานทุกอย่างที่มีรายได้เพิ่มเข้ามา "
พ.ต.ท.ปวริศ กล่าวว่า สิ่งที่อยากได้วันนี้ คือ อยากได้กำลังใจ เวลาทำงานหนักเหนื่อย
บางครั้งก็ท้อบ้าง แอบร้องไห้ แต่พอเห็นหน้าลูกก็ทำให้สู้ ทำงานเหนือนอนพัก
เช้าก็หาย ทำงานต่อที่โรงพัก เย็นก็มาขายก๋วยเตี่ยว ส่วนสิ่งที่อยากได้ให้ลูกชายคือ
อยากได้ อุปกรณ์ช่วยทำกายภาพบำบัด ลูกชายยืนไม่ได้ ถ้ามี ทิ้วช่วยพยุงเวลายืน
ก็จะช่วยแบ่งเบาได้มาก เพราะผมหลังจากเลิกจากการขายของ และตอนเช้าก่อนไปทำงาน
ต้องทำกายภาพบำบัดให้ลูกชายก่อน อยากได้ที่นอนลม และเตียงนอนสำหรับผู้ป่วย
เพื่อป้องกันแผลกดทับ และช่วยให้ลูกนอนสบายขึ้น
ฉบับเนื้อเรื่องเต็ม
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1349746846&grpid=01&catid=01
แสดงความคิดเห็น
พบตำรวจหารายได้เสริมอีกแล้ว
ตำรวจดีๆก็ยังมีครับ หาเลี้ยงลูกเมียได้ครับด้วยอาชีพเสริมแบบนี้ พระเอกตัวจริง
ส.ต.ท.วิวัฒน์ จันทะมอม ผบ.หมู่ ฝอ.4 บก.อก.ภ.4 ขอยกย่องครับ
ที่มา แชร์กันใน FB