ตอนนี้ผมกำลังเผชิญกับปัญหาครอบครัวอย่างหนักหน่วงเลยครับ ครอบครัวมีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่แตกแยก ไม่สมบูรณ์ทั้งทางพ่อและแม่ พ่อมาอยู่ด้วยกันก็มีฐานะยากจน มีภาวะหนี้สิน ไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี เราเองเรียนจบมาแล้วก็ยังไม่มีงานทำ ตอนนี้ก็พยายามหางานอย่างสุดๆ เพื่อจะได้ลดความกดดันจากทางบ้านลง
เรื่องของเรื่องก็คือพ่อเราน่ะ เป็นคนที่มาจากครอบครัวที่แตกแยก ปู่กับย่าเลิกรากัน แล้วพ่อก็โดนปู่ทำร้ายมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เลยมีอาการโรคประสาทอ่อนๆ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย มีนิสัยตบหัวแล้วลูบหลัง ส่วนแม่ก็เคยมีสามีมาแล้วคนนึง ตอนเลิกกับสามีเก่า ก็มีอาการเสียใจมาก เอาแต่ใจ นิสัยพาลไปทั่ว ชอบประชดชีวิต ตอนมาเจอกันใหม่ๆแม่ก็ไม่ยอมรับความจริงว่ามีสามีมาก่อนแล้ว เพราะพ่อเราเค้าไม่ชอบคนเป็นแม่หม้ายอยู่แต่แรก พอพ่อรู้ว่าถูกแม่หลอก ก็เลยโกรธแค้นมาตลอดแล้วก็ไม่ค่อยถูกชะตากับพี่น้องฝ่ายแม่เลย อยู่ด้วยกันมาจนมีเรากับน้องสาว พ่อเราค่อนข้างเป็นคนไม่ชอบทำมาหากิน เดิมแต่แรกเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่หลังปี 40 งานไม่ค่อยมี เลยอยู่เฉยๆกับบ้าน มาหลายปี ทำให้ที่ผ่านมาไม่ค่อยจะมีรายรับเข้าบ้านเท่าไหร่
ส่วนทางแม่เราช่วงแรกๆที่เราเรียนประถมแม่รับจ้างขายของทุกอย่าง แต่หลังปี 40 ก็เปลี่ยนไปทำงานคนสวนของสำนักงานเขต แต่รายได้ก็ไม่สู้จะเยอะนัก เพราะมีรายรับของแม่อย่างเดียว พ่อไม่ออกทำมาหากิน สุดท้ายเกิดทะเลาะใหญ่เกิดขึ้น ตอนเราเรียนมหาลัยปีหนึ่ง เหตุเนื่องจาก แม่เอาเงินสงเคราะห์บุตรจำนวนหลายแสนไปใช้หนี้เจ้าหนี้หลายๆคน แต่กลัวพ่อจะว่า เลยโกหกพ่อว่า เอาเงินไปช่วยใช้หนี้จำนองที่ดินของลุงพี่ชายพี่ พ่อก็เลยโกรธแม่หนักทะเลาะกันใหญ่ ช่วงนั้นเราแทบจะไม่เป็นอันเรียนแล้วไม่อยากจะอยู่บ้านเลย จนมาวันหนึ่ง แม่ก็ไม่อยากจะโกหกอีกต่อไป ก็เลยบอกความจริงว่าเอาเงินไปใช้หนี้ แต่พ่อเราไม่เชื่อแม่ เค้าจุดธูปสาปแช่งพี่น้องข้างแม่ให้มีอันเป็นไปทุกวันๆ เราเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดีให้เค้าหยุดทำเรื่องแบบนั้น แล้วก็ไม่อยากให้เค้าหลงผิดอีกต่อไป แล้วก็ล่าสุดแม่เราเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดไส้ติ่ง หยุดงานหลายเดือนไม่มีรายรับเข้าบ้าน พ่อเราเลยไปทำงานกวาดถนน แต่ก็ยังไม่พอ ส่วนเรื่องเงินนั้นพ่อไม่เคยจะให้แม่ เพราะโกรธแค้นแม่ที่เอาเงินสงเคราะห์บุตรไปทำเรื่องอื่น แม่ก็เลยมาขอเงินทุนที่เราเก็บสะสมไว้ตอนเรียนไปใช้ แม่เองก็โกรธแค้นพ่อ เลยไม่ค่อยอยากอยู่บ้าน วันนี้แม่โทรมาบอกว่าจะไปวัด(หรือเปล่าเราก็ไม่รู้) เราโทรหาเค้าไม่ติดเลย
ส่วนทางพ่อที่เพิ่งถูกแม่ขอเงินก็โทรมากดดันเราให้ไปทำงานอะไรก็ได้ พ่อไม่อยากทำงานอีกต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาเค้าคงทำดีเกินไป ไม่ต่อยไม่เตะแม่ จะไปทำงานอะไรก็ไป หรือจะไปหิ้วปูน ก่อสร้างกับปู่ก็ได้ เราเสียใจมากที่ได้ยินคำพูดของพ่อในวันนี้ เราดิ้นรนเรียนจบปริญญาตรีมา มันไม่มีคุณค่าอะไรเลยหรอ ที่ผ่านมาเราเองก็ถูกที่บ้านกดดันมามากพอจนจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว วันนี้เลยวีนใส่พ่อแรงๆไปด้วยความที่รับไม่ไหวแล้ว พ่อวางสายหนีเราไปเลย ตอนนี้บอกตรงๆว่าสับสนกับชีวิตมาก เหมือนกับว่าเราจะรับรู้เรื่องราวที่ไม่ดีของทางพ่อทางแม่มากจนเกินไป จนตอนนี้เราเริ่มจะมีอาการหงุดหงิดง่าย ประสาทอ่อนๆแล้ว ผมควรทำอย่างไรเพื่อที่จะให้ชีวิตมันดูดีขึ้น แล้วจะรับมือกับคนในครอบครัวอย่างไร
เครียดมากๆกับปัญหาครอบครัว
เรื่องของเรื่องก็คือพ่อเราน่ะ เป็นคนที่มาจากครอบครัวที่แตกแยก ปู่กับย่าเลิกรากัน แล้วพ่อก็โดนปู่ทำร้ายมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เลยมีอาการโรคประสาทอ่อนๆ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย มีนิสัยตบหัวแล้วลูบหลัง ส่วนแม่ก็เคยมีสามีมาแล้วคนนึง ตอนเลิกกับสามีเก่า ก็มีอาการเสียใจมาก เอาแต่ใจ นิสัยพาลไปทั่ว ชอบประชดชีวิต ตอนมาเจอกันใหม่ๆแม่ก็ไม่ยอมรับความจริงว่ามีสามีมาก่อนแล้ว เพราะพ่อเราเค้าไม่ชอบคนเป็นแม่หม้ายอยู่แต่แรก พอพ่อรู้ว่าถูกแม่หลอก ก็เลยโกรธแค้นมาตลอดแล้วก็ไม่ค่อยถูกชะตากับพี่น้องฝ่ายแม่เลย อยู่ด้วยกันมาจนมีเรากับน้องสาว พ่อเราค่อนข้างเป็นคนไม่ชอบทำมาหากิน เดิมแต่แรกเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่หลังปี 40 งานไม่ค่อยมี เลยอยู่เฉยๆกับบ้าน มาหลายปี ทำให้ที่ผ่านมาไม่ค่อยจะมีรายรับเข้าบ้านเท่าไหร่
ส่วนทางแม่เราช่วงแรกๆที่เราเรียนประถมแม่รับจ้างขายของทุกอย่าง แต่หลังปี 40 ก็เปลี่ยนไปทำงานคนสวนของสำนักงานเขต แต่รายได้ก็ไม่สู้จะเยอะนัก เพราะมีรายรับของแม่อย่างเดียว พ่อไม่ออกทำมาหากิน สุดท้ายเกิดทะเลาะใหญ่เกิดขึ้น ตอนเราเรียนมหาลัยปีหนึ่ง เหตุเนื่องจาก แม่เอาเงินสงเคราะห์บุตรจำนวนหลายแสนไปใช้หนี้เจ้าหนี้หลายๆคน แต่กลัวพ่อจะว่า เลยโกหกพ่อว่า เอาเงินไปช่วยใช้หนี้จำนองที่ดินของลุงพี่ชายพี่ พ่อก็เลยโกรธแม่หนักทะเลาะกันใหญ่ ช่วงนั้นเราแทบจะไม่เป็นอันเรียนแล้วไม่อยากจะอยู่บ้านเลย จนมาวันหนึ่ง แม่ก็ไม่อยากจะโกหกอีกต่อไป ก็เลยบอกความจริงว่าเอาเงินไปใช้หนี้ แต่พ่อเราไม่เชื่อแม่ เค้าจุดธูปสาปแช่งพี่น้องข้างแม่ให้มีอันเป็นไปทุกวันๆ เราเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดีให้เค้าหยุดทำเรื่องแบบนั้น แล้วก็ไม่อยากให้เค้าหลงผิดอีกต่อไป แล้วก็ล่าสุดแม่เราเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดไส้ติ่ง หยุดงานหลายเดือนไม่มีรายรับเข้าบ้าน พ่อเราเลยไปทำงานกวาดถนน แต่ก็ยังไม่พอ ส่วนเรื่องเงินนั้นพ่อไม่เคยจะให้แม่ เพราะโกรธแค้นแม่ที่เอาเงินสงเคราะห์บุตรไปทำเรื่องอื่น แม่ก็เลยมาขอเงินทุนที่เราเก็บสะสมไว้ตอนเรียนไปใช้ แม่เองก็โกรธแค้นพ่อ เลยไม่ค่อยอยากอยู่บ้าน วันนี้แม่โทรมาบอกว่าจะไปวัด(หรือเปล่าเราก็ไม่รู้) เราโทรหาเค้าไม่ติดเลย
ส่วนทางพ่อที่เพิ่งถูกแม่ขอเงินก็โทรมากดดันเราให้ไปทำงานอะไรก็ได้ พ่อไม่อยากทำงานอีกต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาเค้าคงทำดีเกินไป ไม่ต่อยไม่เตะแม่ จะไปทำงานอะไรก็ไป หรือจะไปหิ้วปูน ก่อสร้างกับปู่ก็ได้ เราเสียใจมากที่ได้ยินคำพูดของพ่อในวันนี้ เราดิ้นรนเรียนจบปริญญาตรีมา มันไม่มีคุณค่าอะไรเลยหรอ ที่ผ่านมาเราเองก็ถูกที่บ้านกดดันมามากพอจนจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว วันนี้เลยวีนใส่พ่อแรงๆไปด้วยความที่รับไม่ไหวแล้ว พ่อวางสายหนีเราไปเลย ตอนนี้บอกตรงๆว่าสับสนกับชีวิตมาก เหมือนกับว่าเราจะรับรู้เรื่องราวที่ไม่ดีของทางพ่อทางแม่มากจนเกินไป จนตอนนี้เราเริ่มจะมีอาการหงุดหงิดง่าย ประสาทอ่อนๆแล้ว ผมควรทำอย่างไรเพื่อที่จะให้ชีวิตมันดูดีขึ้น แล้วจะรับมือกับคนในครอบครัวอย่างไร