[CR] บันทึกครั้งนี้ที่สังขละบุรี

กระทู้รีวิว
ทริปเกิดอยากไปคราวนี้คือ สังขละบุรี จ้า คือจู่ๆเพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า แกไปสังขละบุรีกัน เราก็เออไปดิ เสาร์นี้เลย เงินเดือนออกแล้วยังว่างอยู่ด้วย สรุปกันวันพุธ เดือนทางเช้าวันเสาร์เลย ตัดสินใจกันเร็วว่า กะว่าทริปนี้ไม่น่าจะเกิน2000 แต่สุดท้ายจะเป็นเท่าไหร่นั้น รอดูตอนท้าย...

5.30 น. ตื่นนอนทำภารกิจเสร็จเรียบร้อย ตั้งใจจะไปขึ้นรถใต้ดินตั้งแต่6โมงเลย เพราะนัดเจอเพื่อนที่อนุเสาวรีย์ไม่เกิน 7โมง พอไปถึงเพื่อนก็ถึงกันหมดแล้ว (ไปกัน3สาว) เราไปถึงเบอร์3 ประมาณเกือบ7โมง แต่เพื่อนก็ซื้อตั๋วรอบ7โมงไว้ทันพอดี ค่าตั๋วคนละ120บาท คิวรถHappyที่เซ็นจูรี่ อุตส่าห์รีบวิ่งไปขึ้นรถแล้ว สุดท้ายก็ไม่ทัน ได้นั่งแถวหลังสุด อึดอัดมากๆๆ ต้องนั่งแบบนี้ไป3ชม.กว่าจะถึงกาญฯ พอไปถึงกาญฯต้องต่อรถตู้ไปสังขละบุรี ก็ได้นั่งแถวหลังสุดอีก อยากจะร้องไห้ รวมแล้วนั่งรถตู้หลังขดหลังแข็งไป6ชม. กว่าจะถึงที่หมาย เท่านั้นยังไม่พอ คือแบบว่าติสท์ไง ไม่ได้จองที่พัก ไปwalk-inเดินหา จากคิวรถตู้เดินไปที่แรกคือไปหาแพมิตรสัมพันธ์กับแพแสงจันทร์ฉาย พร้อมกับเป้หนักราวๆ4กิโล Backpackerฝุดๆ เดินไปก็ระยะทางประมาณ1กิโลเมตร พอไปถึงดูบรรยากาศแล้วริมน้ำน่าจะไม่เวิร์ค เพราะตอนนี้น้ำน้อยมาก ก็เลยขอคิดดูก่อน เลยเดินข้ามสะพานซองกาเรียไปต่อสะพานมอญ เพื่อจะข้ามไปหาโฮมสเตย์ฝั่งมอญ (จริงๆมันก็ประเทศไทยนี่ล่ะ แต่คนมอญอยู่ฝั่งนั้นเยอะ ขอเรียกว่าฝั่งมอญแล้วกัน)
สะพานมอญ


พอเดินไปถึงฝั่งมอญก็มีป้ามอญคนนึงชวนไปอยู่ที่แพของป้า ยังไม่พอชวนไปอยู่บ้านฟรีๆด้วย ไอ้เรากับเพื่อนก็มองหน้ากัน เอาไงดีว่ะ เพื่อนก็มีอารมณ์แบบอยากไปนอนบ้านของชาวบ้านจริงๆอยู่เหมือนกัน อยากสัมผัสชีวิตชาวบ้านมอญจริงๆ แต่อีกใจก็กลัวว่า ของฟรีมีในโลกหรือ ก็เลยไม่ได้ตอบไป มีเด็กน้อยพาเดินไปบ้านโฮมสเตย์ของยายท่านนึง พอไปถึงก็บอกว่าเต็มซะงั้น (คาดว่าไม่อยากรับแขกมากกว่า) ขากลับก็มีเด็กน้อยมาเสนอตัวขอเป็นไกด์พูดเล่าประวัติสะพานให้ฟังระหว่างที่เราเดินข้ามสะพานมอญ ก็ทำให้ได้รู้ว่าจากที่เดินไปกลับสะพานทั้งสองนี้ เราได้เดินไปทั้งหมด1.6km O_O ท่ามกลางแดดเปรี้ยงเที่ยงวัน คนที่เห็นเราเดินกันบนสะพานคงคิดกันว่า 3ตัวนี้มันบ้ารึป่าว มาเดินอะไรกับป่านนี้ ร้อนจะแย่ แต่เราว่าแดดแบบนี้ก็ถ่ายรูปสวยดีนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องแบกเป้มาด้วย T_T เดินกลับมาแล้วก็เดินขึ้นเนินเพื่อจะกลับไปที่ถนนหลัก ถ้าใครเคยไปจะรู้ว่ามันชันมากประมาณ45องศาได้ ตัดสินใจจะไปพักที่ P Guesthouse เลยโทรไปถามก่อนจะได้ไม่ต้องเดินไปให้เหนื่อยว่ายังมีห้องว่างเหลือไม๊ ก็ได้ว่ามีห้องพัดลมเหลือ1ห้อง 250บาท เสริมเตียงบวกเพิ่ม 125บาท ก็เลยเดินไป กลายเป็นว่ายังมีห้องแอร์เหลือ1ห้อง 950บาท เสริมเตียงเพิ่ม300 บาท มัดจำกุญแจ500บาท ตอนแรกกะจะประหยัดนอนพัดลม ชิลๆริมน้ำ แต่ ณ จุดๆนี้เดินตากแดดเหงื่อซกกันมา ขอห้องแอร์เลยละกัน ก็ได้ห้องเบอร์ A18 พอได้ล้างเนื้อล้างตัว ตากแอร์ซักพักให้ชื่นใจสักหน่อย ประมาณ4โมงเย็นก็ออกมาตะลอน เราเช่ารถมอไซค์ไว้ด้วย1คัน ใช้ได้24ชม. 200บาท เจ้าของที่พักเก็บคันที่สตาร์ทมือไว้ให้ ไอ้เราก็โอเคตกลง นึกว่าจะได้คันดีๆ เกียร์ออโต้ ที่ไหนได้กลายเป็นรถเกียร์ธรรมดา ค่อนข้างจะเก่าหน่อยแล้ว1คัน แถมคอรถยังไม่แข็งแรงอีก ต้องซ้อนสามกันไป เกือบจะแย่ แต่ดีที่เพื่อนเราที่ขับมีทักษะจากการที่เป็นเด็กม.เชียงใหม่มาก่อน เคยขี่รถขึ้นเขาลงเนินอยู่บ่อยๆ ที่แรกที่ไปกันเลยก็คือเจดีย์พุทธคยา ช่วงนี้กำลังซ่อมแซมอยู่ แต่สีทองอร่ามนั้นก็ยังสวยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมู่บ้านชาวมอญ เห็นแล้วประทับใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็ไปที่วัดวิเวการาม เป็นวัดที่สร้างด้วยงานประติมากรรมแบบมอญ ดูแล้วก็ขลังๆดี
เจดีย์พุทธคยา

วัดวิเวการาม


ขากลับก็แวะที่จุดชมวิว ถ่ายรูปกันสักเล็กน้อย พอแดดเริ่มร่มลมตก ก็เลยมาถ่ายรูปกันที่สะพานมอญ ไม่รู้ว่าคนมาจากไหนกัน ทั้งๆที่ตอนกลางวันไม่มีเลยซักคน เวลาเย็นนี่ล่ะเป็นเวลาที่คนเริ่มออกมาเดินเที่ยวถ่ายรูปบนสะพาน และชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น เจอป้าคนมอญเจ้าเก่าชวนไปนั่งเรือไปโบสถ์กลางน้ำวันพรุ่งนี้ ไปกับพี่อีกสองคน เหมาลำกันไปก็ตกคนละ60บาท ก็เลยโอเคแลกเบอร์กัน     มองดูไกลๆเมฆฝนกำลังมา เลยตัดสินใจกันว่าควรจะรีบหาที่กินข้าวเย็นกันได้แล้ว เลยรีบขับรถไปที่ร้านแพมิตรสัมพันธ์ ซึ่งเป็นแพที่มีรีวิวว่าอาหารอร่อยที่สุดละ แต่เราก็บอกเพื่อนไปแล้ว่าเมื่อตอนเราเดินมาหาแพเราก็เห็นป้ายติดไว้ว่า ครัวปิด1วัน นะ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ที่แพมิตรสัมพันธ์หรือป่าว จำไม่ได้แล้ว จะลองไปเสี่ยงดูก็ได้ พอไปถึงทางที่จะลงแพ ก็กระจ่างชัดแล้วว่า ครัวปิด มีหลายครอบครัวที่หวังจะไปฝากท้องกับที่นี่ แต่ก็ต้องผิดหวังกันไปเหมือนเรา พอหันหัวรถขับออกไปเท่านั้นล่ะ ฝนที่ทำท่าจะตกมาตั้งแต่บ่ายก็เริ่มรินลงมา จุดหมายที่เราจะไปเสี่ยงอีกร้านก็คือ ร้านโต๊ะเดียว  ร้านอยู่เลยจากที่พักเราไปไม่ไกล แต่มีป้ายติดไว้ว่าต้องจองล่วงหน้า ไม่รู้ล่ะ ไปดูละกันเผื่อจะได้กินก็ได้ สุดท้ายไปถึงร้านปิด อดกินไปตามระเบียบ จะลองไปร้านศรีแดง แต่ฝนก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยวกกลับไปที่ร้านแพแสงจันทร์ฉาย พอไปถึงร้านฝนก็เทหนักเลยทีนี้ คาดว่าทุกคนคงไม่รู้ว่าจะไปที่ร้านไหน ก็เลยมาที่ร้านนี้กันหมด สั่งอาหารกันไป4อย่าง มีปลาสร้อยแดดเดียวทอด ผัดคะน้าน้ำมันหอย แกงป่าปลากลด ยำสาวมอญ ดูคนเยอะๆอย่างนี้รอประมาณครึ่งชม.ก็ได้กินละ หน้าตาอาหารก็ดูดีอยู่นะ แต่รสชาติไม่เท่าไหร่ ออกจะจืดๆ ไม่รู้ว่าคนแถวนี้เค้ากินอาหารรสชาติแบบนี้กันอยู่แล้วหรือป่าว กินไปเรื่อยๆรอให้ฝนหยุดตก ประมาณสามทุ่มแน่ะกว่าฝนจะหยุด ก็ได้ฤกษ์เช็คบิลกลับที่พัก แต่ก่อนจะถึงที่พักต้องหาอะไรมาคลายความเหนื่อยล้าของวันนี้สักหน่อย นั่นก็คือ เบียร์เย็นๆบวกกับแกล้มนั่นเอง ยิ้ม ไม่ช้าไม่นานก็กลับถึงที่พัก รีบไปบอกเจ้าของที่พักให้มาดูทีวีให้หน่อย จะดูช่อง3 !!! ไม่ได้นะ คุณชายรัชชานนท์จะแต่งงานแล้ว พลาดไม่ได้ ดูไปกินเบียร์ไป แต่เอาจริงๆ ไม่ต้องมีเบียร์ก็หลับสนิทได้ เพราะว่าวันนี้เหนื่อยสุดๆ คิดว่าระยะทางที่เดินไปรวมๆแล้วน่าจะถึง3กิโลได้ ถ้าอากาศไม่ร้อนและไม่มีเป้ ก็คงไม่เหนื่อยขนาดนี้หรอก กินไปสามแก้วตาเริ่มจะปิด ห้าทุ่มเท่านั้นไม่ไหวละ ขอนอนก่อนนะสาวๆ

เช้าวันที่2มิย. ตื่นแต่ตี5 ตั้งใจกันว่าวันนี้จะไปใส่บาตรที่สะพานมอญกันตอนหกโมงเช้า ที่สะพานก็จะมีคนจัดชุดอาหารไว้ใส่บาตรพร้อมดอกไม้ชุดละ40บาท ใส่เสร็จก็เดินข้ามสะพานไปฝั่งมอญ ฝั่งนี้มีคนยืนรอใส่บาตรเพียบ เรากับเพื่อนเดินกันไปเรื่อยๆดูบรรยากาศหมู่บ้านมอญ มีสะพานเล็กสะพานนึงที่เป็นสะพานแบบเก่า เดินไปที่ซอย2 ลงไปทางชันมากๆ ถ้าลื่นคงกลิ้งลงไปเลย สะพานนี้ไม่ค่อยมีคนมาเดินเพราะว่าเป็นแค่สะพานเล็กๆที่ชาวบ้านไว้ใช้กัน พอใส่เสร็จก็มีร้านโจ๊กอยู่ร้านเดียวตรงนั้นที่ทุกๆคนจะเข้าไปกินอาหารเช้า จะกินอะไรก็สั่งแล้วก็ต้องเดินมาหยิบเอง มื้อนี้กินไม่มากอะไรแค่ปาท่องโก๋กับโอวัลติน กินเสร็จก็เดินไปขึ้นเรือแล้วก็แวะไปรับพี่สองคนที่ริมน้ำหลังรีสอร์ท นั่งเรือไปที่โบสถ์กลางน้ำ
โบสถ์กลางน้ำ


ตอนเช้าอากาศยังไม่ร้อนเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้ดำได้อยู่ดี ตอนนี้น้ำลดลงมาก สามารถเห็นโบสถ์ได้ทั้งหลัง เดินถ่ายรูปกันจนเป็นที่พอใจแล้วก็กลับ ทนกับแดดที่ร้อนจัดไม่ไหวอีกด้วย กลับไปที่ห้องอาบน้ำอีกซักรอบ เก็บขอบcheck out แล้วก็ไปขึ้นสองแถวไปด่านเจดีย์สามองค์กันต่อ ค่ารถ30บาท ประมาณ40นาทีถึง ที่ช้านี่เพราะมีแวะที่ด่านด้วยแล้วคนขับเวลาลงเขาปล่อยเกียร์ว่างให้รถไหลไปเอง คอยเบรคอย่างเดียวจ้า ไปเรื่อยๆชิลๆ ถึงโน่นบ่าย นั่งรถเครื่อง(วินมอไซค์) เหมาไปคนละ100บาท เสียส่วยให้ทหารพม่าอีก50บาท พาไปวัดเสา100ต้น ดูพระนอน แล้วก็ตลาดพม่า

ไปแบบเร็วมากเพราะว่ากลัวจะมาขึ้นรถกลับกาญฯไม่ทัน รถหมดบ่ายสาม ก่อนไปคิวรถตู้ก็แวะที่ด่านเจดีย์สามองค์ชักภาพสักหน่อย เดินดูของพอเป็นพิธี แล้วก็แวะถามที่ตม.ว่าปกติเสียค่าด่านเท่าไหร่ ด่านบอกว่าตอนนี้ด่านปิดผ่านไม่ได้ ซ่อมถนนอยู่ อีกไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จ ปกติก็แค่แลกบัตรประชาชน เสียค่าผ่าน30บาทเท่านั้น (คือตอนนี้ถ้าใครอยากไปฝั่งพม่าก็ต้องเสียส่วยให้ทหารพม่า50บาท) จากนั้นก็ให้วินไปส่งที่คิวรถตู้ ได้รถรอบสุดท้ายพอดีบ่ายสามครึ่ง จะไปถึงกาญฯเกือบสองทุ่ม เรากับเพื่อนก็หวาดเสียวกลัวว่าจะไปไม่ทันรถรอบสุดท้ายสองทุ่ม สุดท้ายก็ไปถึงตอนทุ่มพอดี เลยได้รถเข้ากทม.ตอนทุ่มครึ่ง รีบกินข้าวแทบไม่ทัน เพราะว่าพอรถเต็มก็ออกเลย ไม่ได้รอจนทุ่มครึ่ง ขึ้นรถได้ก็โล่งอก คราวนี้รีบขึ้นเลย กลัวได้นั่งแถวหลังสุดอีก คราวนี้ได้นั่งแถวสอง ก็ยังดีหน่อย กว่าจะถึงกทม.ก็สี่ทุ่ม เหนือยชะมัด นี่เรามาพักผ่อนกันจริงๆหรือเนี่ย ทำไมมันเหนื่อยจังวะ กลับถึงบ้านก็ห้าทุ่มละ อาบน้ำ สระผมกว่าผมจะแห้งก็เที่ยงคืน แต่ก็ชอบนะ ทริปแบบนี้ คือพออยากไปก็ไปเลย ไม่ต้องมารอว่าคนนี้ว่างไม่ว่าง เพราะถ้ามัวแต่รอก็จะไม่ได้ไปซักที เดิอนหน้าไปเที่ยวไหนอีกดีน้าาาาา.....



ปล. หมดค่าใช้จ่ายไปไม่เกิน2000บาทจ้า
ชื่อสินค้า:   สังขละบุรี, กาญจนบุรี สะพานมอญ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่