นิยาย Yuri เพียงเธอคือหัวใจของฉัน 1
http://ppantip.com/topic/30550418/comment1
“ได้ค่ะ ดารับทำงานนี้” ธีรดานั่งลงมองเขม็งไปที่หญิงสาวตัวต้นเหตุ เมื่อมองเข้าไปในตาดวงสวยของหล่อน เธอเห็นความเจ้าเล่ห์ในดวงตานั้น เธอรู้ตัวดีเกมนี้เธอแพ้และก็ไม่ได้แพ้แบบธรรมดาด้วยนะ แต่มันคือการแพ้แบบราบคาบ
“ขอบคุณคุณดามากนะคะ ที่ยอมออกแบบคอนโดให้ฟ้า”
เพียงฟ้าแสดงท่าทางยินดีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ธีรดายิ้มนิ่ง เธอเกลียดทฤษฎีโลกกลม
“ขอบคุณคุณกริชด้วยนะคะที่ช่วยพูดกับคุณดาให้” เพียงฟ้าหันไปเอาใจชายหนุ่ม
“เพื่อความพอใจของลูกค้าผมต้องพยายามถึงที่สุดอยู่แล้วครับ” ชายหนุ่มยินดีไม่เก็บอาการ
ครืดๆๆ เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ดึงให้ทุกสายตาบนโต๊ะสนใจมอง กริชยิ้มจืดๆเพราะเป็นมือถือของตนนึกขัดใจที่ใครดันโทรมาตอนนี้ แต่เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์จะไม่รับก็ไม่ควรเพราะเป็นสายตรงจากลูกค้ารายใหญ่
“เดี๋ยวผมขอตัวไปโทรศัพท์สักครู่นะครับ คุณฟ้าคุยคอนเซ็ปต์ตกแต่งกับดาได้เลยนะครับ” ชายหนุ่มรีบลุกเดินออกไป ธีรดามองตามกริชจนลับตาไปก่อนจะหันมาที่หญิงสาวร่างบาง
“ทำแบบนี้ทำไม!”
“ทำอะไร?” เพียงฟ้าหน้าเหรอหราทำเป็นไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องเจาะจงว่าต้องเป็นฉัน” ถึงจะใจหายกับคำว่า ‘ ฉัน ’ ที่อีกฝ่ายใช้แทนตัวเองแต่เพียงฟ้าก็ควบคุมสีหน้าได้ดี
“ก็ดาเก่งและดาก็รู้ใจฟ้าที่สุดด้วย”
“เหตุผลไม่ใช่แค่นั้นใช่ไหม?” สองสาวมองตากันนิ่ง
“คุณต้องการอะไร?” เพียงฟ้าใจหายอีกแล้วกับคำว่า‘ คุณ ’
ที่ธีรดาใช้เรียกเธอ
“ก็ต้องการดาไง”
“คุณฟ้าเรื่องของเรามันจบไปแล้ว คุณจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกทำไม”
“ฟ้าไม่เชื่อว่ามันจบและฟ้าจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม และถ้าดายังไม่เลิกแทนตัวเองว่าฉันและเรียกฟ้าว่าคุณล่ะก็ฟ้าจะบอกเรื่องของเรากับคุณกริช”
“ขู่เหรอ?”
“ดารู้จักฟ้าดีที่สุด” เพียงฟ้ามองกลับด้วยสายตาที่เป็นต่อ เธอรู้ดีว่ากำลังทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจแต่เธอไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
“คุณคิดจะหลอกใช้พี่กริช”
“ฟ้าไม่เคยคิดหลอกอะไรคุณกริช หรือดาจะให้ฟ้าบอกเรื่องของเรากับคุณกริชล่ะ? ก็ได้นะ” เพียงฟ้ายิ้มเย็นอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่าขณะที่
ธีรดานั่งเอามือกุมขมับส่ายหน้าเบาๆอย่างคนที่หาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้
“เป็นยังไงบ้างครับสาวๆคุยคอนเซปต์กันไปถึงไหนแล้ว”
ชายหนุ่มกระตือรือร้นถามถึงความคืบหน้า
“ยังไม่ได้คุยอะไรมากหรอกค่ะ ฟ้ากับคุณดานัดกันว่าพรุ่งนี้เราจะไปดูสถานที่จริงกันใช่ไหมคะคุณดา” ธีรดาที่ยังไม่หายมึนกับเรื่องเก่า เพียงฟ้าหาเรื่องใหม่มาใส่หัวเธออีกแล้ว เธอจะทำอะไรได้ล่ะนอกจาก เออออไปกับจอมเจ้าเล่ห์
“ค่ะ” ธีรดาพยักหน้าเบาๆแบบจนทาง
“แผนที่ค่ะ เจอกันสิบโมงพรุ่งนี้นะคะ” ธีรดามองอีกฝ่ายเคืองๆอะไรกัน! จะไม่ให้เธอได้ตั้งหลักบ้างเลยหรือไง เพียงฟ้ายิ้มน้อยๆเธอรู้ดีว่าจะสู้กับคนฉลาดอย่างธีรดาถ้าสู้ด้วยเหตุผลแพ้แน่นอนต้องเอาความมึนเข้าสู้
“วันนี้ฟ้าขอตัวกลับก่อนนะคะรบกวนเวลาคุณสองคนมานานแล้ว” เพียงฟ้ายิ้มหวานส่งให้กริชและธีรดาก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งไว้ก็แต่สองคนสองอารมณ์ สำหรับกริชเค้ากำลังรู้สึกตื่นเต้นและมีความหวังกับการเริ่มต้นที่ดี เพียงฟ้าไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจถึงจะพอๆกับไม่มีทีท่าว่าสนใจก็เถอะ แต่เค้ามั่นใจว่าจะสามารถทำให้เพียงฟ้ารับรักได้แน่ รูปหล่อ พ่อรวย ดีพร้อมอย่างเค้า เหอะๆใครไม่รักก็บ้าแล้ว ธีรดามองกริชที่นั่งยิ้มให้กับดินฟ้าอากาศในขณะที่ตัวเองยังกุมขมับหนักใจกับเรื่องราว
หลังจากที่แยกกับกริช ธีรดาก็รีบเข้ามานั่งในรถร้อนรนกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง
“นพแกว่างคุยกับฉันไหม” หญิงสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น
“ถ้าฉันไม่ว่างคุยกับแก กับคนทั้งโลกนี้ฉันก็ไม่ว่างคุยกับใครหรอก” ลึกๆเขารู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด
“ฉันเจอฟ้า”
“อื่อ...”
“แกรู้”
“ใช่ฉันรู้” ต่างคนต่างนิ่งกับคำถามและคำตอบของกันและกัน
“ฟ้าอยากเจอแกก่อน ขอร้องฉันไม่ให้บอกแก” ปลายสายสารภาพโดยดี ธีรดาเป็นเพื่อนสนิทที่เค้ารักมากก็จริงแต่เพียงฟ้าเป็นน้องสาวแท้ๆที่เค้าก็รักมากเช่นกัน ยังไงเค้าก็ต้องเลือกข้างน้องสาวก่อน
“นพ ฉันหนักใจมาก”
“ฉันเข้าใจ”
“ฉันควรทำยังไงดี” หมดความพยายามที่จะบังคับเสียงไม่ให้สั่นพล่า บังคับน้ำตาไม่ให้หลั่งไหล ปลายสายนิ่งไปอึดใจ
“ฉันให้คำตอบอะไรแกไม่ได้จริงๆดา ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ” ชายหนุ่มมีน้ำเสียงลำบากใจ
“ฉันรู้ยังไงก็ขอบใจแกนะ”
“ฉันเป็นห่วงแกนะดา”
“ฉันรู้”
ธีรดาฟุบหน้ากับพวงมาลัยหลังจากวางสาย น้ำตาล้นทะลักออกมาจากตาดวงสวยเกินจะควบคุม
‘ยังไงล่ะ … ความทรงจำกับความฝันมันดีกว่าใช่ไหม’ …
ณ สะพานในสวนสาธารณะกลางเมืองสองสาวเดินจูงมือกันมาหยุดยืนมองสายน้ำไหลอยู่กลางสะพาน
“ดา”
“คะ”
“รักฟ้าไหม” หญิงสาวร่างบอบบางผมยาวสลวยจนถึงกลางหลังเงยหน้ามองคนตัวสูงรอฟังคำตอบ
“แล้ว…อยากให้รักหรือเปล่าล่ะ” อีกฝ่ายหยอกเย้าสู้สายตาคนตัวเล็ก
“ขี้โกงนี่ มาถามกลับเค้าทำไมถ้าไม่ตอบมาดีๆจะถูกลงโทษนะ” ร่างบางย่นจมูกเพราะขัดใจทำเสียงเข้มท่าทางจริงจัง
“หือ ... ถ้าไม่ตอบดาจะถูกลงโทษอะไรน้า...” คนตัวสูงยังยียวนอีกฝ่ายไม่เลิกก็บอบบางอย่างหล่อนจะทำอะไรเธอได้ แต่อยู่ๆก็มีเหตุให้คนตัวสูงปากเก่งต้องอึ้งจนตาค้าง เมื่อหญิงสาวร่างเล็กที่ตนคิดดูถูกเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าเข้ามาหาพาให้ริมฝีปากได้สัมผัสกันและค้างนิ่งอยู่อย่างนั้นเพื่อเป็นการแก้เกมคนอวดเก่งที่ชอบท้าทาย จนพอใจจึงดึงริมฝีปากออกมายิ้มมีชัยมองคนตัวสูงที่สติสตังค์หลุดลอยไปไกล
“ทำอะไรรู้ตัวหรือเปล่า ถ้าคนอื่นมาเห็นมันไม่ดีรู้ไหม” ร่างสูงกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างหวั่นๆรู้สึกถึงความไม่เหมาะสม
“ก็มองแล้วว่าไม่มีใคร” ร่างบางยังมีท่าทีสนุกไม่คล้อยตาม
“ถ้ายังไม่ยอมตอบจะทำมากกว่าเมื่อกี้นะ”
“รักซิ…” สาวร่างสูงตอบคนเอาแต่ใจด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“ต้องให้พูดอีกเหรอว่ารักมากขนาดไหน” ร่างบางยิ้มประจบ เอาหน้าซบไปที่ไหล่ของคนตัวสูงสัมผัสจากเธอทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนได้เสมอ
“ก็ฟ้าชอบฟังดาพูดบ่อยๆนี่ ได้ยินทีไรมันชื่นใจทุกที”
“คำพูดสำคัญกว่าการกระทำหรือไง” คนตัวสูงทอดเสียงอ่อน
“ก็ฟ้าอยากได้ทั้งคำพูดและการกระทำนี่ ฟ้ารักดา รักดา รักดา รักดา เห็นไหมฟ้ายังพูดบ่อยๆพูดได้เยอะๆเลย” ร่างบางบอกรักซ้ำๆส่ายหัวไปมาน้อยๆจนมีทำนองเป็นเพลงแหงนหน้าส่งยิ้มหวานเอาใจ รอยยิ้มแบบนี้มาทีไรเธอไม่เคยใจแข็งได้สักที เป็นรอยยิ้มที่ยังตราตรึงอยู่จนทุกวันนี้
“ดาไม่เคยไม่รักฟ้านะ สักวินาทีก็ไม่เคย” ธีรดาพูดกับตัวเองเบาๆ ถึงน้ำตาจะหยุดไหลไปนานแล้วแต่ก็ยากเย็นเหลือเกินที่จะบังคับให้สมองหยุดคิด
“พี่นพจะมาถึงกี่โมง”
“งั้นฟ้าเข้าไปข้างในก่อนนะ”
“คร่า คุณพี่”
“ฟ้าจะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดค่ะ” เด็กสาวหน้าหวานกดตัดสายพี่ชายเซ็งๆเดินเคว้งอยู่ในห้างกลางกรุง หันมองไปรอบๆตัวก็ไม่คุ้นชินกับสถานที่และผู้คนเลย เธอกับพ่อเพิ่งย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงเดือน เธอจากเมืองไทยไปอยู่กับพ่อที่อังกฤษหลายปีตั้งแต่จำความได้ พ่อของเธอเป็นคนเก่งระดับอัจฉริยะ ตอนนี้รัฐบาลไทยเห็นคุณค่าของท่านจึงเชิญตัวกลับมาเพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลล์อะไรนี่แหละเธอก็รู้แบบปูๆปลาๆ
ความจริงเธอก็ไม่ค่อยชอบเดินห้างสักเท่าไหร่หรอก ไม่ชอบเลยกับความวุ่นวายและผู้คนมากมาย แต่วันนี้ที่มาเพราะตั้งใจจะมาดูพี่ชายซ้อมฮอกกี้ และเธอก็นึกอยากเล่นไอซ์ขึ้นมาบ้างมีพี่คอยดูคอยสอนน่าจะสนุก แต่เมื่อกี้พี่ชายเธอเพิ่งโทรมาบอกว่ารถยังติดแหง๊กอยู่เลยคงอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึง บอกให้เธอเข้าไปรอข้างในเลยก็ตามนั้น เด็กสาวคิดเซ็งๆ
ด้านหน้าทางเข้าลานสเก็ตมีบอร์ดที่ประดับประดาไปด้วยรูปถ่าย เด็กสาวเผลอยิ้มออกมาเพราะเห็นรูปพี่ชายของตนถ่ายกับเพื่อนๆท่าทางสนุกดูมีความสุขกันมากเลย เมื่อมองผ่านกระจกใสเข้าไปด้านในเห็นมีคนเล่นอยู่ไม่กี่คนคงเพราะยังเช้าอยู่สำหรับเวลาในห้าง เด็กสาวหันกลับมาสนใจยืนอ่านข้อตกลงและกฎระเบียบที่ติดอยู่ข้างประตูก่อนจะเปิดเข้าไป
ด้านในเป็นห้องกระจกใสล้อมรอบ มีอัฒจันทร์อยู่ตรงด้านทางเข้า มีร้านขายน้ำและขายอาหารเร่งด่วน คือมีข้าวไข่เจียว กับมาม่าคัพ
“ตั๋วหนึ่งใบค่ะ” เด็กสาวจ่ายเงินและรับตั๋วมา เริ่มทำตามขั้นตอนที่เขาแนะนำไว้ เริ่มจากนำตั๋วไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ทำการวัดไซส์เท้า ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็หยิบรองเท้ามาส่งให้ เด็กสาวเดินถือรองเท้าออกมาเดินต่อไปที่ตู้ล็อกเกอร์เพื่อจัดการเก็บสัมภาระของมีค่าไม่ลืมที่จะล็อคตู้ให้เรียบร้อย
เด็กสาวเดินไปนั่งที่อัฒจันทร์เพื่อใส่รองเท้า ต้องขอบคุณพี่ชายที่แสนดีแสนรอบครอบที่บอกให้เตรียมถุงเท้าหนาๆมาด้วย เธอได้เห็นประโยชน์ของมันแล้วแต่ติดสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคมาด้วยคงดี
ท้ายสุด สุดท้ายก็มาถึงขั้นตอนของการใส่รองเท้าสเก็ต เด็กสาวขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นโบสิบชั้น เพราะเธอกำลังเจอปัญหาตัวล็อคของรองเท้ามันติด ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกจนเธอชักเริ่มหงุดหงิด
“ดึงไม่ออกเหรอ” เด็กสาวแหงนมองเจ้าของเสียง เธอเห็นผู้หญิงสวย ตาคมสวยเชียวน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
“อื่อ…ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก” เด็กสาวหงุดหงิดและเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเลยไม่ได้เห็นรอยยิ้มสวยของผู้หญิงคนนั้น เด็กสาวตาคมนั่งลงข้างๆถือวิสาสะยื่นมือไปดึงล็อคที่กำลังเป็นปัญหา อยู่ๆล็อคก็หลุดออกมาได้ง่ายๆเหมือนไม่ต้องออกแรงอะไรเลย อะไรกัน? เธอออกแรงดึงจะเป็นจะตายกลับไม่ยอมออก เด็กสาวพาลนึกเคืองรองเท้าที่ทำให้เธอขัดใจและเสียหน้า
“ต้องกดตรงนี้ก่อนแบบนี้ ดันมันเข้าไปและค่อยดึงมันกลับออกมา” พูดจบผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นและวิ่งเข้าลานน้ำแข็งไป เด็กสาวมองตามงงๆ เป็นประกันหรือไงมาเร็วเคลมเร็วดีแท้ ไม่รู้จะรีบไปไหนเธอยังไม่ได้ขอบคุณเลย
หลังจากที่จัดการกับปัญหาได้แล้วเด็กสาวร่างบางจัดการยันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็เก้ๆกังๆพิกล เมื่อทรงตัวได้ก็ค่อยๆเดินเกาะนั่นเกาะนี่ไปเรื่อยจนถึงทางเข้าลานน้ำแข็งใจก็แกว่งๆหวิวๆ นี่ขนาดเดินบนพื้นธรรมดายังทรงตัวลำบาก แล้วมาเจอพื้นน้ำแข็งลื่นๆแบบนี้จะไหวเร้อ? แต่เมื่อมองไปรอบๆก็ทำให้คิดฮึดสู้ มาขนาดนี้แล้วเป็นไงเป็นกันคนอื่นเขาเล่นกันได้เยอะแยะเธอก็ต้องเล่นได้ซิ เด็กสาวคิดให้กำลังใจตัวเอง
คนโบราณบอกไว้ว่าขวาร้ายซ้ายดีเชื่อไว้ก็ไม่เสียหาย เด็กสาวข่มใจก้าวเท้าซ้ายนำลงไปก่อนและก็ค่อยๆเอาเท้าขวาก้าวตามลงไปสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจค่อยๆก้าวขาเดินเกาะราวเหล็กด้านข้างไปเรื่อยๆแบบไม่สนใจใคร ไม่ใช่ว่าหยิ่งนะแต่ตอนนี้เธอต้องมีสมาธิกับการทรงตัวก่อน
เมื่อเดินมาได้สักพักเด็กสาวก็เริ่มกล้าที่จะปล่อยมือจากราวด้านข้างบ้างแล้วแต่ก็ทำได้แค่ปล่อยๆจับๆ มองไปรอบๆนึกหวาดเสียวกลัวว่าคนอื่นจะวิ่งมาชนเธอ แต่พี่ชายเธอเคยสอนไว้นะว่า
‘อย่าไปกลัวคนเล่นเป็นถ้ามีปัญหาอะไรให้พุ่งหาคนที่เล่นเป็นไว้และก็อยู่ห่างๆคนที่เล่นไม่เป็นให้มากที่สุด’ คิดถึงตรงนี้ก็เผลอยิ้มออกมา เพราะตอนนี้คงเป็นเธอนี่แหละที่คนอื่นควรจะอยู่ให้ห่างที่สุด
“โอ๊ะ!! ว้าย!!” เด็กสาวรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกอย่างแรง เธอกำลังจะล้มและ... เกินที่สติจะคิดอะไรได้ต่อ เด็กสาวหลับตาปี๋ยกมือขึ้นปิดหน้าทำไปเป็นอัตโนมัติ ทำใจยอมรับผลที่จะเกิด เวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่รู้ได้
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ” เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมองออกไป เห็นผู้คนยังเล่นกันเป็นปกติไม่มีใครตื่นเต้นกับเรื่องของเธอเลย เมื่อกลับมาสำรวจตัวเองก็พบว่าตนเองไม่ได้ล้ม ไม่ได้เจ็บและตอนนี้หน้าของเธอก็ซบอยู่กับอะไรสักอย่างที่มันนุ่มนิ่มและก็หอมมากด้วย เด็กสาวหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ตัวว่าหน้าของตัวเองซบอยู่ที่อกของใครคนหนึ่งเหมือนคนๆนั้นจะกำลังกอดเธอไว้ด้วย เพื่อช่วยพยุงตัวเธอ เพราะเท้าของเธอตอนนี้แค่เพียงแตะพื้นไว้เท่านั้น
V
V
V
นิยาย Yuri เพียงเธอคือหัวใจของฉัน 2
“ได้ค่ะ ดารับทำงานนี้” ธีรดานั่งลงมองเขม็งไปที่หญิงสาวตัวต้นเหตุ เมื่อมองเข้าไปในตาดวงสวยของหล่อน เธอเห็นความเจ้าเล่ห์ในดวงตานั้น เธอรู้ตัวดีเกมนี้เธอแพ้และก็ไม่ได้แพ้แบบธรรมดาด้วยนะ แต่มันคือการแพ้แบบราบคาบ
“ขอบคุณคุณดามากนะคะ ที่ยอมออกแบบคอนโดให้ฟ้า”
เพียงฟ้าแสดงท่าทางยินดีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ธีรดายิ้มนิ่ง เธอเกลียดทฤษฎีโลกกลม
“ขอบคุณคุณกริชด้วยนะคะที่ช่วยพูดกับคุณดาให้” เพียงฟ้าหันไปเอาใจชายหนุ่ม
“เพื่อความพอใจของลูกค้าผมต้องพยายามถึงที่สุดอยู่แล้วครับ” ชายหนุ่มยินดีไม่เก็บอาการ
ครืดๆๆ เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ดึงให้ทุกสายตาบนโต๊ะสนใจมอง กริชยิ้มจืดๆเพราะเป็นมือถือของตนนึกขัดใจที่ใครดันโทรมาตอนนี้ แต่เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์จะไม่รับก็ไม่ควรเพราะเป็นสายตรงจากลูกค้ารายใหญ่
“เดี๋ยวผมขอตัวไปโทรศัพท์สักครู่นะครับ คุณฟ้าคุยคอนเซ็ปต์ตกแต่งกับดาได้เลยนะครับ” ชายหนุ่มรีบลุกเดินออกไป ธีรดามองตามกริชจนลับตาไปก่อนจะหันมาที่หญิงสาวร่างบาง
“ทำแบบนี้ทำไม!”
“ทำอะไร?” เพียงฟ้าหน้าเหรอหราทำเป็นไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องเจาะจงว่าต้องเป็นฉัน” ถึงจะใจหายกับคำว่า ‘ ฉัน ’ ที่อีกฝ่ายใช้แทนตัวเองแต่เพียงฟ้าก็ควบคุมสีหน้าได้ดี
“ก็ดาเก่งและดาก็รู้ใจฟ้าที่สุดด้วย”
“เหตุผลไม่ใช่แค่นั้นใช่ไหม?” สองสาวมองตากันนิ่ง
“คุณต้องการอะไร?” เพียงฟ้าใจหายอีกแล้วกับคำว่า‘ คุณ ’
ที่ธีรดาใช้เรียกเธอ
“ก็ต้องการดาไง”
“คุณฟ้าเรื่องของเรามันจบไปแล้ว คุณจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกทำไม”
“ฟ้าไม่เชื่อว่ามันจบและฟ้าจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม และถ้าดายังไม่เลิกแทนตัวเองว่าฉันและเรียกฟ้าว่าคุณล่ะก็ฟ้าจะบอกเรื่องของเรากับคุณกริช”
“ขู่เหรอ?”
“ดารู้จักฟ้าดีที่สุด” เพียงฟ้ามองกลับด้วยสายตาที่เป็นต่อ เธอรู้ดีว่ากำลังทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจแต่เธอไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
“คุณคิดจะหลอกใช้พี่กริช”
“ฟ้าไม่เคยคิดหลอกอะไรคุณกริช หรือดาจะให้ฟ้าบอกเรื่องของเรากับคุณกริชล่ะ? ก็ได้นะ” เพียงฟ้ายิ้มเย็นอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่าขณะที่
ธีรดานั่งเอามือกุมขมับส่ายหน้าเบาๆอย่างคนที่หาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้
“เป็นยังไงบ้างครับสาวๆคุยคอนเซปต์กันไปถึงไหนแล้ว”
ชายหนุ่มกระตือรือร้นถามถึงความคืบหน้า
“ยังไม่ได้คุยอะไรมากหรอกค่ะ ฟ้ากับคุณดานัดกันว่าพรุ่งนี้เราจะไปดูสถานที่จริงกันใช่ไหมคะคุณดา” ธีรดาที่ยังไม่หายมึนกับเรื่องเก่า เพียงฟ้าหาเรื่องใหม่มาใส่หัวเธออีกแล้ว เธอจะทำอะไรได้ล่ะนอกจาก เออออไปกับจอมเจ้าเล่ห์
“ค่ะ” ธีรดาพยักหน้าเบาๆแบบจนทาง
“แผนที่ค่ะ เจอกันสิบโมงพรุ่งนี้นะคะ” ธีรดามองอีกฝ่ายเคืองๆอะไรกัน! จะไม่ให้เธอได้ตั้งหลักบ้างเลยหรือไง เพียงฟ้ายิ้มน้อยๆเธอรู้ดีว่าจะสู้กับคนฉลาดอย่างธีรดาถ้าสู้ด้วยเหตุผลแพ้แน่นอนต้องเอาความมึนเข้าสู้
“วันนี้ฟ้าขอตัวกลับก่อนนะคะรบกวนเวลาคุณสองคนมานานแล้ว” เพียงฟ้ายิ้มหวานส่งให้กริชและธีรดาก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งไว้ก็แต่สองคนสองอารมณ์ สำหรับกริชเค้ากำลังรู้สึกตื่นเต้นและมีความหวังกับการเริ่มต้นที่ดี เพียงฟ้าไม่มีทีท่าว่าจะรังเกียจถึงจะพอๆกับไม่มีทีท่าว่าสนใจก็เถอะ แต่เค้ามั่นใจว่าจะสามารถทำให้เพียงฟ้ารับรักได้แน่ รูปหล่อ พ่อรวย ดีพร้อมอย่างเค้า เหอะๆใครไม่รักก็บ้าแล้ว ธีรดามองกริชที่นั่งยิ้มให้กับดินฟ้าอากาศในขณะที่ตัวเองยังกุมขมับหนักใจกับเรื่องราว
หลังจากที่แยกกับกริช ธีรดาก็รีบเข้ามานั่งในรถร้อนรนกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง
“นพแกว่างคุยกับฉันไหม” หญิงสาวพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น
“ถ้าฉันไม่ว่างคุยกับแก กับคนทั้งโลกนี้ฉันก็ไม่ว่างคุยกับใครหรอก” ลึกๆเขารู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด
“ฉันเจอฟ้า”
“อื่อ...”
“แกรู้”
“ใช่ฉันรู้” ต่างคนต่างนิ่งกับคำถามและคำตอบของกันและกัน
“ฟ้าอยากเจอแกก่อน ขอร้องฉันไม่ให้บอกแก” ปลายสายสารภาพโดยดี ธีรดาเป็นเพื่อนสนิทที่เค้ารักมากก็จริงแต่เพียงฟ้าเป็นน้องสาวแท้ๆที่เค้าก็รักมากเช่นกัน ยังไงเค้าก็ต้องเลือกข้างน้องสาวก่อน
“นพ ฉันหนักใจมาก”
“ฉันเข้าใจ”
“ฉันควรทำยังไงดี” หมดความพยายามที่จะบังคับเสียงไม่ให้สั่นพล่า บังคับน้ำตาไม่ให้หลั่งไหล ปลายสายนิ่งไปอึดใจ
“ฉันให้คำตอบอะไรแกไม่ได้จริงๆดา ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ” ชายหนุ่มมีน้ำเสียงลำบากใจ
“ฉันรู้ยังไงก็ขอบใจแกนะ”
“ฉันเป็นห่วงแกนะดา”
“ฉันรู้”
ธีรดาฟุบหน้ากับพวงมาลัยหลังจากวางสาย น้ำตาล้นทะลักออกมาจากตาดวงสวยเกินจะควบคุม
‘ยังไงล่ะ … ความทรงจำกับความฝันมันดีกว่าใช่ไหม’ …
ณ สะพานในสวนสาธารณะกลางเมืองสองสาวเดินจูงมือกันมาหยุดยืนมองสายน้ำไหลอยู่กลางสะพาน
“ดา”
“คะ”
“รักฟ้าไหม” หญิงสาวร่างบอบบางผมยาวสลวยจนถึงกลางหลังเงยหน้ามองคนตัวสูงรอฟังคำตอบ
“แล้ว…อยากให้รักหรือเปล่าล่ะ” อีกฝ่ายหยอกเย้าสู้สายตาคนตัวเล็ก
“ขี้โกงนี่ มาถามกลับเค้าทำไมถ้าไม่ตอบมาดีๆจะถูกลงโทษนะ” ร่างบางย่นจมูกเพราะขัดใจทำเสียงเข้มท่าทางจริงจัง
“หือ ... ถ้าไม่ตอบดาจะถูกลงโทษอะไรน้า...” คนตัวสูงยังยียวนอีกฝ่ายไม่เลิกก็บอบบางอย่างหล่อนจะทำอะไรเธอได้ แต่อยู่ๆก็มีเหตุให้คนตัวสูงปากเก่งต้องอึ้งจนตาค้าง เมื่อหญิงสาวร่างเล็กที่ตนคิดดูถูกเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าเข้ามาหาพาให้ริมฝีปากได้สัมผัสกันและค้างนิ่งอยู่อย่างนั้นเพื่อเป็นการแก้เกมคนอวดเก่งที่ชอบท้าทาย จนพอใจจึงดึงริมฝีปากออกมายิ้มมีชัยมองคนตัวสูงที่สติสตังค์หลุดลอยไปไกล
“ทำอะไรรู้ตัวหรือเปล่า ถ้าคนอื่นมาเห็นมันไม่ดีรู้ไหม” ร่างสูงกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างหวั่นๆรู้สึกถึงความไม่เหมาะสม
“ก็มองแล้วว่าไม่มีใคร” ร่างบางยังมีท่าทีสนุกไม่คล้อยตาม
“ถ้ายังไม่ยอมตอบจะทำมากกว่าเมื่อกี้นะ”
“รักซิ…” สาวร่างสูงตอบคนเอาแต่ใจด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“ต้องให้พูดอีกเหรอว่ารักมากขนาดไหน” ร่างบางยิ้มประจบ เอาหน้าซบไปที่ไหล่ของคนตัวสูงสัมผัสจากเธอทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนได้เสมอ
“ก็ฟ้าชอบฟังดาพูดบ่อยๆนี่ ได้ยินทีไรมันชื่นใจทุกที”
“คำพูดสำคัญกว่าการกระทำหรือไง” คนตัวสูงทอดเสียงอ่อน
“ก็ฟ้าอยากได้ทั้งคำพูดและการกระทำนี่ ฟ้ารักดา รักดา รักดา รักดา เห็นไหมฟ้ายังพูดบ่อยๆพูดได้เยอะๆเลย” ร่างบางบอกรักซ้ำๆส่ายหัวไปมาน้อยๆจนมีทำนองเป็นเพลงแหงนหน้าส่งยิ้มหวานเอาใจ รอยยิ้มแบบนี้มาทีไรเธอไม่เคยใจแข็งได้สักที เป็นรอยยิ้มที่ยังตราตรึงอยู่จนทุกวันนี้
“ดาไม่เคยไม่รักฟ้านะ สักวินาทีก็ไม่เคย” ธีรดาพูดกับตัวเองเบาๆ ถึงน้ำตาจะหยุดไหลไปนานแล้วแต่ก็ยากเย็นเหลือเกินที่จะบังคับให้สมองหยุดคิด
“พี่นพจะมาถึงกี่โมง”
“งั้นฟ้าเข้าไปข้างในก่อนนะ”
“คร่า คุณพี่”
“ฟ้าจะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดค่ะ” เด็กสาวหน้าหวานกดตัดสายพี่ชายเซ็งๆเดินเคว้งอยู่ในห้างกลางกรุง หันมองไปรอบๆตัวก็ไม่คุ้นชินกับสถานที่และผู้คนเลย เธอกับพ่อเพิ่งย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงเดือน เธอจากเมืองไทยไปอยู่กับพ่อที่อังกฤษหลายปีตั้งแต่จำความได้ พ่อของเธอเป็นคนเก่งระดับอัจฉริยะ ตอนนี้รัฐบาลไทยเห็นคุณค่าของท่านจึงเชิญตัวกลับมาเพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลล์อะไรนี่แหละเธอก็รู้แบบปูๆปลาๆ
ความจริงเธอก็ไม่ค่อยชอบเดินห้างสักเท่าไหร่หรอก ไม่ชอบเลยกับความวุ่นวายและผู้คนมากมาย แต่วันนี้ที่มาเพราะตั้งใจจะมาดูพี่ชายซ้อมฮอกกี้ และเธอก็นึกอยากเล่นไอซ์ขึ้นมาบ้างมีพี่คอยดูคอยสอนน่าจะสนุก แต่เมื่อกี้พี่ชายเธอเพิ่งโทรมาบอกว่ารถยังติดแหง๊กอยู่เลยคงอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึง บอกให้เธอเข้าไปรอข้างในเลยก็ตามนั้น เด็กสาวคิดเซ็งๆ
ด้านหน้าทางเข้าลานสเก็ตมีบอร์ดที่ประดับประดาไปด้วยรูปถ่าย เด็กสาวเผลอยิ้มออกมาเพราะเห็นรูปพี่ชายของตนถ่ายกับเพื่อนๆท่าทางสนุกดูมีความสุขกันมากเลย เมื่อมองผ่านกระจกใสเข้าไปด้านในเห็นมีคนเล่นอยู่ไม่กี่คนคงเพราะยังเช้าอยู่สำหรับเวลาในห้าง เด็กสาวหันกลับมาสนใจยืนอ่านข้อตกลงและกฎระเบียบที่ติดอยู่ข้างประตูก่อนจะเปิดเข้าไป
ด้านในเป็นห้องกระจกใสล้อมรอบ มีอัฒจันทร์อยู่ตรงด้านทางเข้า มีร้านขายน้ำและขายอาหารเร่งด่วน คือมีข้าวไข่เจียว กับมาม่าคัพ
“ตั๋วหนึ่งใบค่ะ” เด็กสาวจ่ายเงินและรับตั๋วมา เริ่มทำตามขั้นตอนที่เขาแนะนำไว้ เริ่มจากนำตั๋วไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ทำการวัดไซส์เท้า ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็หยิบรองเท้ามาส่งให้ เด็กสาวเดินถือรองเท้าออกมาเดินต่อไปที่ตู้ล็อกเกอร์เพื่อจัดการเก็บสัมภาระของมีค่าไม่ลืมที่จะล็อคตู้ให้เรียบร้อย
เด็กสาวเดินไปนั่งที่อัฒจันทร์เพื่อใส่รองเท้า ต้องขอบคุณพี่ชายที่แสนดีแสนรอบครอบที่บอกให้เตรียมถุงเท้าหนาๆมาด้วย เธอได้เห็นประโยชน์ของมันแล้วแต่ติดสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคมาด้วยคงดี
ท้ายสุด สุดท้ายก็มาถึงขั้นตอนของการใส่รองเท้าสเก็ต เด็กสาวขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นโบสิบชั้น เพราะเธอกำลังเจอปัญหาตัวล็อคของรองเท้ามันติด ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกจนเธอชักเริ่มหงุดหงิด
“ดึงไม่ออกเหรอ” เด็กสาวแหงนมองเจ้าของเสียง เธอเห็นผู้หญิงสวย ตาคมสวยเชียวน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ
“อื่อ…ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก” เด็กสาวหงุดหงิดและเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเลยไม่ได้เห็นรอยยิ้มสวยของผู้หญิงคนนั้น เด็กสาวตาคมนั่งลงข้างๆถือวิสาสะยื่นมือไปดึงล็อคที่กำลังเป็นปัญหา อยู่ๆล็อคก็หลุดออกมาได้ง่ายๆเหมือนไม่ต้องออกแรงอะไรเลย อะไรกัน? เธอออกแรงดึงจะเป็นจะตายกลับไม่ยอมออก เด็กสาวพาลนึกเคืองรองเท้าที่ทำให้เธอขัดใจและเสียหน้า
“ต้องกดตรงนี้ก่อนแบบนี้ ดันมันเข้าไปและค่อยดึงมันกลับออกมา” พูดจบผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นและวิ่งเข้าลานน้ำแข็งไป เด็กสาวมองตามงงๆ เป็นประกันหรือไงมาเร็วเคลมเร็วดีแท้ ไม่รู้จะรีบไปไหนเธอยังไม่ได้ขอบคุณเลย
หลังจากที่จัดการกับปัญหาได้แล้วเด็กสาวร่างบางจัดการยันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็เก้ๆกังๆพิกล เมื่อทรงตัวได้ก็ค่อยๆเดินเกาะนั่นเกาะนี่ไปเรื่อยจนถึงทางเข้าลานน้ำแข็งใจก็แกว่งๆหวิวๆ นี่ขนาดเดินบนพื้นธรรมดายังทรงตัวลำบาก แล้วมาเจอพื้นน้ำแข็งลื่นๆแบบนี้จะไหวเร้อ? แต่เมื่อมองไปรอบๆก็ทำให้คิดฮึดสู้ มาขนาดนี้แล้วเป็นไงเป็นกันคนอื่นเขาเล่นกันได้เยอะแยะเธอก็ต้องเล่นได้ซิ เด็กสาวคิดให้กำลังใจตัวเอง
คนโบราณบอกไว้ว่าขวาร้ายซ้ายดีเชื่อไว้ก็ไม่เสียหาย เด็กสาวข่มใจก้าวเท้าซ้ายนำลงไปก่อนและก็ค่อยๆเอาเท้าขวาก้าวตามลงไปสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจค่อยๆก้าวขาเดินเกาะราวเหล็กด้านข้างไปเรื่อยๆแบบไม่สนใจใคร ไม่ใช่ว่าหยิ่งนะแต่ตอนนี้เธอต้องมีสมาธิกับการทรงตัวก่อน
เมื่อเดินมาได้สักพักเด็กสาวก็เริ่มกล้าที่จะปล่อยมือจากราวด้านข้างบ้างแล้วแต่ก็ทำได้แค่ปล่อยๆจับๆ มองไปรอบๆนึกหวาดเสียวกลัวว่าคนอื่นจะวิ่งมาชนเธอ แต่พี่ชายเธอเคยสอนไว้นะว่า
‘อย่าไปกลัวคนเล่นเป็นถ้ามีปัญหาอะไรให้พุ่งหาคนที่เล่นเป็นไว้และก็อยู่ห่างๆคนที่เล่นไม่เป็นให้มากที่สุด’ คิดถึงตรงนี้ก็เผลอยิ้มออกมา เพราะตอนนี้คงเป็นเธอนี่แหละที่คนอื่นควรจะอยู่ให้ห่างที่สุด
“โอ๊ะ!! ว้าย!!” เด็กสาวรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกอย่างแรง เธอกำลังจะล้มและ... เกินที่สติจะคิดอะไรได้ต่อ เด็กสาวหลับตาปี๋ยกมือขึ้นปิดหน้าทำไปเป็นอัตโนมัติ ทำใจยอมรับผลที่จะเกิด เวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่รู้ได้
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ” เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมองออกไป เห็นผู้คนยังเล่นกันเป็นปกติไม่มีใครตื่นเต้นกับเรื่องของเธอเลย เมื่อกลับมาสำรวจตัวเองก็พบว่าตนเองไม่ได้ล้ม ไม่ได้เจ็บและตอนนี้หน้าของเธอก็ซบอยู่กับอะไรสักอย่างที่มันนุ่มนิ่มและก็หอมมากด้วย เด็กสาวหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ตัวว่าหน้าของตัวเองซบอยู่ที่อกของใครคนหนึ่งเหมือนคนๆนั้นจะกำลังกอดเธอไว้ด้วย เพื่อช่วยพยุงตัวเธอ เพราะเท้าของเธอตอนนี้แค่เพียงแตะพื้นไว้เท่านั้น
V
V
V