คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
เรื่องเงินดูเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ เพราะเราให้ความสำคัญกับมันเป็นอันดับต้น ๆ
ความรักก็เช่นกัน
สิ่งที่หายากที่สุดคือความพอดี คนที่ดีพอ กลับไม่พอดีในความคิดเรา
มนุษย์ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า เงินอาจดูเหมือนเป็นสิ่งค้ำประกันอนาคต
อนาคตอาจสร้างได้ด้วยเงิน แต่ไม่อาจดำรงอยู่ได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว
ใครจะกล้ารับประกันว่า มีเงินแล้วจะมีแต่ความสุข หรือไร้เงินแล้วจะมีแต่ความทุกข์
หัวใจของเราจะเต้นอยู่นในตัวเราจนกว่าเราจะตาย
ใช้ใจตัดสินครับ
ขอความสุขจงอยู่กับคุณ
ความรักก็เช่นกัน
สิ่งที่หายากที่สุดคือความพอดี คนที่ดีพอ กลับไม่พอดีในความคิดเรา
มนุษย์ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า เงินอาจดูเหมือนเป็นสิ่งค้ำประกันอนาคต
อนาคตอาจสร้างได้ด้วยเงิน แต่ไม่อาจดำรงอยู่ได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว
ใครจะกล้ารับประกันว่า มีเงินแล้วจะมีแต่ความสุข หรือไร้เงินแล้วจะมีแต่ความทุกข์
หัวใจของเราจะเต้นอยู่นในตัวเราจนกว่าเราจะตาย
ใช้ใจตัดสินครับ
ขอความสุขจงอยู่กับคุณ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ตอบในฐานะคนแต่งงานแล้วนะคะ
อย่าแต่งกับเค้าเลยค่ะ ถ้ายังเลิกทัน รีบเลิกซะ
ชีวิตคู่ที่มีปัญหา 80% มาจากเรื่องเงิน
ฝรั่งเค้าว่า "love doesn't pay rents"
ภาษาไทยประมาณว่า "ความรักมันกินไม่ได้" นั่นเอง
การที่เค้าเป็นคนใจเย็น ใจดี รักคุณมาก เพราะคุณให้การสนับสนุนทางการเงินเค้าอยู่
ถ้าลองกลับบทบาทกัน เค้าอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้นะคะ
เราไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่คุณภาพชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ อีกหน่อยก็จะต้องมีตัวน้อยๆอีก จะทำยังไงคะ
เราเห็นแบบนี้มาหลายคู่แล้วค่ะ เพื่อนๆเรา รักกันมานาน ผู้หญิงหาเงินได้มากกว่ามาก สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด
เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปได้นะคะ
ถ้าเค้ารักคุณมากพอ เค้าต้องไม่รับความช่วยเหลือทางการเงินจากคุณ รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆที่ใช้ร่วมกันด้วยค่ะ
อย่าแต่งกับเค้าเลยค่ะ ถ้ายังเลิกทัน รีบเลิกซะ
ชีวิตคู่ที่มีปัญหา 80% มาจากเรื่องเงิน
ฝรั่งเค้าว่า "love doesn't pay rents"
ภาษาไทยประมาณว่า "ความรักมันกินไม่ได้" นั่นเอง
การที่เค้าเป็นคนใจเย็น ใจดี รักคุณมาก เพราะคุณให้การสนับสนุนทางการเงินเค้าอยู่
ถ้าลองกลับบทบาทกัน เค้าอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้นะคะ
เราไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่คุณภาพชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ อีกหน่อยก็จะต้องมีตัวน้อยๆอีก จะทำยังไงคะ
เราเห็นแบบนี้มาหลายคู่แล้วค่ะ เพื่อนๆเรา รักกันมานาน ผู้หญิงหาเงินได้มากกว่ามาก สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด
เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปได้นะคะ
ถ้าเค้ารักคุณมากพอ เค้าต้องไม่รับความช่วยเหลือทางการเงินจากคุณ รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆที่ใช้ร่วมกันด้วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
อ่านแล้วต้องขอตอบเลยอ่ะ
ไม่ทราบว่าเคยคุยกันเรื่องแต่งงานรึยังคะ เคยเกริ่นๆกันบ้างรึเปล่า ดูท่าทีว่าเค้ามีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง เช่น ถ้าเค้าคิดว่าอยากจะแต่งแต่ไม่มีเงิน เราว่าตรงนี้คุณน่าจะเข้าไปช่วยเค้าบริหารจัดการรายได้ของเค้าได้แล้วนะคะ อย่าคิดว่าเงินของเค้าคุณไม่อยากยุ่ง ไม่ได้ค่ะ ถ้าคิดว่าจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันมันก็ต้องยุ่งกันหน่อยหล่ะ
แฟนเราทำงานมาสิบปีมีเงินเก็บหลักแสนซึ่งไม่ได้เป็นเงินนะคะ พ่อคุณเอาไปซื้อมอเตอร์ไซค์ค่ะ สรุปคือตอนที่มาคบกะเราเงินเก็บเป็นศูนย์ค่ะ ยังดีที่เค้าไม่ต้องผ่อนรถ ไม่มีหนี้นอกระบบ แต่ติดหนี้พี่สาวอยู่ 40,000 เราเริ่มจากการคำนวนกันเลยว่าในแต่ละเดือนเค้าใช้เงินไปกับค่าอะไรบ้าง ยกตัวอย่างนะคะ ค่าหอ 4,000 ค่าแก๊ส 2,000 ค่าอาหาร 4,000 ใช้หนี้พี่ 5,000 ค่าจิปาถะ (นวด, สังสรรค์ etc.) 2,000 นี่คือรายจ่ายประจำของเค้าในแต่ละเดือนนะคะ 17,000 บาท แฟนเรารายได้ประจำ 30,000 ไม่รวมโอที เราให้เค้าเอามาเก็บที่เราก่อนเลย 10,000 เค้าก็จะมีเหลือใช้ซื้อขนมกรุบกริบอีกเดือนละสามพัน ถ้าเดือนไหนเค้ามีโอที ก็อาจจะซื้อเสื้อผ้าบ้าง ตอนนี้แพลนอยากจะได้มือถือใหม่ ก็บอกให้เก็บเอาจากแต่ละเดือนแล้วค่อยซื้อห้ามผ่อนค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ให้เค้าเก็บคนเดียวนะคะ เราเรียนไปรับทำงานพิเศษบ้าง เป็นผู้ช่วยอาจารย์บ้าง เงินเล็กน้อยก็เงินค่ะ (รู้สึกว่าตัวเองงกมาก 555)
เราไม่รู้ว่าโดยโดยทั่วไปแล้วสังคมของคุณสองคนเป็นอย่างไร ต้องทานข้าวในห้างตามร้านแพงๆทุกวันรึเปล่า ต้องดื่มกาแฟแก้วละสองร้อยมั้ย ถ้ามาดูค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยตรงนี้ส่วนไหนตัดได้ก็ตัดไปค่ะ ผ่อนรถน่าจะเป็นเรื่องจำเป็นแต่เค้าไม่ควรจะยืมคุณนะคะ ในเมื่อคุณก็ต้องผ่อนของตัวเองอยู่ เวลามีรายรับเข้ามาเราต้องแยกเก็บก่อนเลยค่ะ ใช้เท่าที่เหลือ การออกค่าใช้จ่ายให้บ้างถือว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าออกให้ตลอดไม่มีก็ไม่ใช้ค่ะ มีเดือนนึงแฟนเราช็อต เราก็ให้ยืมนะคะ เดือนต่อมาเอามาคืนพร้อมดอก (หลังจากนั้นไม่เคยยืมอีกเลย 555 กลัวเสียดอก)
เราว่าตอนนี้ถ้าคุณรักเค้าอยากจะใช้ชีวิตด้วยกัน มันน่าจะถึงเวลาที่คุณต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเค้าแล้วค่ะ ผู้ชายบางคนมีสัญชาตญาณในการสร้างครอบครัวต่ำ เค้าจะคิดไม่ไกลไปกว่าวันพรุ่งนี้หรอกค่ะ ผู้หญิงเราอยากจะสร้างรังที่อบอุ่นและมั่นคงก็ต้องช่วยกันนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ
ไม่ทราบว่าเคยคุยกันเรื่องแต่งงานรึยังคะ เคยเกริ่นๆกันบ้างรึเปล่า ดูท่าทีว่าเค้ามีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง เช่น ถ้าเค้าคิดว่าอยากจะแต่งแต่ไม่มีเงิน เราว่าตรงนี้คุณน่าจะเข้าไปช่วยเค้าบริหารจัดการรายได้ของเค้าได้แล้วนะคะ อย่าคิดว่าเงินของเค้าคุณไม่อยากยุ่ง ไม่ได้ค่ะ ถ้าคิดว่าจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันมันก็ต้องยุ่งกันหน่อยหล่ะ
แฟนเราทำงานมาสิบปีมีเงินเก็บหลักแสนซึ่งไม่ได้เป็นเงินนะคะ พ่อคุณเอาไปซื้อมอเตอร์ไซค์ค่ะ สรุปคือตอนที่มาคบกะเราเงินเก็บเป็นศูนย์ค่ะ ยังดีที่เค้าไม่ต้องผ่อนรถ ไม่มีหนี้นอกระบบ แต่ติดหนี้พี่สาวอยู่ 40,000 เราเริ่มจากการคำนวนกันเลยว่าในแต่ละเดือนเค้าใช้เงินไปกับค่าอะไรบ้าง ยกตัวอย่างนะคะ ค่าหอ 4,000 ค่าแก๊ส 2,000 ค่าอาหาร 4,000 ใช้หนี้พี่ 5,000 ค่าจิปาถะ (นวด, สังสรรค์ etc.) 2,000 นี่คือรายจ่ายประจำของเค้าในแต่ละเดือนนะคะ 17,000 บาท แฟนเรารายได้ประจำ 30,000 ไม่รวมโอที เราให้เค้าเอามาเก็บที่เราก่อนเลย 10,000 เค้าก็จะมีเหลือใช้ซื้อขนมกรุบกริบอีกเดือนละสามพัน ถ้าเดือนไหนเค้ามีโอที ก็อาจจะซื้อเสื้อผ้าบ้าง ตอนนี้แพลนอยากจะได้มือถือใหม่ ก็บอกให้เก็บเอาจากแต่ละเดือนแล้วค่อยซื้อห้ามผ่อนค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ให้เค้าเก็บคนเดียวนะคะ เราเรียนไปรับทำงานพิเศษบ้าง เป็นผู้ช่วยอาจารย์บ้าง เงินเล็กน้อยก็เงินค่ะ (รู้สึกว่าตัวเองงกมาก 555)
เราไม่รู้ว่าโดยโดยทั่วไปแล้วสังคมของคุณสองคนเป็นอย่างไร ต้องทานข้าวในห้างตามร้านแพงๆทุกวันรึเปล่า ต้องดื่มกาแฟแก้วละสองร้อยมั้ย ถ้ามาดูค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยตรงนี้ส่วนไหนตัดได้ก็ตัดไปค่ะ ผ่อนรถน่าจะเป็นเรื่องจำเป็นแต่เค้าไม่ควรจะยืมคุณนะคะ ในเมื่อคุณก็ต้องผ่อนของตัวเองอยู่ เวลามีรายรับเข้ามาเราต้องแยกเก็บก่อนเลยค่ะ ใช้เท่าที่เหลือ การออกค่าใช้จ่ายให้บ้างถือว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าออกให้ตลอดไม่มีก็ไม่ใช้ค่ะ มีเดือนนึงแฟนเราช็อต เราก็ให้ยืมนะคะ เดือนต่อมาเอามาคืนพร้อมดอก (หลังจากนั้นไม่เคยยืมอีกเลย 555 กลัวเสียดอก)
เราว่าตอนนี้ถ้าคุณรักเค้าอยากจะใช้ชีวิตด้วยกัน มันน่าจะถึงเวลาที่คุณต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเค้าแล้วค่ะ ผู้ชายบางคนมีสัญชาตญาณในการสร้างครอบครัวต่ำ เค้าจะคิดไม่ไกลไปกว่าวันพรุ่งนี้หรอกค่ะ ผู้หญิงเราอยากจะสร้างรังที่อบอุ่นและมั่นคงก็ต้องช่วยกันนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
แล้วทำไมคุณไม่คุมการเงินเค้าล่ะคะ คุณก็จัดระเบียบให้เค้าเลย ว่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เก็บเท่าไหร่ต่อเดือน จริงๆ ถ้าคุณคิดเรื่องอนาคตจริง
คุณก็ต้องคิดตั้งแต่ตอนคบกันแล้วล่ะค่ะ ต้องช่วยกันเก็บเงิน ไม่ใช่ผ่านมานานแล้วเพิ่งจะคิด ทำไมถึงปล่อยให้ระยะเวลามันยาวนานตั้ง 9 ปีล่ะคะ
ถ้าคุณยังรักเค้าอยู่ และยังอยากแต่งงานกับเค้า คุยกับเค้าให้รู้เรื่องค่ะ คุณบอกว่าเค้ารักคุณมาก เค้าน่าจะยอมนะเรื่องแค่นี้
แล้วคุณลองคิดดูนะคะ ถ้าคุณคบคนอื่นที่มีฐานะการเงินดีและเป็นคนดีก็ดีไป แต่ถ้าไปคบคนฐานะการเงินดีแต่เจ้าชู้ หรือ รักและดูแลคุณไม่ได้เท่าแฟนคุณ คุณจะมีความสุขกับเงินตรงนั้นไม๊คะ
ถ้าเป็นดิฉันจะคุยกัน ตกลงกันค่ะ เก็บเงิน วางแผนอนาคตร่วมกันค่ะ ดิฉันจะเลือกคนที่ดิฉันรัก และรักดิฉันค่ะ แน่นอนว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าปราศจากความรัก Life is nothing without love
คุณก็ต้องคิดตั้งแต่ตอนคบกันแล้วล่ะค่ะ ต้องช่วยกันเก็บเงิน ไม่ใช่ผ่านมานานแล้วเพิ่งจะคิด ทำไมถึงปล่อยให้ระยะเวลามันยาวนานตั้ง 9 ปีล่ะคะ
ถ้าคุณยังรักเค้าอยู่ และยังอยากแต่งงานกับเค้า คุยกับเค้าให้รู้เรื่องค่ะ คุณบอกว่าเค้ารักคุณมาก เค้าน่าจะยอมนะเรื่องแค่นี้
แล้วคุณลองคิดดูนะคะ ถ้าคุณคบคนอื่นที่มีฐานะการเงินดีและเป็นคนดีก็ดีไป แต่ถ้าไปคบคนฐานะการเงินดีแต่เจ้าชู้ หรือ รักและดูแลคุณไม่ได้เท่าแฟนคุณ คุณจะมีความสุขกับเงินตรงนั้นไม๊คะ
ถ้าเป็นดิฉันจะคุยกัน ตกลงกันค่ะ เก็บเงิน วางแผนอนาคตร่วมกันค่ะ ดิฉันจะเลือกคนที่ดิฉันรัก และรักดิฉันค่ะ แน่นอนว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าปราศจากความรัก Life is nothing without love
ความคิดเห็นที่ 2
ผู้ชายคนนี้ดูเด็กไปในความคิดผม ... คิดเรื่องความรักเป็นเรื่องหลักในการดำรงชีพ อนาคตหากอยู่ด้วยกันอาจลำบากซึ่งก็จะส่งผลให้จากความรู้สึกดีๆกลายเป็นรู้สึกแย่ (ตอนนี้คุณก็เริ่มรู้สึกขึ้นมานิดนึงละ).... ชีวิตคู่ไม่ได้เป็นเรื่องของคน 2 คน แต่มันยังมีชีวิตน้อยๆที่จะตามมาในอนาคตให้คุณรับผิดชอบ มีพ่อแม่ที่กำลังแก่เฒ่าขึ้นทุกวันรอให้คุณคอยดูแล ซึ่งแน่นอนสิ่งเหล่านี้ความรักเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้ทุกอย่างดูราบรื่น มันต้องมีเรื่องความมั่นคงทางการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย.....
ผมเชื่อเสมอว่า ในเมื่อคนรวยอาจเปลี่ยนมาเป็นคนจนได้ ในทางกลับกันคนจนก็ย่อมรวยขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นมันอยู่ที่การเริ่มต้น เมื่อเริ่มนับหนึ่งมันก็จะทวีคูณขึ้นเป็นสองและสี่ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับความพยายามและความตั้งใจของแต่ละคนซึ่งไม่เท่ากัน
ปัญหาของคุณอยู่ที่เรื่องฐานะทางการเงิน ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังคิดว่าจะเริ่มสร้างความมั่นคง แต่ตลอด 9 ปีก็ยังคงเป็นเพียงความคิด ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเพียงความคิด เวลาผ่านไปอีก 10-20 ปีมันก็ยังคงย่ำอยู่กับที่ เพราะปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข
เมื่อคุณรักเขาจริง และคิดว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เขาดีจริง นั่นย่อมแสดงให้เห็นและมีคำตอบที่พร้อมอยู่ในใจว่า เขาต้องพร้อมที่จะทำเพื่อคุณในขณะที่คุณก็พร้อมที่จะช่วยเหลือในการให้กำลังใจเขา ..... คุณและเขาต้องสร้างพันธะสัญญาร่วมกัน ต้องเปลี่ยนแปลงและแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ร่วมกัน อย่าปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังและผ่านไปวันๆ ซึ่งนั่นจะทำให้คุณมีเวลาเหลือไม่พอที่จะแก้ไขปัญหา .... คุณควรเตือนเขา ควรชี้นำในสิ่งที่ถูกต้อง จับมือร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรค ตั้งเงื่อนไขภายใต้กำหนดเวลาและพิสูจน์ผลรับที่ได้.... เมื่อทุกอย่างได้เริ่มดำเนิน สถานการณ์ต่างๆจะเริ่มดีขึ้นครับ
เริ่มเสียแต่วินาทีนี้ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป เพราะอนาคตคุณไม่อาจย้อนเวลาหรือต่อเวลาออกไปได้ครับ.....
ผมเชื่อเสมอว่า ในเมื่อคนรวยอาจเปลี่ยนมาเป็นคนจนได้ ในทางกลับกันคนจนก็ย่อมรวยขึ้นได้เหมือนกัน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นมันอยู่ที่การเริ่มต้น เมื่อเริ่มนับหนึ่งมันก็จะทวีคูณขึ้นเป็นสองและสี่ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับความพยายามและความตั้งใจของแต่ละคนซึ่งไม่เท่ากัน
ปัญหาของคุณอยู่ที่เรื่องฐานะทางการเงิน ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังคิดว่าจะเริ่มสร้างความมั่นคง แต่ตลอด 9 ปีก็ยังคงเป็นเพียงความคิด ซึ่งหากปล่อยให้เป็นเพียงความคิด เวลาผ่านไปอีก 10-20 ปีมันก็ยังคงย่ำอยู่กับที่ เพราะปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข
เมื่อคุณรักเขาจริง และคิดว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เขาดีจริง นั่นย่อมแสดงให้เห็นและมีคำตอบที่พร้อมอยู่ในใจว่า เขาต้องพร้อมที่จะทำเพื่อคุณในขณะที่คุณก็พร้อมที่จะช่วยเหลือในการให้กำลังใจเขา ..... คุณและเขาต้องสร้างพันธะสัญญาร่วมกัน ต้องเปลี่ยนแปลงและแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ร่วมกัน อย่าปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังและผ่านไปวันๆ ซึ่งนั่นจะทำให้คุณมีเวลาเหลือไม่พอที่จะแก้ไขปัญหา .... คุณควรเตือนเขา ควรชี้นำในสิ่งที่ถูกต้อง จับมือร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรค ตั้งเงื่อนไขภายใต้กำหนดเวลาและพิสูจน์ผลรับที่ได้.... เมื่อทุกอย่างได้เริ่มดำเนิน สถานการณ์ต่างๆจะเริ่มดีขึ้นครับ
เริ่มเสียแต่วินาทีนี้ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป เพราะอนาคตคุณไม่อาจย้อนเวลาหรือต่อเวลาออกไปได้ครับ.....
แสดงความคิดเห็น
ถ้าเป็นคุณ...คุณจะคบผู้ชายคนนี้ต่อไปหรือไม่
เลยต้องเข้ามาขอคำปรึกษา เพราะทุกๆครั้งที่มีปัญหา ที่นี่มักจะมีคำแนะนำดีๆ ช่วยเราได้เสมอ เริ่มละนะ...
เค้า...เป็นผู้ชายที่รักเรามาก ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง แต่ทุกๆการกระทำของเค้ามันบอกเราได้
เค้า...เป็นผู้ชายที่นิสัยดีมาก จิตใจดี สุภาพ อ่อนโยน ดีทั้งกับเราและกับคนอื่นๆ เพื่อนๆเราชอบเค้าทุกคน
ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เวลามีปัญหาเค้าจะใจเย็น พูดกันดีๆ คุยกันด้วยเหตุผล ไม่เคยขึ้นเสียงหรือตะคอกใส่เราเลย
เรื่องไหนที่เป็นข้อเสียทั้งเค้าและเราพยายามจะปรับให้ดีขึ้นเสมอ
เค้า...เป็นผู้ชายที่ตามใจเรามาก เราอยากไปไหน อยากทำอะไร จะมีเค้าอยู่ข้างๆเสมอ
เวลาที่เรามีปัญหา เราไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวเลย เพราะจะมีเค้าคอยอยู่ข้างๆ ช่วยแก้ปัญหา คอยเป็นกำลังใจ
เค้า...เป็นผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับเราเสมอ ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนอื่น ไม่เคยลืมคำพูดของเรา ไม่เคยลืมวันสำคัญของเรา
ไม่มีวันไหนที่ไม่บอกรักเรา
เค้า...เป็นผู้ชายที่ให้เรื่องของเราสำคัญกว่าเรื่องของเค้าเอง ในทุกๆวันธุระของเราจะถูกจัดการเป็นอันดับแรก แล้วถึงจะไป
ทำธุระของเค้า
เรื่องราวระหว่างเรา 2 คน ใน 365 วันจะเป็นเรื่องราวดีๆซัก 360 วัน อาจมีซัก 5 วันที่งอนกันบ้าง มันก็ดูเหมือนจะดีนะ
.
.
.
แต่
เค้า...เป็นผู้ชายที่มีปัญหาทางการเงิน มีระบบของการจัดการเรื่องเงินล้มเหลว ทำงานมาไม่เคยมีเงินเก็บออมเลย
ไม่มีการวางแผนถึงวันข้างหน้า เรียกได้ว่า ติดลบ
เราค่อนข้างให้เกียรติเค้าในเรื่องของการใช้เงิน คิดว่าเงินของเค้า เค้าหาเองก็มีสิทธิที่จะใช้ตามใจเค้า อาจจะมีเตือนๆบ้าง
เพราะกลัวจะใช้เกินตัว จนทำให้วันข้างหน้าลำบาก (แต่มันก็เกิดขึ้นซะจริงๆ)
เราหาเงินได้มากกว่าเค้ามากพอสมควร ดังนั้นเวลาไปทานข้าว ดูหนัง เที่ยว ฯ เราก็มักจะเป็นคนออกเงินเอง เพราะสงสารเค้าที่ไม่ค่อยจะมี
ประเด็นที่เครียดคือ ตอนนี้เริ่มโตขึ้น เริ่มมองอนาคตมากขึ้น ก็เริ่มมองว่าผู้ชายคนนี้จะเลี้ยงเราได้มั้ยนะ หรือเราจะต้องหาเลี้ยงตัวเองแถมต้องหาเผื่อเค้าด้วย เพราะทุกวันนี้เราช่วยเค้าผ่อนรถนิดหน่อย(ซึ่งเราก็ผ่อนรถเราเองด้วยอีกคันนึง) บางเดือนต้องออกค่าใช้จ่ายนั่นนี่แทนเค้าอีกหลายอย่างซึ่งก็เป็นหลักหมื่น ผ่านมา 9 ปีชีวิตมันวนๆอยู่อย่างนี้ ตามตัวเลขที่จดไว้เค้าก็ยืมเราไปเป็น"แสน"ละ ซึ่งจากที่ดูกว่าจะจะหามาคืนเราได้คงอีกนาน
เพราะคบกันมานาน พ่อแม่เราก็เริ่มกดดันในเรื่องแต่งงาน (จะแต่งได้ยังไง เงินเก็บยังไม่มีซักบาท) ซึ่งแม่เราเค้าก็มองออกว่าผู้ชายคนนี้เค้าไม่มีเงิน
แม่ก็แค่พูดว่า "ถ้าจะแต่งงานอย่าเอาเงินตัวเองมาแต่งล่ะ แล้วก็ดูให้ดีว่าเค้าจะเลี้ยงดูเราได้บ้างมั้ย ถ้าเห็นแล้วว่าทางนั้นมันลำบากจะเดินไปทำไม" คำพูดของแม่เฉือดเราตายไปเลย
ถ้าเป็นคุณ...คุณจะทำยังไงกับผู้ชายที่ดีมากๆ แต่ก็จนมากๆคนนี้คะ
ขอบคุณมากจริงๆนะคะสำหรับทุกๆคำแนะนำดีๆ ทุกๆความคิดเห็น ทุกๆกำลังใจ ที่นี่เป็นที่ที่เราพึ่งพาได้เสมอจริงๆ
เราอ่านโดยละเอียดทุกความคิดเห็น นั่นช่วยให้เราคิดและตัดสินใจบางอย่างได้
ระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมามันเป็นความรักและผูกพันมาก เราจึงไม่อยากให้มันกลายเป็น 9 ปีที่สูญเปล่า
เราเลือกที่จะให้โอกาส เป็นโอกาสสำหรับเค้าที่จะพัฒนาตัวเอง และเป็นโอกาสสำหรับเราที่ต้องตัดสินใจให้ดี
เราเริ่มคบกับเค้ามาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เริ่มตั้งแต่ซ้อนท้ายเค้าที่ปั่นจักรยาน ขยับมาขี่มอร์เตอร์ไซ จนวันนี้มีรถยนต์มาขับให้เรานั่ง
(ถึงเราจะช่วยออกเงินและค่าน้ำมัน แต่ก็ดีกว่าซ้อนท้ายมอเตอร์ไซนิดนึง)
มองย้อนกลับไปจากอดีตจนถึงวันนี้ คำตอบนึงที่บอกได้คือ เค้าไม่ได้คบกับเราเพียงเพราะเราช่วยเหลือเรื่องการเงินเค้าได้
เพราะเราเองก็เคยลำบาก ไม่มีเงินเลย ในตอนนั้นก็มีเค้าอยู่ข้างๆแล้ว
หลายคนสงสัยว่า 9 ปีนี่ไม่เคยคุยเรื่องการเงินกันเลยหรือยังไง ตอบได้ว่า เคยคุยค่ะและเป็นการคุยแบบซีเรียสจริงจัง แต่มันก็ยังเกิดซ้ำ
เรา 2 คนไม่ได้ทำงานประจำ มีธุรกิจส่วนตัว แต่ทำแยกกัน ซึ่งเงินของเค้าที่หายไปหรือหมุนไม่ทัน เพราะรายจ่ายในการประคองธุรกิจของเค้า ซึ่งเค้าเองขาดความรอบคอบในการวางแผนการเงิน จุดนี้ที่ต้องแก้ปัญหา
สรุปคือนับจากวันนี้ไปอีก 1 ปี เราจะคอยแนะนำและเป็นกำลังใจให้เค้า ถ้าเค้ามีพัฒนาการไปในทางที่ดี ระหว่างเราก็คงจะมีปีที่ 11..12..ต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เราคงต้องถอยออกมาจริงๆ เพราะเราเองก็อยากก้าวหน้า มีความมั่นคงให้กับชีวิต
แล้วอีก 1 ปีจะมาเล่าให้ฟังนะคะ ว่าเรื่องนี้มันจบสวยมั้ย