หลังถูกเด้งไปนั่งเกาสะดือในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน
ในที่สุดศาลปกครองกลางก็ตัดสินให้ “ถวิล เปลี่ยนศรี” ได้คืนความเป็นธรรมกลับไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตามเดิม
แน่นอน...รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองกลาง
ต้องประเคนตำแหน่ง เลขาธิการ สมช.คืนให้ “ถวิล” โดยไม่หือไม่อือ
เท่ากับ “ถวิล เปลี่ยนศรี” ซึ่งเหลืออายุราชการอีก 1 ปี 4 เดือนจะได้เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงจนถึงเดือนกันยายนปีหน้าโน่นเลย
แต่บังเอิญคดีนี้ยังไม่จบบริบูรณ์
รัฐบาลยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่ารัฐบาลจะใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีตามกติกา เพื่อซื้อเวลาต่อไปอีกครึ่งปี
เพราะกว่าศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินคดี ต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า ถวิล เปลี่ยนศรี จะได้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ อย่างช้าที่สุดก็ไม่เกินสิ้นปีนี้
ได้เกษียณอายุราชการบนเก้าอี้เลขาธิการ สมช. สมใจนึกบางลำพู
ส่วน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.คนปัจจุบัน ซึ่งยังเหลืออายุราชการอีกหลายปี รัฐบาลคงต้องจัดหาตำแหน่งอื่นให้รองก้นชั่วคราว
“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาต
ทบทวนกรณีเด้งด่วน ถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ อีกที
ถ้าดูในแง่หลักการ เป็นการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมกับ “ถวิล” จริงๆ
โดยเฉพาะการย้ายจากเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ
คือย้ายไปนั่งตบยุงดีๆ นี่เอง
แต่ถ้ามองอีกมุม ก็เป็น
ความจำเป็นของรัฐบาลต้องย้ายเลขาธิการ สมช.
เพราะสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็น “กล่องดวงใจ” ที่กุมความมั่นคงประเทศครบวงจร
รัฐบาลจำเป็นต้องใช้คนที่ไว้วางใจ 100 เปอร์เซ็นต์
ปัญหาคือ “ถวิล เปลี่ยนศรี” เป็นคนที่รัฐบาลเก่าผลักดันขึ้นมาเสียบตำแหน่งเลขาธิการ สมช.
แถม “ถวิล” ในฐานะเลขาธิการ ศอฉ. ยังมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงตายไป 98 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน
“ถวิล” จึงถูกมองว่าเป็นสายประชาธิปัตย์เต็มตัว
พูดง่ายๆ คือเป็น “หอกข้างแคร่” นั่นแหละโยม
ฉะนั้น เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล ถ้าจะปล่อยให้ “ถวิล” เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงฯต่อไป ก็อาจเกิดความไม่มั่นคงปลอดภัยต่อรัฐบาลเอง
จึงจำเป็นต้องเอาคนที่รัฐบาลใหม่ “ไว้วางใจ” มาคุมความมั่นคงแทน
ฉันใดก็ฉันเพล
ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็เคยเด้ง พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการ สมช.ยุครัฐบาลสมัคร-สมชาย ออกไป ด้วยเหตุผลเดียวกัน
คือไม่ไว้ใจคนที่รัฐบาลเก่าแต่งตั้งไว้ กลัวความลับรั่วไหล กลัวฝ่ายตรงข้ามล้วงตับตุ๊กแก
สรุปว่าทุกครั้งที่การเมืองเปลี่ยนขั้วก็ต้องเปลี่ยนตัวเลขาธิการสภาความมั่นคงฯทุกที
เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งให้รัฐบาลต้องคืนตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ให้ “ถวิล” โดยเร็ว รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม
แต่รัฐบาลจะไว้วางใจให้ “ถวิล” รับผิดชอบความมั่นคงเต็มตัวหรือไม่?
ดู
แนวโน้มแล้วคงเป็นแค่
“ข้าวนอกนา”
เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ
รับผิดชอบงานรูทีน.
"แม่ลูกจันทร์"
ไทยรัฐออนไลน์
อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/348770
ให้คืนก็ต้องคืน...."แม่ลูกจันทร์" (ไทยรัฐออนไลน์)
ในที่สุดศาลปกครองกลางก็ตัดสินให้ “ถวิล เปลี่ยนศรี” ได้คืนความเป็นธรรมกลับไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตามเดิม
แน่นอน...รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองกลาง
ต้องประเคนตำแหน่ง เลขาธิการ สมช.คืนให้ “ถวิล” โดยไม่หือไม่อือ
เท่ากับ “ถวิล เปลี่ยนศรี” ซึ่งเหลืออายุราชการอีก 1 ปี 4 เดือนจะได้เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงจนถึงเดือนกันยายนปีหน้าโน่นเลย
แต่บังเอิญคดีนี้ยังไม่จบบริบูรณ์
รัฐบาลยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่ารัฐบาลจะใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีตามกติกา เพื่อซื้อเวลาต่อไปอีกครึ่งปี
เพราะกว่าศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินคดี ต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่า ถวิล เปลี่ยนศรี จะได้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ อย่างช้าที่สุดก็ไม่เกินสิ้นปีนี้
ได้เกษียณอายุราชการบนเก้าอี้เลขาธิการ สมช. สมใจนึกบางลำพู
ส่วน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.คนปัจจุบัน ซึ่งยังเหลืออายุราชการอีกหลายปี รัฐบาลคงต้องจัดหาตำแหน่งอื่นให้รองก้นชั่วคราว
“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตทบทวนกรณีเด้งด่วน ถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ อีกที
ถ้าดูในแง่หลักการ เป็นการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมกับ “ถวิล” จริงๆ
โดยเฉพาะการย้ายจากเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ
คือย้ายไปนั่งตบยุงดีๆ นี่เอง
แต่ถ้ามองอีกมุม ก็เป็นความจำเป็นของรัฐบาลต้องย้ายเลขาธิการ สมช.
เพราะสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็น “กล่องดวงใจ” ที่กุมความมั่นคงประเทศครบวงจร
รัฐบาลจำเป็นต้องใช้คนที่ไว้วางใจ 100 เปอร์เซ็นต์
ปัญหาคือ “ถวิล เปลี่ยนศรี” เป็นคนที่รัฐบาลเก่าผลักดันขึ้นมาเสียบตำแหน่งเลขาธิการ สมช.
แถม “ถวิล” ในฐานะเลขาธิการ ศอฉ. ยังมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงตายไป 98 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน
“ถวิล” จึงถูกมองว่าเป็นสายประชาธิปัตย์เต็มตัว
พูดง่ายๆ คือเป็น “หอกข้างแคร่” นั่นแหละโยม
ฉะนั้น เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล ถ้าจะปล่อยให้ “ถวิล” เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงฯต่อไป ก็อาจเกิดความไม่มั่นคงปลอดภัยต่อรัฐบาลเอง
จึงจำเป็นต้องเอาคนที่รัฐบาลใหม่ “ไว้วางใจ” มาคุมความมั่นคงแทน
ฉันใดก็ฉันเพล ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็เคยเด้ง พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการ สมช.ยุครัฐบาลสมัคร-สมชาย ออกไป ด้วยเหตุผลเดียวกัน
คือไม่ไว้ใจคนที่รัฐบาลเก่าแต่งตั้งไว้ กลัวความลับรั่วไหล กลัวฝ่ายตรงข้ามล้วงตับตุ๊กแก
สรุปว่าทุกครั้งที่การเมืองเปลี่ยนขั้วก็ต้องเปลี่ยนตัวเลขาธิการสภาความมั่นคงฯทุกที
เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งให้รัฐบาลต้องคืนตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ให้ “ถวิล” โดยเร็ว รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม
แต่รัฐบาลจะไว้วางใจให้ “ถวิล” รับผิดชอบความมั่นคงเต็มตัวหรือไม่?
ดูแนวโน้มแล้วคงเป็นแค่ “ข้าวนอกนา”
เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงฯ รับผิดชอบงานรูทีน.
"แม่ลูกจันทร์"
ไทยรัฐออนไลน์
อ้างอิง http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/348770