168ชั่วโมง อำพรางฆาตกรรม / เรื่องสั้นหมอแมว

กระทู้สนทนา


ชรินทร์มองรถตำรวจที่กำลังวิ่งเปิดไซเรนเข้ามาในมหาวิทยาลัยพลางมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาห้าโมงเย็น ดูเหมือนจะช้ากว่าที่เขาวางแผนไว้แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะกว่าจะเข้ามาจับเขาได้จนพาไปโรงพักก็คงปาเข้าไป2ทุ่ม ... ตามแผนที่เขาวางไว้

เป็นเวลา 4 เดือนแล้วที่เขาต้องอยู่กับความเจ็บช้ำใจ ตั้งแต่รู้ว่าแฟนของเขาแอบนอกใจและไปมีสัมพันธ์กับชายอื่น ทุกวันที่กลับมาที่บ้านคุยกันอย่างยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อเพื่อนร่วมงานของชรินทร์เอาข่าวมาเตือนมาบอกแม้ช่วงแรกเขาจะไม่เชื่อ แต่พอเพื่อนๆหลายคนยืนยันทั้งด้วยเกียรติและด้วยภาพถ่าย ชรินทร์ก็ต้องพิสูจน์

และวันที่เขาสะกดรอยแฟนของตนไปจนถึงโรงแรมม่านรูด ได้เห็นแฟนของตนขับรถเข้าไปในช่องและมีพนักงานโรงแรมวิ่งมาปิดม่าน วันนั้นก็คือวันที่ชายหนุ่มคิดแผนฆาตกรรมนี้ขึ้นมา

เขาทำทุกสิ่งทุกอย่างตามปกติทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่บอกเพื่อนร่วมงานว่าเป็นความเข้าใจผิดโดยจริงๆแล้วแฟนของเขาไม่ได้นอกใจ แต่เป็นการไปคุยงานกับลูกค้าตามปกติและขับรถผ่านทางลัดของม่านรูดแห่งนั้นไปออกที่ถนนอีกด้านหนึ่งเท่านั้น จากนั้นเขาก็ขับรถกลับบ้านผ่านทางซอยทางลัดที่ปกติเขาจะไม่เคยผ่าน ดูว่าซอยใดที่เปลี่ยวมากที่สุดและไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งก็เป็นซอยที่ไม่ห่างจากบ้านของเขามากนัก

ต่อจากนั้นก็คือการหาอุปกรณ์และยา สำหรับยานอนหลับ เขาหาได้ไม่ยากเพราะรู้ดีว่าแฟนของเขามียานอนหลับติดตัวอยู่แล้ว แต่อุปกรณ์อีกอย่างที่เขาต้องการคือเข็มและกระบอกฉีดยา ถ้าหากเขาไปซื้อจากร้านขายยาจะต้องโดนสงสัยหรือถูกตรวจสอบสาวมาถึงในภายหลังแน่นอน

เขาแก้ไขปัญหาด้วยการไปที่ทำงานตั้งแต่เช้า เดินไปที่เครื่องปรินท์เตอร์ของหัวหน้าภาควิชาแล้วเทหมึกออกจนหมด จากนั้นเปิดตู้เก็บพัสดุแล้วเอาขวดหมึกสำรองไปทิ้งจนหมด แล้วก็กลับมานั่งทำงานเหมือนไม่มีอะไร เวลาผ่านไปไม่นานตอนที่หัวหน้าภาครู้ ชนินทร์มองดูหัวหน้าภาควิชาเดินไปเปิดตู้ก่อนจะกลับมาแบบหัวเสียเพราะว่าไม่มีหมึกสำรองเหลืออยู่เลย

“ผมจะไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต มีใครจะเอาอะไรหรือเปล่าครับ” ชนินทร์ถามขึ้นตอนใกล้เที่ยง ... ช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้เขาเปลี่ยนช่วงเวลาซื้อของกลับบ้านมาเป็นกลางวัน โดยอ้างกับเพื่อนร่วมงานว่าถ้าไปตอนเย็นจะเสียเวลาช่วงกลับบ้าน และทุกครั้งที่เขาไปห้าง เขาก็จะถามเพื่อนๆก่อนไปทุกครั้งว่าต้องการอะไรหรือไม่ ซึ่งวันนี้เพียงเขาถามขึ้นครั้งแรก หัวหน้าก็เดินเข้ามา

“ชรินทร์ คุณช่วยซื้อหมึกสีกับหมึกดำของปรินเตอร์มาให้ผมหน่อย หมึกหมดพอดีเลย”

อาจารย์หนุ่มไปที่ห้างและซื้อของตามปกติ จากนั้นเลยขึ้นไปซื้อหมึกปรินเตอร์ พนักงานขายให้หมึกมา 4 ขวด และก็แถมเข็มฉีดยาและกระบอกฉีดยามาให้ด้วย เขารับเอาห่อของกลับมา เก็บเข็มและกระบอกฉีดยาไว้ และเอาหมึกทั้งหมดไปเทให้หัวหน้า ... เนื่องจากหัวหน้าใช้หมึกปรินเตอร์แบบแท้งก์ การเติมก็ใช้ที่มีดตัดจุกออกและเทหมึกไปโดยตรงโดยไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา

กว่าหัวหน้าและคนอื่นๆจะกลับมา เขาก็จัดการเอาขยะไปทิ้งเรียบร้อย ชรินทร์เหลือบมองกล้องวงจรปิดของแผนก ... เขาต้องรออีก 1 สัปดาห์ จึงจะเริ่มแผนได้ เพราะว่าเขาได้เช็คแล้วว่ากล้องวงจรปิดของมหาวิทยาลัยจะบันทึกภาพไว้7วันจากนั้นก็จะวนกลับมาทับภาพเดิมใหม่

ในที่สุดวันลงมือก็มาถึง คืนวันพุธ ขณะที่แฟนไปอาบน้ำชรินทร์ก็แอบเปิดดูข้อความในโทรศัพท์ ชายชู้ส่งข้อความเป็นรหัสลับแสดงการนัดแนะกันในช่วงเย็นมา
“เย็นนี้เราไม่กลับบ้านนะ หัวหน้ามีงานด่วนให้ทำ”
“อืม งั้นไม่โทรไปกวนนะ อ้อ ผมซื้อชาเขียวที่คุณชอบไว้ให้แล้ว ใส่ไว้ให้ในรถแล้วนะ” ชรินทร์บอกแฟน ก่อนจะหอมแก้มและกอด ... นี่คงจะเป็นการกอดครั้งสุดท้ายแล้ว ... ลาก่อนนะที่รัก

เย็นนั้นชรินทร์ออกจากที่ทำงานและกลับบ้านตามปกติ เปลี่ยนชุดแล้วขับรถไปที่โรงแรมม่านรูด ... เขาขับไปจอดตรงที่ใต้สะพานที่อยู่ใกล้ๆซึ่งเช็คมาก่อนแล้วว่าไม่มีกล้องวงจรปิด จากนั้นก็เดินไปรอ ไม่นานมากนัก ตามเวลาที่กะเอาไว้เขาก็เห็นรถของแฟนที่มีชายชู้นั่งคู่มาด้วย เขาเหลือบมองจนเห็นว่ารถเลี้ยวเข้าไปในช่องเดิมห้องเดิม แล้วก็รอเวลา ... เขาจะปล่อยให้ทั้งคู่มีความสุขอย่างเต็มอิ่มเป็นครั้งสุดท้าย

ผ่านไป2ชั่วโมง ชายหนุ่มแอบเดินเข้าไปในม่านรูด เขาแหวกเข้าไปหลังม่านอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะใช้มีดพับแงะตรงช่องลูกบิดเบาๆและเปิดเข้าไปในห้อง ... เขาค่อยๆมองเข้าไปที่เตียง ร่างสองร่างนอนหลับสนิท เสียงกรนดังออกมาเบาๆเป็นจังหวะ ขวดชาเขียวสองขวดผสมยานอนหลับที่เขาวางไว้ในรถของแฟนตอนนี้ถูกเปิดดื่มจนหมดและทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่แล้ว ชายหนุ่มเอาขวดชาเขียวปกติที่เตรียมมาไปเปลี่ยนกับขวดที่ผสมยานอนหลับแล้วหันกลับมาที่เตียง

ชรินทร์เดินไปเขย่าตัวแฟน ... ที่จริงครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาวางยาและแอบเข้ามาในห้องม่านรูด สองครั้งแรกที่ทำ แม้จะเขย่าตัวอย่างแรงหรือตบหน้าทั้งแฟนของเขาและชายชู้ก็ไม่รู้สึกตัว ชรินทร์เดินไปที่ถังขยะ หยิบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วขึ้นมา เอากระบอกฉีดยาดูดน้ำกามที่อยู่ในนั้นออก กลับมาที่เตียงและพลิกร่างอันไร้สติของแฟนของเขา ฉีดน้ำเชื้อของชายชู้เข้าไปทางทวารหนัก จากนั้นเก็บกระบอกฉีดยา แต่งตัวให้แฟนของตน ก่อนจะแบกขึ้นหลังแล้วเอาขึ้นรถ ก่อนจะย้อนไปที่ชายชู้ หยิบมือของชายคนนั้นประทับรอยนิ้วมือลงบนกระบอกฉีดยาอีกอันแล้วออกมา

ขับออกจากม่านรูดอย่างเงียบเชียบ ชรินทร์สวมถุงมือพลาสติกจับพวงมาลัยรถหักเข้าไปในซอยเปลี่ยวที่วางแผนไว้ เขาขับวนหนึ่งรอบจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ จัดแฟนของตนมาไว้ที่ที่นั่งคนขับปรับเกียร์ว่างเหยียบคันเร่ง ก่อนจะดึงเกียร์เป็นเดินหน้าให้รถพุ่งชนต้นไม้ เสียงโลหะบดกับต้นไม้ดังสนั่นท่ามกลางความมืดของกลางคืน ชรินทร์เดินกลับไปที่รถ มองดูแฟนที่ยังหายใจอยู่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเอาเข็มฉีดยาบรรจุอากาศปักไปที่หน้าอกด้านซ้ายของอดีตคนรัก แล้วดันอากาศเข้าไป

ชรินทร์มองร่างชายหนุ่มที่เบาะรถกระตุกสามสี่ครั้งก่อนจะหยุดหายใจ ชีพจรหยุดเต้นลง เขาโยนกระบอกฉีดยาที่มีแต่ลายนิ้วมือของชายชู้ไว้ที่ในรถตรงเบาะข้าง ปรับนาฬิกาข้อมือเลื่อนเวลาไปข้างหน้าหนึ่งชั่วโมง จากนั้นเอาข้อมือฟาดเข้ากับบานประตูอย่างแรงจนนาฬิกาแตก ... เขาสร้างเวลาตายปลอมไว้1ชั่วโมง ซึ่งตามที่เขาเคยมาแอบซุ่มดู ซอยนี้เปลี่ยนมากและไม่มีคนผ่านยกเว้นแต่สายตรวจที่จะมาเปิดกล่องแดงตอน 5 ทุ่ม

ชายหนุ่มออกจากที่เกิดเหตุกลับไปที่รถของตนที่จอดตรงม่านรูดก่อนจะขับกลับมาที่มหาวิทยาลัย ใช้กุญแจเปิดเข้าไปแล้วไปนั่งทำงานที่โต๊ะทำงานของตน ส่งข้อความจากเมล์เข้าสู่เมล์หัวหน้าภาคและเพื่อนร่วมงาน upload statusในfacebook เดินไปห้องชงกาแฟ ห้องน้ำ ไปหลายตำแหน่งในมหาวิทยาลัยที่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ให้ภาพจากกล้องหลายๆตัวจับภาพ เขาไม่ยอมเสี่ยงฝากชีวิตไว้กับกล้องตัวเดียวหรอก

ตีหนึ่งครึ่ง โทรศัพท์มือถือดังขึ้น

“คุณชรินทร์ใช่ไหมครับ ผมโทรจากสถานีตำรวจ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักกับผู้ชายที่ชื่อไกรภพหรือเปล่าครับ”
“ครับ ไกรภพเป็นแฟนผมเองครับ มีอะไรเหรอครับ”
“สายตรวจไปพบคุณไกรภพประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตครับ ขอให้มาที่สถานีตำรวจด่วนเลยครับ”

ชรินทร์สูดหายใจลึกๆตอนที่วางสาย เขาเดินไปที่ห้องพักเวรของยามมหาวิทยาลัยก่อนจะเคาะ
“อ้าว อาจารย์ชรินทร์ ... อาจารย์ยังอยู่เหรอครับ”

“นายพงษ์ช่วยขับรถพาผมไปที่สถานีตำรวจหน่อย ตำรวจโทรมาบอกว่าแฟนผมตายแล้ว ... ผม .. ผม .. ผมขับไม่ไหว”

แล้วเขาก็ปล่อยโฮออกมา น้ำตาไหลออกมาจนนายพงษ์ยามของมหาวิทยาลัยเศร้า ... เศร้าเสียยิ่งกว่าชรินทร์ที่ยิ้มอยู่ใต้มือสองข้างที่ปิดหน้าอยู่ ... เขาดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้ม

หลังจากให้การกับตำรวจเสร็จ ชรินทร์ก็กลับบ้าน ... ตำรวจสงสัยว่าการตายอาจจะไม่ปกติ เพราะรถเสียหายเพียงเล็กน้อย และจากการตรวจของแพทย์พบยานอนหลับในเลือด แต่ตำรวจยังไม่สงสัยเขามากนักเพราะนายพงษ์ที่มาด้วยกันเป็นพยานให้ว่าอาจารย์หนุ่มอยู่ที่มหาวิทยาลัยในคืนนั้น

ตำรวจน่าจะเอะใจตอนที่ผลชันสูตรออกว่าไม่พบบาดแผลภายนอกที่ถึงแก่ชีวิต และมีรอยเข็มที่หัวใจ และคงจะได้คำตอบจากนายพงษ์ว่าพบเห็นเขาตอนหลังจากตีหนึ่งครึ่งแต่ไม่เห็นว่ามาตอนกี่โมง

---

ห้าโมงเย็นอาจารย์หนุ่มนั่งกดดูข่าว ข่าวด่วนพาดหัวขึ้นในเว็บสำนักข่าว
“ตำรวจออกหมายจับอาจารย์หนุ่มฆ่าอำพรางเกย์คู่ขา เหตุชี้ชัดหึงหวง”

เขามองออกไปที่หน้าต่าง ตำรวจมาถึงแล้ว ... ช้ากว่าที่กะไว้เล็กน้อย ... เขาทำท่าไม่พอใจและงงๆตอนที่ตำรวจเข้ามาและสับกุญแจมือลงไป

ที่โรงพักตอน3ทุ่ม เกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อย นักข่าวแห่กันมาทำข่าว ชรินทร์ก้มหน้าไม่มองใคร ... เขารู้ดีว่านักข่าวต้องสนใจแน่นอนกับข่าวเกย์ฆ่าคู่เกย์ สังคมไทยเป็นแบบนี้เสมอ ... ไม่นานนัก อาจารย์หัวหน้าภาคและเพื่อนร่วมงานต่างแห่กันมา ทุกคนมาด้วยความเชื่อใจในตัวเขาและเตรียมเงินมา แม้จะเป็นเย็นวันศุกร์ แต่เพื่อนร่วมงานหลายสิบคนระดมแจ้งข่าวและไปถอนเงินจากธนาคารรวมเป็นเงินกว่า2ล้านบาทเพื่อมาประกันตัวให้ผิดจากแผนที่วางไว้ แต่ไม่เป็นไร ยังมีแผนสำรอง

“เราให้ประกันตัวไม่ได้ ตอนนี้นอกเวลาราชการแล้ว ... ไว้พวกคุณกลับมาอีกทีวันจันทร์แล้วกัน”
เพื่อนทุกคนเข้ามาให้กำลังใจ ทุกคนพยายามบอกกับนักข่าวว่าชรินทร์และแฟนหนุ่มรักกันแค่ไหนและอยู่กินกันอย่างเปิดเผยโดยมีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับทราบรับรู้

ชรินทร์รู้สึกผิดกับเพื่อนๆอยู่บ้าง แต่นี่เป็นสิ่งที่เขาวางแผนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่