ขอแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับจากการไปทัวร์ยุโรปครั้งแรก ^^
คำบอกเล่าของเรา เป็นข้อสังเกตจากประสบการณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความรู้พื้นฐาน ฯลฯ ของเราเองล้วนๆ
ผิดถูกประการใด ขอเพื่อนๆ โปรดชี้แนะ ^^
เริ่มที่การจองทัวร์
เราเลือก บ. ทัวร์ที่เป็นที่รู้จักนิดนึง แต่ไม่ต้องแบบมาตรฐานสูงมาก เพราะค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย
บ. ที่เราเลือกเป็น บ.กลางๆ ลงโฆษณาตามสื่อต่างๆ
บินกับ KLM/AirFrance 9D6N ราคา 94,900 บาท/คน
พอเลือกโปรแกรมได้แล้วเราก็ google หา feedback ทั้งด้านดีด้านลบ
ตรวจสอบ TAT No. ว่าถูกต้อง มีอยู่จริง
โทรจอง วางมัดจำ แล้วก็รอ และคอยตามเรื่องจำนวนลูกทัวร์บ้างว่าสามารถปิดกรุ๊ปได้หรือยัง
แต่บางที่เค้าก็ไม่ค่อยบอกจำนวนจริง ๆ เพราะกลัวลูกค้าเปลี่ยนใจน่ะ
เวลาเราจะสอบถามอะไร เราจะจดรายการคำถามออกมาก่อนแล้วจัดเป็นชุดทีเดียว
จะได้ไม่ต้องโทรบ่อย เพราะจะอาจจะเป็นที่น่ารำคาญของอีกฝ่ายมาก 555+
กระเป๋าของแถมในโปรแกรมทัวร์
พวกของแถมตามโปรแกรมเช่นกระเป๋าเดินทาง
หากมีแถมให้ถามมูลค่าของกระเป๋าด้วยว่ามีมูลค่าเท่าไหร่
และหากว่ากระเป๋าท่านเยอะแล้วไม่อยากเอาก็ถามเค้าก็ได้ว่าถ้าไม่เอาได้ไหม ให้ทัวร์คืนมาเป็นเงินแทน
เซลลส์บางคนก็เลือกปฏิบัติ ต้องยอมรับ
เช่น เรื่องกระเป๋า ไปกรุปเดียวกันบางส่วนได้กระเป๋า บางส่วนไม่ได้ อย่างกรณีเรา
เซลส์อ้างว่ากระเป๋าผลิตไม่ทันจะคืนเงินให้ ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่ได้ถามถามมูลค่ากระเป๋าไว้ด้วย
เค้าอาจจะเอาเปรียบเราก็ได้ เช่น มูลค่ากระเป๋าจริงๆ อาจจะ 700 บาท
แต่อาจจะบอกเราว่าคืนให้ 500 บาท เป็นต้น (แอบ dark side นิดนึง อิอิ)
ก่อนออกเดินทาง
กระเป๋าเดินทางอย่าเอา oversized ไปเพราะคุณจะเพลินใส่ของได้มากสุดท้ยก็ นน. เกิน เอา size 24-26 ก็พอสำหรับ 10 วัน
กระเป๋าสะพายแนะนำให้ใช้แบบ crossbody สะดวกเพราะมือคุณจะว่างทั้งสองมือ และปลอดภัยจากนักล้วงมากที่สุด
ติดต่อหัวหน้าทัวร์ก่อนออกเดินทางแต่เนิ่นๆ แต่อย่าล่วงหน้านานนัก
เพราะหัวหน้าทัวร์อาจจะยังไม่มีรายละเอียดเพราะยังไม่ได้เข้าไปรับงาน
เราว่าล่วงหน้าสัก 3 วัน กำลังดี เผื่อเราจะถามโน่นนี่จะได้สะดวก เพราะยังไม่มีคนติดต่อมากนัก ยังไม่วุ่น
และหัวหน้าทัวร์จะจำเราได้เป็นคนแรกๆ เผื่อมีอะไรจะขอ favour เช่น ขอห้องติดกัน ของเตียงคู่ ฯลฯ กันก็น่าจะมีภาษีหน่อยนึง
แต่ในทางปฏิบัติ เรื่องเตียงที่ยุโรปอาจจะได้เตียง sharing twin ซะแทบทั้งหมด แม้ว่าจะไปเป็นสามี-ภรรยาก็ตาม
ไม่แน่ใจว่าเพราะ รร. หรือเพราะทางทัวร์ ใครกันแน่ขี้เกียจจัดห้อง หรืออะไร
การแลกเงิน
ให้ดูจากจำนวนวันที่ไป เทียบกับโปรแกรมเที่ยว มีรายการช็อปปิ้งมากน้อยแค่ไหน
อย่างเราจะแลกทั้งยูโร และฟรังซ์ แต่แลกฟรังซ์น้อยหน่อย เพราะตามโปรแกรมแล้วมีช็อปปิ้งนาฬิกาที่เดียว
ซึ่งเป็นของมีราคาถ้าจะซื้อควรใช้บัตรเครดิตซื้อ ส่วนเงินก็เอาไว้ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ และควรใช้ให้หมด
เพราะเอากลับมาแลกคืนอาจจะขาดทุนเยอะ ส่วนพวกเหรียญๆ ก็หยอดตู้ Unisef ตามสนามบินไป
เอกสารส่วนตัว
ถ่ายสำเนาแยกเก็บไว้ด้วย อาจจะเก็บใครเก็บมันกรณีไปเป็นครอบครัว
สแกนหน้า passport และเอกสารสำคัญๆ เช่นหน้าที่มี visa แล้วส่งอีเมล์หาตัวเองเผื่อกรณีฉุกเฉิน
sim 2 fly
เฉพาะกรณีเรานะ เราคิดว่าไม่ดีเอาซะเลย ติดต่อแทบจะไม่ได้เลย
ที่สวิสขึ้นว่าไม่มีบริการทั้งที่ในเน็ท และที่ช็อป AIS บอกว่าใช้ได้
ซื้อไป 2 ซิม เติมเงินซิมละ 300 บาท เสียดายเงินมาก ลาขาดเลย
ยาประจำตัว
อย่างเราแฟนชอบเจ็บคอเพราะแอบสูบบุหรี่ เราก็จะเอายาปฏิชีวนะ ยาอมแก้เจ็บคอ ติดไปด้วย
เพราะที่ยุโรปและอีกหลายประเทศจะซื้อยาพวกนี้ไม่ได้ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ และราคาแพงกว่าบ้านเรามาก
กระบอกใส่น้ำ
พกไปด้วยก็ดี หรือเอาขวดเปล่าที่ดื่มหมดแล้วก็ได้ที่ขนาดเหมาะมือหน่อย
ไว้กรอกน้ำก๊อกเก็บไว้ดื่ม น้ำที่โน่นแพงขวดละประมาณ 1-2 ยูโร
ทำการบ้านเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวต่างๆ
ที่เราจะไป เพราะหัวหน้าทัวร์อาจจะไม่ค่อยบรรยายก็ได้
เวลาถึงที่เที่ยวก็จะได้อินบ้างอะไรบ้างถ้าเรารู้ประวัติ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบ้าง ก็จะประทับใจกับสถานที่มากกว่า
สมัยก่อนเราไม่ชอบทำการบ้านเลย ชอบเซอร์ไพรส์ตัวเอง ว่าจะไปเจออะไรบ้าง
แต่เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว ต้องดูรายละเอียดทุกสิ่งอย่าง ทำ google map แต่ละเมืองด้วย เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ ทำเหมือนไปด้วยตนเองเลย
ที่นั่งบนรถโคช
เว้นที่นั่งแถวหน้าฝั่งคนขับให้หัวหน้าทัวร์ซะแถวนึง เผื่อเค้าวางของด้วยอะไรด้วย
ถ้าเราไปนั่งก่อนแล้วโดนขอให้ย้ายเราอาจจะต้องไปนั่งหลังสุดเพราะที่หลังต่อจากแถวหน้าคนอื่นนั่งเต็มหมดแล้ว
บางทัวร์จัดที่นั่งตามคิวที่จอง แต่บางที่ก็มาก่อนได้เลือกที่นั่งก่อน
1-2 วันแรกยังมีสับเปลี่ยนกันบ้าง ช่วงกลางๆ ที่นั่งจะค่อนข้างลงตัวเอาของที่ไม่สำคัญแต่ต้องใช้ทุกวันทิ้งไว้บนรถได้
ห้องน้ำ
ค่อนข้างหายาก เสียค่าเข้า 1 ยูโร ให้เข้าห้องน้ำของซูเปอร์เวลาแวะฉี่ ไม่ต้องพกทิชชูเหมือนบ้านเรา
บางที่เก็บตังค์โดยการให้เราหยอดเหรียญเพื่อผ่านประตู แต่สลิปที่ได้สามารถเอาไปใช้แทนเงินสดได้ในมูลค่าเท่ากัน
หากเผลอไปเข้าห้องน้ำปั๊มที่เสียตังค์ อย่าลังเลที่จะปฏิเสธหากไม่ปวดมาก เดินไปอีกนิดเข้าที่ซูเปอร์ดีกว่า
ปล. ห้องน้ำที่ Interlaken ไฮโสฯ มาก เพราะคนจีนเยอะ (ขออภัยแต่มันเรื่องจริง)
ช็อปปิ้ง
ที่ Lafayette เคาน์เตอร์บริการสำหรับ tax refund คนจีนมากสุด เพราะกำลังซื้อมากสุกอันดับ 1
เคาน์เตอร์บริการคนไทยลดลงจาก 3-4 เหลือ 2 เคาน์เตอร์
ร้าน Bexlux Duty Free หน้าลูฟร์ของถูก Long Champ เพียบ พนักงานบริการคนไทยเยอะ ถ้าเป็นคนไทยให้ขึ้นชั้น 2 เลย
ที่ปารีส ซูเปอร์ของแพงกว่าที่อื่นๆ นิดหน่อย-ปานกลาง ให้ซื้อแต่พอมื้ออย่าซื้อเผื่อหิว เสียดายนะหากไม่ได้หิว หรือไม่ได้กิน
อาหารเช้า
เป็นแบบ Continental ไม่ใช่ ABF (American Breakfast)
ถ้าเจอแต่ขนมปัง เนย แยม กาแฟ เนยแข็ง แอปเปิ้ล ทุกวันๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจ
อาหารเช้าที่ Swiss ดีสุด
ร้านอาหารไทยที่ปารีสเมนูเหมือนร้านข้าวแกงบ้านเรา เช่น ไข่พะโล้ ต้มซี่โครงหมูผักกาดดอง ฯลฯ แต่รสชาติดีที่เดียว
ร้านอาหารจีนที่ Swiss รสชาติแย่ฝุดๆ ถ้าเป็นที่บ้าน มีเทให้ลูกน้องกิน อิอิ
น้ำดื่ม
ซื้อน้ำกับคนขับรถถูกกว่า ราคา 1 ยูโร ข้างนอก 1.5-2 ยูโร
คนขับรถมักมีกฎห้ามกินขนมบนรถ แรกๆ ก็ทำกันได้ ช่วงกลางๆ กินกันทั้งนั้นแต่จะระวังเรื่องขยะ ไม่ให้ประเจิดประเจ้อ 555+
สตรอเบอร์รี่ที่ ปารีสจืด สู้สตรอเบอร์รี่ญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ราคาถูกมาก ประมาณ 1-2 ยูโรต่อแพ็ค
ไข่เจียวในร้านอาหารจีนจานละ 800 บาท ถือว่าเป็นอาหารพิเศษนะจ๊ะ 555+
ของที่ระทึก
อย่าซื้อของหนักๆ เช่นแจกัน โคมไฟจากร้านขายของที่ระลึก(ที่อิตาลีเยอะเชียว)เพราะหนัก เดี๋ยวน้ำหนักจะเกิน
Air France และ KLM ให้กระเป๋าใบเดียว นน. ไม่เกิน 23 กก.
แต่ถ้าชั่งแล้วเกิน เราว่าเค้าใจดีกว่าบ้านเรานะ เค้าให้เอาของออก และช่วยหาถุงมาให้เราใส่ของด้วย
[CR] **** ยุโรปครั้งแรก **** Italy-Switz-France **** และขอให้ไม่ใช่ครั้งเดียว **** ^^
คำบอกเล่าของเรา เป็นข้อสังเกตจากประสบการณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความรู้พื้นฐาน ฯลฯ ของเราเองล้วนๆ
ผิดถูกประการใด ขอเพื่อนๆ โปรดชี้แนะ ^^
เริ่มที่การจองทัวร์
เราเลือก บ. ทัวร์ที่เป็นที่รู้จักนิดนึง แต่ไม่ต้องแบบมาตรฐานสูงมาก เพราะค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย
บ. ที่เราเลือกเป็น บ.กลางๆ ลงโฆษณาตามสื่อต่างๆ
บินกับ KLM/AirFrance 9D6N ราคา 94,900 บาท/คน
พอเลือกโปรแกรมได้แล้วเราก็ google หา feedback ทั้งด้านดีด้านลบ
ตรวจสอบ TAT No. ว่าถูกต้อง มีอยู่จริง
โทรจอง วางมัดจำ แล้วก็รอ และคอยตามเรื่องจำนวนลูกทัวร์บ้างว่าสามารถปิดกรุ๊ปได้หรือยัง
แต่บางที่เค้าก็ไม่ค่อยบอกจำนวนจริง ๆ เพราะกลัวลูกค้าเปลี่ยนใจน่ะ
เวลาเราจะสอบถามอะไร เราจะจดรายการคำถามออกมาก่อนแล้วจัดเป็นชุดทีเดียว
จะได้ไม่ต้องโทรบ่อย เพราะจะอาจจะเป็นที่น่ารำคาญของอีกฝ่ายมาก 555+
กระเป๋าของแถมในโปรแกรมทัวร์
พวกของแถมตามโปรแกรมเช่นกระเป๋าเดินทาง
หากมีแถมให้ถามมูลค่าของกระเป๋าด้วยว่ามีมูลค่าเท่าไหร่
และหากว่ากระเป๋าท่านเยอะแล้วไม่อยากเอาก็ถามเค้าก็ได้ว่าถ้าไม่เอาได้ไหม ให้ทัวร์คืนมาเป็นเงินแทน
เซลลส์บางคนก็เลือกปฏิบัติ ต้องยอมรับ
เช่น เรื่องกระเป๋า ไปกรุปเดียวกันบางส่วนได้กระเป๋า บางส่วนไม่ได้ อย่างกรณีเรา
เซลส์อ้างว่ากระเป๋าผลิตไม่ทันจะคืนเงินให้ ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่ได้ถามถามมูลค่ากระเป๋าไว้ด้วย
เค้าอาจจะเอาเปรียบเราก็ได้ เช่น มูลค่ากระเป๋าจริงๆ อาจจะ 700 บาท
แต่อาจจะบอกเราว่าคืนให้ 500 บาท เป็นต้น (แอบ dark side นิดนึง อิอิ)
ก่อนออกเดินทาง
กระเป๋าเดินทางอย่าเอา oversized ไปเพราะคุณจะเพลินใส่ของได้มากสุดท้ยก็ นน. เกิน เอา size 24-26 ก็พอสำหรับ 10 วัน
กระเป๋าสะพายแนะนำให้ใช้แบบ crossbody สะดวกเพราะมือคุณจะว่างทั้งสองมือ และปลอดภัยจากนักล้วงมากที่สุด
ติดต่อหัวหน้าทัวร์ก่อนออกเดินทางแต่เนิ่นๆ แต่อย่าล่วงหน้านานนัก
เพราะหัวหน้าทัวร์อาจจะยังไม่มีรายละเอียดเพราะยังไม่ได้เข้าไปรับงาน
เราว่าล่วงหน้าสัก 3 วัน กำลังดี เผื่อเราจะถามโน่นนี่จะได้สะดวก เพราะยังไม่มีคนติดต่อมากนัก ยังไม่วุ่น
และหัวหน้าทัวร์จะจำเราได้เป็นคนแรกๆ เผื่อมีอะไรจะขอ favour เช่น ขอห้องติดกัน ของเตียงคู่ ฯลฯ กันก็น่าจะมีภาษีหน่อยนึง
แต่ในทางปฏิบัติ เรื่องเตียงที่ยุโรปอาจจะได้เตียง sharing twin ซะแทบทั้งหมด แม้ว่าจะไปเป็นสามี-ภรรยาก็ตาม
ไม่แน่ใจว่าเพราะ รร. หรือเพราะทางทัวร์ ใครกันแน่ขี้เกียจจัดห้อง หรืออะไร
การแลกเงิน
ให้ดูจากจำนวนวันที่ไป เทียบกับโปรแกรมเที่ยว มีรายการช็อปปิ้งมากน้อยแค่ไหน
อย่างเราจะแลกทั้งยูโร และฟรังซ์ แต่แลกฟรังซ์น้อยหน่อย เพราะตามโปรแกรมแล้วมีช็อปปิ้งนาฬิกาที่เดียว
ซึ่งเป็นของมีราคาถ้าจะซื้อควรใช้บัตรเครดิตซื้อ ส่วนเงินก็เอาไว้ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ และควรใช้ให้หมด
เพราะเอากลับมาแลกคืนอาจจะขาดทุนเยอะ ส่วนพวกเหรียญๆ ก็หยอดตู้ Unisef ตามสนามบินไป
เอกสารส่วนตัว
ถ่ายสำเนาแยกเก็บไว้ด้วย อาจจะเก็บใครเก็บมันกรณีไปเป็นครอบครัว
สแกนหน้า passport และเอกสารสำคัญๆ เช่นหน้าที่มี visa แล้วส่งอีเมล์หาตัวเองเผื่อกรณีฉุกเฉิน
sim 2 fly
เฉพาะกรณีเรานะ เราคิดว่าไม่ดีเอาซะเลย ติดต่อแทบจะไม่ได้เลย
ที่สวิสขึ้นว่าไม่มีบริการทั้งที่ในเน็ท และที่ช็อป AIS บอกว่าใช้ได้
ซื้อไป 2 ซิม เติมเงินซิมละ 300 บาท เสียดายเงินมาก ลาขาดเลย
ยาประจำตัว
อย่างเราแฟนชอบเจ็บคอเพราะแอบสูบบุหรี่ เราก็จะเอายาปฏิชีวนะ ยาอมแก้เจ็บคอ ติดไปด้วย
เพราะที่ยุโรปและอีกหลายประเทศจะซื้อยาพวกนี้ไม่ได้ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ และราคาแพงกว่าบ้านเรามาก
กระบอกใส่น้ำ
พกไปด้วยก็ดี หรือเอาขวดเปล่าที่ดื่มหมดแล้วก็ได้ที่ขนาดเหมาะมือหน่อย
ไว้กรอกน้ำก๊อกเก็บไว้ดื่ม น้ำที่โน่นแพงขวดละประมาณ 1-2 ยูโร
ทำการบ้านเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวต่างๆ
ที่เราจะไป เพราะหัวหน้าทัวร์อาจจะไม่ค่อยบรรยายก็ได้
เวลาถึงที่เที่ยวก็จะได้อินบ้างอะไรบ้างถ้าเรารู้ประวัติ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบ้าง ก็จะประทับใจกับสถานที่มากกว่า
สมัยก่อนเราไม่ชอบทำการบ้านเลย ชอบเซอร์ไพรส์ตัวเอง ว่าจะไปเจออะไรบ้าง
แต่เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว ต้องดูรายละเอียดทุกสิ่งอย่าง ทำ google map แต่ละเมืองด้วย เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ ทำเหมือนไปด้วยตนเองเลย
ที่นั่งบนรถโคช
เว้นที่นั่งแถวหน้าฝั่งคนขับให้หัวหน้าทัวร์ซะแถวนึง เผื่อเค้าวางของด้วยอะไรด้วย
ถ้าเราไปนั่งก่อนแล้วโดนขอให้ย้ายเราอาจจะต้องไปนั่งหลังสุดเพราะที่หลังต่อจากแถวหน้าคนอื่นนั่งเต็มหมดแล้ว
บางทัวร์จัดที่นั่งตามคิวที่จอง แต่บางที่ก็มาก่อนได้เลือกที่นั่งก่อน
1-2 วันแรกยังมีสับเปลี่ยนกันบ้าง ช่วงกลางๆ ที่นั่งจะค่อนข้างลงตัวเอาของที่ไม่สำคัญแต่ต้องใช้ทุกวันทิ้งไว้บนรถได้
ห้องน้ำ
ค่อนข้างหายาก เสียค่าเข้า 1 ยูโร ให้เข้าห้องน้ำของซูเปอร์เวลาแวะฉี่ ไม่ต้องพกทิชชูเหมือนบ้านเรา
บางที่เก็บตังค์โดยการให้เราหยอดเหรียญเพื่อผ่านประตู แต่สลิปที่ได้สามารถเอาไปใช้แทนเงินสดได้ในมูลค่าเท่ากัน
หากเผลอไปเข้าห้องน้ำปั๊มที่เสียตังค์ อย่าลังเลที่จะปฏิเสธหากไม่ปวดมาก เดินไปอีกนิดเข้าที่ซูเปอร์ดีกว่า
ปล. ห้องน้ำที่ Interlaken ไฮโสฯ มาก เพราะคนจีนเยอะ (ขออภัยแต่มันเรื่องจริง)
ช็อปปิ้ง
ที่ Lafayette เคาน์เตอร์บริการสำหรับ tax refund คนจีนมากสุด เพราะกำลังซื้อมากสุกอันดับ 1
เคาน์เตอร์บริการคนไทยลดลงจาก 3-4 เหลือ 2 เคาน์เตอร์
ร้าน Bexlux Duty Free หน้าลูฟร์ของถูก Long Champ เพียบ พนักงานบริการคนไทยเยอะ ถ้าเป็นคนไทยให้ขึ้นชั้น 2 เลย
ที่ปารีส ซูเปอร์ของแพงกว่าที่อื่นๆ นิดหน่อย-ปานกลาง ให้ซื้อแต่พอมื้ออย่าซื้อเผื่อหิว เสียดายนะหากไม่ได้หิว หรือไม่ได้กิน
อาหารเช้า
เป็นแบบ Continental ไม่ใช่ ABF (American Breakfast)
ถ้าเจอแต่ขนมปัง เนย แยม กาแฟ เนยแข็ง แอปเปิ้ล ทุกวันๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจ
อาหารเช้าที่ Swiss ดีสุด
ร้านอาหารไทยที่ปารีสเมนูเหมือนร้านข้าวแกงบ้านเรา เช่น ไข่พะโล้ ต้มซี่โครงหมูผักกาดดอง ฯลฯ แต่รสชาติดีที่เดียว
ร้านอาหารจีนที่ Swiss รสชาติแย่ฝุดๆ ถ้าเป็นที่บ้าน มีเทให้ลูกน้องกิน อิอิ
น้ำดื่ม
ซื้อน้ำกับคนขับรถถูกกว่า ราคา 1 ยูโร ข้างนอก 1.5-2 ยูโร
คนขับรถมักมีกฎห้ามกินขนมบนรถ แรกๆ ก็ทำกันได้ ช่วงกลางๆ กินกันทั้งนั้นแต่จะระวังเรื่องขยะ ไม่ให้ประเจิดประเจ้อ 555+
สตรอเบอร์รี่ที่ ปารีสจืด สู้สตรอเบอร์รี่ญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ราคาถูกมาก ประมาณ 1-2 ยูโรต่อแพ็ค
ไข่เจียวในร้านอาหารจีนจานละ 800 บาท ถือว่าเป็นอาหารพิเศษนะจ๊ะ 555+
ของที่ระทึก
อย่าซื้อของหนักๆ เช่นแจกัน โคมไฟจากร้านขายของที่ระลึก(ที่อิตาลีเยอะเชียว)เพราะหนัก เดี๋ยวน้ำหนักจะเกิน
Air France และ KLM ให้กระเป๋าใบเดียว นน. ไม่เกิน 23 กก.
แต่ถ้าชั่งแล้วเกิน เราว่าเค้าใจดีกว่าบ้านเรานะ เค้าให้เอาของออก และช่วยหาถุงมาให้เราใส่ของด้วย