วิจารณ์แซ่ด ดราม่า “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์” เอาปมด้อยคนมาล้อ

“ทราย อินทิรา”วิพากษ์”มันสมควรแล้วเหรอ?”

              เป็นรายการที่สร้างกระแสฮือฮามาโดยตลอดสำหรับ “Thailand’s Got Talent”  หลังจากปีก่อนหน้านี้ ก็ถูกวิพากษณ์วิจารณ์ถึงการเตี๊ยม ให้นางแบบสาวขึ้นไปวาดรูปด้วยหน้าอก จนถูกด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง และตามมาด้วยการแฉ ปีนี้ “เวิร์คพอยท์”ยังไม่เข็ด แค่เทปแรกที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา  ก็เกิดกระแสดราม่าในโซลเน็ตเวิร์ค กรณีนำคนที่สภาพจิตใจไม่น่าจะปกตินัก มาร้องเพลง “เปาบุ้นจิ้น”บนเวที  

            ประเด็นร้อนดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มวัย 24 ปี ปรากฏตัวในรายการ พร้อมกับแนะนำชื่อตัวเอง ทำเอา “โจ จิรายุส” หนึ่งในคณะกรรมการต้องท้วงติงถึงเรื่องทำไมไม่ใช่ไมค์พูด ก็ได้รับคำตอบมาว่า “ไม่ชอบใช่ไมค์พูด” กรรมการอีกคน “เบนซ์ พรชิตา” เสริมว่า “ไม่ชอบใช้ไมค์พูดแล้วใครจะได้ยินคุณล่ะคะ”  ชายหนุ่มคนดังกล่าวจึงยอมใช้ไมค์ แนะนำชี่อตนเองว่า “สิทธัตถะ เอมเมอรัล” โดยนอกจากไม่ยกมือไหว้แล้ว ยังไม่ลงท้ายด้วยคำว่าครับ จนเบนซ์ถามว่า “แม่ไม่สอนให้พูดครับ ใช่ไหมจ๊ะ”  เอมเมอรัลตอบว่า “พอดีทางบ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท (เบนซ์-อ๋อ...โอเค) เห็นว่าคุณธรรมสำคัญกว่า” กระทั่ง “โจ จิรายุส” บอกให้สวัสดีใหม่ได้ไหมเพราะยังไม่ได้ไหว้เลย เอมเมอรัลย้อนกลับมาว่า “เรื่องมารยาทน่ะช่างเหอะ อยากโชว์” เบนซ์และโจจึงโต้เถียงกันไปมาโดยเบนซ์ยินดีให้โชว์ ”รายการนี้ไม่ได้เป็นรายการมารยาทไง รายการโชว์” แต่โจบอกว่าเป็นเรื่องของการเข้าสังคม ซึ่งถ้าตรงนี้ไม่ผ่านไม่น่าจะเหมาะสมนัก

           หลังจากได้ขึ้นต้นร้องเพลง”เปาบุ้นจิ้น”เสียงมปรี๊ด..โจ จิรายุส กับ ภิญโญ รู้ธรรม ก็พร้อมใจกันกดไม่ให้ผ่าน เหลือแต่เบนซ์ผู้เดียว จึงขอให้ร้องแบบไม่มีดนตรีประกอบ แต่ผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าว ร้องขอน้ำดื่ม ภิญโญจึงเดินเอาไปให้ถึงข้างหน้าเวที แต่เอมเมอรัลก็รับไปโดยไม่ยกมือไหว้ขอบคุณ พร้อมกับเสียงโห่ลั่นห้องส่ง แต่ก็ยังร้องต่อไป ขณะเดียวกับที่โจกดปุ่มซ้ำๆเป็นการย้ำว่าไม่ผ่าน  และเดินออกจากสตูดิโอไปด้วยความไม่พอใจ ตามมาด้วยภิญโญ เหลือแต่เบนซ์เพียงคนเดียวซึ่งต้องประกาศว่า ผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวไม่ผ่านเข้ารอบ “มีใครเคยชมว่าเสียงดีไหม” เอมเอมรัลตอบกลับมาว่า “ที่เสียงแหบเพราะไม่ได้กินน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นก่อน” ทำเอาสาวเบนซ์ต้องหันหลังกลับไปกรี๊ดเสียงดัง “ทำไมถึงอยากมาเวทีนี้” เอมเมอรัลบอกว่า “เห็นซูซาน บอยล์(ผู้เข้าแข่งขัน Britain's Got Talent ที่ต่อมากลายเป็นนักร้องดัง)  และ กิ๊ก วารุณี อืม.อืม...(เกาศีรษะ)ร้องแล้วอยากร้องบ้าง”   และเมื่อรู้ว่าตนเองไม่ผ่าน หนุ่มคนดังกล่าวก็ทำหน้างงๆ ก่อนจะลงเวทีไปและให้สัมภาษณ์ว่า “ช่างเหอะ เดี๋ยวไปเดอะ ว๊อยซ์”แล้วกัน

          ล่าสุดมีผู้ตั้งแฟนเพจ"พอดีที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท" และ "สิทธัตถะ เอมเมอรัล"ขึ้นมาแล้ว โดยแต่เดิมเจตนาล้อเลียนบุคลิกของผู้เข้าแข่งขันท่านนี้ แต่พอทราบว่าอะไรเป็นอะไรก็ตั้งใจรณรงค์ให้แอนตี้ทางรายการแทน

          ซึ่งหลังจากรายการนี้ออกไป ในโลกโซล เน็ตเวิร์ค ก็วิจารณ์กันให้แซ่ดว่า เป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่เอาปมด้อยของผู้บกพร่องทางสติปัญญา มาล้อเลียนเป็นที่สนุกสนาน อาทิดาราสาว “ทราย-อินทิรา เจริญปุระ” ที่ถามว่ามันสมควรแล้วเหรอ? ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวของเธอ

          "โอเค, อินทิราได้ชมโชว์อันลือลั่นของคุณเอมเมอรัลแล้ว มันประสบความสำเร็จมาก เพราะคนพูดถึงแน่นอน เรตติ้งมา ยอดวิวในยูทูปน่าจะเยอะน้องๆ พุด เดชอุดม แต่เราไม่แน่ใจว่ามันสมควรแล้วเหรอ? (อันนี้พูดในกรณีไม่ได้เซ็ตมาโชว์) เราเชื่อว่าคนเป็นผู้ปกครองของผู้ที่มีความต้องการพิเศษในการอยู่ร่วมกับผู้ อื่น (ซึ่งเราไม่รู้เรื่องทางการแพทย์หรอก แต่เราว่าเอมเมอรัลน่าจะมีปัญหาและความต้องการพิเศษที่ต่างจากค่าเฉลี่ยปกติ แน่ๆ) ย่อมอยากให้ลูกได้มีที่ทางในการแสดงออก แต่บางครั้งการแสดงออกต่อหน้าสื่อเยอะๆ และทั่วประเทศจนเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความอพิโธ่ อพิถังนี่มันดีตรงไหน เหมาะสมตรงไหนกันแน่? ถ้าคิดว่าแค่นี้คนไม่จำหรอก ก็ต้องนับว่าประมาทสื่อเกินไปมาก ไม่ได้คิดว่าจะต้องเอาคนไม่พร้อมเก็บไว้กับบ้าน แต่การมาแบบนี้กระแสมันแรงนะ รับมือไหวจริงๆ เหรอ กับการเข้าไปอ่านคอมเมนท์ด่าและเหยียดหยามในยูทูป"

             ด้านจิตแพทย์ชื่อดัง “นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรล”อดีตวิทยากรรายการ “ชูรักชูรส” ได้โพสผ่านเฟสบุ๊คของตน จวกทีมงานรายการดังกล่าวว่าคุณธรรมและจริยธรรมต่ำมาก

         “ต้องเรียนทุกท่านว่า ผมเลิกดูรายการนี้และช่องนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่วันที่เอา "นม" มาถูกผนังผ้าใบประจานคนทั้งโลกให้เห็นความอัปลักษณ์ของวงการสื่อ(บางเจ้า)ของประเทศไทย แต่วันนี้มีคุณหมอรุ่นน้องหลายคนที่เป็นจิตแพทย์ทนไม่ได้ เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง......ผมอยากให้ท่านลองดูให้จบ ...ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง

          สำหรับผม ในฐานะที่เป็นจิตแพทย์ อาจจะมองคนได้เก่งกว่าคนทั่วไปเนื่องจากทำงานกับคนป่วยมาเยอะ ผมสังเกตสีหน้าแววตาของผู้เข้าประกวดรายนี้(ชายอายุ 24 ปี ว่างงาน มากับแม่และย่า) ไม่มีท่าทีตลกขบขันหรือตอบสนองใดๆต่อผู้ชมมากนัก เริ่มต้นแค่แนะนำชื่อก็น่าเป็นห่วงแล้ว ว่าใช้ชื่อแปลกๆเป็นชื่อของพระพุทธเจ้า ...การร้องเพลง น้ำเสียงแปร่งๆขนาดนั้น ผมว่าหลายท่านคงเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ได้เตี๊ยมกันมาหรือถึงแม้เตี๊ยมกันมาก็ตาม ....แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความคาดหวังที่ผมยังคงเหลือในตัวกรรมการทั้งสามคนว่า น่าจะให้เกียรติผู้เข้าประกวดในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์คนนึง ในเมื่อคุณเปืดโอกาสให้เขามาคัดเลือกตัวบนเวที โดยไม่มีข้อแม้ว่าจิตปรกติหรือไม่ปรกติก็ตามมิใช่หรือ? แต่สิ่งที่พวกคุณกระทำเหมือนเห็นกองอุจจาระกองหนึ่งบนเวที ดูน่ารังเกียจ และสามารถทำหน้าตาดูถูกเหยียดหยามได้มากขนาดนั้น แถมนายโจ ยังพูดอีกว่าเป็นแบบอย่างที่สังคมไทยไม่ควรกระทำตาม ...

          ผมถามหน่อยเถอะ ระหว่างคนที่สภาพจิตไม่ปรกติ แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ด่าใคร แค่มาขอโอกาสทางสังคมในการแสดงออกบ้าง มันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นหรือ ถ้าเทียบกับคนขายชาติ หรือพวกติดยาเสพติด เที่ยวระรานคนอื่นๆ ทำตัวเป็นมาเฟีย หลงตัวเอง สำมะเลเทเมาหรือตบตีทำร้ายผู้หญิง (ยกตัวอย่างทั่วๆไป ไม่ได้เจาะจงใครนะครับ อย่าร้อนตัว) ใครน่ารังเกียจมากกว่ากัน ยังดีที่เบนซ์ยังพอให้โอกาสบ้าง แม้จะมีท่าทีขยะแขยงและก็ดราม่าตามสไตล์ที่น่าเบื่อของเธอก็ตาม ก็ไม่น่ารังเกียจเท่าชายผู้สูงส่งในสังคมอีกสองคนนั่น ที่ถึงขั้นต้องเดินหนีออกไปแบบไร้สมอง ด้วยท่าทีที่รังเกียจมากขนาดนั้น ....

        ผมฝากท่านๆช่วยกันหาคำตอบให้หน่อยครับ ว่าตกลงชายคนนี้เขามากับมารดาและย่าจริงหรือ? ทำไมพวกเขาปล่อยให้ญาติตัวเองขึ้นมาบนเวที แล้วให้คนไทยจำนวนนึงแสดงท่าทีตลกขบขัน รังเกียจเดียดฉันท์ได้ขนาดนั้น เขาไม่รู้หรือไม่แคร์ คุณรู้ไหม คนป่วยเหล่านี้(หรือหากแกล้งป่วย แต่การแสดงให้เห็นถึงสภาพจิตที่ไม่ปรกติ นั่นหมายถึงคนไข้จิตเวชนั่นเอง) น่าสงสารขนาดไหน ไม่รู้ตัวเอง ไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ อยากทำอะไรก็ทำ ซึ่งความจริงพวกเขาควรมีคนคอยช่วยดูแลบ้าง หรือควบคุมบ้าง เพราะคนในสังคมส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ แต่รายนี้ผมว่ามองด้วยคอมมอนเซ้นท์ก็พอจะรู้ว่าจิตไม่ปรกติ และคนที่ถูกคัดเลือกมาเป็นกรรมการรายการแบบนี้ รวมถึงโปรดิวเซอร์ ควรจะรู้อะไรมากกว่านี้ ....หรือว่ารู้ แต่ยอมเอามนุษย์คนนึง(หรือตัวแทนคนป่วยทางจิต) มาเหยียบย่ำเพื่อความบันเทิงของรายการตัวเอง เพื่อเรตติ้งของรายการของตัวเอง ผมว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดในประเทศอื่นๆที่เจริญแล้ว คนเขาให้การยอมรับและให้เกียรติคนในสังคมมากกว่านี้ ไม่ว่าจะจิตปรกติหรือไม่ปรกติก็ตาม

           ผมว่ามาตรฐานคุณธรรมจริยธรรมและมาตรฐานความสามารถของทีมงานรายการนี้ .....ต่ำมาก.....ระวังว่าวันหนึ่ง พวกคุณเกิดป่วยทางจิตขึ้นมาแล้วทำอะไรตลกขบขัน แล้วคนอื่นเขาไม่รู้ และเอาคุณไปด่าหรือประนามหยามเหยียดบ้าง จะรู้สึกอย่างไร.....เวรกรรมมันมีจริงนะ....จะบอกให้ .....อย่ามัวแต่หลงระเริงกับหน้าตาหรูๆชื่อเสียงโด่งดังในสังคมอย่างเดียว....อะไรๆในโลกนี้ล้วนอนิจจังทั้งนั้น....ผมมีคนไข้ที่เคยดูดีๆแบบพวกคุณไม่น้อยเลย ....”

          หรือความเห็นหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นท้ายคลิปรายการดังกล่าว ทางyoutubeว่า “พวกคุณที่ไปว่าเขาน่ะ ผมว่าเขาน่าสงสารนะครับ ที่ต้องมารับคำด่าแทนจากผู้ที่ห­วังผลประโยชน์โดยใช้คนพิการเป็น­เครื่องมือหากิน นับวันสังคมไทยยิ่งแย่ลง ๆ นะครับ “

          และ” คำว่า "ปล่อยเข้ามา" กับ "เตี๊ยมเข้ามา" ต่างกันลิบ รายการมันมีรอบออดิชันไปแล้ว ใครดูไม่ออกว่าจงใจเตี๊ยมเข้ามา­เรียกกระแสก็โง่เต็มทน”

         จึงเกิดคำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เป็นการ “เตี๊ยม”ล้วนๆ อีกหรือไม่ และใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ
ที่มา : http://entertain.smmonline.net/news.php?id=88421
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่