ในที่สุด.. ละครภาคต่อที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอย(ของคนฮ่องกง) ก็จบบริบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่หวานอมขมกลืนของเรากับเจ๊เติ้งจริงๆ.. คนดูเองก็ปวดหัว คนเล่นเองก็ปวดใจ ทั้งเรตติ้ง ทั้งดราม่า แถมนางเอกของเรื่องยังถูกช่องแบนและรุมยำอย่างไม่ไว้หน้าเพื่อหวังเชือดไก่ให้ลิงดู (ล่าสุดก็สร้างเรื่องชู้สาวโดยลากโจทก์เก่าในอดีตอย่างเจียงหัวมาผสมโรงแล้วด้วย! เอาเข้าไป! เหยียบกันเข้าไป) แต่เมื่อดูไปแล้วก็ต้องดูให้จบ อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องยอมให้มันเกิดไป เราจึงทำใจย้อนกลับไปดูตอนจบใหม่แบบผ่านๆอีกซักรอบ ก่อนจะตัดสินใจเขียนสรุปเนื้อความอย่างหยาบๆออกมาเป็นกระทู้นี้ แต่ก่อนอื่นเราขอเตือนแฟนๆหนังจีนทุกท่านที่รักและชื่นชอบใน
ศึกรักจอมราชันย์ ภาคแรกนะคะว่าควรทำใจไว้ได้เลย ถึงตอนนี้เสียงฟีดแบ็คหลังละครจบจะดีขึ้นมากและเป็นไปในเชิงบวก แต่ก็เป็นการยากที่คนต่างชาติต่างภาษาต่างวัฒนธรรมอย่างเราๆจะเข้าใจ ได้ข่าวว่าภาคนี้ต้องตีความและคิดกันหลายตลบเลยทีเดียวเชียวค่ะ โดยเฉพาะตอนจบ.. ขอบอกตรงๆว่าเราหงายเงิบอ้าปากค้างค่ะ เหอๆ..
รายละเอียด
ชื่อ: 金枝欲孽2, Beauty at War, ศึกรักจอมราชันย์ภาค 2
ผู้กำกับ: Jonathan Chik
เขียนบท: Chow Yuk-ming
ความยาว: 30 ตอน
เรตติ้งตอนจบ: ยังไม่ปรากฏข้อมูล
คะแนนจากผู้ชมออนไลน์: 7.3/10
เพลงประกอบ:
เพลงเปิด - Red sin
ขับร้องโดย อู๋หย่งเว่ย
เพลงปิด - Drifting Rumours of the Forbidden City
ขับร้องโดย อู๋หย่งเว่ยและเฉินห้าว
รายชื่อนักแสดงนำ
เติ้งชุ่ยเหวิน
เป็น หนิ่วหู่รู้ หยูเยียะ, หยูเฟย สนมคนโปรดของเจียชิ่งฮ่องเต้
ไช่เส้าเฟิน
เป็น เซิงหลิง แม่นมองค์ชาย 5
อู๋หย่งเว่ย
เป็น หนิ่วหู่รู้ หยวนเซ่า, ฉุนไท่เฟย (ฉุนไกวไท่เฟย) สนมของเฉียนหลงฮ่องเต้
เฉินห้าว
เป็น โกเหลาเฟย พระเอกงิ้วชื่อดัง
หวงเต๋อปิน
เป็น ทงกัตฮอย ทาสในวังหลวง
กวนหลี่เจี๋ย
เป็น เช่าหยวน
เนื้อเรื่องย่อ (เน้นตอนใกล้จบเรื่อง)
หนิ่วหู่รู้ หยูเยียะ และหนิ่วหู่รู้ หยวนเซ่า (เขียนตามซับอังกฤษ) สองพี่น้องร่วมบิดาสกุลหนิ่วหู่รู้ ถูกส่งตัวเข้าวังหลวงเพื่อคัดเลือกเป็นนางสนมในเฉียนหลงฮ่องเต้พร้อมๆกัน ทว่าจู่ๆหยูเยียะก็เกิดป่วยกระทันหันจึงถูกส่งตัวกลับบ้าน หยวนเซ่าผู้น้องจึงถูกคัดเลือกไปเป็นสนมของฮ่องเต้แทน แต่โชคชะตากลับไม่เป็นใจ เมื่อองค์เฉียนหลงฮ่องเต้กลับเสด็จสวรรคตไปภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งให้สนมหมาดๆอย่างหยวนเซ่าต้องตกพุ่มหม้ายตั้งแต่ยังสาว เท่านั้นยังไม่พอ.. ทันทีที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ หยวนเซ่าถึงกับตกต้องตะลึงเมื่อพบว่า พี่สาวร่วมสายเลือดของตน ได้เชิดหน้าชูตาอยู่ในวังในฐานะสนมคนโปรดของฮ่องเต้เจียชิ่งไปซะได้! หยวนเซ่าจึงตระหนักว่าผู้เป็นพี่คงจะอ่านการณ์ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงเสแสร้งแกล้งเป็นป่วย เพื่อผลักให้ชะตากรรมอันโหดร้ายนี้มาอยู่กับตนแทน ไฟแค้นจึงก่อตัวขึ้นในใจของหยวนเซ่าในทันใด
เมื่อหยูเยียะเข้ามาอยู่ร่วมกันในอาณาเขตกำแพงแดง หยวนเซ่าจึงคิดหาสารพัดวิธีเพื่อกลั่นแกล้งรังแกพี่สาวให้เจ็บปวด ซึ่งแผนที่ใช้ได้ดีนักนั่นก็คือการปล่อยข่าวลือเรื่องความร้ายกาจต่างๆนาๆของผู้เป็นพี่ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จให้กระฉ่อนไปทั่วทั้งในและนอกวัง จนขุนน้ำขุนนางตลอดจนชาวบ้านต่างพากันหลงเชื่อและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่นมขององค์ชาย 5 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหยูเยียะอย่าง เซิงหลิง แต่หยูเยียะกลับนิ่งเงียบไม่ยอมตอบโต้เสมอมา ก็ด้วยความรู้สึกผิด ความรักและความเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นน้องนั่นเอง
เซิงหลิงหาทางเข้าใกล้หยูเยียะเพื่อสืบข่าวให้สามีผู้เป็นขุนนางนำไปขาย แม้นางจะไม่เต็มใจก็ไม่อาจขัดขืน จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและบาดหมางกันกับลูกเลี้ยงอย่างมุคโดยีเสมอมา เมื่อนางใกล้ชิดกับหยูเยียะนานวันเข้า เซิงหลิงจึงตัดสินใจเพิกเฉยต่อคำสั่งของสามี และหันมารับใช้หยูเยียะด้วยความเต็มใจในที่สุด แต่ถึงแม้เซิงหลิงจะพยายามดูแลสุขภาพความเป็นอยู่ขององค์ชายน้อยดีเพียงใด ทว่าสุขภาพขององค์ชายก็ยังย่ำแย่ 3 วันดี 4 วันไข้ไม่สร่างซา ซึ่งนั่นก็มาจากพันธุกรรมที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของหยูเยียะผู้เป็นมารดานั่นเอง หยูเยียะรู้เรื่องนี้ดี และรู้สึกผิดต่อองค์ฮ่องเต้เสมอมา ยี่โหนางกำนัลคนสนิทจึงเสนอให้หยูเยียะดึงหมอหลวงหยางมาเข้าพวก เพื่อช่วยรักษาชีวิตองค์ชายไว้ให้นานที่สุด
ในตอนแรกหมอหลวงหยางก็ทุ่มเทกำลังรักษาองค์ชายน้อยตลอดมา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับนางกำนัลคนสนิทของหยวนเซ่าจนนางต้องวิกลจริต หมอหลวงหยางจึงปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของหยูเยียะ ประกอบกับที่หย่งไกวไท่เฟยซึ่งหมั่นไส้หยูเยียะเป็นการส่วนตัวคอยเป่าหูและข่มขู่ หมอหลวงหยางจึงไม่ได้ทุ่มเทดูแลองค์ชายน้อยอย่างเต็มที่ ในที่สุด.. องค์ชายน้อยก็สิ้นพระชนม์ไปก่อนวัยอันควร หยูเยียะและเซิงหลิงต่างใจสลายไปตามๆกัน อันอุปนิสัยใจคอของมนุษย์นั้นเสมอเหมือนกับธรรมชาติ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ความรักและความเจ็บปวด หยูเยียะก็เช่นกัน.. ความเปลี่ยนแปลงของนางเปลี่ยนไปทีละน้อยโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อพบว่าศรัทธาในพระพุทธศาสนากับการยึดมั่นในความดีไม่ได้ทำให้พระพุทธองค์เห็นใจ และหยวนเซ่าผู้น้องกำลังทำผิดด้วยการหลงรักพระเอกงิ้วอย่างเหลาเฟย ประกอบกับการแบกรับชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเอาไว้บนบ่า หยูเยียะจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการวางกับดักให้เหลาเฟยเดินเข้าไปติด เพื่อกำจัดเค้าออกไปจากชีวิตของน้องสาวเสีย
แผนการณ์กำจัดเหลาเฟยเริ่มขึ้นพร้อมๆกับความจริงอันน่าปวดร้าวใจของเซิงหลิง เมื่อองค์ชายน้อยสิ้นพระชนม์ เวลาที่เซิงหลิงรอคอยตลอดชีวิตก็มาถึง ขณะที่นางกำลังมีความสุขที่จะได้กลับบ้านไปอยู่กับลูกน้อยก็ต้องรู้ความจริงที่น่าโหดร้าย เมื่อพบว่าลูกน้อยทั้ง 3 ได้ละจากโลกใบนี้ไปหลายปีแล้ว! คนที่บอกความจริงเรื่องนี้กับนางก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเหลาเฟยนั่นเอง ความผิดหวังในตัวสามีและการสูญเสียลูกน้อยทั้ง 3 ทำให้เซิงหลิงไม่มีที่ไป เมื่อเหลาเฟยหยิบยื่นความรักมาให้ เซิงหลิงจึงรับรักนั้นไว้ในใจอย่างง่ายดาย แต่อนิจจา.. เรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนการณ์ของหยูเยียะนี่เอง! แต่เซิงหลิงไม่รู้.. ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกเจ้านายที่นางไว้ใจใช้เป็นเครื่องมือ!!
หลังจากนั้นมา.. เซิงหลิงกับเหลาเฟยก็รักและดูแลกันอย่างดีมาโดยตลอด เซิงหลิงที่เคารพรักหยูเยียะประหนึ่งพี่สาวแท้ๆ มักจะคอยบอกเล่าเรื่องราวความรักของตนให้หยูเยียะฟังเสมอๆ หยูเยียะเองก็เห็นดีเห็นงามและคอยส่งเสริมคนทั้งสองเสมอมา ส่วนหยวนเซ่า.. ความจริงแล้วนางไม่ได้รักปักใจอะไรเหลาเฟยเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะความเหงาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้นางหวั่นไหวไปชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น กัตฮอยต่างหากที่นางรัก และพึ่งรู้ตัวว่ารัก แต่กัตฮอยไม่ได้รักนาง ที่เขาทำทุกอย่างเพื่อนาง ช่วยเหลือนาง ก็เพียงเพราะอยากให้นางช่วยทูลขอฮ่องเต้และปลดปล่อยเค้าให้เป็นอิสระเท่านั้นเอง แถมกัตฮอยยังสนิทสนมกับมุคโดยีเป็นพิเศษ และดูเหมือนจะชอบพอกันอยู่เสียด้วย
ระหว่างที่เหลาเฟยและเช่าหยวนอยู่ในวังหลวง เช่าหยวนพยายามเอาชนะคะคานเหลาเฟยด้วยการป้อยอบรรดานางสนมจนเป็นที่โปรดปรานไปถ้วนหน้า แม้ฝีมือการแสดงของเค้าจะไม่ดีเท่าเหลาเฟย แต่นับได้ว่าตอนนี้เค้ามีอำนาจเหนือกว่าเหลาเฟยยิ่งนัก แม้กระทั่งยี่โห นางกำนัลคนสนิทของหยูเยียะ ก็ยังหลงใหลได้ปลื้มเช่าหยวนไปกับเค้าด้วย เช่าหยวนหลงระเริงอยู่ในวังหลวงจนละเลยภรรยาที่คอยอยู่ ทำให้นางเศร้าเสียใจจนต้องหันหน้าเข้าหาฝิ่นและติดฝิ่นไปในที่สุด
สัจธรรมของชีวิตคือมีทุกข์ก็ย่อมมีสุข แต่ความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นานนัก ในที่สุดเซิงหลิงก็รู้ความจริงว่าถูกหยูเยียะหลอกใช้และชักใยอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด นางเอาเรื่องนี้ไปบอกเหลาเฟยแต่เหลาเฟยกลับมีท่าทีเฉยชา และรู้เรื่องนี้มาแต่แรกแล้ว เซิงหลิงหัวใจสลายอีกครั้ง ความเจ็บปวดผลักให้นางกลับมาแก้แค้น นางคิดแผนการณ์เอาคืนหยูเยียะ ด้วยการแต่งเรื่องว่าเหลาเฟยไม่ได้รักนางแต่รักหยูเยียะ หยูเยียะที่รู้สึกหวั่นไหวแต่แรกเนื่องจากได้ฟังเรื่องราวของเซิงหลิงกับเหลาเฟยมามาก จึงปักใจเชื่ออย่างง่ายดาย เซิงหลิงทั้งสะใจ ทั้งเคืองแค้น และซึมเศร้า นางทำร้ายตัวเองหลายครั้งจนเลือดตกยางออก หยูเยียะเห็นแล้วก็เวทนา พยายามปลอบโยนให้เซิงหลิงลืมผู้ชายเลวๆที่ทำร้ายจิตใจของนางไปเสีย แต่เซิงหลิงทำไม่ได้ ขณะที่เซิงหลิงกำลังเปิดอกคุยกับหยูเยียะ(อย่างเสแสร้ง) กบฏก็บุกเข้าวังโดยไม่มีใครล่วงรู้ หยูเยียะและเซิงหลิงพากันหาทางหนี
อีกด้าน.. หยวนเซ่าเองก็เปิดอกคุยกับกัตฮอยเช่นกัน นางว่าตลอดทั้งชีวิตไม่เคยรักชายใดมาก่อนแม้กระทั่งสามี แต่นางรักเค้า.. ทาสในวังผู้ต่ำต้อยคนนี้ กัตฮอยสารภาพว่าเค้าไม่ได้รักนาง หยวนเซ่าจึงไล่ให้กัตฮอยไปซะ ไปสู่อิสรภาพที่เค้าต้องการ เพราะถึงอย่างไรเสียคนทั้งสองก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ หยวนเซ่าผู้ร้ายกาจกลับแข็งแกร่งพอจะปล่อยให้ชายที่รักเดินจากไปทั้งน้ำตา นางกำนัลคนสนิทของหยวนเซ่ากระหืดกระหอบมารายงานว่ากบฏบุกวังแล้วให้หยวนเซ่ารีบหนี ประจวบเหมาะกับหยูเยียะตามหานางจนพบพอดี ทุกคนจึงพากันหนีเอาตัวรอดไปด้วยกัน หยูเยียะตัดสินใจที่จะหนีออกนอกวังและมั่นใจว่าฮ่องเต้จะต้องเข้าใจและให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นเหตุสุดวิสัย แต่หยวนเซ่าเกิดดื้อดึงไม่ยอมไป นางว่านางยอมตาย หยูเยียะจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่านางจะทำผิดจนเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอีก หยูเยียะทั้งโกรธทั้งเสียใจ นางร้องห่มร้องไห้และตบหยวนเซ่าไปทั้งน้ำตาก่อนจะพรั่งพรูความในใจออกมาว่านางรักน้องมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นผล.. หยวนเซ่าหันหลังจากไป ทิ้งให้หยูเยียะทรุดลงกับพื้นด้วยใจสลาย
เมื่อใกล้ถึงประตูทางออก จู่ๆเช่าหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมปิ่นปักผมของยี่โห เช่าหยวนบอกหยูเยียะว่ายี่โหตายแล้ว ทำให้หยูเยียะเสียใจเป็นอย่างมาก เซิงหลิงคิดจะฝ่าวงล้อมการต่อสู้ออกไปหาเหลาเฟย เพราะนางรู้ว่าเค้ากำลังจะถูกฆ่าตายด้วยยาพิษ และเค้าเองก็รักนาง ความรู้สึกของคนทั้งคู่ไม่ใช่สิ่งจอมปลอม เซิงหลิงดันทุรังจะไปให้ได้และบอกว่านางไม่สนใจว่าหยูเยียะจะอยู่หรือตาย คนที่นางสนใจมีเพียงคนเดียวเท่านั้นก็คือเหลาเฟย พูดจบเซิงหลิงก็วิ่งตรงไปที่ประตูทางออกโดยมีหยูเยียะวิ่งตามไปติดๆพร้อมร้องห้าม จู่ๆธนูดอกหนึ่งก็ลอยมาปักที่กลางหลังอยู่เซิงหลิงต่อหน้าต่อตาหยูเยียะ แต่ไม่ทันทีที่หยูเยียะจะตกใจ นางก็ถูกใครบางคนชนจนหัวกระแทกเกวียนแล้วสลบลงไปตรงนั้น..
.
.
.
.
.
.
.
ต่อจากนี้จะขอเน้นๆช่วงตอนจบ เพราะว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมาก..
Review: Beauty at War ความรักและคำลวง ล้วนลางเลือนเหมือนภาพฝัน.. (สปอยละเอียดยิบสำหรับคนอยากรู้ แต่ไม่อยากดู)
ในที่สุด.. ละครภาคต่อที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคอย(ของคนฮ่องกง) ก็จบบริบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ 2 เดือนที่ผ่านมานี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่หวานอมขมกลืนของเรากับเจ๊เติ้งจริงๆ.. คนดูเองก็ปวดหัว คนเล่นเองก็ปวดใจ ทั้งเรตติ้ง ทั้งดราม่า แถมนางเอกของเรื่องยังถูกช่องแบนและรุมยำอย่างไม่ไว้หน้าเพื่อหวังเชือดไก่ให้ลิงดู (ล่าสุดก็สร้างเรื่องชู้สาวโดยลากโจทก์เก่าในอดีตอย่างเจียงหัวมาผสมโรงแล้วด้วย! เอาเข้าไป! เหยียบกันเข้าไป) แต่เมื่อดูไปแล้วก็ต้องดูให้จบ อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องยอมให้มันเกิดไป เราจึงทำใจย้อนกลับไปดูตอนจบใหม่แบบผ่านๆอีกซักรอบ ก่อนจะตัดสินใจเขียนสรุปเนื้อความอย่างหยาบๆออกมาเป็นกระทู้นี้ แต่ก่อนอื่นเราขอเตือนแฟนๆหนังจีนทุกท่านที่รักและชื่นชอบใน ศึกรักจอมราชันย์ ภาคแรกนะคะว่าควรทำใจไว้ได้เลย ถึงตอนนี้เสียงฟีดแบ็คหลังละครจบจะดีขึ้นมากและเป็นไปในเชิงบวก แต่ก็เป็นการยากที่คนต่างชาติต่างภาษาต่างวัฒนธรรมอย่างเราๆจะเข้าใจ ได้ข่าวว่าภาคนี้ต้องตีความและคิดกันหลายตลบเลยทีเดียวเชียวค่ะ โดยเฉพาะตอนจบ.. ขอบอกตรงๆว่าเราหงายเงิบอ้าปากค้างค่ะ เหอๆ..
รายละเอียด
ชื่อ: 金枝欲孽2, Beauty at War, ศึกรักจอมราชันย์ภาค 2
ผู้กำกับ: Jonathan Chik
เขียนบท: Chow Yuk-ming
ความยาว: 30 ตอน
เรตติ้งตอนจบ: ยังไม่ปรากฏข้อมูล
คะแนนจากผู้ชมออนไลน์: 7.3/10
เพลงประกอบ:
เพลงเปิด - Red sin ขับร้องโดย อู๋หย่งเว่ย
เพลงปิด - Drifting Rumours of the Forbidden City ขับร้องโดย อู๋หย่งเว่ยและเฉินห้าว
รายชื่อนักแสดงนำ
เติ้งชุ่ยเหวิน เป็น หนิ่วหู่รู้ หยูเยียะ, หยูเฟย สนมคนโปรดของเจียชิ่งฮ่องเต้
ไช่เส้าเฟิน เป็น เซิงหลิง แม่นมองค์ชาย 5
อู๋หย่งเว่ย เป็น หนิ่วหู่รู้ หยวนเซ่า, ฉุนไท่เฟย (ฉุนไกวไท่เฟย) สนมของเฉียนหลงฮ่องเต้
เฉินห้าว เป็น โกเหลาเฟย พระเอกงิ้วชื่อดัง
หวงเต๋อปิน เป็น ทงกัตฮอย ทาสในวังหลวง
กวนหลี่เจี๋ย เป็น เช่าหยวน
เนื้อเรื่องย่อ (เน้นตอนใกล้จบเรื่อง)
หนิ่วหู่รู้ หยูเยียะ และหนิ่วหู่รู้ หยวนเซ่า (เขียนตามซับอังกฤษ) สองพี่น้องร่วมบิดาสกุลหนิ่วหู่รู้ ถูกส่งตัวเข้าวังหลวงเพื่อคัดเลือกเป็นนางสนมในเฉียนหลงฮ่องเต้พร้อมๆกัน ทว่าจู่ๆหยูเยียะก็เกิดป่วยกระทันหันจึงถูกส่งตัวกลับบ้าน หยวนเซ่าผู้น้องจึงถูกคัดเลือกไปเป็นสนมของฮ่องเต้แทน แต่โชคชะตากลับไม่เป็นใจ เมื่อองค์เฉียนหลงฮ่องเต้กลับเสด็จสวรรคตไปภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งให้สนมหมาดๆอย่างหยวนเซ่าต้องตกพุ่มหม้ายตั้งแต่ยังสาว เท่านั้นยังไม่พอ.. ทันทีที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ หยวนเซ่าถึงกับตกต้องตะลึงเมื่อพบว่า พี่สาวร่วมสายเลือดของตน ได้เชิดหน้าชูตาอยู่ในวังในฐานะสนมคนโปรดของฮ่องเต้เจียชิ่งไปซะได้! หยวนเซ่าจึงตระหนักว่าผู้เป็นพี่คงจะอ่านการณ์ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงเสแสร้งแกล้งเป็นป่วย เพื่อผลักให้ชะตากรรมอันโหดร้ายนี้มาอยู่กับตนแทน ไฟแค้นจึงก่อตัวขึ้นในใจของหยวนเซ่าในทันใด
เมื่อหยูเยียะเข้ามาอยู่ร่วมกันในอาณาเขตกำแพงแดง หยวนเซ่าจึงคิดหาสารพัดวิธีเพื่อกลั่นแกล้งรังแกพี่สาวให้เจ็บปวด ซึ่งแผนที่ใช้ได้ดีนักนั่นก็คือการปล่อยข่าวลือเรื่องความร้ายกาจต่างๆนาๆของผู้เป็นพี่ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จให้กระฉ่อนไปทั่วทั้งในและนอกวัง จนขุนน้ำขุนนางตลอดจนชาวบ้านต่างพากันหลงเชื่อและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่นมขององค์ชาย 5 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหยูเยียะอย่าง เซิงหลิง แต่หยูเยียะกลับนิ่งเงียบไม่ยอมตอบโต้เสมอมา ก็ด้วยความรู้สึกผิด ความรักและความเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นน้องนั่นเอง
เซิงหลิงหาทางเข้าใกล้หยูเยียะเพื่อสืบข่าวให้สามีผู้เป็นขุนนางนำไปขาย แม้นางจะไม่เต็มใจก็ไม่อาจขัดขืน จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและบาดหมางกันกับลูกเลี้ยงอย่างมุคโดยีเสมอมา เมื่อนางใกล้ชิดกับหยูเยียะนานวันเข้า เซิงหลิงจึงตัดสินใจเพิกเฉยต่อคำสั่งของสามี และหันมารับใช้หยูเยียะด้วยความเต็มใจในที่สุด แต่ถึงแม้เซิงหลิงจะพยายามดูแลสุขภาพความเป็นอยู่ขององค์ชายน้อยดีเพียงใด ทว่าสุขภาพขององค์ชายก็ยังย่ำแย่ 3 วันดี 4 วันไข้ไม่สร่างซา ซึ่งนั่นก็มาจากพันธุกรรมที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของหยูเยียะผู้เป็นมารดานั่นเอง หยูเยียะรู้เรื่องนี้ดี และรู้สึกผิดต่อองค์ฮ่องเต้เสมอมา ยี่โหนางกำนัลคนสนิทจึงเสนอให้หยูเยียะดึงหมอหลวงหยางมาเข้าพวก เพื่อช่วยรักษาชีวิตองค์ชายไว้ให้นานที่สุด
ในตอนแรกหมอหลวงหยางก็ทุ่มเทกำลังรักษาองค์ชายน้อยตลอดมา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับนางกำนัลคนสนิทของหยวนเซ่าจนนางต้องวิกลจริต หมอหลวงหยางจึงปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของหยูเยียะ ประกอบกับที่หย่งไกวไท่เฟยซึ่งหมั่นไส้หยูเยียะเป็นการส่วนตัวคอยเป่าหูและข่มขู่ หมอหลวงหยางจึงไม่ได้ทุ่มเทดูแลองค์ชายน้อยอย่างเต็มที่ ในที่สุด.. องค์ชายน้อยก็สิ้นพระชนม์ไปก่อนวัยอันควร หยูเยียะและเซิงหลิงต่างใจสลายไปตามๆกัน อันอุปนิสัยใจคอของมนุษย์นั้นเสมอเหมือนกับธรรมชาติ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ความรักและความเจ็บปวด หยูเยียะก็เช่นกัน.. ความเปลี่ยนแปลงของนางเปลี่ยนไปทีละน้อยโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อพบว่าศรัทธาในพระพุทธศาสนากับการยึดมั่นในความดีไม่ได้ทำให้พระพุทธองค์เห็นใจ และหยวนเซ่าผู้น้องกำลังทำผิดด้วยการหลงรักพระเอกงิ้วอย่างเหลาเฟย ประกอบกับการแบกรับชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเอาไว้บนบ่า หยูเยียะจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการวางกับดักให้เหลาเฟยเดินเข้าไปติด เพื่อกำจัดเค้าออกไปจากชีวิตของน้องสาวเสีย
แผนการณ์กำจัดเหลาเฟยเริ่มขึ้นพร้อมๆกับความจริงอันน่าปวดร้าวใจของเซิงหลิง เมื่อองค์ชายน้อยสิ้นพระชนม์ เวลาที่เซิงหลิงรอคอยตลอดชีวิตก็มาถึง ขณะที่นางกำลังมีความสุขที่จะได้กลับบ้านไปอยู่กับลูกน้อยก็ต้องรู้ความจริงที่น่าโหดร้าย เมื่อพบว่าลูกน้อยทั้ง 3 ได้ละจากโลกใบนี้ไปหลายปีแล้ว! คนที่บอกความจริงเรื่องนี้กับนางก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเหลาเฟยนั่นเอง ความผิดหวังในตัวสามีและการสูญเสียลูกน้อยทั้ง 3 ทำให้เซิงหลิงไม่มีที่ไป เมื่อเหลาเฟยหยิบยื่นความรักมาให้ เซิงหลิงจึงรับรักนั้นไว้ในใจอย่างง่ายดาย แต่อนิจจา.. เรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนการณ์ของหยูเยียะนี่เอง! แต่เซิงหลิงไม่รู้.. ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกเจ้านายที่นางไว้ใจใช้เป็นเครื่องมือ!!
หลังจากนั้นมา.. เซิงหลิงกับเหลาเฟยก็รักและดูแลกันอย่างดีมาโดยตลอด เซิงหลิงที่เคารพรักหยูเยียะประหนึ่งพี่สาวแท้ๆ มักจะคอยบอกเล่าเรื่องราวความรักของตนให้หยูเยียะฟังเสมอๆ หยูเยียะเองก็เห็นดีเห็นงามและคอยส่งเสริมคนทั้งสองเสมอมา ส่วนหยวนเซ่า.. ความจริงแล้วนางไม่ได้รักปักใจอะไรเหลาเฟยเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะความเหงาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้นางหวั่นไหวไปชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น กัตฮอยต่างหากที่นางรัก และพึ่งรู้ตัวว่ารัก แต่กัตฮอยไม่ได้รักนาง ที่เขาทำทุกอย่างเพื่อนาง ช่วยเหลือนาง ก็เพียงเพราะอยากให้นางช่วยทูลขอฮ่องเต้และปลดปล่อยเค้าให้เป็นอิสระเท่านั้นเอง แถมกัตฮอยยังสนิทสนมกับมุคโดยีเป็นพิเศษ และดูเหมือนจะชอบพอกันอยู่เสียด้วย
ระหว่างที่เหลาเฟยและเช่าหยวนอยู่ในวังหลวง เช่าหยวนพยายามเอาชนะคะคานเหลาเฟยด้วยการป้อยอบรรดานางสนมจนเป็นที่โปรดปรานไปถ้วนหน้า แม้ฝีมือการแสดงของเค้าจะไม่ดีเท่าเหลาเฟย แต่นับได้ว่าตอนนี้เค้ามีอำนาจเหนือกว่าเหลาเฟยยิ่งนัก แม้กระทั่งยี่โห นางกำนัลคนสนิทของหยูเยียะ ก็ยังหลงใหลได้ปลื้มเช่าหยวนไปกับเค้าด้วย เช่าหยวนหลงระเริงอยู่ในวังหลวงจนละเลยภรรยาที่คอยอยู่ ทำให้นางเศร้าเสียใจจนต้องหันหน้าเข้าหาฝิ่นและติดฝิ่นไปในที่สุด
สัจธรรมของชีวิตคือมีทุกข์ก็ย่อมมีสุข แต่ความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นานนัก ในที่สุดเซิงหลิงก็รู้ความจริงว่าถูกหยูเยียะหลอกใช้และชักใยอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด นางเอาเรื่องนี้ไปบอกเหลาเฟยแต่เหลาเฟยกลับมีท่าทีเฉยชา และรู้เรื่องนี้มาแต่แรกแล้ว เซิงหลิงหัวใจสลายอีกครั้ง ความเจ็บปวดผลักให้นางกลับมาแก้แค้น นางคิดแผนการณ์เอาคืนหยูเยียะ ด้วยการแต่งเรื่องว่าเหลาเฟยไม่ได้รักนางแต่รักหยูเยียะ หยูเยียะที่รู้สึกหวั่นไหวแต่แรกเนื่องจากได้ฟังเรื่องราวของเซิงหลิงกับเหลาเฟยมามาก จึงปักใจเชื่ออย่างง่ายดาย เซิงหลิงทั้งสะใจ ทั้งเคืองแค้น และซึมเศร้า นางทำร้ายตัวเองหลายครั้งจนเลือดตกยางออก หยูเยียะเห็นแล้วก็เวทนา พยายามปลอบโยนให้เซิงหลิงลืมผู้ชายเลวๆที่ทำร้ายจิตใจของนางไปเสีย แต่เซิงหลิงทำไม่ได้ ขณะที่เซิงหลิงกำลังเปิดอกคุยกับหยูเยียะ(อย่างเสแสร้ง) กบฏก็บุกเข้าวังโดยไม่มีใครล่วงรู้ หยูเยียะและเซิงหลิงพากันหาทางหนี
อีกด้าน.. หยวนเซ่าเองก็เปิดอกคุยกับกัตฮอยเช่นกัน นางว่าตลอดทั้งชีวิตไม่เคยรักชายใดมาก่อนแม้กระทั่งสามี แต่นางรักเค้า.. ทาสในวังผู้ต่ำต้อยคนนี้ กัตฮอยสารภาพว่าเค้าไม่ได้รักนาง หยวนเซ่าจึงไล่ให้กัตฮอยไปซะ ไปสู่อิสรภาพที่เค้าต้องการ เพราะถึงอย่างไรเสียคนทั้งสองก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ หยวนเซ่าผู้ร้ายกาจกลับแข็งแกร่งพอจะปล่อยให้ชายที่รักเดินจากไปทั้งน้ำตา นางกำนัลคนสนิทของหยวนเซ่ากระหืดกระหอบมารายงานว่ากบฏบุกวังแล้วให้หยวนเซ่ารีบหนี ประจวบเหมาะกับหยูเยียะตามหานางจนพบพอดี ทุกคนจึงพากันหนีเอาตัวรอดไปด้วยกัน หยูเยียะตัดสินใจที่จะหนีออกนอกวังและมั่นใจว่าฮ่องเต้จะต้องเข้าใจและให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นเหตุสุดวิสัย แต่หยวนเซ่าเกิดดื้อดึงไม่ยอมไป นางว่านางยอมตาย หยูเยียะจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่านางจะทำผิดจนเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอีก หยูเยียะทั้งโกรธทั้งเสียใจ นางร้องห่มร้องไห้และตบหยวนเซ่าไปทั้งน้ำตาก่อนจะพรั่งพรูความในใจออกมาว่านางรักน้องมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นผล.. หยวนเซ่าหันหลังจากไป ทิ้งให้หยูเยียะทรุดลงกับพื้นด้วยใจสลาย
เมื่อใกล้ถึงประตูทางออก จู่ๆเช่าหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมปิ่นปักผมของยี่โห เช่าหยวนบอกหยูเยียะว่ายี่โหตายแล้ว ทำให้หยูเยียะเสียใจเป็นอย่างมาก เซิงหลิงคิดจะฝ่าวงล้อมการต่อสู้ออกไปหาเหลาเฟย เพราะนางรู้ว่าเค้ากำลังจะถูกฆ่าตายด้วยยาพิษ และเค้าเองก็รักนาง ความรู้สึกของคนทั้งคู่ไม่ใช่สิ่งจอมปลอม เซิงหลิงดันทุรังจะไปให้ได้และบอกว่านางไม่สนใจว่าหยูเยียะจะอยู่หรือตาย คนที่นางสนใจมีเพียงคนเดียวเท่านั้นก็คือเหลาเฟย พูดจบเซิงหลิงก็วิ่งตรงไปที่ประตูทางออกโดยมีหยูเยียะวิ่งตามไปติดๆพร้อมร้องห้าม จู่ๆธนูดอกหนึ่งก็ลอยมาปักที่กลางหลังอยู่เซิงหลิงต่อหน้าต่อตาหยูเยียะ แต่ไม่ทันทีที่หยูเยียะจะตกใจ นางก็ถูกใครบางคนชนจนหัวกระแทกเกวียนแล้วสลบลงไปตรงนั้น..
.
.
.
.
.
.
.
ต่อจากนี้จะขอเน้นๆช่วงตอนจบ เพราะว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมาก..