[บทความสโมสรยุโรป 2013-06-02] ฤดูกาลแห่งการร่ำลา (โดย ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง ดารานักแสดง แฟนพันธ์แท้หงส์แดง+บาเซโลน่า)

คราวก่อนผมได้เขียนเรื่องการอำลาอาชีพค้าแข้งของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไปแล้ว แต่คิดไปคิดมานอกจาก ''คาร์ร่า'' แล้ว ก็ยังมีนักเตะและโค้ชอีกหลายคนที่ต้องอำลาถิ่นเก่าของตนเองไปหลังจากจบฤดูกาลนี้

    

นอกจากคาร์ราเกอร์แล้ว ก็ยังมีนักเตะอดีตขวัญใจของผมอีกคนหนึ่งที่เพิ่งอำลาสนามไปเช่นกันก็คือ ไมเคิ่ล โอเว่น อดีตกองหน้าระดับเทพของลิเวอร์พูลในวัย 33 ปี ที่แขวนสตั๊ดไปกับการลงเล่นให้สโต๊ค ซิตี้เป็นสโมสรสุดท้าย

ผมเคยเขียนถึงโอเว่นไปแล้วเช่นกันว่า เขาเปรียบประดุจเพชรที่เจียระไนไม่เคยเสร็จ แม้ว่าจะแจ้งเกิดในวงการลูกหนังตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปี และเป็นนักเตะอังกฤษไม่กี่คนที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ เมื่อปี 2001 แต่ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน จากรูปแบบและสไตล์การเล่นที่เน้นการใช้ความเร็วและทักษะความสามารถเฉพาะตัวบุกตะลุยเล่นงานเกมรับคู่ต่อสู้ จนโดนเตะโดนอัดอยู่เป็นประจำจนทำให้อาชีพการค้าแข้งของเขามันเลยถึงจุดตกลงก่อนเวลาอันสมควร

ด้วยบุคลิกภาพที่เป็นคนที่สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนของโอเว่น ผมเชื่อว่าเขาน่าจะมีเส้นทางอื่นๆ ให้เดินต่อไป หลังจากยุติเส้นทางการเป็นนักฟุตบอล ขอให้โชคดีนะ Saint Michael



ข้ามฝั่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ไปทางกูดิสัน พาร์คของเอฟเวอร์ตันบ้าง นี่ก็เป็นอีกทีมที่ต้องร่ำลากับ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมคนเก่งที่อำลาทีมไปคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพื่อความก้าวหน้าของอาชีพ หลังจากที่เข้ามาคุมทีม "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ตั้งแต่ 14 มีนาคม ปี 2002 และทำให้ทีมที่ไม่ได้มีเงินทุนทำทีมมากมายนักอย่างเอฟเวอร์ตันเชิดหน้าชูตาในพรีเมียร์ลีกด้วยอันดับที่ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่เขากุมบังเหียน



เช่นเดียวกับ ฟิล เนวิลล์ ที่จะอำลาเอฟเวอร์ตันไปเช่นกัน อยู่ค้าแข้งในถิ่นกูดิสัน พาร์คมาเป็นปีที่ 8 นับตั้งแต่ย้ายมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2005

เนวิลล์ผู้น้องมีแววจะผันตัวเองไปเป็นโค้ชสูงมากเพราะเขาได้รับบี ไลเซนส์ของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่าเรียบร้อยแล้ว และเคยไปช่วยงานทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 21 ปีมาแล้ว ในนัดที่ "สิงโตน้อย" พบกับเบลเยียมในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นอายุไม่เกินอายุ 21 ปีรอบคัดเลือก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และจะอยู่ในทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของทีมชาติอังกฤษชุดเล็ก ที่จะไปแข่งขันรอบสุดท้ายที่ประเทศอิสราเอล ระหว่างวันที่ 5-18 มิถุนายนนี้โดยคนที่แนะนำให้เนวิลล์มารับหน้าที่โค้ชหลังจากเลิกเล่นฟุตบอล ก็คือ โชเซ่ มูรินโญ่ นั่นเอง



ส่วนการร่ำลาที่น่าจะสะเทือนเลื่อนลั่นวงการมากที่สุด ก็คือการอำลาวงการลูกหนังของอดีตเจ้านายของเนวิลล์ซึ่งก็คือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง

แม้ว่าผมจะเป็นแฟนลิเวอร์พูล แต่ผมก็เติบโตกับการดูฟุตบอล โดยเห็น "เฟอร์กี้" คุมทีมอยู่ข้างสนามมาตลอด 27 ปี นับตั้งแต่ปี 1986 เป็นต้นมา ซึ่งในตอนนั้นลิเวอร์พูลยังครองความยิ่งใหญ่ในลีกอังกฤษ โดยมีเอฟเวอร์ตันเป็นคู่แข่งสำคัญ ดังนั้นการอำลาวงการไปของ "เฟอร์กี้" จึงสร้างความเสียดายให้ผมเช่นกัน แม้จะเชียร์ลิเวอร์พูลแต่ผมก็ขอซูฮกให้กับฝีมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จากใจจริง



อีกคนที่อำลาทีม "ปีศาจแดง" ไปพร้อมกับเจ้านายก็คือ พอล สโคลส์ มิดฟิลด์จอมเก๋า ที่จริงๆ เขาน่าจะอำลาทีมไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็เปลี่ยนใจมาช่วยทีมต่ออีกจนเพิ่งจะเลิกไปจริงๆ หลังจากจบฤดูกาลนี้ สภาพของสโคลส์ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้วครับที่ต้องเลิกเล่นไป เพราะด้วยวัยและสังขารที่เล่นได้แค่ในระดับประคองตัวเท่านั้น ก็ถึงเวลาที่ต้องเลิกเล่นไปด้วยเวลาอันสมควร



ขณะที่อีกฝากฝั่งของเมืองแมนเชสเตอร์อย่างทีม "เรือใบสีฟ้า" ก็ถึงคราเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือเมื่อ โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่ไร้โทรฟี่ติดมือในฤดูกาลนี้แม้กระทั่งแชมป์เอฟเอ คัพที่ว่าน่าจะนอนมาแน่ๆ เพราะชิงชนะเลิศกับวีแกน แต่ก็ดันแพ้แบบเหลือเชื่อ เมื่อทีมทุ่มทุนไปมากมายขนาดนี้ แต่ไม่มีแชมป์อะไรเลย ก็แน่นอนว่าฝ่ายบริหารก็ต้องหากุนซือคนใหม่มาแทนที่ "มันโช่" และถ้าไม่มีอะไรพลิกโผก็คงจะเป็น มานูเอล เปเยกรีนี่ กุนซือชาวชิลีที่จะลามาลาก้ามาคุมทีมแทนที่



นอกจากมาลาก้าที่ต้องหากุนซือใหม่ เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่ร่วมลีกก็ต้องหากุนซือใหม่เช่นกัน หลังจากที่ประกาศแยกทางกับ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้

พูดถึงมูรินโญ่ จะบอกว่าเขาเอาชื่อมาทิ้งที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบวก็ไม่น่าจะผิดมากนัก เพราะแม้ว่าเขาจะพาทีมคว้าแชมป์ลา ลีกาได้ในฤดูกาลก่อน แต่เมื่อเทียบกับการที่เขามาอยู่กับทีมถึง 3 ฤดูกาล แต่ทำทีมได้แชมป์ลาลีกาแค่ 1 สมัย และแชมป์โกปา เดล เรย์ อีก 1 สมัยสำหรับทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างเรอัล มาดริด และกุนซือระดับ Special One อย่างเขา มันถือว่าไม่น่าพึงพอใจ

ในฤดูกาลแรก (2010/2011) ฤดูกาลแรกที่มูรินโญ่มาคุมทีม "ราชันชุดขาว" เขาพ่ายแพ้ให้กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการชิงแชมป์ลา ลีกา และก็พลาดท่าให้บาร์ซ่าอีกครั้งในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ซึ่งสุดท้ายบาร์ซ่าก็กลายเป็นแชมป์ไปในที่สุด แม้ว่ามูรินโญ่จะพาทีมได้แชมป์โกปา เดล เรย์ปลอบใจ แต่การที่ต้องทนเห็นบาร์ซ่าคว้าดับเบิลแชมป์ไปครองด้วยการข้ามหัวพวกเขามันก็น่าเจ็บปวดเช่นกัน

ฤดูกาลต่อมา "เฮียมู" เอาคืนได้ พาทีมกำราบบาร์เซโลน่ากระชากแชมป์ลา ลีกามาครองได้ แต่ก็ยังล้มเหลวในถ้วยยุโรปเช่นเดิม เมื่อโดนบาเยิร์น มิวนิคเขี่ยตกรอบรองชนะเลิศ

ฤดูกาลล่าสุดนี่ต้องถือว่ามูรินโญ่เสียหน้ามากที่สุด เพราะไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใดมาสู่ซานติอาโก้ เบร์นาเบวได้เลย แม้ว่าเป๊ปจะอำลาบาร์ซ่าไปแล้ว แต่มูรินโญ่ก็มาเสียท่าให้กุนซือใหม่ของทีมคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง ตีโต้ บีลาโนบา แบบแต้มขาดลอยในการชิงแชมป์ลา ลีกา ถ้วยบิ๊กเอียร์ของยุโรปอุตส่าห์เขี่ยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตกรอบได้ แต่ก็มาพลาดให้โดนโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เขี่ยตกรอบรองชนะเลิศอีก แม้แต่โกปา เดล เรย์ที่เข้าชิงชนะเลิศกับคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแอตเลติโก มาดริด ก็ดันพลาดท่าแพ้ซะงั้น แบบนี้ Special One มาจากไหน ก็ต้องจากกันไปเช่นกันครับ



เชลซีก็เพิ่งแยกทางกับ ราฟาเอล เบนิเตซ แม้ว่าจะมาร่วมงานกันในระยะเวลาสั้นๆ และแม้จะโดนต่อต้านอย่างแรงในช่วงแรกที่เข้ามาคุมทีม แต่สุดท้าย "ราฟา" ก็ยังอุตส่าห์พา "สิงโตน้ำเงินคราม" คว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีกมาครองได้แบบอย่างน้อยก็มีอะไรติดไม้ติดมือ

ด้วยผลงานที่ยังพอเชื่อใจได้ของเบนิเตซ สุดท้ายก็ทำให้เขาได้งานใหม่ทันที ด้วยการโยกไปเป็นกุนซือคนใหม่ของนาโปลี ที่เสีย วอลเตอร์ มาซซาร์รี่ กุนซือคนเก่งไปให้กับอินเตอร์ มิลานที่ปลด อันเดรีย สตรามัชโชนี่ ออกไป



ล่าสุดก็มีการอำลาที่น่าประทับใจระหว่าง เนย์มาร์ กับซานโตสไปหมาดๆ หลังจากดาวเตะบราซิลวัย 21 ปีรายนี้ ตกลงเซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีมบาร์เซโลน่าเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่อยู่กับซานโตสมาถึง 9 ปี ตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่กับทีม ตั้งแต่ระดับเยาวชนตอนอายุ 11-12 ปี เท่านั้น

นี่เป็นแค่ตัวอย่างการร่ำลาทีม ร่ำลาวงการฟุตบอลไป ในกรณีที่น่าสนใจ และเป็นข่าวใหญ่โต เชื่อว่าในช่วงปิดฤดูกาลนี้ คงมีการอำลาทีมของบรรดานักเตะและกุนซือไปอีกมากมาย ติดตามข่าวสารกันได้ทางสื่อต่างๆ ของ SIAMSPORT กันนะครับ...เพราะถ้าไม่ติดตามให้ดีๆ คุณจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง (ขอยืมวลีเด็ดของ "พี่ต๋อย-ไตรภพ" มาใช้หน่อย)...ดูฟุตบอลให้สนุกครับ

credit : www.siamsport.co.th  คอลัมน์ : พี่แท่งแยงลูกหนัง โดย.. แมงปอล้อคลื่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่