ผอ.ละครฮิตแรงเงาเปิดใจ แยกทางทายาทอดีตรมต. ผลัดกันเลี้ยงดูลูก2คน
ปิดฉากจริง “รวิชญ์ เทิดวงส์” เปิดใจยืนยันแยกทางกับภรรยา ดร. “แพรว-ดาริกา” เด็ดขาดแล้ว แต่ยังคงความเป็นเพื่อนและร่วมเลี้ยงดูทายาท 2 คนด้วยกัน ยืนยันไม่มีมือที่สาม แต่เป็นเรื่องทัศนคติ-ความคิดเห็นไม่ตรงกัน และต่างทำงานจนไม่มีเวลาให้กัน ทั้งที่พยายามปรับตัวกันมาหลายรอบ แต่สุดท้ายไปไม่รอด ต้องปล่อยให้มีความเป็นอิสระจากกัน แต่ยอมรับความแรงของบท “ผอ.เจนภพ” จากละครแรงเงา มีผลให้คนอื่นเข้ามา แต่ย้ำขอโฟกัสเรื่องงาน
กลายเป็นประเด็นฮอตขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเว็บไซต์ “ไทยรัฐออนไลน์” ตีข่าวว่า นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ ปิ๊บ-รวิชญ์ เทิดวงส์ ที่โด่งดังจากบท “ผอ.เจนภพ” ในละครยอดฮิต “แรงเงา” ทางช่อง 3 ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาตลอดว่ามีปัญหาระหองระแหงกับภรรยา แพรว-ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ เรื่อยมา ซึ่งล่าสุดเป็นที่แน่นอนแล้วว่าทั้งคู่ตัดสินใจแยกทางกันด้วยดี หลังจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 9 ปี มีทายาทด้วยกัน 2 คน
โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากปิ๊บว่า ตอนนี้ตนกับแพรวตัดสินใจเป็นเพื่อนกันและมีอิสระต่อกัน และมีลูกเป็นหลักในการดูแลให้ความอบอุ่น ที่ผ่านมาตนและภรรยาพยายามคงความสัมพันธ์แต่สุดท้ายก็มาสรุปว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่ยังคงติดต่อกันโดยที่ยังมีลูกเป็นหัวใจหลักของความสัมพันธ์ ต่อข้อถามที่ว่าตัดสินใจลดความสัมพันธ์ลงนานหรือยัง นักแสดงหนุ่มเผยว่ามันเหมือนเป็นช่วงปิดช่วงเปิด เป็นช่วงที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเป็นเพื่อนกันดีที่สุด ซึ่งเราทั้งคู่ตัดสินใจแบบนี้มาหลายรอบแล้ว เราคบกัน ก็มีความเห็นไม่ตรงกัน เวลาเราใช้ชีวิตมันก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งตอนที่ออกงานด้วยกันเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังโอเคกันอยู่ แต่ก็มีความรู้สึกว่าทำไมเรื่องนี้ก็ยังคิดไม่ตรงกัน หลังจากนั้นเราก็เลยมาคุยกันว่าสงสัยจะไม่ไหวจริงๆ เป็นเพื่อนกันดีกว่า เผื่อว่าอะไรจะดีขึ้น
เมื่อถามถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ยุติความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา นักแสดงหนุ่มเผยว่า เหตุผลหลักเป็นเรื่องทัศนคติในการใช้ชีวิต ซึ่งคำนี้มันกว้างมาก แต่มีรายละเอียดลึกๆ ที่เป็นเรื่องของคน 2 คน ก็ให้เรื่องทัศนคติเป็นอิสระต่อกันดีกว่า และต่อจากนี้ถ้ามีคนเห็นว่าตนและคุณแพรวอยู่ด้วยกันก็คือเป็นเพื่อนกัน ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อลูก ซึ่งเราทั้งคู่เองไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่แรก ส่วนการทำหน้าที่ดูแลลูกนั้นก็อยู่กันเป็นสัดส่วน ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะตอนนี้เริ่มแยกบ้าน เรื่องลูกก็แบ่งเวลาว่าใครจะอยู่กับลูก พร้อมกับขอร้องทุกคนที่อาจสงสัยว่าเดี๋ยวบอกเลิกกันแล้วบอกไม่เลิกว่าอยากให้เห็นใจกันนิดว่าตนกับภรรยาก็ไม่ได้อยากเลิกกัน แต่เราปรับตัวเข้าหากันแล้ว เหมือนกับที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าต่างคนต่างไม่มีเวลาทั้งคู่ เราก็ไม่ได้โกหก เราไม่มีเวลาจริงๆ แล้วช่วงนั้นเราทั้งคู่ก็ยังไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์มากกว่า
ส่วนเรื่องมือที่ 3 นั้น นักแสดงหนุ่มเจ้าของรางวัลนาฏราช ดาราสมทบชายยอดเยี่ยม คนล่าสุด หัวเราะก่อนเผยถึงเรื่องนี้ว่ามันไม่เหมือนบท ผอ.ที่ตนเล่นในเรื่องแรงเงา คนก็อาจจะคิดว่าตนเป็นแบบนั้น แต่จริงๆไม่ใช่ สำหรับตนจะต้องเคลียร์ความสัมพันธ์เดิมก่อน ตอนนี้ยังไม่มีอะไร แต่ยอมรับว่าพอคนวงในทราบข่าวก็มีคนเข้ามา ต้องยอมรับว่าบท ผอ.ที่ตนเล่นดังมาก เลยมีส่วนทำให้คนเข้ามา แต่มันไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น คือมีคนเข้ามาคุยแต่คงไม่ใช่เวลาที่จะไปคุยกับใคร ตอนนี้ตนโฟกัสเรื่องงาน ซึ่งคนอาจคิดว่าเป็นงานในวงการบันเทิง แต่จริงๆก็มีงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ในวงการบันเทิงที่มันต้องใช้เวลา พอไปโฟกัสมันก็ทำให้ตนไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากกับภรรยา แล้วภรรยาเองก็มีงานหลายอย่างที่ต้องทำแล้วต้องไปเรียนเพิ่มเติม ต่างคนต่างก็เวลาน้อย ฉะนั้นอย่างที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องมือที่ 3 แน่นอน เป็นเรื่องทัศนคติและเรื่องเวลาเป็นหลักมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลายคนมองว่าพอเลิกกันอาจทำให้กระทบความรู้สึกของลูกชายและลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ รวิชญ์กล่าวว่า ตนและภรรยาก็ประคับประคองความรู้สึกของลูก ทำให้กระทบน้อยที่สุด เวลาไปทานข้าวก็ยังไปทานพร้อมกันปกติ ไม่มีอะไรที่ต่างออกไป เพียงแต่ว่าเราเป็นเพื่อนกันและไม่ได้อยู่ที่เดียวกันแล้ว ซึ่งเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับภรรยานั้นลูกๆ ไม่ทราบเลย แต่ถ้าโตกว่านี้ลูกๆคงรู้เอง แต่เขาก็ได้รับความอบอุ่นเต็มร้อย คือยังคงความเป็นครอบครัวแต่อาจจะไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน และในเมื่อไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันก็เป็นเพื่อนกัน มีความเป็นอิสระจากกันดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าหากมีข่าวออกไปจะต้องมีคนจับตามอง รู้สึกกดดันหรือไม่ รวิชญ์ตอบว่าตนคิดว่าเขาคงชินกันแล้ว คงมีคนถามไม่ค่อยเยอะเพราะว่าข่าวไม่ได้เพิ่งออก คนอ่านคงเริ่มเบื่อจะอ่านเรื่องของตน ก่อนที่จะหัวเราะและกล่าวต่อไปว่าที่พูดเพราะว่าวันหนึ่งถ้าเห็นตนไปกับคุณแพรวก็อย่ารู้สึกว่าทำไมให้ข่าวแบบนี้แล้วยังไปไหนด้วยกัน จะได้รู้ว่ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ไม่ว่าจะสถานะไหน และจะไม่แถลงข่าวใดๆแล้ว เพราะตนปรึกษากับคุณแพรวแล้วว่าคงไม่แถลงข่าวอะไรแล้ว ก็คงให้สัมภาษณ์ให้เข้าใจแบบนี้แล้วกัน และเมื่อไปออกงานอะไรก็ตามที่คุณแพรวไปคู่กับผมก็เข้าใจได้ว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์นี้ก็ขอเวลานิดหนึ่ง
เมื่อถามอีกว่า เครียดมั้ย รวิชญ์กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้สรุปร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ายังไง มันยังเป็นช่วงปิดๆเปิดๆ อย่างที่ได้บอกไป แต่ตอนนี้เป็นข้อตกลงที่แน่นอนแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกัน ส่วนแพลนในอนาคตต่อไปก็คงต่างคนต่างทำงาน ใช้เวลาร่วมกันโดยมีลูกเป็นศูนย์กลาง แต่มีความเป็นอิสระต่อกัน ถ้าเห็นว่าเรายังไปงานหรือไปไหนด้วยกันก็คงไม่ต้องมีคำถามแล้วเพราะเราเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าไปเดินกับคนอื่น ซึ่งไม่ใช่คุณแพรวเดี๋ยวจะอัพเดตให้ฟัง
ทั้งนี้ นักแสดงหนุ่มเผยถึงโอกาสจะกลับมาคืนดีกันว่ายังไม่รู้จะกลับมาคืนดีกันไหม ตนไม่ทราบ แต่เราไม่ได้เลิกกันด้วยความแค้นจนกลับมาไม่ได้ เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและทำกิจกรรมร่วมกันกับลูก เรื่องอนาคตก็ยังไม่แน่นอน ถามว่ามีสิทธิ์กลับมาได้ไหมก็มีสิทธิ์ แต่ตอนนี้สัมพันธภาพคือเป็นอิสระต่อกัน เป็นเพื่อนกัน และยังจ่ายเวลาให้กับครอบครัวได้ไม่ต่างจากเดิม ยังไปไหนด้วยกันได้ไม่มีปัญหาอะไรเลย ส่วนความรู้สึกตอนนี้ดีจริงๆ มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่อยู่ดีๆมาตกใจ มันก็มีการตื่นตัวกันมาแล้ว เหมือนทำใจกันมาแล้วในระยะหนึ่ง ก็พยายามปรับกันมาเรื่อยๆ ซึ่งคนรอบข้างก็ให้กำลังใจครอบครัวมาตลอด ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆ พอได้กำลังใจก็รู้สึกดีขึ้น อะไรที่ตนตัดสินใจแล้วมันดีขึ้นก็จะทำ อย่างเช่นการตัดสินใจครั้งนี้ที่ทำแล้วทุกอย่างมันดีขึ้น ส่วนในอนาคตโอกาสกลับมาก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้ปิดกั้น และยอมรับว่ารู้สึกเสียดายที่จบกันแบบนี้ แต่เราทั้งสองก็มีช่วงเวลาที่สุดยอดมาหลายปี มันคือช่วงเวลาที่ดี ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ตัดสินใจถึงขั้นแต่งงาน เราสองคนเคยมีช่วงเวลาที่ดีมากๆ
สำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ชีวิตคู่ของปิ๊บ-รวิชญ์ และแพรว-ดร.ดาริกา ทั้งคู่ได้เข้าพิธีหมั้นเป็นการส่วนตัวเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2546 และเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 5 ส.ค.2546 ก่อน จะจัดพิธีฉลองสมรสพระราชทาน ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2546 โดยใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 9 ปี และมีลูก 2 คน คือ น้องพิพ วัย 7 ขวบ และน้องเพพพิน วัย 4 ขวบ ก่อนที่จะตัดสินใจปิดฉากชีวิตคู่และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ทั้งนี้ แพรว-ดร.ดาริกา ลัทธพิพัทธ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายการเงินและฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นบุตรสาวของนายดำรง ลัทธพิพัฒน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับนางสมศรี ลัทธพิพัฒน์ เริ่มต้นคบหาดูใจกันกับ ปิ๊บ-รวิชญ์ ในฐานะเพื่อนโดยการแนะนำให้รู้จักจากคุณแม่ทั้ง 2 ฝ่ายที่เป็นเพื่อนเรียนจบมาจากที่เดียวกันแต่ปิ๊บและแพรวมาสานสัมพันธ์จริงจังกันในงานปาร์ตี้บ้านเพื่อน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายเดินหน้าจีบก่อน
โดย: ทีมข่าวหน้า 1
2 มิถุนายน 2556, 09:00 น.
http://www.thairath.co.th/content/ent/348514
ผอ.เจนภพ แรงเงา เตียงหัก! 'ปิ๊บ' เลิก 'ดร.แพรว' ปัดมีมือ3-โอกาสคืนดีเรื่องอนาคต
ปิดฉากจริง “รวิชญ์ เทิดวงส์” เปิดใจยืนยันแยกทางกับภรรยา ดร. “แพรว-ดาริกา” เด็ดขาดแล้ว แต่ยังคงความเป็นเพื่อนและร่วมเลี้ยงดูทายาท 2 คนด้วยกัน ยืนยันไม่มีมือที่สาม แต่เป็นเรื่องทัศนคติ-ความคิดเห็นไม่ตรงกัน และต่างทำงานจนไม่มีเวลาให้กัน ทั้งที่พยายามปรับตัวกันมาหลายรอบ แต่สุดท้ายไปไม่รอด ต้องปล่อยให้มีความเป็นอิสระจากกัน แต่ยอมรับความแรงของบท “ผอ.เจนภพ” จากละครแรงเงา มีผลให้คนอื่นเข้ามา แต่ย้ำขอโฟกัสเรื่องงาน
กลายเป็นประเด็นฮอตขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเว็บไซต์ “ไทยรัฐออนไลน์” ตีข่าวว่า นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ ปิ๊บ-รวิชญ์ เทิดวงส์ ที่โด่งดังจากบท “ผอ.เจนภพ” ในละครยอดฮิต “แรงเงา” ทางช่อง 3 ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาตลอดว่ามีปัญหาระหองระแหงกับภรรยา แพรว-ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ เรื่อยมา ซึ่งล่าสุดเป็นที่แน่นอนแล้วว่าทั้งคู่ตัดสินใจแยกทางกันด้วยดี หลังจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 9 ปี มีทายาทด้วยกัน 2 คน
โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากปิ๊บว่า ตอนนี้ตนกับแพรวตัดสินใจเป็นเพื่อนกันและมีอิสระต่อกัน และมีลูกเป็นหลักในการดูแลให้ความอบอุ่น ที่ผ่านมาตนและภรรยาพยายามคงความสัมพันธ์แต่สุดท้ายก็มาสรุปว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่ยังคงติดต่อกันโดยที่ยังมีลูกเป็นหัวใจหลักของความสัมพันธ์ ต่อข้อถามที่ว่าตัดสินใจลดความสัมพันธ์ลงนานหรือยัง นักแสดงหนุ่มเผยว่ามันเหมือนเป็นช่วงปิดช่วงเปิด เป็นช่วงที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเป็นเพื่อนกันดีที่สุด ซึ่งเราทั้งคู่ตัดสินใจแบบนี้มาหลายรอบแล้ว เราคบกัน ก็มีความเห็นไม่ตรงกัน เวลาเราใช้ชีวิตมันก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งตอนที่ออกงานด้วยกันเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังโอเคกันอยู่ แต่ก็มีความรู้สึกว่าทำไมเรื่องนี้ก็ยังคิดไม่ตรงกัน หลังจากนั้นเราก็เลยมาคุยกันว่าสงสัยจะไม่ไหวจริงๆ เป็นเพื่อนกันดีกว่า เผื่อว่าอะไรจะดีขึ้น
เมื่อถามถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ยุติความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา นักแสดงหนุ่มเผยว่า เหตุผลหลักเป็นเรื่องทัศนคติในการใช้ชีวิต ซึ่งคำนี้มันกว้างมาก แต่มีรายละเอียดลึกๆ ที่เป็นเรื่องของคน 2 คน ก็ให้เรื่องทัศนคติเป็นอิสระต่อกันดีกว่า และต่อจากนี้ถ้ามีคนเห็นว่าตนและคุณแพรวอยู่ด้วยกันก็คือเป็นเพื่อนกัน ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อลูก ซึ่งเราทั้งคู่เองไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่แรก ส่วนการทำหน้าที่ดูแลลูกนั้นก็อยู่กันเป็นสัดส่วน ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะตอนนี้เริ่มแยกบ้าน เรื่องลูกก็แบ่งเวลาว่าใครจะอยู่กับลูก พร้อมกับขอร้องทุกคนที่อาจสงสัยว่าเดี๋ยวบอกเลิกกันแล้วบอกไม่เลิกว่าอยากให้เห็นใจกันนิดว่าตนกับภรรยาก็ไม่ได้อยากเลิกกัน แต่เราปรับตัวเข้าหากันแล้ว เหมือนกับที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าต่างคนต่างไม่มีเวลาทั้งคู่ เราก็ไม่ได้โกหก เราไม่มีเวลาจริงๆ แล้วช่วงนั้นเราทั้งคู่ก็ยังไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์มากกว่า
ส่วนเรื่องมือที่ 3 นั้น นักแสดงหนุ่มเจ้าของรางวัลนาฏราช ดาราสมทบชายยอดเยี่ยม คนล่าสุด หัวเราะก่อนเผยถึงเรื่องนี้ว่ามันไม่เหมือนบท ผอ.ที่ตนเล่นในเรื่องแรงเงา คนก็อาจจะคิดว่าตนเป็นแบบนั้น แต่จริงๆไม่ใช่ สำหรับตนจะต้องเคลียร์ความสัมพันธ์เดิมก่อน ตอนนี้ยังไม่มีอะไร แต่ยอมรับว่าพอคนวงในทราบข่าวก็มีคนเข้ามา ต้องยอมรับว่าบท ผอ.ที่ตนเล่นดังมาก เลยมีส่วนทำให้คนเข้ามา แต่มันไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น คือมีคนเข้ามาคุยแต่คงไม่ใช่เวลาที่จะไปคุยกับใคร ตอนนี้ตนโฟกัสเรื่องงาน ซึ่งคนอาจคิดว่าเป็นงานในวงการบันเทิง แต่จริงๆก็มีงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ในวงการบันเทิงที่มันต้องใช้เวลา พอไปโฟกัสมันก็ทำให้ตนไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากกับภรรยา แล้วภรรยาเองก็มีงานหลายอย่างที่ต้องทำแล้วต้องไปเรียนเพิ่มเติม ต่างคนต่างก็เวลาน้อย ฉะนั้นอย่างที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องมือที่ 3 แน่นอน เป็นเรื่องทัศนคติและเรื่องเวลาเป็นหลักมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลายคนมองว่าพอเลิกกันอาจทำให้กระทบความรู้สึกของลูกชายและลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ รวิชญ์กล่าวว่า ตนและภรรยาก็ประคับประคองความรู้สึกของลูก ทำให้กระทบน้อยที่สุด เวลาไปทานข้าวก็ยังไปทานพร้อมกันปกติ ไม่มีอะไรที่ต่างออกไป เพียงแต่ว่าเราเป็นเพื่อนกันและไม่ได้อยู่ที่เดียวกันแล้ว ซึ่งเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับภรรยานั้นลูกๆ ไม่ทราบเลย แต่ถ้าโตกว่านี้ลูกๆคงรู้เอง แต่เขาก็ได้รับความอบอุ่นเต็มร้อย คือยังคงความเป็นครอบครัวแต่อาจจะไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน และในเมื่อไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันก็เป็นเพื่อนกัน มีความเป็นอิสระจากกันดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าหากมีข่าวออกไปจะต้องมีคนจับตามอง รู้สึกกดดันหรือไม่ รวิชญ์ตอบว่าตนคิดว่าเขาคงชินกันแล้ว คงมีคนถามไม่ค่อยเยอะเพราะว่าข่าวไม่ได้เพิ่งออก คนอ่านคงเริ่มเบื่อจะอ่านเรื่องของตน ก่อนที่จะหัวเราะและกล่าวต่อไปว่าที่พูดเพราะว่าวันหนึ่งถ้าเห็นตนไปกับคุณแพรวก็อย่ารู้สึกว่าทำไมให้ข่าวแบบนี้แล้วยังไปไหนด้วยกัน จะได้รู้ว่ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ไม่ว่าจะสถานะไหน และจะไม่แถลงข่าวใดๆแล้ว เพราะตนปรึกษากับคุณแพรวแล้วว่าคงไม่แถลงข่าวอะไรแล้ว ก็คงให้สัมภาษณ์ให้เข้าใจแบบนี้แล้วกัน และเมื่อไปออกงานอะไรก็ตามที่คุณแพรวไปคู่กับผมก็เข้าใจได้ว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์นี้ก็ขอเวลานิดหนึ่ง
เมื่อถามอีกว่า เครียดมั้ย รวิชญ์กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้สรุปร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ายังไง มันยังเป็นช่วงปิดๆเปิดๆ อย่างที่ได้บอกไป แต่ตอนนี้เป็นข้อตกลงที่แน่นอนแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกัน ส่วนแพลนในอนาคตต่อไปก็คงต่างคนต่างทำงาน ใช้เวลาร่วมกันโดยมีลูกเป็นศูนย์กลาง แต่มีความเป็นอิสระต่อกัน ถ้าเห็นว่าเรายังไปงานหรือไปไหนด้วยกันก็คงไม่ต้องมีคำถามแล้วเพราะเราเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าไปเดินกับคนอื่น ซึ่งไม่ใช่คุณแพรวเดี๋ยวจะอัพเดตให้ฟัง
ทั้งนี้ นักแสดงหนุ่มเผยถึงโอกาสจะกลับมาคืนดีกันว่ายังไม่รู้จะกลับมาคืนดีกันไหม ตนไม่ทราบ แต่เราไม่ได้เลิกกันด้วยความแค้นจนกลับมาไม่ได้ เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและทำกิจกรรมร่วมกันกับลูก เรื่องอนาคตก็ยังไม่แน่นอน ถามว่ามีสิทธิ์กลับมาได้ไหมก็มีสิทธิ์ แต่ตอนนี้สัมพันธภาพคือเป็นอิสระต่อกัน เป็นเพื่อนกัน และยังจ่ายเวลาให้กับครอบครัวได้ไม่ต่างจากเดิม ยังไปไหนด้วยกันได้ไม่มีปัญหาอะไรเลย ส่วนความรู้สึกตอนนี้ดีจริงๆ มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่อยู่ดีๆมาตกใจ มันก็มีการตื่นตัวกันมาแล้ว เหมือนทำใจกันมาแล้วในระยะหนึ่ง ก็พยายามปรับกันมาเรื่อยๆ ซึ่งคนรอบข้างก็ให้กำลังใจครอบครัวมาตลอด ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆ พอได้กำลังใจก็รู้สึกดีขึ้น อะไรที่ตนตัดสินใจแล้วมันดีขึ้นก็จะทำ อย่างเช่นการตัดสินใจครั้งนี้ที่ทำแล้วทุกอย่างมันดีขึ้น ส่วนในอนาคตโอกาสกลับมาก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้ปิดกั้น และยอมรับว่ารู้สึกเสียดายที่จบกันแบบนี้ แต่เราทั้งสองก็มีช่วงเวลาที่สุดยอดมาหลายปี มันคือช่วงเวลาที่ดี ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ตัดสินใจถึงขั้นแต่งงาน เราสองคนเคยมีช่วงเวลาที่ดีมากๆ
สำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ชีวิตคู่ของปิ๊บ-รวิชญ์ และแพรว-ดร.ดาริกา ทั้งคู่ได้เข้าพิธีหมั้นเป็นการส่วนตัวเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2546 และเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 5 ส.ค.2546 ก่อน จะจัดพิธีฉลองสมรสพระราชทาน ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2546 โดยใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 9 ปี และมีลูก 2 คน คือ น้องพิพ วัย 7 ขวบ และน้องเพพพิน วัย 4 ขวบ ก่อนที่จะตัดสินใจปิดฉากชีวิตคู่และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ทั้งนี้ แพรว-ดร.ดาริกา ลัทธพิพัทธ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายการเงินและฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นบุตรสาวของนายดำรง ลัทธพิพัฒน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับนางสมศรี ลัทธพิพัฒน์ เริ่มต้นคบหาดูใจกันกับ ปิ๊บ-รวิชญ์ ในฐานะเพื่อนโดยการแนะนำให้รู้จักจากคุณแม่ทั้ง 2 ฝ่ายที่เป็นเพื่อนเรียนจบมาจากที่เดียวกันแต่ปิ๊บและแพรวมาสานสัมพันธ์จริงจังกันในงานปาร์ตี้บ้านเพื่อน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายเดินหน้าจีบก่อน
โดย: ทีมข่าวหน้า 1
2 มิถุนายน 2556, 09:00 น.
http://www.thairath.co.th/content/ent/348514