แนวคิดที่ว่าพ่อแม่ที่เปิดทางเลือกให้ลูกตั้งแต่เด็ก ๆ จะช่วยให้ลูกมองเห็นโอกาสและพัฒนาความสามารถในการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูเด็กหลายคนสนับสนุน เนื่องจากการให้เด็กได้ฝึกฝนการเลือกและตัดสินใจตั้งแต่ยังเล็ก จะส่งผลดีต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ความคิด และการแก้ปัญหาในระยะยาว
เหตุผลทางจิตวิทยาที่สนับสนุนแนวคิดนี้
1. การพัฒนาความมั่นใจในตนเอง
เมื่อเด็กได้รับโอกาสให้เลือกเอง เช่น เลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ เลือกกิจกรรมที่อยากทำ หรือแม้กระทั่งเลือกวิธีแก้ไขปัญหาในสถานการณ์เล็ก ๆ เด็กจะเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตัวเอง การได้รับโอกาสตัดสินใจเหล่านี้จะสร้าง “sense of agency” หรือความรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจในการควบคุมชีวิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงทางอารมณ์ในอนาคต
2. การฝึกฝนทักษะการตัดสินใจ
การเลือกเองตั้งแต่เด็กช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และพิจารณาผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้น ๆ แม้ว่าในตอนแรกเด็กอาจจะทำผิดพลาด แต่ความผิดพลาดเหล่านี้จะกลายเป็นบทเรียนที่ทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างมีสติและรอบคอบ
3. การมองเห็นโอกาส
เด็กที่ได้รับการสนับสนุนให้ลองผิดลองถูกและสำรวจสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง จะมีความสามารถในการมองหาโอกาสใหม่ ๆ มากกว่าเด็กที่ถูกบังคับให้ทำตามกรอบตลอดเวลา เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับการมองหาวิธีแก้ไขปัญหาและประเมินสถานการณ์รอบตัว
4. การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
เมื่อเด็กมีอิสระในการเลือกสิ่งที่ตนเองสนใจ หรือได้ลองทำในสิ่งที่หลากหลาย จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาเกิดความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดนอกกรอบ และมองเห็นโอกาสในมุมมองที่แตกต่างจากผู้อื่น
5. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่
พ่อแม่ที่เปิดใจรับฟังและให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ จะสร้างความรู้สึกไว้วางใจในครอบครัว เด็กจะรู้สึกว่าความคิดของพวกเขามีคุณค่า และกล้าที่จะพูดคุยหรือปรึกษาปัญหากับพ่อแม่เมื่อต้องการคำแนะนำ
ตัวอย่างแนวทางในการเปิดทางเลือกให้ลูก
1. ตั้งคำถามแทนการบอกคำตอบ
แทนที่จะสั่งหรือบอกลูกว่าต้องทำอะไร ให้ลองถามคำถาม เช่น
• “ลูกคิดว่าอยากทำอะไรในสถานการณ์นี้?”
• “ถ้าลูกเลือกทางนี้ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?”
2. กำหนดกรอบอย่างยืดหยุ่น
การเปิดทางเลือกไม่ได้หมายถึงการปล่อยให้เด็กเลือกทุกอย่างโดยไม่มีขอบเขต พ่อแม่ควรกำหนดกรอบเล็ก ๆ เพื่อให้เด็กได้เลือกในพื้นที่ปลอดภัย เช่น
• “วันนี้ลูกอยากใส่เสื้อสีแดงหรือสีฟ้า?”
• “อยากกินผลไม้ก่อนหรือหลังทำการบ้าน?”
3. ให้กำลังใจและชื่นชมความพยายาม
ไม่ว่าผลลัพธ์ของการตัดสินใจจะออกมาดีหรือไม่ พ่อแม่ควรให้กำลังใจและแสดงความชื่นชมในความกล้าที่ลูกเลือกเอง เช่น
• “แม่ภูมิใจที่ลูกลองตัดสินใจด้วยตัวเองนะ”
• “ไม่เป็นไรนะ ครั้งหน้าลูกอาจจะเจอวิธีที่ดีกว่านี้”
4. ฝึกให้ลูกประเมินตัวเลือก
ช่วยให้ลูกมองเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของทางเลือกต่าง ๆ โดยการพูดคุยอย่างเปิดเผย เช่น
• “ลูกคิดว่าเลือกแบบนี้มีข้อดีอะไรบ้าง?”
• “แล้วถ้าลูกเลือกอีกทาง จะมีข้อเสียอะไรที่ควรระวัง?”
ผลลัพธ์ในระยะยาว
เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการตัดสินใจด้วยตนเอง มักจะมีความสามารถในการแก้ปัญหาและมองหาโอกาสในชีวิตได้ดีเมื่อโตขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักความต้องการของตัวเอง กล้ารับผิดชอบต่อการกระทำ และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเปิดทางเลือกให้ลูกจึงไม่ใช่แค่การปล่อยอิสระ แต่เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้พวกเขาเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพในอนาคต
นักวิชาการชี้ ! พ่อแม่ที่ เปิดทางเลือกให้ลูก เลือกเองตั้งแต่เด็กๆ โตมาลูก จะมองเห็นโอกาส ได้เก่งกว่า
เหตุผลทางจิตวิทยาที่สนับสนุนแนวคิดนี้
1. การพัฒนาความมั่นใจในตนเอง
เมื่อเด็กได้รับโอกาสให้เลือกเอง เช่น เลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ เลือกกิจกรรมที่อยากทำ หรือแม้กระทั่งเลือกวิธีแก้ไขปัญหาในสถานการณ์เล็ก ๆ เด็กจะเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตัวเอง การได้รับโอกาสตัดสินใจเหล่านี้จะสร้าง “sense of agency” หรือความรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจในการควบคุมชีวิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงทางอารมณ์ในอนาคต
2. การฝึกฝนทักษะการตัดสินใจ
การเลือกเองตั้งแต่เด็กช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และพิจารณาผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้น ๆ แม้ว่าในตอนแรกเด็กอาจจะทำผิดพลาด แต่ความผิดพลาดเหล่านี้จะกลายเป็นบทเรียนที่ทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างมีสติและรอบคอบ
3. การมองเห็นโอกาส
เด็กที่ได้รับการสนับสนุนให้ลองผิดลองถูกและสำรวจสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง จะมีความสามารถในการมองหาโอกาสใหม่ ๆ มากกว่าเด็กที่ถูกบังคับให้ทำตามกรอบตลอดเวลา เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับการมองหาวิธีแก้ไขปัญหาและประเมินสถานการณ์รอบตัว
4. การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
เมื่อเด็กมีอิสระในการเลือกสิ่งที่ตนเองสนใจ หรือได้ลองทำในสิ่งที่หลากหลาย จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาเกิดความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดนอกกรอบ และมองเห็นโอกาสในมุมมองที่แตกต่างจากผู้อื่น
5. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่
พ่อแม่ที่เปิดใจรับฟังและให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ จะสร้างความรู้สึกไว้วางใจในครอบครัว เด็กจะรู้สึกว่าความคิดของพวกเขามีคุณค่า และกล้าที่จะพูดคุยหรือปรึกษาปัญหากับพ่อแม่เมื่อต้องการคำแนะนำ
ตัวอย่างแนวทางในการเปิดทางเลือกให้ลูก
1. ตั้งคำถามแทนการบอกคำตอบ
แทนที่จะสั่งหรือบอกลูกว่าต้องทำอะไร ให้ลองถามคำถาม เช่น
• “ลูกคิดว่าอยากทำอะไรในสถานการณ์นี้?”
• “ถ้าลูกเลือกทางนี้ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?”
2. กำหนดกรอบอย่างยืดหยุ่น
การเปิดทางเลือกไม่ได้หมายถึงการปล่อยให้เด็กเลือกทุกอย่างโดยไม่มีขอบเขต พ่อแม่ควรกำหนดกรอบเล็ก ๆ เพื่อให้เด็กได้เลือกในพื้นที่ปลอดภัย เช่น
• “วันนี้ลูกอยากใส่เสื้อสีแดงหรือสีฟ้า?”
• “อยากกินผลไม้ก่อนหรือหลังทำการบ้าน?”
3. ให้กำลังใจและชื่นชมความพยายาม
ไม่ว่าผลลัพธ์ของการตัดสินใจจะออกมาดีหรือไม่ พ่อแม่ควรให้กำลังใจและแสดงความชื่นชมในความกล้าที่ลูกเลือกเอง เช่น
• “แม่ภูมิใจที่ลูกลองตัดสินใจด้วยตัวเองนะ”
• “ไม่เป็นไรนะ ครั้งหน้าลูกอาจจะเจอวิธีที่ดีกว่านี้”
4. ฝึกให้ลูกประเมินตัวเลือก
ช่วยให้ลูกมองเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของทางเลือกต่าง ๆ โดยการพูดคุยอย่างเปิดเผย เช่น
• “ลูกคิดว่าเลือกแบบนี้มีข้อดีอะไรบ้าง?”
• “แล้วถ้าลูกเลือกอีกทาง จะมีข้อเสียอะไรที่ควรระวัง?”
ผลลัพธ์ในระยะยาว
เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการตัดสินใจด้วยตนเอง มักจะมีความสามารถในการแก้ปัญหาและมองหาโอกาสในชีวิตได้ดีเมื่อโตขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักความต้องการของตัวเอง กล้ารับผิดชอบต่อการกระทำ และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเปิดทางเลือกให้ลูกจึงไม่ใช่แค่การปล่อยอิสระ แต่เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้พวกเขาเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพในอนาคต