บทที่ 1:
http://ppantip.com/topic/30542140
[เครดิตภาพ:
http://sherylvalentine.blogspot.com/2012/01/course-note-137-contract-for-awakening.html]
หลังจากกลับจากแคสงานวันนั้นแล้ว ผมก็ฟิน เพ้อ เวิ่นเว้อ กับตัวเองอยู่หลายวัน เพราะถึงคันปากลามมายันหู ผมยังไม่สามารถไปเวิ่นเว้อกับใครอื่นได้ เพราะพี่จันทร์ย้ำนักหนาว่าเรื่องนี้ต้องให้ช่องเป็นคนแถลงข่าวเอง เว้นแค่ครอบครัวผมที่พี่จันทร์รีบโทร. ไปบอกป๊ากับแม่ ให้รับทราบและอนุญาตอีกครั้ง
สำหรับแม่ ในฐานะสตรีหมายเลขหนึ่งบ้าน ผู้สนับสนุนและบังคับผมอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ ย่อมชื่นชมยินดีเป็นแน่แท้ที่ลูกชายจะได้เล่นละคร เพราะที่ผ่านๆ มา แค่ผมถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา โน่นนี่กิ๊กๆ ก๊อกๆ รูปเล็กรูปใหญ่ แม้กระทั่งฝากล่อง แม่ผมยังเอาแปะซะเต็มฝาร้าน จนชาวบ้านคิดว่าบ้านผมเปลี่ยนจากขายข้าวสาร มาขายหนังสือแทน
แต่คนที่ผมลุ้นก็คือ ป๊า ผู้ไม่เคยคัดค้าน แต่ก็ไม่เคยสนับสนุนออกนอกหน้า พอรู้ว่าผมจะได้เล่นละครเป็นจริงเป็นจัง ก็พูดประโยคเดียวสั้น
‘จะทำงานทำการจริงจังแล้ว ต้องหัดรับผิดชอบชีวิตตัวเองนะ’ สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความเหมือนกับป๊าจะตัดหางผมปล่อยวัดไงงั้นเลย...เสียวหางวูบๆ เลยเรา...แง๊ววว!!!
ส่วนพี่แข พี่สาวสุดเลิฟของผม พูดห้วน สั้น และได้ใจความยิ่งกว่าป๊า
‘เรียนให้จบสี่ปีอย่าโดด อย่าดร็อป นะแก’ คง character ครูไหวใจร้ายได้อย่างเหนียวแน่นจริงๆ
อ้อๆ ทุกคนที่บ้านน่ะรู้แค่ว่าผมได้เล่นละครนะครับ แต่ผมยังไม่ได้บอกว่าเล่นเรื่องอะไร แล้วก็ยังไม่บอกว่า ผมจะได้เล่นเป็นพระเอก ผมกับพี่จันทร์กะจะ ‘สะใภ้’ คนทั้งทีเดียวตอนแถลงข่าวกับช่องก็นะครับ คิดแล้วอยากเห็นสีหน้าทุกคนจริง จริ๊งงง จะทำสีหน้ายังไงกันนะ ถ้ารู้ว่า ชายเพ้อ อย่างผม จะได้เป็นพระเอกกับเค้าด้วย...กริ๊บกริ้วมั่กๆ
หลังจากวางสายจากที่บ้าน พี่จันทร์ก็รีบทำพิธีเรียกสติผมให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว ให้เตรียมพร้อมที่จะไปเซ็นสัญญาที่ช่องในวันพรุ่งนี้ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดีราคี เอ๊ย!! ราศีของพระเอกหน้าใหม่
และสิ่งที่พี่จันทร์ย้ำนักย้ำหนากับผมก็คือ อ่านสัญญาให้ดี ไม่เข้าใจให้ถาม ข้อไหนคิดว่าทำไม่ได้ให้บอก เพราะถ้าเซ็นแล้วนั่นหมายถึงการยอมรับทุกๆ เงื่อนไขในสัญญา เพราะผมอายุ 20 แล้ว ไม่ต้องมีผู้ปกครองมาเซ็นรับรองในสัญญา พี่จันทร์บอกว่าถึงจะรับปากพ่อมาแล้วว่าจะดูแลผม
แต่ผมก็ควรจะมีส่วนตัดสินใจและ รับผิดชอบชีวิตตัวเองด้วย
รับผิดชอบชีวิตตัวเอง...ประโยคนี้มีคนย้ำถึงสองรอบในเวลาไม่ถึงชั่วโมง...เอริ่มม!! ผมเริ่มรู้สึกมีอาการ Room39 ปนๆ กับชัตเตอร์ รู้สึกหนักๆ ล้าๆ ต้นคอและช่วงบ่าพิก๊ล
ความรับผิดชอบ มันไม่มีตัวตน แต่มันเริ่มมีน้ำหนักให้ผมแบกโดยไม่รู้ตัว...ความรู้สึกแว้บนึงที่ผ่านเข้ามาพร้อมๆ กับคำว่า ความรับผิดชอบ คือ ผมรู้สึกหนาวๆ เยือกๆ เหมือนพกตู้เย็นไว้ในอกยังไงพิกล
นี่ผมกำลังจะก้าวผ่านความเป็นเด็กน้อย ลูกคนเล็กของพ่อแม่ น้องชายคนเดียวของพี่แข ไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้อง รับ-ผิด-ชอบ ตัวเองแล้วเหรอเนี่ย แหมมันก็น่าอกสั่นขวัญแขวนอยู่ไม่น้อยนะ รับทั้งผิด ทั้งชอบ ด้วยตัวเองเนี่ย แต่ก็เอาน่า นี่มันน่าจะเป็นงานชิ้นแรกที่ผมทำให้ป๊ากับแม่ภูมิใจ (ป๊ากับแม่เคยอกหักดังเป๊าะตอนผม Admission ไม่ได้)
คืนนั้นผมจึงเข้านอน...และหลับฝันดี เตรียมพร้อมเป็นพระเอกใหม่อย่างเต็มตัวในวันพรุ่งนี้ Zzzzz
'ซุปตาร์ ไดอารี่......บทที่ 2 พระเอกหน้าใหม่...เซ็นสัญญาแล้วคร้าบบบ
[เครดิตภาพ: http://sherylvalentine.blogspot.com/2012/01/course-note-137-contract-for-awakening.html]
หลังจากกลับจากแคสงานวันนั้นแล้ว ผมก็ฟิน เพ้อ เวิ่นเว้อ กับตัวเองอยู่หลายวัน เพราะถึงคันปากลามมายันหู ผมยังไม่สามารถไปเวิ่นเว้อกับใครอื่นได้ เพราะพี่จันทร์ย้ำนักหนาว่าเรื่องนี้ต้องให้ช่องเป็นคนแถลงข่าวเอง เว้นแค่ครอบครัวผมที่พี่จันทร์รีบโทร. ไปบอกป๊ากับแม่ ให้รับทราบและอนุญาตอีกครั้ง
สำหรับแม่ ในฐานะสตรีหมายเลขหนึ่งบ้าน ผู้สนับสนุนและบังคับผมอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ ย่อมชื่นชมยินดีเป็นแน่แท้ที่ลูกชายจะได้เล่นละคร เพราะที่ผ่านๆ มา แค่ผมถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา โน่นนี่กิ๊กๆ ก๊อกๆ รูปเล็กรูปใหญ่ แม้กระทั่งฝากล่อง แม่ผมยังเอาแปะซะเต็มฝาร้าน จนชาวบ้านคิดว่าบ้านผมเปลี่ยนจากขายข้าวสาร มาขายหนังสือแทน
แต่คนที่ผมลุ้นก็คือ ป๊า ผู้ไม่เคยคัดค้าน แต่ก็ไม่เคยสนับสนุนออกนอกหน้า พอรู้ว่าผมจะได้เล่นละครเป็นจริงเป็นจัง ก็พูดประโยคเดียวสั้น
‘จะทำงานทำการจริงจังแล้ว ต้องหัดรับผิดชอบชีวิตตัวเองนะ’ สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความเหมือนกับป๊าจะตัดหางผมปล่อยวัดไงงั้นเลย...เสียวหางวูบๆ เลยเรา...แง๊ววว!!!
ส่วนพี่แข พี่สาวสุดเลิฟของผม พูดห้วน สั้น และได้ใจความยิ่งกว่าป๊า ‘เรียนให้จบสี่ปีอย่าโดด อย่าดร็อป นะแก’ คง character ครูไหวใจร้ายได้อย่างเหนียวแน่นจริงๆ
อ้อๆ ทุกคนที่บ้านน่ะรู้แค่ว่าผมได้เล่นละครนะครับ แต่ผมยังไม่ได้บอกว่าเล่นเรื่องอะไร แล้วก็ยังไม่บอกว่า ผมจะได้เล่นเป็นพระเอก ผมกับพี่จันทร์กะจะ ‘สะใภ้’ คนทั้งทีเดียวตอนแถลงข่าวกับช่องก็นะครับ คิดแล้วอยากเห็นสีหน้าทุกคนจริง จริ๊งงง จะทำสีหน้ายังไงกันนะ ถ้ารู้ว่า ชายเพ้อ อย่างผม จะได้เป็นพระเอกกับเค้าด้วย...กริ๊บกริ้วมั่กๆ
หลังจากวางสายจากที่บ้าน พี่จันทร์ก็รีบทำพิธีเรียกสติผมให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว ให้เตรียมพร้อมที่จะไปเซ็นสัญญาที่ช่องในวันพรุ่งนี้ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดีราคี เอ๊ย!! ราศีของพระเอกหน้าใหม่
และสิ่งที่พี่จันทร์ย้ำนักย้ำหนากับผมก็คือ อ่านสัญญาให้ดี ไม่เข้าใจให้ถาม ข้อไหนคิดว่าทำไม่ได้ให้บอก เพราะถ้าเซ็นแล้วนั่นหมายถึงการยอมรับทุกๆ เงื่อนไขในสัญญา เพราะผมอายุ 20 แล้ว ไม่ต้องมีผู้ปกครองมาเซ็นรับรองในสัญญา พี่จันทร์บอกว่าถึงจะรับปากพ่อมาแล้วว่าจะดูแลผม แต่ผมก็ควรจะมีส่วนตัดสินใจและ รับผิดชอบชีวิตตัวเองด้วย
รับผิดชอบชีวิตตัวเอง...ประโยคนี้มีคนย้ำถึงสองรอบในเวลาไม่ถึงชั่วโมง...เอริ่มม!! ผมเริ่มรู้สึกมีอาการ Room39 ปนๆ กับชัตเตอร์ รู้สึกหนักๆ ล้าๆ ต้นคอและช่วงบ่าพิก๊ล
ความรับผิดชอบ มันไม่มีตัวตน แต่มันเริ่มมีน้ำหนักให้ผมแบกโดยไม่รู้ตัว...ความรู้สึกแว้บนึงที่ผ่านเข้ามาพร้อมๆ กับคำว่า ความรับผิดชอบ คือ ผมรู้สึกหนาวๆ เยือกๆ เหมือนพกตู้เย็นไว้ในอกยังไงพิกล
นี่ผมกำลังจะก้าวผ่านความเป็นเด็กน้อย ลูกคนเล็กของพ่อแม่ น้องชายคนเดียวของพี่แข ไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้อง รับ-ผิด-ชอบ ตัวเองแล้วเหรอเนี่ย แหมมันก็น่าอกสั่นขวัญแขวนอยู่ไม่น้อยนะ รับทั้งผิด ทั้งชอบ ด้วยตัวเองเนี่ย แต่ก็เอาน่า นี่มันน่าจะเป็นงานชิ้นแรกที่ผมทำให้ป๊ากับแม่ภูมิใจ (ป๊ากับแม่เคยอกหักดังเป๊าะตอนผม Admission ไม่ได้)
คืนนั้นผมจึงเข้านอน...และหลับฝันดี เตรียมพร้อมเป็นพระเอกใหม่อย่างเต็มตัวในวันพรุ่งนี้ Zzzzz