หากการปล่อยข่าว หึ่ง ! ปลด ผบ.ทบ.เป็นเรื่องครึกโครมอย่างมาก การพบระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ ผบ.เหล่าทัพ
ก็เป็นเรื่อง "ใหญ่"
เป็น ผบ.เหล่าทัพที่เรียงตั้งแต่ ผบ.ทหารบก ผบ.ทหารเรือ ผบ.ทหารอากาศ ครบถ้วนและคึกคักอย่างยิ่ง
ที่สำคัญ ยังมีคำยืนยันจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
"บรรยากาศดี คุยกันสนุกสนาน มีการหยอกเย้ากันบ้าง ทาง ผบ.ทบ.ก็รับปากในที่ประชุมว่าจะไม่มีการทำรัฐประหาร
เพราะทหารทำตามหน้าที่ในระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ท่านนายกฯได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจ"
แม้ ณ วันนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา จะอยู่ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แต่ก่อนหน้านี้คือรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหม
ก่อนเกษียณจากราชการก็เป็น "ปลัดกระทรวงกลาโหม"
จึงไม่เพียงแต่การปล่อยข่าวในลักษณะ หึ่ง ! ปลด ผบ.ทบ.จะสะท้อนอุณหภูมิจากบางด้านของสังคมไทย
หากแต่การพบและหารือนอกรอบระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ผบ.เหล่าทัพก็สำคัญ
สำคัญต่อการเมือง "ไทย"
ไม่สงสัยกันบ้างหรือต่อการเคลื่อนขบวนของ "ม็อบ" แนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดินในนามกลุ่ม
"ธรรมาธิปไตย"
ม็อบนี้ย้ายจากลำตะคองมายัง กทม.
คล้ายกับเป้าหมายจะอยู่ที่สนามไชยใกล้กับวังสราญรมย์ แต่พอถึงวันที่ 7 พฤษภาคม ก็เข้ายึดท้องสนามหลวง
ไม่สนใจต่อคำสั่งของ กทม.
ไม่สนใจต่องานพระราชพิธีแรกนาขวัญจรดพระนังคัล ไม่สนใจต่อการจัดนิทรรศการเนื่องในวันวิสาขบูชา
กำลังหลักของม็อบสวมหมวก "ดาวแดง"
เมื่อแรกที่เคลื่อนจากหาดวังมัจฉา ลำตะคอง ก็เดินทางไปโบกธงบริเวณทำเนียบองคมนตรีแล้วจึงเข้าไปยังสนามไชย
แล้วปักหลัก "ท้องสนามหลวง"
จากวันที่ 7 พฤษภาคม เรื่อยมาจนถึงปลายเดือนและมีแนวโน้มว่าจะต่อยาวไปถึงเดือนมิถุนายน
โดยที่ กทม.ไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำสั่งอันเคยขึงขังในกาลอดีต ถามว่ากำลังหลักที่หนุน
เสริมม็อบเหล่านี้มาอย่างไร
กำลังใจและกำลัง "เงิน"
การดำรงอยู่ของม็อบท้องสนามหลวงคล้ายกับจะรอคอยผลการวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเดือนตุลาคม
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ
นี่เหมือนกับเป็นการย้อนกลับไปยังการชุมนุมในลักษณะเดียวกันในห้วงเดือนตุลาคมของปี 2548
เพียงแต่ข้อเรียกร้องตอนนั้นคือ "ถวายคืนพระราชอำนาจ"
หลังจากชุมนุมแล้วจุดไม่ติดแกนนำการชุมนุมส่วนหนึ่งเดินทางไปสนทนาธรรมกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์
นั่นเป็นสถานการณ์หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์
การหวนคืนท้องสนามหลวงอีกครั้งภายใต้นามแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดินประสานเข้ากับ
กลุ่มธรรมาธิปไตย สวมหมวก "ดาวแดง" จึงดำเนินไปในลักษณะของการรอคอยสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
สถานการณ์การปล่อยข่าว หึ่ง ! ปลด ผบ.ทบ.
สถานการณ์การขับเคลื่อนต่อต้านทุกเรื่อง ขวางทุกเม็ด ทุกประเด็น มิให้รัฐบาลสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ตามปกติ
หวังปาฏิหาริย์เหมือนปี 2549 และปี 2551
การนัดหารือนอกรอบระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ผบ.เหล่าทัพจึงเป็นความจำเป็นและเหมาะสม
1 เพื่อสยบข่าวลือในลักษณะ "เสี้ยม" 1 เพื่อร่วมกันติดตามกับการสร้างสถานการณ์ในแบบขว้างระเบิด
โยนลูกเปตองเข้าใส่ "ไทยรัฐ"
เสริมแกน "ความมั่นคง"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369809486&grpid=&catid=01&subcatid=0100
แล้วจะใช้มุขไหนต่อ ดีล่ะ ...ถ้าวันนี้ ตะหานไม่ช่วยซะแล้ว ...
อ้อ ...ลืมไป ศาล...ไง ยุบให้หมดไปเลย เหลือ ปชป.พรรคเดียว
สำเร็จ ... แน่นอน คราวนี้ อยู่ยาว ไม่ต้องปฏิรูปด้วย ....
ร่วมด้วยช่วยกัน ร้อง ทั้ง พธม. ทั้งปชป. เป้าหมายเดียวกัน ...
สำเร็จ ...แน่นอน .... 2 คำร้อง ...ศาลเพิกเฉยได้ยังไง.......
ทหาร รัฐบาล เอกภาพ เสถียรภาพ เผชิญแรงป่วน ...... วิเคราะห์ ...มติชนออนไลน์ อย่าลืม ...ตลก.ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ....
ก็เป็นเรื่อง "ใหญ่"
เป็น ผบ.เหล่าทัพที่เรียงตั้งแต่ ผบ.ทหารบก ผบ.ทหารเรือ ผบ.ทหารอากาศ ครบถ้วนและคึกคักอย่างยิ่ง
ที่สำคัญ ยังมีคำยืนยันจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
"บรรยากาศดี คุยกันสนุกสนาน มีการหยอกเย้ากันบ้าง ทาง ผบ.ทบ.ก็รับปากในที่ประชุมว่าจะไม่มีการทำรัฐประหาร
เพราะทหารทำตามหน้าที่ในระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ท่านนายกฯได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจ"
แม้ ณ วันนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา จะอยู่ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แต่ก่อนหน้านี้คือรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหม
ก่อนเกษียณจากราชการก็เป็น "ปลัดกระทรวงกลาโหม"
จึงไม่เพียงแต่การปล่อยข่าวในลักษณะ หึ่ง ! ปลด ผบ.ทบ.จะสะท้อนอุณหภูมิจากบางด้านของสังคมไทย
หากแต่การพบและหารือนอกรอบระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ผบ.เหล่าทัพก็สำคัญ
สำคัญต่อการเมือง "ไทย"
ไม่สงสัยกันบ้างหรือต่อการเคลื่อนขบวนของ "ม็อบ" แนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดินในนามกลุ่ม
"ธรรมาธิปไตย"
ม็อบนี้ย้ายจากลำตะคองมายัง กทม.
คล้ายกับเป้าหมายจะอยู่ที่สนามไชยใกล้กับวังสราญรมย์ แต่พอถึงวันที่ 7 พฤษภาคม ก็เข้ายึดท้องสนามหลวง
ไม่สนใจต่อคำสั่งของ กทม.
ไม่สนใจต่องานพระราชพิธีแรกนาขวัญจรดพระนังคัล ไม่สนใจต่อการจัดนิทรรศการเนื่องในวันวิสาขบูชา
กำลังหลักของม็อบสวมหมวก "ดาวแดง"
เมื่อแรกที่เคลื่อนจากหาดวังมัจฉา ลำตะคอง ก็เดินทางไปโบกธงบริเวณทำเนียบองคมนตรีแล้วจึงเข้าไปยังสนามไชย
แล้วปักหลัก "ท้องสนามหลวง"
จากวันที่ 7 พฤษภาคม เรื่อยมาจนถึงปลายเดือนและมีแนวโน้มว่าจะต่อยาวไปถึงเดือนมิถุนายน
โดยที่ กทม.ไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำสั่งอันเคยขึงขังในกาลอดีต ถามว่ากำลังหลักที่หนุน
เสริมม็อบเหล่านี้มาอย่างไร
กำลังใจและกำลัง "เงิน"
การดำรงอยู่ของม็อบท้องสนามหลวงคล้ายกับจะรอคอยผลการวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเดือนตุลาคม
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ
นี่เหมือนกับเป็นการย้อนกลับไปยังการชุมนุมในลักษณะเดียวกันในห้วงเดือนตุลาคมของปี 2548
เพียงแต่ข้อเรียกร้องตอนนั้นคือ "ถวายคืนพระราชอำนาจ"
หลังจากชุมนุมแล้วจุดไม่ติดแกนนำการชุมนุมส่วนหนึ่งเดินทางไปสนทนาธรรมกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์
นั่นเป็นสถานการณ์หลังการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์
การหวนคืนท้องสนามหลวงอีกครั้งภายใต้นามแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดินประสานเข้ากับ
กลุ่มธรรมาธิปไตย สวมหมวก "ดาวแดง" จึงดำเนินไปในลักษณะของการรอคอยสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
สถานการณ์การปล่อยข่าว หึ่ง ! ปลด ผบ.ทบ.
สถานการณ์การขับเคลื่อนต่อต้านทุกเรื่อง ขวางทุกเม็ด ทุกประเด็น มิให้รัฐบาลสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ตามปกติ
หวังปาฏิหาริย์เหมือนปี 2549 และปี 2551
การนัดหารือนอกรอบระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ผบ.เหล่าทัพจึงเป็นความจำเป็นและเหมาะสม
1 เพื่อสยบข่าวลือในลักษณะ "เสี้ยม" 1 เพื่อร่วมกันติดตามกับการสร้างสถานการณ์ในแบบขว้างระเบิด
โยนลูกเปตองเข้าใส่ "ไทยรัฐ"
เสริมแกน "ความมั่นคง"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1369809486&grpid=&catid=01&subcatid=0100
แล้วจะใช้มุขไหนต่อ ดีล่ะ ...ถ้าวันนี้ ตะหานไม่ช่วยซะแล้ว ...
อ้อ ...ลืมไป ศาล...ไง ยุบให้หมดไปเลย เหลือ ปชป.พรรคเดียว
สำเร็จ ... แน่นอน คราวนี้ อยู่ยาว ไม่ต้องปฏิรูปด้วย ....
ร่วมด้วยช่วยกัน ร้อง ทั้ง พธม. ทั้งปชป. เป้าหมายเดียวกัน ...
สำเร็จ ...แน่นอน .... 2 คำร้อง ...ศาลเพิกเฉยได้ยังไง.......