ตำนานเมืองละโว้ เริ่มต้นด้วยเขาสมอคอน
ข้าพเจ้าต้องการเริ่มงานเขียนเกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษ และครั้งนี้ที่ต้องการเขียนบทความพร้อม
ภาพถ่ายนี้ เจตนาเพื่อจรรโลงพุทธศาสนา แม้ระยะหลังข่าวคราวที่ไม่ดีเกี่ยวกับสงฆ์นั้นมากมาย
แต่นั้นคือปัจจัยของบุคคล ตามพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าที่ว่า
"กัมมุนา วัตตติ โลโก"สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมพระพุทธศาสนาถือว่า สัตว์ทั้งหลายจะดีหรือชั่วย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเอง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับผู้อื่น หรือขึ้นอยู่กับวงศ์ตระกูล เพราะการทำดีทำชั่วต้องทำด้วยตนเอง ไม่ใช่มีผู้อื่นมาทำให้ได้ เหตุนี้สัตว์ทั้งหลายจึงมีกรรมเป็นของตน เรียกว่า...
กมฺมสฺสโกมฺหิ เมื่อทำกรรมไว้อย่างไร ก็ต้องรับผลของกรรมนั้นตามที่ทำไว้
กมฺมทายาโท คือเป็นทายาทของกรรมที่ทำแล้ว จึงจำแนกสัตว์ให้ไปเกิดในที่ต่างๆกัน
กมฺมโยนิ คือมีกรรมเป็นกำเนิด และกรรมที่ทำแล้วยังจะติดตามไปทุกหนทุกแห่ง จะไม่สูญหายไปใหน
กมฺมพนฺธู คือมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ แม้พ่อ-แม่ญาติพี่น้อง ก็ไม่ชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์วงศ์ญาติที่แท้จริง คือชาตินี้เป็นญาติกัน แต่พอตายแล้วก็แยกย้ายกันไป แต่ส่วนกรรมที่ทำแล้วย่อมจะติดตามตนไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน
ฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเกี่ยวกับสงฆ์ ขอเพียงเราเป็นชาวพุทธที่ดี มีศีล๕ บริสุทธิ์
จิตดีคิดดีทำดี และมีสติกับสมาธิ ปัจจัยต่างๆก็จะเกื้อหนุนเราไปในทางที่ดีเอง ไม่จำเป็นอย่าจับผิดใคร แม้แต่ตำหนิพระสงฆ์ก็เป็นบาปหรือแม้แต่เณร เพราะมีศีลมากกว่าเรานั้นเอง หารู้ไม่ว่าจะติดบ่วงกรรมหนักโดยไม่รู้ตัว
ในฐานะที่ที่รู้สึกผูกพันธ์อยู่ที่ลพบุรีมานานเกือบ 10 ปี
ตอนมาอยู่ลพบุรีใหม่ๆ มีเรื่องราวแปลกๆขึ้นมากมายเกี่ยวกับตัวข้าพเจ้าเกี่ยวกับเรื่องเหนือมิติ
แต่ในที่นี้ไม่ขอกล่าวถึง เพราะผิดวัตถุประสงค์ในเจตนาที่จะเขียนถึงเกี่ยวกับบทความนี้
เจตนานั้นข้าพเจ้าตั้งใจสื่อถึงในแนวทางที่ว่า ต้องการสืบสานให้พระพุทธศาสนา
เสื่อมถอยน้อยลง ชุมชนยังรักวัด และชื่นชอบทำบุญ ใส่บาตรพระ และทำบุญถวายปัจจัยวัด
ในสิ่งที่วัดขาดแคลน ไม่ให้ไปเดินเรี่ยไรกันเอง
ทั้งวัดและชุมชนเป็นศูนย์รวมจิตใจซึ่งกันและกัน มีน้อยทำน้อยตามปัจจัยที่มี
ทำแล้วครอบครัวหรือตัวเองไม่เดือดร้อนหรือไม่มีเงินปัจจัย ก็อาจออกแรงออกปัญญา
ช่วยเหลือวัดใด้ในแต่ละวัดท้องถิ่นนั้นๆ
วัดเขาสมอคอน ขอเริ่มที่นี่เป็นที่แรกเลยแล้วกัน เพราะถือว่าข้าพเจ้ามาทำอาชีพคลุกคลีกับชุมชนที่นี่มานานหลายปี
จนปัจจุบันไม่ใด้เข้าไปแล้ว ชุมชนที่นี่น่ารักเป็นกันเองทุกคน และดินแดนนี้ มีตำนานลี้ลับจริงๆ
เขาสมอคอนนี้ตั้งอยู่ในเขตท้องที่อำเภอท่าวุ้ง (อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองลพบุรี)
เป็นภูเขาเตี้ย ๆ มีหลายลูกไม่ติดกันเป็นเทือกเดียว และตั้งอยู่กลางทุ่งซึ่งเป็นที่ราบลุ่ม
การเดินทางไปมาสะดวก หากเป็นรถประจำตัวจะสะดวกกว่า ซึ่งชาวลพบุรีชอบไปพักผ่อนหย่อนใจ
ในวันหยุด เพราะที่นั่นจะมีถ้ำหลายถ้ำเช่น ถ้ำช้างเผือก ถ้ำตะโก ถ้ำเขาสมอคอน และมีวัด 2-3 วัด
นอกจากนั้นยังเป็นพื้นที่ที่มีลิงป่าอาศัยอยู่มากมาย เนื่องจากเขาสมอคอนมีความแปลกประหลาด
คือมีเขาหลายลูกแต่ไปอยู่กลางที่ราบลุ่ม จึงมีตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมา ซึ่งก็มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ
รามเกียรติ์อีกเช่นกัน แต่เล่าแตกต่างกันไป
พวกหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระรามทรงกริ้วทศกัณฐ์มาก ทรงขว้างจักรจากทะเลชุบศร หวังจะให้ทศกัณฐ์แหลกลาญ แต่เผอิญจักรนั้นได้เฉี่ยวยอดเขาสูงลูกหนึ่ง เศษหินที่ถูกอำนาจจักรกระเด็นไปนั้นก็คือ หมู่เขาสมอคอนนั่นเอง ส่วนยอดเขาที่ถูกเฉี่ยวแหว่งไปนั้น ชาวเมืองต่างพากันเรียกว่าเขาช่องลพ (ปัจจุบันอยู่ในตำบลโคกกระเทียม อำเภอเมือง)
ส่วนอีกพวกหนึ่งเล่าว่า เมื่อครั้งพระลักษณ์ต้องหอกโมกศักดิ์ของกุมภกัณฐ์ สิ้นสติสมปดีรอเวลาทิวงคต ถ้าไม่มีใครแก้ให้ฟื้นทันพระอาทิตย์ขึ้น หนุมานทหารเอกของพระรามจึงได้ขันอาสาจะไปหายาวิเศษอันมีชื่อว่า "ต้นสังกรณีตรีชะวา" ที่เขาสรรพยา (ปัจจุบันอยู่ที่จังหวัดชัยนาท) มาฝนทาที่หอกที่ปักอยู่จึงจะหลุด หนุมานไปหาต้นสังกรณีตรีชะวาไม่พบเพราะเป็นเวลามืด เกรงว่าจะรุ่งสางเสียก่อนจึงได้คอนเอาภูเขามาทั้งลูก เผอิญเหาะผ่านมาทางเมืองลพบุรีซึ่งไฟกำลังลุกไหม้ตั้งแต่ครั้งที่หนุมานเอาหางกวาดเมือง แสงสว่างจากไฟทำให้มองเห็นต้นสังกรณีตรีชะวา หนุมานจึงถอนเอาแต่ต้นสังกรณีตรีชะวาไป และทิ้งภูเขาที่คอนมาลงกลางทุ่งทะเลเพลิง ภูเขาที่ทิ้งลงมาได้ถูกไฟเผากลายเป็นหินสีขาวและมีชื่อเรียกว่า "เขาสมอคอน" ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี
วัดเขาสมอคอนตั้งอยู่บนเทือกเขาสมอคอน เป็นวัดเก่าแก่มีหลักฐานมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
มีเจดีย์ทรงลังกาย่อมุมสิบสอง ที่ฐานบัวกลุ่มรองรับองค์ระฆัง เป็นเจดีย์แบบนิยมของสมัยอยุธยามาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
มีโบสถ์และมณฑปที่สวยงาม
สำหรับการเดินทางแนะนำให้มารถส่วนตัวและมากับครอบครัวหรือหมู่คณะก็ดีครับ จะได้ไม่เหงา
ถ้ามาจากกรุงเทพมาตามถนนสายเอเชียจนถึงทางแยกเข้าสิงห์บุรี ก็เลี้ยวขวามาทางลพบุรี จนถึงสามแยกบางงา
แล้วเลี้ยวซ้ายมาจนผ่านวัดไลย์มา แล้วขับตรงมาข้ามสะพานท่าโขลง(คลองบางขาม)
พอถึงป้อมตำรวจทางซ้ายมือหลังจากข้ามผ่านสะพานมาก็เลี้ยวขวาเข้าซอยเล็กประมาณรถสวนกัน
ปากซอยจะตรงข้ามกับป้อมตำรวจพอดี แล้วทีนี้ก็ขับตรงมาเรื่อยๆ จะผ่านหลายวัด
ทั้งวัดบรรไดสามแสน ,วัดถ้ำตะโกพุททธโสภา,วัดถ้ำช้างเผือก....จนถึงวัดเขาสมอคอน.
อ้างอิงหนังสือ 'เพื่อความเข้าใจในแผ่นดิน ลพบุรี' สำนักพิมพ์สารคดี; มกราคม 2542
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2554 ที่น้ำท่วมลพบุรีอย่างมาก
เคยท่วมครั้งสุดท้ายปี 2538 แต่สอบถามชาวบ้านที่นี่แล้ว ครั้งนี้(ปี2554) ถือว่าหนักสุด
จนเหมือนฝันร้ายที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ไปตามวัฎจักรของมัน ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
ในโลกนี้ไม่มีอะไรคงทนอยู่ในสภาวะนั้นตลอด สำหรับภาพด้านล่างนี้เป็นภาพถ่ายมุมสูงจาก
เครื่องบินของ สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ขอขอบคุณที่เอื้อเฟื้อภาพเพื่ออ้างอิงนี้
ในภาพจะมองดูเห็นวัดเขาสมอคอนเล็กๆเหมือนเกาะ ตอนนั้นชาวบ้านหนีตายไปอยู่บนวัดหมด
เพราะข้างล่างท่วมหมด อยูไม่ใด้เลย และสภาพน้ำที่พัดมารุนแรงจนทำให้ชาวบ้านบ้านพังไปหลายหลัง
ว่าแล้วเราก็เข้าวัดกันเลยครับ ทันทีที่เริ่มผ่านขึ้นมาจนถึงทางขึ้น เราจะเห็นเอกลักษณ์ของที่นี่ในตอนเริ่มขึ้นคือ
ท่านหนุมานแบกภูเขาอยู่
ขับรถขึ้นมาจอดรถที่ด้านบนได้จะมีเนินให้จอดอยู่ แล้วทีนี้ระหว่างทางเดินก็จะเจอกับโบสถ์ของวัดซึ่งกำลังก่อสร้างบรูณะอยู่
และศูนย์วิทยุชุมชนทางซ้ายมือพร้อมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังตามภาพบรรยายต่อไปนี้
พอขึ้นมาที่นี่เราก็ต้องมาเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัตถุมงคลหายากมากและมีราคาแพงของ
หลวงพ่อบุญมี อิสโร และร่างกายอัฐิของท่านบรรจุใว้อยู่ในโลงแก้วไม่เน่าไม่เปื่อยครับ
ขอนำประวัติของหลวงพ่อบุญมี อิสโร ลงใว้คร่าวๆนะครับ
เผื่อใครยังไม่ทราบประวัติก็จะได้อ่านที่นี่เลยไม่ต้องไปหาเพิ่มตรงไหนอีก
ข้อมูลประวัติ
เกิด วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2442 ตรงกับขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน
เป็นบุตรของผู้ใหญ่ต้น กับ นางทองม้วน จันทร์แจ่ม
อุปสมบท อายุ 21 ปี ตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม 2463 ณ พัทธสีมาวัดมุจลินทร์
มรณภาพ 6 ตุลาคม 2524
รวมสิริอายุ 84 ปี 61 พรรษา
พระครูอาทรสิกขกิจ (หลวงพ่อบุญมี อิสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี
เดิมชื่อ บุญมี จันทร์แจ่ม เกิดที่บ้านเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๒ (ตรงแรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน) บิดาชื่อ ผู้ใหญ่ต้น มารดาชื่อ นางทองม้วน มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๖ คน หลวงพ่อบุญมีเป็นบุตรคนที่ ๒ ปฐมวัย บิดาและมารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือและอักขระขอมกับ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง วัดเขาสมอคอน ซึ่งเป็นสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม
ต่อมา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ได้บวชให้เป็นสามเณร และให้อยู่รับใช้อย่างใกล้ชิด โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ รวมทั้งได้ติดตามหลวงพ่อออกธุดงค์ เพื่อแสวงหาความสงบ และเจริญสมาธิอยู่เป็นประจำ
เมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมุจรินทร์ ต.โคกสลุด อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๔๖๓ โดยมี พระครูสังวรโสภณ (หลวงพ่อสาย) วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผ่อง วัดมุจรินทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการแขก วัดหนองมนต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อิสโร"
หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อบุญมี ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสมอคอน เพื่อปฏิบัติกิจตามหน้าที่ของศิษย์ ที่มีต่อพระอาจารย์ คือ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ด้วยความเคารพยิ่ง ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัติและปฏิปทาจากหลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋งไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
หลวงพ่อบุญมี บวชได้ ๕ พรรษา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ก็ได้มรณภาพลง หลวงพ่อบุญมี จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา หลังจากนั้น หลวงพ่อบุญมี ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ เพิ่มเติมกับ หลวงพ่อสาย วัดเสือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน และยังได้ไปศึกษากับหลวงพ่ออุปัชฌาย์วัดบาง ซึ่งเป็นศิษย์ผู้พี่ จากนั้นได้ศึกษาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อแขก วัดหนองมนต์ ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน
ส่วนอาจารย์ที่เป็นสายฆราวาส หลวงพ่อบุญมีได้ศึกษากับ ผู้ใหญ่บุญรอด จันทร์แจ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของท่านเอง เรื่องของ วัตถุมงคลหลวงพ่อบุญมี ท่านได้สร้างเอาไว้หลายอย่าง ซึ่งล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้น คนที่มีอยู่มักจะหวงแหนกันมาก จึงไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก นอกจากลูกศิษย์สายตรงของหลวงพ่อเท่านั้น ขอจบประวัติย่อๆเพียงเท่านี้ ส่วนหรือวัตถุมงคลต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเอานะครับ..
พอไหว้พระหลวงพ่อบุญมีที่โลงแก้วในศาลาแล้ว ทีนี้ข้าพเจ้าจะนำทุกท่านลงไปสู่ถ้าพระนอนกันครับ
ที่หน้าทางลง ถ้ำพระนอน
พอดีหน้าเริ่มหมด ต้องเริ่มใหม่อีกและ
เล่าขานตำนานเมืองละโว้ 1(เขาสมอคอน)
ข้าพเจ้าต้องการเริ่มงานเขียนเกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษ และครั้งนี้ที่ต้องการเขียนบทความพร้อม
ภาพถ่ายนี้ เจตนาเพื่อจรรโลงพุทธศาสนา แม้ระยะหลังข่าวคราวที่ไม่ดีเกี่ยวกับสงฆ์นั้นมากมาย
แต่นั้นคือปัจจัยของบุคคล ตามพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าที่ว่า
"กัมมุนา วัตตติ โลโก"สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมพระพุทธศาสนาถือว่า สัตว์ทั้งหลายจะดีหรือชั่วย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเอง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับผู้อื่น หรือขึ้นอยู่กับวงศ์ตระกูล เพราะการทำดีทำชั่วต้องทำด้วยตนเอง ไม่ใช่มีผู้อื่นมาทำให้ได้ เหตุนี้สัตว์ทั้งหลายจึงมีกรรมเป็นของตน เรียกว่า...
กมฺมสฺสโกมฺหิ เมื่อทำกรรมไว้อย่างไร ก็ต้องรับผลของกรรมนั้นตามที่ทำไว้
กมฺมทายาโท คือเป็นทายาทของกรรมที่ทำแล้ว จึงจำแนกสัตว์ให้ไปเกิดในที่ต่างๆกัน
กมฺมโยนิ คือมีกรรมเป็นกำเนิด และกรรมที่ทำแล้วยังจะติดตามไปทุกหนทุกแห่ง จะไม่สูญหายไปใหน
กมฺมพนฺธู คือมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ แม้พ่อ-แม่ญาติพี่น้อง ก็ไม่ชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์วงศ์ญาติที่แท้จริง คือชาตินี้เป็นญาติกัน แต่พอตายแล้วก็แยกย้ายกันไป แต่ส่วนกรรมที่ทำแล้วย่อมจะติดตามตนไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน
ฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเกี่ยวกับสงฆ์ ขอเพียงเราเป็นชาวพุทธที่ดี มีศีล๕ บริสุทธิ์
จิตดีคิดดีทำดี และมีสติกับสมาธิ ปัจจัยต่างๆก็จะเกื้อหนุนเราไปในทางที่ดีเอง ไม่จำเป็นอย่าจับผิดใคร แม้แต่ตำหนิพระสงฆ์ก็เป็นบาปหรือแม้แต่เณร เพราะมีศีลมากกว่าเรานั้นเอง หารู้ไม่ว่าจะติดบ่วงกรรมหนักโดยไม่รู้ตัว
ในฐานะที่ที่รู้สึกผูกพันธ์อยู่ที่ลพบุรีมานานเกือบ 10 ปี
ตอนมาอยู่ลพบุรีใหม่ๆ มีเรื่องราวแปลกๆขึ้นมากมายเกี่ยวกับตัวข้าพเจ้าเกี่ยวกับเรื่องเหนือมิติ
แต่ในที่นี้ไม่ขอกล่าวถึง เพราะผิดวัตถุประสงค์ในเจตนาที่จะเขียนถึงเกี่ยวกับบทความนี้
เจตนานั้นข้าพเจ้าตั้งใจสื่อถึงในแนวทางที่ว่า ต้องการสืบสานให้พระพุทธศาสนา
เสื่อมถอยน้อยลง ชุมชนยังรักวัด และชื่นชอบทำบุญ ใส่บาตรพระ และทำบุญถวายปัจจัยวัด
ในสิ่งที่วัดขาดแคลน ไม่ให้ไปเดินเรี่ยไรกันเอง
ทั้งวัดและชุมชนเป็นศูนย์รวมจิตใจซึ่งกันและกัน มีน้อยทำน้อยตามปัจจัยที่มี
ทำแล้วครอบครัวหรือตัวเองไม่เดือดร้อนหรือไม่มีเงินปัจจัย ก็อาจออกแรงออกปัญญา
ช่วยเหลือวัดใด้ในแต่ละวัดท้องถิ่นนั้นๆ
วัดเขาสมอคอน ขอเริ่มที่นี่เป็นที่แรกเลยแล้วกัน เพราะถือว่าข้าพเจ้ามาทำอาชีพคลุกคลีกับชุมชนที่นี่มานานหลายปี
จนปัจจุบันไม่ใด้เข้าไปแล้ว ชุมชนที่นี่น่ารักเป็นกันเองทุกคน และดินแดนนี้ มีตำนานลี้ลับจริงๆ
เขาสมอคอนนี้ตั้งอยู่ในเขตท้องที่อำเภอท่าวุ้ง (อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองลพบุรี)
เป็นภูเขาเตี้ย ๆ มีหลายลูกไม่ติดกันเป็นเทือกเดียว และตั้งอยู่กลางทุ่งซึ่งเป็นที่ราบลุ่ม
การเดินทางไปมาสะดวก หากเป็นรถประจำตัวจะสะดวกกว่า ซึ่งชาวลพบุรีชอบไปพักผ่อนหย่อนใจ
ในวันหยุด เพราะที่นั่นจะมีถ้ำหลายถ้ำเช่น ถ้ำช้างเผือก ถ้ำตะโก ถ้ำเขาสมอคอน และมีวัด 2-3 วัด
นอกจากนั้นยังเป็นพื้นที่ที่มีลิงป่าอาศัยอยู่มากมาย เนื่องจากเขาสมอคอนมีความแปลกประหลาด
คือมีเขาหลายลูกแต่ไปอยู่กลางที่ราบลุ่ม จึงมีตำนานที่เล่าต่อ ๆ กันมา ซึ่งก็มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ
รามเกียรติ์อีกเช่นกัน แต่เล่าแตกต่างกันไป
พวกหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระรามทรงกริ้วทศกัณฐ์มาก ทรงขว้างจักรจากทะเลชุบศร หวังจะให้ทศกัณฐ์แหลกลาญ แต่เผอิญจักรนั้นได้เฉี่ยวยอดเขาสูงลูกหนึ่ง เศษหินที่ถูกอำนาจจักรกระเด็นไปนั้นก็คือ หมู่เขาสมอคอนนั่นเอง ส่วนยอดเขาที่ถูกเฉี่ยวแหว่งไปนั้น ชาวเมืองต่างพากันเรียกว่าเขาช่องลพ (ปัจจุบันอยู่ในตำบลโคกกระเทียม อำเภอเมือง)
ส่วนอีกพวกหนึ่งเล่าว่า เมื่อครั้งพระลักษณ์ต้องหอกโมกศักดิ์ของกุมภกัณฐ์ สิ้นสติสมปดีรอเวลาทิวงคต ถ้าไม่มีใครแก้ให้ฟื้นทันพระอาทิตย์ขึ้น หนุมานทหารเอกของพระรามจึงได้ขันอาสาจะไปหายาวิเศษอันมีชื่อว่า "ต้นสังกรณีตรีชะวา" ที่เขาสรรพยา (ปัจจุบันอยู่ที่จังหวัดชัยนาท) มาฝนทาที่หอกที่ปักอยู่จึงจะหลุด หนุมานไปหาต้นสังกรณีตรีชะวาไม่พบเพราะเป็นเวลามืด เกรงว่าจะรุ่งสางเสียก่อนจึงได้คอนเอาภูเขามาทั้งลูก เผอิญเหาะผ่านมาทางเมืองลพบุรีซึ่งไฟกำลังลุกไหม้ตั้งแต่ครั้งที่หนุมานเอาหางกวาดเมือง แสงสว่างจากไฟทำให้มองเห็นต้นสังกรณีตรีชะวา หนุมานจึงถอนเอาแต่ต้นสังกรณีตรีชะวาไป และทิ้งภูเขาที่คอนมาลงกลางทุ่งทะเลเพลิง ภูเขาที่ทิ้งลงมาได้ถูกไฟเผากลายเป็นหินสีขาวและมีชื่อเรียกว่า "เขาสมอคอน" ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี
วัดเขาสมอคอนตั้งอยู่บนเทือกเขาสมอคอน เป็นวัดเก่าแก่มีหลักฐานมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
มีเจดีย์ทรงลังกาย่อมุมสิบสอง ที่ฐานบัวกลุ่มรองรับองค์ระฆัง เป็นเจดีย์แบบนิยมของสมัยอยุธยามาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
มีโบสถ์และมณฑปที่สวยงาม
สำหรับการเดินทางแนะนำให้มารถส่วนตัวและมากับครอบครัวหรือหมู่คณะก็ดีครับ จะได้ไม่เหงา
ถ้ามาจากกรุงเทพมาตามถนนสายเอเชียจนถึงทางแยกเข้าสิงห์บุรี ก็เลี้ยวขวามาทางลพบุรี จนถึงสามแยกบางงา
แล้วเลี้ยวซ้ายมาจนผ่านวัดไลย์มา แล้วขับตรงมาข้ามสะพานท่าโขลง(คลองบางขาม)
พอถึงป้อมตำรวจทางซ้ายมือหลังจากข้ามผ่านสะพานมาก็เลี้ยวขวาเข้าซอยเล็กประมาณรถสวนกัน
ปากซอยจะตรงข้ามกับป้อมตำรวจพอดี แล้วทีนี้ก็ขับตรงมาเรื่อยๆ จะผ่านหลายวัด
ทั้งวัดบรรไดสามแสน ,วัดถ้ำตะโกพุททธโสภา,วัดถ้ำช้างเผือก....จนถึงวัดเขาสมอคอน.
อ้างอิงหนังสือ 'เพื่อความเข้าใจในแผ่นดิน ลพบุรี' สำนักพิมพ์สารคดี; มกราคม 2542
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2554 ที่น้ำท่วมลพบุรีอย่างมาก
เคยท่วมครั้งสุดท้ายปี 2538 แต่สอบถามชาวบ้านที่นี่แล้ว ครั้งนี้(ปี2554) ถือว่าหนักสุด
จนเหมือนฝันร้ายที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ไปตามวัฎจักรของมัน ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
ในโลกนี้ไม่มีอะไรคงทนอยู่ในสภาวะนั้นตลอด สำหรับภาพด้านล่างนี้เป็นภาพถ่ายมุมสูงจาก
เครื่องบินของ สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ขอขอบคุณที่เอื้อเฟื้อภาพเพื่ออ้างอิงนี้
ในภาพจะมองดูเห็นวัดเขาสมอคอนเล็กๆเหมือนเกาะ ตอนนั้นชาวบ้านหนีตายไปอยู่บนวัดหมด
เพราะข้างล่างท่วมหมด อยูไม่ใด้เลย และสภาพน้ำที่พัดมารุนแรงจนทำให้ชาวบ้านบ้านพังไปหลายหลัง
ว่าแล้วเราก็เข้าวัดกันเลยครับ ทันทีที่เริ่มผ่านขึ้นมาจนถึงทางขึ้น เราจะเห็นเอกลักษณ์ของที่นี่ในตอนเริ่มขึ้นคือ
ท่านหนุมานแบกภูเขาอยู่
ขับรถขึ้นมาจอดรถที่ด้านบนได้จะมีเนินให้จอดอยู่ แล้วทีนี้ระหว่างทางเดินก็จะเจอกับโบสถ์ของวัดซึ่งกำลังก่อสร้างบรูณะอยู่
และศูนย์วิทยุชุมชนทางซ้ายมือพร้อมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังตามภาพบรรยายต่อไปนี้
พอขึ้นมาที่นี่เราก็ต้องมาเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัตถุมงคลหายากมากและมีราคาแพงของ
หลวงพ่อบุญมี อิสโร และร่างกายอัฐิของท่านบรรจุใว้อยู่ในโลงแก้วไม่เน่าไม่เปื่อยครับ
ขอนำประวัติของหลวงพ่อบุญมี อิสโร ลงใว้คร่าวๆนะครับ
เผื่อใครยังไม่ทราบประวัติก็จะได้อ่านที่นี่เลยไม่ต้องไปหาเพิ่มตรงไหนอีก
ข้อมูลประวัติ
เกิด วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2442 ตรงกับขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน
เป็นบุตรของผู้ใหญ่ต้น กับ นางทองม้วน จันทร์แจ่ม
อุปสมบท อายุ 21 ปี ตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม 2463 ณ พัทธสีมาวัดมุจลินทร์
มรณภาพ 6 ตุลาคม 2524
รวมสิริอายุ 84 ปี 61 พรรษา
พระครูอาทรสิกขกิจ (หลวงพ่อบุญมี อิสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี
เดิมชื่อ บุญมี จันทร์แจ่ม เกิดที่บ้านเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๒ (ตรงแรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ปีกุน) บิดาชื่อ ผู้ใหญ่ต้น มารดาชื่อ นางทองม้วน มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๖ คน หลวงพ่อบุญมีเป็นบุตรคนที่ ๒ ปฐมวัย บิดาและมารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือและอักขระขอมกับ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง วัดเขาสมอคอน ซึ่งเป็นสำนักศึกษาพระปริยัติธรรม
ต่อมา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ได้บวชให้เป็นสามเณร และให้อยู่รับใช้อย่างใกล้ชิด โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ รวมทั้งได้ติดตามหลวงพ่อออกธุดงค์ เพื่อแสวงหาความสงบ และเจริญสมาธิอยู่เป็นประจำ
เมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมุจรินทร์ ต.โคกสลุด อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๔๖๓ โดยมี พระครูสังวรโสภณ (หลวงพ่อสาย) วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผ่อง วัดมุจรินทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการแขก วัดหนองมนต์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อิสโร"
หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อบุญมี ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสมอคอน เพื่อปฏิบัติกิจตามหน้าที่ของศิษย์ ที่มีต่อพระอาจารย์ คือ หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ด้วยความเคารพยิ่ง ท่านจึงได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัติและปฏิปทาจากหลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋งไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
หลวงพ่อบุญมี บวชได้ ๕ พรรษา หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง ก็ได้มรณภาพลง หลวงพ่อบุญมี จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา หลังจากนั้น หลวงพ่อบุญมี ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ เพิ่มเติมกับ หลวงพ่อสาย วัดเสือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน และยังได้ไปศึกษากับหลวงพ่ออุปัชฌาย์วัดบาง ซึ่งเป็นศิษย์ผู้พี่ จากนั้นได้ศึกษาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อแขก วัดหนองมนต์ ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของท่าน
ส่วนอาจารย์ที่เป็นสายฆราวาส หลวงพ่อบุญมีได้ศึกษากับ ผู้ใหญ่บุญรอด จันทร์แจ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของท่านเอง เรื่องของ วัตถุมงคลหลวงพ่อบุญมี ท่านได้สร้างเอาไว้หลายอย่าง ซึ่งล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้น คนที่มีอยู่มักจะหวงแหนกันมาก จึงไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก นอกจากลูกศิษย์สายตรงของหลวงพ่อเท่านั้น ขอจบประวัติย่อๆเพียงเท่านี้ ส่วนหรือวัตถุมงคลต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเอานะครับ..
พอไหว้พระหลวงพ่อบุญมีที่โลงแก้วในศาลาแล้ว ทีนี้ข้าพเจ้าจะนำทุกท่านลงไปสู่ถ้าพระนอนกันครับ
ที่หน้าทางลง ถ้ำพระนอน
พอดีหน้าเริ่มหมด ต้องเริ่มใหม่อีกและ