Nach dem Spist ist vor dem Spiel

หลังเกมคือก่อนเกม เป็นวาทะที่คุ้นหูในเวทีลูกหนังเมืองเบียร์ ที่มีการมองเกมไปทีละนัด  หลังจากจบเกมนัดหนึ่งก็มองไปยังนัดต่อไป

Nach dem Final ist ver dem Final.

หลังเกมชิงชนะเลิศ  คือ ก่อนเกมชิงชนะเลิศ  ปีนี้คงปรับแต่คำพูดนิดหน่อย เอามาใช้กับบาเยิร์นได้  หลังเกมชิงชนะเลิศ UCL ที่เวมบลีย์ คือ เกมชิงชนะเลิศ เด เอฟ เบ โพคาล ที่เบอร์ลิน ในวันที่ 1 มิ.ย. ที่จะมาถึงนี่



ปีนี้ คาห์นเป็นคอมเมนเตอเตอร์ที่สนาม (จากการถ่ายทอดสดของ ZDF HD)  ผม (ช่อคูณ) พอใจตอนที่จบเกม หลังจากที่ทั้ง โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ และ มานูเอล นอยเออร์ ต่างทำหน้าที่เป็นนายทวารอย่างยอดเยี่ยมนั้น  คาห์นบอกว่า เขามองดูแล้วไม่ห่วงเลยในเรื่องตำแหน่งผู้รักษาประตู เพราะมีคลื่นลูกใหม่ที่มีฝีมือลายมือชั้นยอดตามมาอยู่เรื่อยๆ

ผมตั้งใจฟังการให้สัมภาษณืก่อนเกมที่สนามของ จุปป์ ไฮนเกซ เป็นพิเศษ ด้วยท่าทีที่สุขุมสงบนิ่ง  เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมามากในวัย 68 ปี  ไฮย์เกส เกิดในปี 1945 ที่เมือง Munchen Gladbach  ซึ่งต่อมาในปี 1960 เปลี่ยนชื่อเป็น Munchengladbach ที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน  ผลงานในบุนเดสลีกาปีนี้ของไฮย์เกซ ถือว่าสุดยอด  ทำลายสถิติสารพัดในวาระฉลอง 150 ปี บุนเดสลีกาไปด้วย  แต่เกมชิงชนะเลิศ UCL เป็นเกมเพียงนัดเดียวรู้ผล  แล้วคู่ต่อสู้อย่างดอร์ทมุนด์ไม่ใช่หมูหวาน เป็นคู่แข่งที่สำคัญเคี้ยวยากของบาเยิร์นมา 2-3 ปีแล้ว  นัดนี้ถ้าในเกม 90 นาที 120 นาที หรือ ดวลจุดโทษ  แล้วเสือใต้คว้าถ้วยหูกางไม่สำเร็จ  คงทำให้ผลงานครึ่งซีซั่นหลังที่ทีมแพ้นัดเดียว (อาเซน่อบ 0-2) และเสมอนัดเดียว  (ดอร์มุนด์ 1-1) อาจต้องหมองลงไปก็เป็นได้



ก่อนเกม ไฮย์เกสกล่าวอย่างมั่นใจว่า เขาสามารถถอนรหัสดอร์ทมุนด์ (Dortmund-Code) ได้สำเร็จ  “ผมมั่นใจว่าเราจะเอาชนะดอร์ทมุนด์ได้”  เทรนเนอร์เสือใต้ได้กล่าวย้ำเช่นนี้เสมอในสัปดาห์ก่อนเกมชิงดำชปล. ที่เขาให้เหตุผลว่า “ตอนนี้เรารู้ว่า เราจะต้องเล่นกับพวกเขาอย่งไร  เรารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร”

อาการแพ้ทางดอร์ทมุนด์หรือ?  รเองนี้ ไฮย์เกสมีรอยยิ้มตอบ “ล่าสุดเราไม่แพ้ดอร์มุนด์ในเกมเจอกันสี่นัด”  แล้วนับให้ฟัง “ในบุนเดสลีกา เสมอกันสองหน 1-1  ชนะเกมซุปเปอร์คัพ (1 สมัย) และเด เอฟ เบ โพคาล รอบแปดทีม เราชนะ 1-0  ผมคิดว่านี่คงเป็นการบ่งบอกทิศทางได้เป็นอย่างดี”

ไฮย์เกสผี้อายุครบ 68 ปี เมื่อสามสัปดาห์ก่อน รู้ดีว่าเวมบลีย์จะเป้นเวทีระดับนานาชาติแห่งสุดท้ายที่เขาจะได้โชว์ฝีมือ  จากนั้นก็ไปต่อที่เบอร์ลิน ชิงชนะเลิศ เด เอฟ เบ โพคาล  แล้วจากนันเขาจะได้ประกาศให้ที่สาธารณะชนได้ทราบถึงการตัดสินจขงงอเขา ที่เขาบอกว่าได้ทำไปตั้งแต่ทันทีที่จบเกมชิงชนะเลิศ ที่อลีอันซ์ อารีน่า ที่แสนเศร้าเมื่อปีกลายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว



มีข่าววิเคราะห์ก่อนเกม ถึงกลยุทธ์ต่างๆ ของดอร์มุนด์อยู่เสมอไม่รู้จบ และได้ทำการค้นพบสูตรที่จะนำไปสู่ชัยชนะ  การเข้าโจมตีเร็ว  ที่ปัจจุบันนิยมเรียกกันว่า การดันการเพรสซิ่ง  การขยับแนวแดนกลางขึ้นสูง  โดยเพาะ มาริโอ มานด์ซูคิศ และ โธมัส มุลเลอร์ ที่มีบทบาทพิเศษที่สำคัญ  คอยกดดันสองกองหลังตัวกลางของเสือเหลือง  เนเว่น ซูโบคิซ และ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ตั้งแต่เริ่มทำเกม  แล้วจากนั้น เมื่อแย่งบอลมาได้ ก็รีบรุกไปข้างหาหาประตูคู่แข่งอย่างรวดเร็ว  ที่เรียกว่าการปรับเกมรับเป็นรุก

เกมเจอดอร์ทมุนด์นี้ว่ากันว่า เป็นเกมที่สำคํญที่สุดในชีวิตของไฮย์เกส  ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา สถิติทั้งหลายที่ทำไว้กับบเยิร์นจะไร้ค่าไป  คงจะไม่มีใคใส่ใจแชมป์บุนเดสลีกาอีกต่อไป  ไฮเกส ยังเชื่อว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ขโมยซีนด้วยการด้วยการคว้าแชมป์ UCL  ไฮย์เกสต้องชนะเกมนี้ให้ได้ ที่เขารู้เป็นอย่างดี



แต่มันยังมีความหมายมากไปกว่านี้อีก  การที่เขาพิสูจน์ตนเองในฐานะกุนซืออาวุโส  แต่ยังมีสมองเฉียบคม รับมือกับเหล่าเทรนเนอร์คนหนุ่ม คลื่นลูกใหม่ได้เป็นอย่างดี  ที่ตอนพาเสือใต้ไปเก็บตัวที่กาลาตาซารายเบรคหนีหนาว  เขาเคยเหน็บเอาไว้ว่า  “มาสเตอร์อพลน คอนเซปป์-เทรนเนอร์ และแล็ปท็อป-เทรนเนอร์  พวกเขามาและไปในบุนเดสลีกา  พวกเขาทำกันแบบนี้ ผมเองมีมุมมองที่ชัดเจน”  ที่ในนัดชิง UCL ไฮย์เกสได้แสดงให้คล็อปป์เห็น  แล้วก็ยังมี เป๊ป กวาดิโอล่า ผู้ที่จะมารับงานในซีซั่นต่อไปจากเขาอีกด้วย  เกมที่เวมบลีย์หลังจบช่วง 25 นาทีแรก  ดอร์ทมุนด์ทำได้ดีมาก กดดันบาเยิร์นหนัก  และมีโอกาสส่องประตูขึ้นนำหลายคน  ไฮย์เกสได้แก้เกมในครึ่งหลัง  จนทำให้เสือใต้ได้ทำได้เหนือกว่าเสือเหลือง  ที่หมดจรด  จากการโหมหนักในช่วงครึ่งชม.แรก  ที่นับเป็นการวางเท็คติคระดับปรมาจารย์ของเขา



เกมเจอดอร์ทมุนด์ ไฮย์เกสมีการเตรียมทางเป็นอย่างดี  เหมือนกับเกมเจอยูเวนตุส  และบาเซโลน่าก่อนหน้านั้น  เขาแทบไม่ปล่อยให้ดอร์ทมุนด์มีเวลาว่าง การผ่อนคลาย เขาใช้การไปเล่นยิมนาสติกที่ศูนย์แห่งความเป็นเลิศของบาเยิร์น  ที่ดูได้จากสภาพต่างกายที่ยอดเยี่ยมอขงเขา  ไฮยเกสยอมยอมสละเวลาไม่ไปจิบไวน์แดงกับเพื่อนซี้ประธานเสือใต้ อูลี่ เฮอเนส  ในยามนั้น บ่อยครั้งมากที่เขาวิเคราะห์ DVD หลายชั่วโมง อยู่ในบ้านพักที่ไบเกนเฮาเซ่น

ทีมงานเทรนเนอร์ของเขาได้ตระเตรียมสิ่งต่างๆ เอาไว้สำหรับเกมที่สำคัญที่สุดในซีซั่นทั้งหลาย  ที่ในห้องประชุมของบาเยิร์นมีเก้าอีดำ 39 ตัว จัดไว้เหมือนในโรงหนัง  มีการวิเคราะห์เกมที่ผ่านมา ที่นั่น เขาหารือกับผู้ช่วย เทเลอร์ แอร์มันน์ เตียมการสำหรับคู่แข่งลำดับต่อไป ที่เป็นหน้าที่ของเฮดโค้ชเสมอ  เหมือนก่อนเกมเจอยูเวนตุสในรอบก่อนรองชนะเลิศ อันตรายใหญ่หลวงคือ อันเดรีย ปิร์โล่ ที่เดาทางได้ยาก



ก่อนเกมเจอยูเว่ ไฮย์เกสเพิ่มเวลาในการประชุมทีมไปอีกจาก 15 นาทีเป็น 30 นาที  “ปิร์โล่คือหัวใจของทีม  เราต้องโจมตีเขาเร็ว  เขาเป็นจุดตั้งต้นของเกมเสมอ”  ไฮย์เกสกล่าวเตือนสตาร์ลูกทีม  “ปิร์โล่จะพาบอลไปไหนไม่ได้  มีพื้นที่ข้างหน้าให้เล่นไม่ได้” เป็นหน้าที่ศูนยหน้า มาริโอ มานต์ซูคิซ และผู้เล่นหมายเลข 10 โทนี่ โครส ที่บาเจ็บเร็ว ให้ โธมัส มุลเลอร์ ทำหน้าที่แทน เชาเข้าโจมตีปิร์โล่โดยเร็วทันที

ลูกทีมของเขาทำได้สำเร็จ  ทุกอย่างเป็นไปตามแผน  ปิร์โล่ที่ในบอลยูโรฯ ได้ครองบอลเฉลี่ยนัดละ 81 ครั้ง  แต่เกมกับมิสรชนิคทำได้แค่ 58 ครั้ง  และต้องเข้าแย่งลูกบอล 26 ครั้ง  ขณะที่ค่าเฉลี่ยของเขาใน UCL อยู่ที่ 15 ครั้ง  “การทำงานในเกมรับ เริ่มตั้งแต่แถวหน้า” มุลเลอร์อธิบาย โดยเขาเข้าแย่งลูกกับปิร์โล่ 6 ครั้ง  “เรามีการเตรียมตัวมาอย่างดเยี่ยม  และเราต้องการทำให้ได้”

ยูเวนตุสถูกปราบสองหนด้วยสกอร์ 2-0  สำหรับไฮย์เกสเป็นเรื่องที่สะใจ  หลังจากที่รอบตัดเลือกยูโร 2012  บุนเดสเทรนเนอร์ โยอัคคิม เลิฟ วางหมากพลาดในการคุมปิร์โล่ ในทีมชาติอิตาลี  ประสบการณ์ในการเป็นเทรนเนอร์คุมสารพัดทีมยาวนาน ได้ทำให้ไฮย์เกสมองเกมทะลุ



เมื่อ 18 มกราคม 2013  เขาได้รับเชิญไปที่ห้องทำงานของ คาร์ลไฮนซ์ รุมเมนิเก้ เพื่อรับทราบว่า เป๊ป กวาดิโอล่า จะเป็นผู้มารับงานต่อจากเขาที่บาเยิร์น   ที่ชั้นสองของที่ทำการสโมสร ถนนเซเบเบอร์ เป็นการกำหนดชะตาชีวิตของเขา  ก่อนหน้านั้น คริสเตียน แนลิงเกอร์ ผู้อำนวยการกีฬา เคยแสดงความกังขาในฝีมือขงไฮยน์เกส หลังพ่ายนัดชิง UCL ที่มิวนิค 2012  และท้ายที่สุด แนร์ลิงเกอร์ต้องจากไป  ครึ่งปีต่อมา ไฮย์เกสได้ทราบว่า เขาต้องเก็บข่าวของออกจากถิ่นเสือใต้ เพื่อให้กุนซือหนุ่มเข้ามาแทนที่

18 มกราคมดังกล่าว เป็นจุดเปลี่ยนแปลงของไฮย์เกส  นับแต่นั้นมา เขาไม่ไว้หน้าใครอีกล้ว  ตอนที่รุมเมนิเก้ เสนอให้เขาทำงานต่อที่สโมสรในสภาที่ปรึกษา  เขาตอบปฏิเสธ บอกว่าไม่สนใจ และไม่เหมาะกับเขา  ตอนที่เฮอเนสเอ่ยปากก่อนจับสลาก รอบตัดเชือกชปล. แสดงความคิดห็นว่า อยากเจอดอร์มุนด์ที่เป็นคู่แข่งที่เบาที่สุดในรอบนี้  ไฮย์เกสบอกว่า “ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นได้อย่งเสรี  ผมเองเคารพดอร์ทมุนด์เป็นอย่างมาก”



ไฮย์เกซโชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซในรอบรองชนะเลิศนัดแรกที่เจอกับบาเซโลน่า  “เขาบอกให้เรารู้ในรายละเอียดทั้งหมด แผนของเขาเป็นไปได้สุดยอดทั้งหมด”  ซาบี้ มาติเนส กล่าวชื่นชมออกมา ไฮย์เกซพร่ำสอน 45 นาทีในห้องประชุม ก่อนที่ลูกทีมจะถล่มบาร์ซ่า 4-0  ไฮย์เกสบอกให้ทีมยืนสูง  แผงรับสี่คนอยู่ห่างจากเส้นกลางสนามอย่งมาก 20 เมตร เพื่อกดดันบาร์ซ่าเร็ว  “เราต้องใช้อาวุธของพวกเขาปราบพวกเขาเอง เกลือจิ้มเกลือ” ที่เขาแสดงตัวอย่างที่แย่ของมิลาน ในเกมนัดที่สองในการไปเชยือนบาซ่าให้เห็น   ทีมจากอิตาลีถอยไปรับต่ำ  ที่ไฮย์เกซอธิบายว่า “มันมีข้อเสียเปรียบเยอะ  ยามที่ทีมตนเองได้บอลก็อยู่ไกลประตูคู่แข่งมากเกินไป  นอกจากนั้น ถ้าไปทำฟาล์ว ก็จะเจอลูกฟรีคิกส์อันตราย”  ผลที่ออกมา มิลานตกรอบหลังนัดแรกชนะ 2-0  นัดที่สองพ่าย 0-4

เคล็ดลับสำคัญในควาสำเร็จในการเอาชนะบาซ่านัดแรกก็คือลูกตั้งเตะ  ไฮย์เกสนำ VDO ที่บาซ่าเจอบาเลนเซีย มาให้ดู  ที่ชัดเจนว่าในทีมมีเพียงบุสเก็ตต์และปิเก้ แกร่งเรื่องลูกโหม่งแค่ 2 คน  “คนหนึ่งอยู่เสาแรก  อีกคนอยูตรงกลาง  ไม่มีใครที่เสาสอง”  ที่ตรงนั้นมุลเลอร์นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์  ทำประตูหลังลูกตั้งแตะ 1-0 และแอสซิต์ 3-0

เพื่อย้ำตรงนี้ เกมเยือน ในโรงแรมที่พัก ไฮเกซ เขาได้สดงให้เห็นในการใช้เพาวเวอร์พอยต์อีกครั้ง  ในกรอบสี่เหลี่ยม  สามเหลี่ยม  วงกลมว่า ลูกทีมต้องเคลื่อนที่หรือเสียประจำตำแหน่งตรงไหนบ้าง



เกมเจอดอร์ทมุนด์ เขากล่าวเตือนลูกทีมว่า “อย่าไปคิดว่าจะบอกอะไรให้อีกนะ”  เขาเตือนลูกทีมก่อนเกมเจอดอร์ทมุนด์ในบุนเดสลีกา  2 สัปดาห์ก่อนนัดชิง UCL  เกมดดันที่เสอมกันไป 1-1  ที่จากนั้น ไฮยเกสเน้นการฝีกซ้อมทีมชุด 11 คนรกด้วยลูกตั้งเตะมากกว่าเดิม  ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ตื่นเต้นเร้าใจที่เวมบลีย์ในนัดชิงชปล.  ชัยชนะเหนือคล็อปป์ที่ไฮย์เกสใช้ความฟิตของลูกทีมที่เหนือกว่า เข้าบดในครี่งหลัง  โดยเฉพาะช่วงท้ายเกม จนชนะไป 2- 1 คว้าถ้วยหูกางไปครอง



จากนั้น ผมดูทางทีวีเยอรมันต่อ  การวิคราะห์หลังเกม ราล์ฟ รังนิค และ มิชาเอล ไรซีเกอร์  การสัมภาษณ์ เลิฟ, ลาห์ม, ไฮย์เกส, คล็อปป์ ฯลฯ  พร้อมกับการตัภาพการลิมฉลองของแฟนๆ เสือใต้  ที่อัลลิแนซ์ อารีน่า, เธเรเซี่ยวีเซ่  แห่ฉาลองกันไปต่อที่ถนนเลโอโพลด์  บรรยากาศแฟนบอลที่ดอร์ทมุนด์ในระหว่างเกม ที่กลางเมือง และเวสต์ฟาเล่น ฮัลเล่  ที่ปิดท้ายด้วยเพลง You’ll never walk alone  ที่เป็นหนึ่งในเพลงเชียร์ของเสือเหลืองด้วย ไล่ตามเก้บบรรยากาศถึงตีห้า โดยไม่ง่วงเอาเสียเลย

วันที่ 1 มิ.ย. ไฮย์เกซมีโอกาสทีจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นเทรนเนอร์ที่คว้าทริบเปิ้ลแชมป์เป็นคนแรกของเมืองเบียร์  ที่จะทำให้เขาเป็นตำนานที่ไม่มีวันตาย  และขณะดียวกันก็สร้างโจทย์ที่แสนดยากให้ เป๊ป กวาดิโอล่า ไปพร้อมๆ กันด้วย

credit : นสพ. สตาร์ซอคเกอร์  โดย ช่อคูณ