สวัสดีครับ วันนี้ผมขอแหวกแนวเขียนเรื่องเหนือธรรมชาติซะหน่อย แต่ก็ยังแฝงด้วยความเป็นวิทยาศาสตร์อยู่เล็กๆนะครับ
ซึ่งบางส่วนที่ผมอ่านมามีความคล้ายคลึงกับ ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ ของไอสไตน์ด้วยครับ
ต้องขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ ต่วยตูนพิเศษ ฉบับเดือน พฤษภาคม 2556 ด้วยนะครับ
ทุกวันนี้ผู้คนเริ่มตื่นตัวและให้ความสนใจต่อเรื่องเหนือธรรมชาติมากขึ้น จะเห็นได้ว่ารายการทีวีเกี่ยวกับมิติลี้ลับ ผีสางนางไม้ และที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ต่างเรียกยอดผู้ชมทางบ้านได้สูง บรรดาหนังสือ วารสาร และหนัง ก็มีให้เห็นอยู่ไม่ใช่น้อย
ก่อนอื่นลองดูตัวอย่างสักสามเหตุการณ์ แล้วลองคิดนะครับว่าเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหรือปล่าว
เรื่องแรก หญิงสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาขณะกำลังหลับ และได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จึงรับสายขึ้นมาและได้ยินเสียงแม่ของเธอที่พูดว่ารักเธอ และบอกเธอว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อย เธอจังกลับมานอนต่อ พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าจึงรู้ว่าแม่เธอเสียชีวิตแล้ว ซึ่งก็ตรงกับเวลาที่เธอรับโทรศัพท์จากแม่พอดี
เรื่องที่สอง หลังจากที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ ชายวัยกลางคนกำลังนอนอยู่บนเตียงที่คุณหมอกำลังผ่าตัดเขา แต่ขณะที่เขากำลังจะหมดสติและใกล้จะเสียชีวิต ในตอนนั้น เขารู้สึกตัวว่าออกมาจากร่างกาย และจ้องมองไปยังคุณหมอและพยาบาลที่กำลังช่วยชีวิตเขา และได้ยินเสียงพูดคุยของคุณหมอและพยาบาลอย่างชัดเจน และก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง แม้จะมีรูปร่างเหมือนคนแต่มีแสงทั้งตัวบอกว่า ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องไปจากโลกนี้ และต้องกลับเข้าสู่ร่าง หลังจากนั้นเขาจึงรู้สึกตัวในร่างเดิม
เรื่องที่สาม ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังขับรถฝ่าความมืดบนถนนหลวงกลางดึกและสังเกตุเห็นตึกขนาดเล็กกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ พวกเขาจึงขับรถไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อกลับมาที่ตึกอีกครั้ง จึงพบกับซากตึกที่ถูกไหม้แต่ถูกคลุมไปด้วยหญ้าและวัชพืช ซึ่งความจริงตึกดังกล่าวไม่ได้ไหม้เมื่อคืน แต่เป็นซากตึกที่ถูกไฟไหม้เมื่อหลายปีก่อน
ปรากฎการณ์ดังกล่าวเรียกว่าเรื่องเหนือธรรมชาติ เนื่องจากหากเปิดพจนานุกรมภาษาอังกฤษคำว่า Paranormal หมายถึง เรื่องที่ไม่สามารถอธิบายทางวิทยาศาสตร์ (Scientifically Unexplainable) รวมถึงประสบการณ์ เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ต่างๆ หากท่านผู้อ่านเคยดูหนังเรื่อง The X-Files ตัวเอกของเรื่องคือ นักสืบ
ฟ็อกซ์ มัลเดอร์ (Fox Mulder) ตอนหนึ่งในหนังเขาพูดว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาไม่สามารถจัดหมวดหมู่ได้ หรือใช้เรื่องใดๆมาอ้างอิงได้เลย เป็นเรื่องที่แปลกและไม่เข้ากับมุมมองปกติที่ควรจะเป็น ดังนั้นเมื่อไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นเรื่องยาก เพราะส่วนใหญ่เกิดขึ้นไม่บ่อย และส่วนใหญ่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เป็นรูปธรรม ส่วนใหญ่หลักฐานที่มีมักเป็นความทรงจำ ภาพลวงตา จินตนาการหรือภาวะอุปาทาน
อย่างที่ได้เล่าไปข้างต้นครับว่า เรื่องราวเหนือธรรมชาตินี้มีตั้งแต่เรื่องผีสางไปจนถึงยานอวกาศที่มีการเล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ปรากฏการณ์ทางจิต สัตว์ประหลาด เช่นเจ้าตีนโต (Big Foot) หรือสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล๊อคเนส ก็จัดได้ว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติมาหลายร้อยปีเช่นกัน
ทุกวันนี้เรื่องที่ว่ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนเพราะมีหลักฐานที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย สุดท้ายแล้วจึงคาดเดาไปต่างๆนานา แต่ปรากฏการณ์ทางจิตพิสูจน์ค่อนข้างจะน่าเชื่อถือมากกว่าเรื่องอื่น เพราะสถาบันชั้นนำของโลกได้ศึกษาค้นคว้าอยู่นาน แต่ผลสรุปก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
เมื่อเป็นอย่างนี้ ความสงสัยขของมนุษย์เราก็เลยมากขึ้นทุกที และยิ่งอัดอั้นมากเพราะหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ไม่ได้ แม้จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างสูงในปัจจุบัน
เหตุใดมนุษย์จึงไม่สามารถจะเฉลยความสงสัยเหล่านี้ได้ นักวิชาการฝรั่งพยายามอธิบายว่า เปรียบเทียบว่าชาว แฟรตแลนด์ (Flatlanders) ที่อาศ้ยอยู่ในเมืองแฟลตแลนด์ซึ่งเป็นโลกที่มีเพียงสองมิติ คือ ความกว้างและความยาว ไม่มีความลึก สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ก็มีรูปร่างแบบสองมิติ และไม่สามารถเข้าใจถึงความเป็นสามมิติ รู้จักเพียงเส้น วงกลม สี่เหลี่ยม แต่ไม่สามารถเข้าใจถึงความหนาหรือความมีปริมาตรหากมีวัตถุสามมิติ เช่น ลูกบาศก์ โพล่เข้ามาในดินแดนสองมิติแห่งนี้ ก็จะถูกรับรู้และเข้าใจในมุมมองของสองมิติเท่านั้น แต่จะไม่เข้าใจถึงแนวคิดของรูปทรงแบบสมบูรณ์ ขนาด สี หรือคุณสมบัติอื่นๆได้
ขอบคุณที่อ่านมาถึงนี่นะครับ โปรดอ่านต่อในตอนที่ 2 นะครับ เพราะว่ายังไม่จบ แต่พิมพ์จนมือหงิกขอพักก่อนละกัน
คุยกันด้วยเรื่องเหนือธรรมชาติ ตอนที่ 2/2
http://ppantip.com/topic/31125772
ฝากเพจที่เฟสบุคด้วยนะครับ
เพจ "เหนือธรรมชาติ" สิ่งลี้ลับที่หาคำตอบไม่ได้ เราจะลองมาอธบายในแง่ของวิทยาศาสตร์กัน
https://www.facebook.com/Supernaturalinsci
เพจ "โลกแห่งความจริง" เพจสำหรับชาววิทย์ ความรู้ต่างๆต่างทุกมุมโลก
https://www.facebook.com/Real.of.The.world
#By APISITSANOOK
คุยกันด้วยเรื่องเหนือธรรมชาติ ตอนที่ 1
ซึ่งบางส่วนที่ผมอ่านมามีความคล้ายคลึงกับ ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ ของไอสไตน์ด้วยครับ
ต้องขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ ต่วยตูนพิเศษ ฉบับเดือน พฤษภาคม 2556 ด้วยนะครับ
ทุกวันนี้ผู้คนเริ่มตื่นตัวและให้ความสนใจต่อเรื่องเหนือธรรมชาติมากขึ้น จะเห็นได้ว่ารายการทีวีเกี่ยวกับมิติลี้ลับ ผีสางนางไม้ และที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ต่างเรียกยอดผู้ชมทางบ้านได้สูง บรรดาหนังสือ วารสาร และหนัง ก็มีให้เห็นอยู่ไม่ใช่น้อย
ก่อนอื่นลองดูตัวอย่างสักสามเหตุการณ์ แล้วลองคิดนะครับว่าเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติหรือปล่าว
เรื่องแรก หญิงสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาขณะกำลังหลับ และได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จึงรับสายขึ้นมาและได้ยินเสียงแม่ของเธอที่พูดว่ารักเธอ และบอกเธอว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อย เธอจังกลับมานอนต่อ พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าจึงรู้ว่าแม่เธอเสียชีวิตแล้ว ซึ่งก็ตรงกับเวลาที่เธอรับโทรศัพท์จากแม่พอดี
เรื่องที่สอง หลังจากที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ ชายวัยกลางคนกำลังนอนอยู่บนเตียงที่คุณหมอกำลังผ่าตัดเขา แต่ขณะที่เขากำลังจะหมดสติและใกล้จะเสียชีวิต ในตอนนั้น เขารู้สึกตัวว่าออกมาจากร่างกาย และจ้องมองไปยังคุณหมอและพยาบาลที่กำลังช่วยชีวิตเขา และได้ยินเสียงพูดคุยของคุณหมอและพยาบาลอย่างชัดเจน และก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง แม้จะมีรูปร่างเหมือนคนแต่มีแสงทั้งตัวบอกว่า ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องไปจากโลกนี้ และต้องกลับเข้าสู่ร่าง หลังจากนั้นเขาจึงรู้สึกตัวในร่างเดิม
เรื่องที่สาม ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังขับรถฝ่าความมืดบนถนนหลวงกลางดึกและสังเกตุเห็นตึกขนาดเล็กกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ พวกเขาจึงขับรถไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อกลับมาที่ตึกอีกครั้ง จึงพบกับซากตึกที่ถูกไหม้แต่ถูกคลุมไปด้วยหญ้าและวัชพืช ซึ่งความจริงตึกดังกล่าวไม่ได้ไหม้เมื่อคืน แต่เป็นซากตึกที่ถูกไฟไหม้เมื่อหลายปีก่อน
ปรากฎการณ์ดังกล่าวเรียกว่าเรื่องเหนือธรรมชาติ เนื่องจากหากเปิดพจนานุกรมภาษาอังกฤษคำว่า Paranormal หมายถึง เรื่องที่ไม่สามารถอธิบายทางวิทยาศาสตร์ (Scientifically Unexplainable) รวมถึงประสบการณ์ เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ต่างๆ หากท่านผู้อ่านเคยดูหนังเรื่อง The X-Files ตัวเอกของเรื่องคือ นักสืบฟ็อกซ์ มัลเดอร์ (Fox Mulder) ตอนหนึ่งในหนังเขาพูดว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาไม่สามารถจัดหมวดหมู่ได้ หรือใช้เรื่องใดๆมาอ้างอิงได้เลย เป็นเรื่องที่แปลกและไม่เข้ากับมุมมองปกติที่ควรจะเป็น ดังนั้นเมื่อไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นเรื่องยาก เพราะส่วนใหญ่เกิดขึ้นไม่บ่อย และส่วนใหญ่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เป็นรูปธรรม ส่วนใหญ่หลักฐานที่มีมักเป็นความทรงจำ ภาพลวงตา จินตนาการหรือภาวะอุปาทาน
อย่างที่ได้เล่าไปข้างต้นครับว่า เรื่องราวเหนือธรรมชาตินี้มีตั้งแต่เรื่องผีสางไปจนถึงยานอวกาศที่มีการเล่าสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ปรากฏการณ์ทางจิต สัตว์ประหลาด เช่นเจ้าตีนโต (Big Foot) หรือสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล๊อคเนส ก็จัดได้ว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติมาหลายร้อยปีเช่นกัน
ทุกวันนี้เรื่องที่ว่ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนเพราะมีหลักฐานที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย สุดท้ายแล้วจึงคาดเดาไปต่างๆนานา แต่ปรากฏการณ์ทางจิตพิสูจน์ค่อนข้างจะน่าเชื่อถือมากกว่าเรื่องอื่น เพราะสถาบันชั้นนำของโลกได้ศึกษาค้นคว้าอยู่นาน แต่ผลสรุปก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
เมื่อเป็นอย่างนี้ ความสงสัยขของมนุษย์เราก็เลยมากขึ้นทุกที และยิ่งอัดอั้นมากเพราะหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ไม่ได้ แม้จะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างสูงในปัจจุบัน
เหตุใดมนุษย์จึงไม่สามารถจะเฉลยความสงสัยเหล่านี้ได้ นักวิชาการฝรั่งพยายามอธิบายว่า เปรียบเทียบว่าชาว แฟรตแลนด์ (Flatlanders) ที่อาศ้ยอยู่ในเมืองแฟลตแลนด์ซึ่งเป็นโลกที่มีเพียงสองมิติ คือ ความกว้างและความยาว ไม่มีความลึก สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ก็มีรูปร่างแบบสองมิติ และไม่สามารถเข้าใจถึงความเป็นสามมิติ รู้จักเพียงเส้น วงกลม สี่เหลี่ยม แต่ไม่สามารถเข้าใจถึงความหนาหรือความมีปริมาตรหากมีวัตถุสามมิติ เช่น ลูกบาศก์ โพล่เข้ามาในดินแดนสองมิติแห่งนี้ ก็จะถูกรับรู้และเข้าใจในมุมมองของสองมิติเท่านั้น แต่จะไม่เข้าใจถึงแนวคิดของรูปทรงแบบสมบูรณ์ ขนาด สี หรือคุณสมบัติอื่นๆได้
ขอบคุณที่อ่านมาถึงนี่นะครับ โปรดอ่านต่อในตอนที่ 2 นะครับ เพราะว่ายังไม่จบ แต่พิมพ์จนมือหงิกขอพักก่อนละกัน
คุยกันด้วยเรื่องเหนือธรรมชาติ ตอนที่ 2/2 http://ppantip.com/topic/31125772
ฝากเพจที่เฟสบุคด้วยนะครับ
เพจ "เหนือธรรมชาติ" สิ่งลี้ลับที่หาคำตอบไม่ได้ เราจะลองมาอธบายในแง่ของวิทยาศาสตร์กัน
https://www.facebook.com/Supernaturalinsci
เพจ "โลกแห่งความจริง" เพจสำหรับชาววิทย์ ความรู้ต่างๆต่างทุกมุมโลก
https://www.facebook.com/Real.of.The.world
#By APISITSANOOK