ใครๆก็ตั้งฉายาให้โทเลโดว่าเป็น The City of the three cultures ที่มาที่ไปของเมือง 3 วัฒนธรรม ก็เพราะทั้งมุสลิม ยิวและคริสต์
ใครๆก็ตั้งฉายาให้โทเลโดว่าเป็น The City of the three cultures ที่มาที่ไปของเมือง 3 วัฒนธรรม ก็เพราะทั้งมุสลิม ยิวและคริสต์ ต่างก็ฝากร่องรอยแห่งอดีตทิ้งไว้ในเมืองเก่าแห่งนี้
ว่ากันว่า อรรถรสแห่งศิลปะสเปนถูกรวมไว้ที่โทเลโด(Toledo) นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เมืองประวัติศาสตร์แห่งแคว้นกัสตียา ลา มันช่า (Castilla La Mancha )ไม่เคยอัตคัตินักเดินทาง
ไม่เพียงมีสถาปัตยกรรมอันโอ่โถง หรือภูมิทัศน์อันเตะตา แต่โทเลโดเป็นเมืองสำคัญมากในอดีต อย่างน้อยความที่เป็น”กรุงเก่า” หรือเมืองหลวงเก่า ก็ทำให้เกิดแรงดึงดูดผู้คนให้เข้าหาโทเลโด
ใครๆก็ตั้งฉายาให้โทเลโดว่าเป็น The City of the three cultures ที่มาที่ไปของเมือง 3 วัฒนธรรม ก็เพราะทั้งมุสลิม ยิวและคริสต์ ต่างก็ฝากร่องรอยแห่งอดีตทิ้งไว้ในเมืองเก่าแห่งนี้
เมืองโบราณแห่งนี้เคยถูกชาวโรมัน เข้ายึดครองเมื่อ 2,200 ปีมาแล้ว พวกโรมันตั้งชื่อเมืองนี้ว่า“ทอเลทัม”
หลังจากที่อาณาจักรโรมันได้เสื่อมอำนาจลง ก็มีชาติต่างๆ ผลัดกันเข้ามาปกครอง เช่น ชาวยุโรป และชาวอาหรับเผ่าต่างๆ รวมถึงพวกแขกมัวร์ ซึ่งมีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแถบทวีปแอฟริกา จากนั้นกองทัพของชาวคริสเตียน ก็บุกมาโจมตีพวกแขกมัวร์ และกำชัยชนะเหนือพวกแขกมัวร์ได้ในที่สุด
ภายหลังการรวมแคว้นต่างๆ ในสเปนแล้ว ได้มีการประกาศบังคับให้ทุกคนต้องนับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น และห้ามใช้ภาษาอารบิคตั้งแต่ปี ค.ศ.1580
อาจจะมีบางฉากของการช่วงชิง ครอบครอง แต่สิ่งที่เหลือตกค้างไว้ให้โทเลโดคือซากอารยธรรมและวัฒนธรรมลูกผสม ที่ฝังแน่นไว้กับชีวิตประจำวันของลูกหลานชาวโทเลโด
ไม่ว่าอดีตใครจะเป็นมุสลิม ยิว หรือคริสเตียน แต่ทุกวันนี้ชาวโทเลโดใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ใครก็ตามที่ย่างเท้าเข้าทะลุเข้าสู่ด้านในของกำแพงเมืองนี้ ก็จะถูกต้อนรับด้วยสถาปัตยกรรมทั้ง 3 รูปแบบที่ผสมผสานกัน ทั้งโบสถ์สไตล์โกธิค โบสถ์ยิว และสิ่งปลูกสร้างในแบบมุสลิม
สถาปัตยกรรมลูกผสมที่อยู่ใต้ชายคาโทเลโด เขาเรียกกันว่า มูเดคาร์ (Mudejar) นี่แหละสิ่งที่ปรุงแต่งให้เมืองนี้ดูงดงามกลางสายน้ำ จนถูกประเคนตำแหน่งเมืองมรดกโลกให้เมื่อปี 1986
มากกว่าเรื่องประวัติศาสตร์ของอดีตเมืองหลวงสเปนแห่งนี้ ผังเมืองและชัยภูมิเป็นอีก 2 สิ่งที่ผู้คนมักจะพูดถึงโทเลโด
ผังเมืองโบราณของโทเลโด ใครๆก็บอกว่ามีความเป็นเอกลักษณ์ในแง่ของการจัดสร้างเพื่อการปกป้องตัวเองได้เป็นอย่างดี และค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
ส่วนชัยภูมิและจุดยุทธศาสตร์ก็ถือว่า 5 ดาว ตัวเมืองทอดตัวอยู่บนเนินเขา และถูกโอบล้อมไว้ด้วยแม่น้ำตาโค (Rio Tajo) มีป้อมปราการ กำแพง และประตูเมืองกั้นเขตเมืองเก่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเอาไว้ภายใน ขณะที่ตัวเมืองใหม่นั้นอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงเมือง
หากมองจากอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำตาโค จะเห็นความสวยงามของเมืองที่สร้างอยู่บนหน้าผาสูง และด้านล่างเป็นแม่น้ำที่มีตลิ่งสูงชัน
แว่บหนึ่งที่ยืนมอง โทเลโดทำให้นึกถึงเมืองเชสกี้ ครุมลอฟในเช็ก อาจจะคลับคล้ายคลับคลา ถึงไม่น่ารักจุ๋มจิ๋มเท่าครุมลอฟ แต่ก็น่ามอง
ถ้าไม่รู้จะไปไหน ขอให้ไปตั้งหลักในย่านเมืองเก่าก่อน เสน่ห์ของโทเลโด คือถนนสายแคบๆปูลาดด้วยหิน ทอดคดเคี้ยวและลาดชันไปทั่วเมืองเก่า
และมุมหนึ่งที่ต้องแวะคือพิพิธภัณฑ์ซานตาครูซ(Museo de Santa Cruz) ที่ด้านนอกเป็นรูปแบบผสมผสานระหว่างโกธิกและสไตล์สเปนแท้ๆ ทำให้หลายคนไม่ยอมเดินผ่านพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไปง่ายๆ ด้านในได้รวบรวบผลงานของเอล เกรโกเอาไว้มากมายหลายชิ้น
ยังมีปราสาทอัลคาซาร์(Alcazar) ที่เด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินสูง ทำให้ นี่เป็นสิ่งปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมในแบบสเปน ที่อยู่บนส่วนยอดสุดของตัวเมืองโทเลโด ปราสาทแห่งนี้เคยมีสภาพเป็นป้อมปราการมาก่อน ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 10
ในช่วงสงครามกลางเมืองของสเปน ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 3 ปีนั้น ปราสาทอัลคาซาร์เคยถูกยึดและถูกปิดล้อมนาน 2 เดือนกว่า ที่นี่ถูกใช้เป็นที่มั่นสำหรับการสู้รบกันอย่างดุเดือด ก่อนที่สงครามจะจบลงด้วยชัยชนะของนายพลฟรังโก
ป้อมนี้จึงมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ที่ชาวเมืองภูมิใจในฐานะที่เป็นป้อมปราการที่ยากแก่การเข้าโจมตีของข้าศึก
ทุกวันนี้ปราสาทอัลคาซาร์ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ และกลายสภาพไปเป็นพิพิธภัณฑ์ทหาร( Military Museum)
ตามสูตรของนักเที่ยว ไปถึงเมืองไหนต้องหาจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ต้องถามหามหาวิหารแห่งโทเลโด(Catedral Primada de Toledo) ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก และความที่เคยเป็นที่ประทับขององค์สังฆราชแห่งสเปน ทำให้ผู้คนสนอกสนใจที่นี่เป็นพิเศษ
และเมื่อมาถึงโทเลโด ใครอยากดูงานภาพเขียนชิ้นที่เป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ เรียกว่าเป็นงานชิ้นแจ่มสุดของจิตรกรใหญชาวกรีซอย่างเอล เกรโก ที่ฝากไว้ในเมืองนี้ ต้องไปที่โบสถ์ซานโต โตเม่(Church of Santo Tome)
ด้านในของโบสถ์นี้ มีภาพเขียนที่มีชื่อเสียงก้องโลกคือภาพเขียนพิธีฝังศพของท่านเคาน์ ออร์กาซ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของ เอล เกรโก เขาเป็นชาวเกาะครีตในประเทศกรีซก็จริง แต่เกรโกหลงใหลเสน่ห์ของโทเลโดจนถึงขั้นมาลงหลักปักฐานที่นี่จวบจนลาโลก
ไปถึงสเปนทั้งที อย่าปล่อยให้โทเลโดลอยนวลเป็นอันขาด เมืองร่ำรวยวัฒนธรรมแบบนี้ต้องตามไปชันสูตรความสวย
From คมชัดลึก
“โทเลโด”เมือง 3 วัฒนธรรม
ใครๆก็ตั้งฉายาให้โทเลโดว่าเป็น The City of the three cultures ที่มาที่ไปของเมือง 3 วัฒนธรรม ก็เพราะทั้งมุสลิม ยิวและคริสต์ ต่างก็ฝากร่องรอยแห่งอดีตทิ้งไว้ในเมืองเก่าแห่งนี้
ว่ากันว่า อรรถรสแห่งศิลปะสเปนถูกรวมไว้ที่โทเลโด(Toledo) นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เมืองประวัติศาสตร์แห่งแคว้นกัสตียา ลา มันช่า (Castilla La Mancha )ไม่เคยอัตคัตินักเดินทาง
ไม่เพียงมีสถาปัตยกรรมอันโอ่โถง หรือภูมิทัศน์อันเตะตา แต่โทเลโดเป็นเมืองสำคัญมากในอดีต อย่างน้อยความที่เป็น”กรุงเก่า” หรือเมืองหลวงเก่า ก็ทำให้เกิดแรงดึงดูดผู้คนให้เข้าหาโทเลโด
ใครๆก็ตั้งฉายาให้โทเลโดว่าเป็น The City of the three cultures ที่มาที่ไปของเมือง 3 วัฒนธรรม ก็เพราะทั้งมุสลิม ยิวและคริสต์ ต่างก็ฝากร่องรอยแห่งอดีตทิ้งไว้ในเมืองเก่าแห่งนี้
เมืองโบราณแห่งนี้เคยถูกชาวโรมัน เข้ายึดครองเมื่อ 2,200 ปีมาแล้ว พวกโรมันตั้งชื่อเมืองนี้ว่า“ทอเลทัม”
หลังจากที่อาณาจักรโรมันได้เสื่อมอำนาจลง ก็มีชาติต่างๆ ผลัดกันเข้ามาปกครอง เช่น ชาวยุโรป และชาวอาหรับเผ่าต่างๆ รวมถึงพวกแขกมัวร์ ซึ่งมีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแถบทวีปแอฟริกา จากนั้นกองทัพของชาวคริสเตียน ก็บุกมาโจมตีพวกแขกมัวร์ และกำชัยชนะเหนือพวกแขกมัวร์ได้ในที่สุด
ภายหลังการรวมแคว้นต่างๆ ในสเปนแล้ว ได้มีการประกาศบังคับให้ทุกคนต้องนับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น และห้ามใช้ภาษาอารบิคตั้งแต่ปี ค.ศ.1580
อาจจะมีบางฉากของการช่วงชิง ครอบครอง แต่สิ่งที่เหลือตกค้างไว้ให้โทเลโดคือซากอารยธรรมและวัฒนธรรมลูกผสม ที่ฝังแน่นไว้กับชีวิตประจำวันของลูกหลานชาวโทเลโด
ไม่ว่าอดีตใครจะเป็นมุสลิม ยิว หรือคริสเตียน แต่ทุกวันนี้ชาวโทเลโดใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ใครก็ตามที่ย่างเท้าเข้าทะลุเข้าสู่ด้านในของกำแพงเมืองนี้ ก็จะถูกต้อนรับด้วยสถาปัตยกรรมทั้ง 3 รูปแบบที่ผสมผสานกัน ทั้งโบสถ์สไตล์โกธิค โบสถ์ยิว และสิ่งปลูกสร้างในแบบมุสลิม
สถาปัตยกรรมลูกผสมที่อยู่ใต้ชายคาโทเลโด เขาเรียกกันว่า มูเดคาร์ (Mudejar) นี่แหละสิ่งที่ปรุงแต่งให้เมืองนี้ดูงดงามกลางสายน้ำ จนถูกประเคนตำแหน่งเมืองมรดกโลกให้เมื่อปี 1986
มากกว่าเรื่องประวัติศาสตร์ของอดีตเมืองหลวงสเปนแห่งนี้ ผังเมืองและชัยภูมิเป็นอีก 2 สิ่งที่ผู้คนมักจะพูดถึงโทเลโด
ผังเมืองโบราณของโทเลโด ใครๆก็บอกว่ามีความเป็นเอกลักษณ์ในแง่ของการจัดสร้างเพื่อการปกป้องตัวเองได้เป็นอย่างดี และค่อนข้างสมบูรณ์แบบ
ส่วนชัยภูมิและจุดยุทธศาสตร์ก็ถือว่า 5 ดาว ตัวเมืองทอดตัวอยู่บนเนินเขา และถูกโอบล้อมไว้ด้วยแม่น้ำตาโค (Rio Tajo) มีป้อมปราการ กำแพง และประตูเมืองกั้นเขตเมืองเก่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเอาไว้ภายใน ขณะที่ตัวเมืองใหม่นั้นอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงเมือง
หากมองจากอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำตาโค จะเห็นความสวยงามของเมืองที่สร้างอยู่บนหน้าผาสูง และด้านล่างเป็นแม่น้ำที่มีตลิ่งสูงชัน
แว่บหนึ่งที่ยืนมอง โทเลโดทำให้นึกถึงเมืองเชสกี้ ครุมลอฟในเช็ก อาจจะคลับคล้ายคลับคลา ถึงไม่น่ารักจุ๋มจิ๋มเท่าครุมลอฟ แต่ก็น่ามอง
ถ้าไม่รู้จะไปไหน ขอให้ไปตั้งหลักในย่านเมืองเก่าก่อน เสน่ห์ของโทเลโด คือถนนสายแคบๆปูลาดด้วยหิน ทอดคดเคี้ยวและลาดชันไปทั่วเมืองเก่า
และมุมหนึ่งที่ต้องแวะคือพิพิธภัณฑ์ซานตาครูซ(Museo de Santa Cruz) ที่ด้านนอกเป็นรูปแบบผสมผสานระหว่างโกธิกและสไตล์สเปนแท้ๆ ทำให้หลายคนไม่ยอมเดินผ่านพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไปง่ายๆ ด้านในได้รวบรวบผลงานของเอล เกรโกเอาไว้มากมายหลายชิ้น
ยังมีปราสาทอัลคาซาร์(Alcazar) ที่เด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินสูง ทำให้ นี่เป็นสิ่งปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมในแบบสเปน ที่อยู่บนส่วนยอดสุดของตัวเมืองโทเลโด ปราสาทแห่งนี้เคยมีสภาพเป็นป้อมปราการมาก่อน ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 10
ในช่วงสงครามกลางเมืองของสเปน ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 3 ปีนั้น ปราสาทอัลคาซาร์เคยถูกยึดและถูกปิดล้อมนาน 2 เดือนกว่า ที่นี่ถูกใช้เป็นที่มั่นสำหรับการสู้รบกันอย่างดุเดือด ก่อนที่สงครามจะจบลงด้วยชัยชนะของนายพลฟรังโก
ป้อมนี้จึงมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ที่ชาวเมืองภูมิใจในฐานะที่เป็นป้อมปราการที่ยากแก่การเข้าโจมตีของข้าศึก
ทุกวันนี้ปราสาทอัลคาซาร์ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ และกลายสภาพไปเป็นพิพิธภัณฑ์ทหาร( Military Museum)
ตามสูตรของนักเที่ยว ไปถึงเมืองไหนต้องหาจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ต้องถามหามหาวิหารแห่งโทเลโด(Catedral Primada de Toledo) ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก และความที่เคยเป็นที่ประทับขององค์สังฆราชแห่งสเปน ทำให้ผู้คนสนอกสนใจที่นี่เป็นพิเศษ
และเมื่อมาถึงโทเลโด ใครอยากดูงานภาพเขียนชิ้นที่เป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ เรียกว่าเป็นงานชิ้นแจ่มสุดของจิตรกรใหญชาวกรีซอย่างเอล เกรโก ที่ฝากไว้ในเมืองนี้ ต้องไปที่โบสถ์ซานโต โตเม่(Church of Santo Tome)
ด้านในของโบสถ์นี้ มีภาพเขียนที่มีชื่อเสียงก้องโลกคือภาพเขียนพิธีฝังศพของท่านเคาน์ ออร์กาซ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของ เอล เกรโก เขาเป็นชาวเกาะครีตในประเทศกรีซก็จริง แต่เกรโกหลงใหลเสน่ห์ของโทเลโดจนถึงขั้นมาลงหลักปักฐานที่นี่จวบจนลาโลก
ไปถึงสเปนทั้งที อย่าปล่อยให้โทเลโดลอยนวลเป็นอันขาด เมืองร่ำรวยวัฒนธรรมแบบนี้ต้องตามไปชันสูตรความสวย
From คมชัดลึก