ความคิดเห็นที่ 62 ของผู้ัแสดงความเห็น (คัดลอกจากลิ้งค์เวป คห.2 อ่ะคาฟ)

    
    
1. มหากาพย์คดีลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล ใครคือผู้บงการสังหาร ?

1.1 วันที่ 19 เมษายน 2552
พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ตำรวจเจ้าของคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากเข้ารายการความคืบหน้าในการสอบสวนว่า " “สามารถปิดคดีนี้ได้ทันก่อนเกษียณอายุราชการแน่นอน” “หมายจับที่ออกไปมีหลักฐานชัดเจน เชื่อมโยงถึงผู้ร่วมขบวนการที่จะออกหมายจับเพิ่มอีกประมาณ 10 คน” ... “คดีนี้เจอตอ ชุดพนักงานสืบสวนสอบสวนถูกข่มขู่คุกคาม” ... “มีตำรวจที่ทำตัวเป็นไส้ศึก ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”

1.2 วันที่ 22 มิถุนายน 2552
พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนว่า "“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และผมจะทำคดีให้เสร็จก่อนเกษียณอายุราชการ” และยอมรับถึงอุปสรรคที่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ทั้งที่เวลาผ่านมานานแล้วว่า การทำงานไม่ค่อยราบรื่น แต่ก็พยายามทำ ถ้าไม่มีอะไรก็น่าจะได้ผลเร็วกว่านี้ แต่ปัญหาที่พบก็ทำให้การทำงานช้า ทำให้คนที่ทำงานกลัว แต่ยังไม่มีใครมาข่มขู่ตน ได้แต่สงสารคนทำงานที่จะไม่มีขวัญกำลังใจ ถ้าไม่มีปัญหาจะไปได้ไกลกว่านี้ เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นได้รายงานให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี ถึงกับนึ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนตอบว่านายกรัฐมนตรีก็ทราบและได้ให้กำลังใจ ให้ทำงานต่อ ดังนั้นจะไม่ทำได้อย่างไร ในเมื่อกฎหมายบ้านเมืองก็มีขื่อมีแป หากมีคดีฆ่ากันแล้วตำรวจไม่ทำจะอยู่ได้อย่างไร"

1.3 นายตำรวจที่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวถึง จะต้องเป็นนายตำรวจใหญ่อย่างแน่นอน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องปกปิดเมื่อ
“นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น ได้รับหน้าที่แก้ปัญหาของคดีลอบสังหารนายสนธิ ประกอบไปด้วยโจทย์ ดังนี้
1. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.
2. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.
3. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.
เหล่านี้ คือนายตำรวจผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหาอุปสรรคที่จะทำให้คดีนี้เกิดความล่าช้า จนถึงขั้นมีกระแสข่าวเรียกร้องให้ปลด พล.ต.อ.พัชรวาท ออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร.เพื่อให้พ้นวงจรแห่งอำนาจ หยุดความเสี่ยงที่ตำรวจชุดทำคดีจะถูกคำสั่งโยกย้ายโดยไม่เป็นธรรม แต่เมื่อ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ได้แสดงบทบาทไปตามที่ตนคิด โดยเปิดโอกาส ให้บุคคลทั้ง 4 (รวมความเห็นของ พล.ต.อ.ธานี ด้วย) ได้ทำรายงานชี้แจงปัญหาและอุปสรรคของคดีโดยละเอียด โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ว่า “ใครคือตอ”

1.4 วันที่ 23 กรกฎาคม 2552
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้สวมบทเกี่ยวก้อยกับ “พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ลงตรวจงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดับกระแสปลด “พล.ต.อ.พัชรวาท” พ้น ผบ.ตร. พร้อมกับยืนยันว่า "ตนมีความเชื่อมั่นการทำงานของ พล.ต.อ.พัชรวาท และไม่ใช่ตัวขวางคดียิงนายสนธิ" ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท พูดเสริมอย่างได้ทีว่า "ที่ถูกต้อง พล.ต.อ.ธานี ต้องรายงานความคืบหน้าของคดีให้ตนทราบในฐานะผู้บังคับบัญชาต่างหาก"ต่อมา หลัง “นายสุเทพ” ได้รับรายงานของบุคคลทั้งสี่ เขากลับบอกว่า ในรายงานของ “พล.ต.อ.ธานี” ไม่ได้ระบุว่าใครคือตอ และใครคืออุปสรรคของคดี จึงทำให้เขาไม่สามารถที่จะใช้ดุลพินิจได้ว่าจะทำอย่างไร โดยเฉพาะประเด็นปลด ผบ.ตร. โดยชี้ว่า การโยกย้ายข้าราชการตำรวจมีระเบียบราชการที่ชัดเจน พร้อมกับเสนอให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้ใช้ดุลพินิจในการแก้ปัญหาเอง

1.5 วันที่ 24 กรกฎาคม 2552
เมื่อรายงานของบุคคล 4 คน (คนที่ 1 พล.ต.อ.ธานีคือผู้รับผิดชอบคดีและผู้เปิดประเด็นไส้ศึก) ขณะที่อีก 3 คน (พล.ต.อ.พัชรวาท, พล.ต.ท.อัศวิน, พล.ต.ท. วรพงษ์ คือผู้ที่ตกเป็นบุคคลต้องสงสัยว่าอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรู้เห็นที่จะทำให้คดีล่าช้า มีเนื้อหาที่ขัดแย้งกัน นายอภิสิทธิ์ จึงเรียก พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง เข้าพบเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมๆ กับขีดเส้นว่า ภายใน 1-2 วันนี้ ส่วน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. หลังจากได้เข้าพบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 52 ก็น่าสังเกตว่า พล.ต.อ.ธานี มีอาการเครียด และไม่พูดถึงคดีลอบยิงนายสนธิอีกเลย

1.6 วันที่ 12 มกราคม 2556
เกิดเหตุการณ์ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 และมณฑลทหารบกที่ 11 ตบเท้าแสดงพลังคุกคามหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยผลจากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต. พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ผบ. พล. ร. 11) กล่าวว่า สำนักพิมพ์ผู้จัดการ เป็นปฏิปักษ์กับทหารหลังจากเกิดคดีลอบสังหาร ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความเข้าใจผิด เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นก็มักจะโทษทหารไว้ก่อน แต่มาตอนนี้โกรธทหารเพราะต้องการใช้ทหารเป็นเครื่องมือ แต่ทหารเราไม่เอาด้วย เพราะกองทัพจะต้องกลไกของรัฐบาล ไม้ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตามที่มาถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามการออกมาแสดงความรู้สึกในครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะที่มาก็เคยปกป้อง ผบ.ทบ.ในอดีตมาแล้วไม่ว่าใครจะเป็นผบ.ทบ.ก็ถือว่าเราต้องปกป้องเพื่อศักดิ์ศรีของกองทัพ

1.7 วันที่ 12 มกราคม 2556
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ให้สัมภาษณ์จากต่างประเทศตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายประเด็น รวมทั้งประเด็นของ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ดังนี้ " ที่น่าเสียใจคือ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ มาพูดว่าตนโกรธที่เข้าใจว่าทหารเป็นคนยิง (เมื่อปี 2552) แสดงว่า พล.ต.อภิรัชต์เข้าใจผิด เพราะตนไม่ได้เข้าใจอย่างนั้น แต่เชื่อเลย ถ้า พล.ต.อภิรัชต์อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง ศึกษาข้อมูลข่าวสารบ้าง แทนที่จะไปทำธุรกิจกับนายสนธยา คุณปลื้ม เพื่อนรักที่ทำธุรกิจด้วยกันทางภาคตะวันออก ก็จะรู้ว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน คนหนึ่งคือ ส.ต.ท.วรวุฒิซึ่งเป็นคนสนิทของทวี สอดส่อง ที่ดีเอสไอ อีก 2 คนเป็น ส.อ. และ จ.ส.อ.มาจากศูนย์สงครามพิเศษ อาวุธและกระสุนยืนยันมาแล้วว่ามาจากคลังแสงของกองทัพบก มันทหารร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณไปถามนายคุณที่คุณพยายามจะเชลียร์ นายคุณเป็นคนเซ็นคำสั่งย้ายคนที่มายิงตนไปช่วยราชการในภาคใต้ และมีอีกหลายข้อมูลจาก พล.ต.อ.ธานี เขากำลังจะออกหมายจับพันเอกคนหนึ่งที่ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี แต่ข่าวมันหลุดไปเข้าหูรัฐบาลชุดนั้น เขาเลยให้ระงับการสืบสวนสอบสวนต่อ คดีมันเลยหยุดตรงนี้ มันทหารร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนสัตว์นรกนายพลคนไหนอยู่เบื้องหลัง ตนรู้แต่ไม่อยากพูด"

1.8 วันที่ 19 พฤษภาคม 2556

นายทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินมายังกลุ่มผู้ชุมนุมรำลึก 3 ปี การชุมนุมที่แยกราชประสงค์ มีใจความตอนหนึ่งว่า
1.8.1 "...แต่การปฏิวัติ พี่น้องจำได้มั้ยครับ เดือนสิงหาคมที่วาทกรรมของสลิ่มทั้งหลายที่ว่าคาร์บ๊อง มันคือคาร์บอมจริง ๆ...จ่ายักษ์ให้การว่า จะลอบฆ่าผม ถ้าฆ่าไม่สำเร็จจะปฏิวัติ"
1.8.2 "...พอปฏิวัติ เขาก็แบ่งผลประโยชน์กัน คนนั้นเอานั่นไป คนนี้เอานี่ไป...ไอ้ป๊อกแม่ทัพ 1 หักหลังเพื่อน ก็เอาไปเป็น ผบ.ทบ....เอา พล.อ.ประวิตร ไปเป็นรัฐมนตรีกลาโหม"
1.8.3 "...รัฐบาลต้องมาจากประชาชน....ไม่ใช่วิ่งเข้าค่ายทหาร ให้ไอ้ป๊อกรวม สส. ให้ วันนี้ไอ้ป๊อกไม่อยู่แล้ว..."
1.8.4 "...ไอ้เรื่องฆ่าตัดตอนก็เหมือนกัน พี่น้องครับ....แต่ไปสอบแล้วมันไม่จริง เลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น....คดีวิสามัญ สำรวจแล้วมี 57 คดี การตายผิดธรรมชาติต้องชันสูตรพลิกศพ การตายผิดธรรมชาติต้องทำสำนวนสอบสวน.... พี่น้องครับ มันตรวจแล้วมันไม่มี ผมไม่สามารถไปฆ่าใคร เอาง่าย ๆ ครับ พี่น้อง ตอนที่ผมเป็นนายกอยู่...สนธิ ลิ้ม ออกมาเย้ว ๆ ๆ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาอาสาว่าขอเก็บได้มั้ย ผมบอกไม่ให้ทำ ผมเป็นคนที่ไม่นิยมการกระทำความรุนแรง เรื่องฆ่าคนไม่ถนัด แต่เรื่องที่แข่งขันถนัดมาก...จะแข่งรูปแบบไหนมาสู้กัน เลือกตั้งแข่งกัน มาสู้กัน...แต่ฆ่าคนไม่ใช่นิสัยผม แม้กระทั่ง ตอนที่ผมกลับไปที่บ้านหลังปฏิวัติ อยู่ 4-5 เดือน ผู้ใหญ่คนนั้น ก็มาบอกผมอีกว่า เนี่ยท่านไม่เชื่อผม ฆ่ามันไปก็หมดเรื่องแล้ว ผมบอก เออ ดีแล้ว อย่าไปฆ่ามันน่ะดีแล้ว นี่คือผม นี่ผมเป็นคนเหนือนะ เป็นคนตรง ๆ พูดจริง ๆ ง่ายๆ แบบนี้..."

1.9 ทนายสุวัตร อภัยภักดิ์ แสดงความเห็นในรายการ "คนเคาะข่าว" กรณี ประธานรัฐสภา ร่วมกับ สส. และสว. 312 คน ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และการโฟนอินของนายทักษิณ ในงานรำลึก 3 ปี การชุมนุมราชประสงค์ของคนเสื้อแดง ตอนหนึ่งว่า " ส่วนที่บอกว่ามีคนเสนอฆ่านายสนธิ แต่ตัวเองไม่อนุญาต อย่ามาโม้เลย นายสนธิโดนไป 200 นัด เพราะใคร คำสั่งมาจากดูไบ มาที่กระทรวงกลาโหม ลูกน้องอนุพงษ์บวกกับดีเอสไอ ตัดไฟหมดเลยทำให้ไฟดับ ตำรวจตัดไฟเองแล้วก็ลงมือยิง ขนาดลูกกระสุนยังไม่ลงทุนเลยเป็นของ Royal Thai Army ตนมีหลักฐานทั้งหมด"

จากการลำดับเหตุการณ์ และความเห็นจากภาพจิ๊กซอว์ทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ใครเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับการลอบยิง ด้วยข้อสังเกต ดังนี้

1. "ตอ" ที่ว่าเกิดการสะดุดสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยนักการเมืองกับข้าราชการต่างขั้วการเมืองตกลงผลประโยชน์กัน
2. แม้ พล.ต.อ.อัศวิน จะไม่ใช่ตอ แต่การเมืองในยุคนั้นก็สะท้อน การเมืองในองค์กรได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นว่าพล.ต.อ.อัศวิน อยู่สายประชาธิปัตย์ หลังพ้นราชการแล้วก็เป็นหนึ่งในทีมรองผู้ว่า ของหม่อมสุขุมพันธุ์ นั่นเอง
3. จากคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร สะท้อนให้เห็นว่า ทักษิณให้ค่าของคนต่างกัน ชี้วัดจากสรรพนามนำหน้าชื่อที่เรียกขาน ซึ่งสามารถบอกแง่มุมความรู้สึก และความสัมพันธ์ระหว่างคน ๆ นั้น กับทักษิณได้อย่างมีนัยสำคัญ
4. คดีนี้เป็นคดีระดับชาติ ดังนั้น ข้าราชการที่เกี่ยวข้องแม้จะใหญ่แค่ไหน สามารถสั่งลูกน้องเก่าลงมาเป็นทอดได้ แต่หากไม่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดจริง จะไม่ตัดสินใจบนความเสี่ยงโดยลำพัง ย่อมต้องขออนุมัติจากคนที่สูงสุดเสมอ
5. หากข้าราชการที่เสนอการลอบสังหารได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติ ข้าราชการผู้นั้นย่อมเสนอแก่ผู้ตัดสินใจสูงสุด เพื่อเอาใจหรือลบล้างความผิดแก่ผู้ตัดสินใจนั้น ในฐานะที่ตนได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติ
6. ผู้ต้องหาตามหมายจับมีทั้งตำรวจ และทหาร ตำรวจมาจากสาย DSI ซึ่งหัวหน้าหน่วยงานเป็นคนของทักษิณ
7. สำหรับมุมมองต่อคนที่ทำผิด มี 2 ทางให้เลือก คือ ไม่พูดถึงเรื่องนั้นเลย หรือ ออกปากพูดถึงเรื่องนั้นเพื่อให้คนเข้าใจว่า ที่ตนกล้าพูดเรื่องนั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า ตนไม่เกี่ยวข้องเลย แต่การพูดนี้ มักเป็นการบิดเบือน

2. ผู้ต้องหาตามหมายจับที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง มีชื่อในบัญชีหมายหัวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่กลับไม่พบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พยายามติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีแต่อย่างใด ในยามใกล้ตายผู้ต้องหากลับแสดงตัวอย่างง่ายดาย วิญญูชนทั่วไปย่อมเข้าใจได้ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีความจริงใจในการดำเนินงานดังกล่าว หรืออีกนัยหนึ่งทั้งกองทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลี้ยงข้าราชการนอกแถวเอาไว้ใช้งานนอกราชการอยู่เสมอ ซึ่งเท่ากับว่า อำนาจรัฐเป็นอาชญากรเสียเอง ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งของรัฐราชการแบบไทย

3. เหตุการณ์ทั้งหมดได้ชี้ให้เห็นว่า ไม่มีทางที่ประชาชนจะเป็นใหญ่ได้จริงตามระบอบประชาธิปไตย ตราบใดที่อำนาจกองทัพ หรือตำรวจ เป็นอำนาจรัฐที่ยอมรับใช้ หรือเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกับนักการเมือง และเมื่อเป็นดังนั้น จึงควรยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ไปสังกัดหน่วยงานท้องถิ่น (ในอนาคต อาจหมายถึง จังหวัดที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด) และรับสมัครบุคคลเป็นข้าราชการตำรวจจากพลเรือน แทนการผลิตจากโรงเรียนตำรวจ ซึ่งเลียนแบบการฝึกแบบทหาร เพื่อให้ตำรวจทำงานติดพื้นที่ มีจิตใจรับใช้ประชาชนผู้เสียภาษีมากขึ้น แทนที่จะรับใช้นักการเมืองและเจ้านายที่ให้คุณให้โทษอยู่ในปัจจุบัน และเมื่อปฏิรูปให้ท้องถิ่นเป็นใหญ่ภายใต้ฉันทานุมัติของประชาชนในแต่ละพื้นที่ ก็จะบังคับให้กองทัพสลายความเป็นราชการของตัวเองลง เนื่องจากดุลอำนาจไม่ได้อยู่ที่ศูนย์กลางอำนาจรัฐดังเช่นแต่ก่อน (ปฏิวัติที่กรุงเทพ ชิงได้ทั้งประเทศ) แต่ถูกกระจายไปตามท้องถิ่นจำนวนมาก โดยประชาชนเป็นผู้ถ

ดีเพื่อนๆทุกท่านนะคาฟ

สุพรรณบุรี - “จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา” ผู้ต้องหายิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” และมีหมายจับเป็นมือปืนรับจ้างอันดับที่ 6 ตายแล้ว ด้วยโรคมะเร็งในโพรงจมูก พบนอนเสียชีวิตสภาพร่างกายผอมดำอยู่ในบ้านอย่างน่าเวทนา
       
       เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (24 พ.ค.) ร.ต.ท.วิวัฒน์ เหลืองวัฒนวิไล ร้อยเวร สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งจาก นางคณิตา ศรีเหรา อายุ 34 ปีอยู่บ้านเลขที่ 200 หมู่ 5 ต.จรเข้สามพัน ว่า มีคนเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 201 หมู่ 5 ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรกฤษฏิ์ มาลีสี ผกก. แพทย์ รพ.อู่ทอง ทราบผู้เสียชีวิตชื่อ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อายุ 47 ปีอยู่บ้านเลขที่ 255/70 หมู่ 1 ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี นอนเสียชีวิตสภาพร่างกายผอมดำอยู่ภายในบ้านอย่างน่าเวทนา ตรวจสอบไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใด
       
       จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า จ.ส.อ.ปัญญา ป่วยเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูก เมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ ของวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา มีคนพา จ.ส.อ.ปัญญา มาส่งที่บ้าน ในสภาพผอมแห้งอิดโรย แต่ญาติยังไม่ทันนำส่งโรงพยาบาล จ.ส.อ.ปัญญา ก็เสียชีวิตเสียก่อน ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งโพรงจมูก จึงพิมพ์ลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจพิสูจน์อย่างละเอียด
       
       จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นพบว่า จ.ส.อ.ปัญญา เป็นผู้ต้องหามีหมายจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็นมือปืนรับจ้างอันดับที่ 6

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวมากที่สุดอีกราย และมีรางวัลนำจับถึง 100,000 บาท และมาเสียชีวิตในที่สุด

cr: http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000062508