@@@@ มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)อาทิตย์ที่ 23/6/56:ปู ปรับครม.อันเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าว?

http://ppantip.com/topic/30636384


@@@@ มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง) เสาร์ที่ 22/6/56:หน้ากากขาวกลัวคำขู่ของเป็ด ไหมคาฟ?@@@@


*******************รายชื่อสมาชิกชาว NONแดง (ผู้กล้าประกาศตัวว่าไม่เป็นคนเสื้อแดง)******************


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


หมายเลขต่อไปนี้ รอรับบัตรคาฟ


465  hebing
466  สมาชิกหมายเลข 708295
467  ปัญญชนหลังม่าน
468  พีพีจอมซ่า


ลิ้งค์บัตรสมาชิก


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1

โครงสร้างตลาดสินค้าข้าวภายในประเทศ


ข้อมูลพื้นฐานด้านอุปทานสินค้าข้าวในประเทศ


1. อุปสงค์ อุปทาน กำหนดราคาข้าวได้อย่างไร
2. ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว
3. การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานมีผลต่อราคาข้าวอย่างไร
4. การกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกและของแต่ละประเทศ
5. ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีต่อราคาข้าว

การกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกและของแต่ละประเทศ








cr: http://www.aftc.or.th

เรื่องข้าวนะ จะให้เห็นภาพชัดๆ ยาวหน่อย


...จากข้อมูลของหนูหริ่ง...


ที่เชียร์กันจริงและกล่าวหาผู้เห็นต่างทั้งนักวิชาการ ผู้รู้ ให้ไปเป็นพวกเดียวกันกับนักการเมืองฝ่ายค้านซะงั้น ทั้งที่ไม่แหกตาดูว่านโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดของทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์แสดงเชิด บุญทรงและณัฐวุฒิ ร่วมแสดง มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ทางตรรกศาสตร์ และทำความเสียหายให้ประเทศปีละไม่น้อยกว่าสอง-สามแสนล้านบาท/ปี

ข้ออ่อนของข้อมูลประการที่หนึ่ง
เมื่อรวมผลผลิตข้าวทั่วโลกแล้ว โลกบริโภคข้าวอยูและมีปริมาณการผลิตอยู่ที่ ประมาณ ๔๒๐-๔๙๐ ล้านตัน ขึ้นอยู่สภาพดินฟ้าอากาศและปัจจัยอื่น ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดคือ จีน อินเดีย แต่ปริมาณการผลิตไม่แน่นอน บางปีพอบริโภคในประเทศบางปีไม่พอบริโภคต้องนำเข้า ปริมาณการค้าข้าวในตลาดโลกอยู่ที่ ประมาณ ๒๗-๓๐ ล้านตัน ประเทศไทยก่อนปี พ.ศ. ๒๕๕๔ บริโภคภายในประมาณ ร้อยละ ๔๒-๔๓ ในรูปข้าวสารและผลิตภัณฑ์จากข้าว ที่เหลือส่งออกประมาณร้อยละ ๔๑ รวมๆ รวมประมาณ ๑๐ล้านตันเศษ เป็นการทำผลิตภัณฑ์อื่นและทำพันธุข้าวประมาณร้อยละ ๖-๗ เดิมไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ ๑ ครองตลาดประมาณ ร้อยละ ๓๖ เวียดนามร้อยละ ๒๐

ในการส่งออกข้าว เดิมมีผู้ค้าข้าวส่งออกที่อยู่ในสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศมีสมาชิกอยู่กว่าร้อยราย แต่มีห้าบริษัทใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดในการส่งออกมากถึงประมาณร้อยละสี่สิบเจ็ด

ประเทศไทยเป็นผู้ส่งข้าวอันดับหนึ่งในอดีต เพราะห้าเสือส่งออก ซึ่งประกอบด้วย บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด ซึ่งมักครองส่วนแบ่งการตลาดในแต่ละ ปีมีส่วนแบ่งตลาด 15-16% บริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด ครองส่วนแบ่ง 12-13% บริษัท ไชยพรค้าข้าว จำกัด ครองส่วนแบ่ง 5-6% บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ส่วนแบ่ง 5-6% และบริษัท ไทยฟ้า(2511) จำกัด ครองส่วนแบ่งตลาด 5-6%

ประเทศไทยครองอันดับหนึ่งและกำหนดราคาได้พอสมควร เพราะตลาดเป็นของผู้ขาย ในความเป็นจริงประเทศไทยไม่ใช่ผู้กำหนดราคาส่งออก เพราะมีผู้แข่งขันในการส่งออกที่สำคัญหลายราย เช่น เวียดนาม อินเดีย สหรัฐอเมริกา และปากีสถาน ข้าวไทยมีคุณภาพดีที่สุด ราคาสูงและเป็นที่ต้องการของทั่วโลก จึงส่งออกได้อันดับหนึ่ง ทั้งที่เป็นผู้ผลิตในอันดับที่หกของโลก รองจากเวียดนามที่ผลิตอยู่ในอันดับที่ห้า
แต่เมื่อทำโครงการับจำนำข้าวทุกเมล็ด ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ ๑๕,๐๐๐บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ ๒๐,๐๐๐ บาท ข้อมูลดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ เพราะดูเหมือนว่าตัวเลขของการจำนำข้าว มีตัวเลขเกินกว่า ๗๐ ล้านตันข้าวเปลือก(๑ตันข้าวเปลือกสีได้ข้าวสาร ๖๖๐-๖๘๐ กิโลกรัม) มีข้าวสารประมาณ ๔๕-๔๗ ล้านตัน(มาจากไหน) บริโภคประมาณ ๑๐ล้านตันเศษ ที่เหลือ ???

แนวคิดการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์(ของหนูหริ่ง)คือ

1.กดดันราคาข้าวในตลาดโลกให้สูงขึ้นโดยการดึงข้าวออกจากตลาด
คำตอบ คือ การกดดันราคาข้าวให้สูงขึ้นโดยการดึงข้าวออกจากตลาดทำไม่ได้ในความเป็นจริง เพราะ ทั่วโลกบริโภคข้าวอยู่ที่ ๔๒๐-๔๗๐ ล้านตัน เมื่อดึงข้าวไทยออกจากตลาด ผู้ซื้อข้าวก็จะหันไปซื้อข้าวจากผู้ผลิตรายอื่นแทน เพราะปริมาณการผลิตข้าวในโลกยังมีปริมาณสูงกว่าการบริโภค เพราะทั่วโลกผลิตข้าวโดยรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ ๖๑๐-๖๒๐ ล้านตัน การดึงข้าวไทยออกจากตลาดที่มีส่วน แบ่งในการบริโภค ไม่ทำให้ราคาสูงขึ้น เพราะข้าวในตลาดโลกมีสามระดับ คือ ระดับคุณภาพดี ระดับคุณภาพปานกลาง และระดับคุณภาพต่ำ ขายในตลาดที่ต่างกัน ข้าวไทยจำนวนมากเป็นการขายข้าวคุณภาพสูงในราคาสูงกว่าประเทศอื่น เพราะมีปริมาณข้าวที่เหลือก็จะเข้ามาสู่ตลาดได้ ทำให้ประเทศอื่นขายข้าวได้มากขึ้น เพราะปริมาณการผลิตทั่วโลกมีมากกว่าการบริโภค แต่ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสและตลาดข้าวทันทีที่ดึงข้าวออกจากตลาด

ในสภาพความเป็นจริงการกำหนดราคาจำนำข้าวในราคาสูงกว่าราคาตลาด(เท่ากับการขายขาดเพราไม่มีคนมาไถ่จำนำ) เป็นการดึงข้าวออกจากตลาดทันทีตามธรรมชาติ(ของแพงไม่มีใครซื้อ) แต่ภาระการจัดเก็บและค่าจัดการตกแก่รัฐบาลทันที ในอัตราส่วนที่สูง ข้าวที่ดึงออกจากตลาดไม่ทำให้เกิดการขาดแคลนในตลาดเพิ่มขึ้นจนทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น และข้าวไทยไม่สามารถเป็นผู้กำหนดราคาในตลาดโลกได้อีก เพราะราคาเกินจริง ข้าวที่เก็บไว้เพราะขายไม่ได้ คุณภาพเสื่อมลง(ข้าวเก็บได้ประมาณหกเดือน หลังจากนั้นจะเสื่อมคุณภาพทันที) อ้อ ราคาทั่วโลกที่เขาคิดกันคือคิดราคาข้าวสาร ไม่ใช่ข้าวเปลือกนะครับ (ข้าวเปลือกหนึ่งตัน สีข้าวสารได้ประมาณ ๖๖๐-๖๘๐ กิโลกรัม ) เมื่อข้าวสารขายกันที่ตันละประมาณ ๑๕,๐๐๐บาท ประเทศไทยมีต้นทุนข้าวสาร ประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาท มันก็ได้ราคาข้าวอยู่แต่ไม่มีใครซื้อ หากคุยกันในข้าวและประเภทจะพบราคาที่ประหลาดจนซื้อไม่ลง

2.ตัดวงจรพ่อค้าและโรงสีที่เป็นผู้กำหนดราคาและนำส่วนต่างนี้อัดฉีดลงไปในมือชาวนา
คำตอบ ทำสำเร็จในการตัดวงจรพ่อค้า เพราะบรรดาผู้ส่งออกข้าวของสมาคมผู้ส่งออกต่างประเทศ ไม่สามารถส่งออกข้าวได้ เพราะรัฐรับจำนำทุกเมล็ด(ซื้อขาดทุกเมล็ดเนื่องจากไม่มีคนมาไถ่) ไม่มีข้าวตกไปยังผู้ประการส่งออกห้าเสือค้าข้าว ไม่สามารถกำหนดราคาได้ เพราะรัฐเป็นผู้กำหนดราคาเกินตลาด(ใครค้าต่อในราคานี้เจ๊งทุกราย) แต่ได้ไดโนเสาร์พันทีเร็กซ์มาแทน เพราะตัวใหญ่กว่ากินจุกว่า ตระกระตระกรามกว่า กินเลอะเทอะกระจัดกระจายกว่า แถมไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจค้าขาย เท่ากับเกิดการผูกขาดการค้าข้าวโดยรัฐบาลและรัฐบาลเป็นผู้ผูกขาดการค้าข้าวขึ้นมาทันที(ขัดรัฐธรรมนูญในหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ มาตรา ๘๔) เก็บข้าวจนคุณภาพลด น้ำหนักลด(ความชื้นลดลง) แล้วขายในราคาต่ำให้พวกพ้องเอาไปขายต่อในราคาถูก รัฐขาดทุนเพราะขายของที่เก็บจนด้อยคุณภาพและรัฐซื้อมาในราคสูงกว่าตอนขายออก แถมมีค่าจัดการ ค่าจัดเก็บ ค่ารักษาอีกมากมาย

เอาเงินในการทำโครงการมาจากไหน ก็มาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี (ประมาณร้อยละ ๒๕ ของงบประมาณทั้งปี(สองล้านล้านบาท/ปี) ขาดทุนอย่างนี้ทุกปี ใครเจ๊งครับ ประชาชนครับ ไม่นานจะเห็นการเพิ่มVAT จากร้อยละเจ็ดเป็นร้อยละสิบ หรือมากกว่านั้น(แนวคิดมีอยู่แล้ว) ราคาสินค้าจะสูงขึ้น ใครรับครับรับทุกคนเพราะมันรวมในสินค้าและบริการ ชาวนาไม่เว้น แต่ผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าวที่เซ๊งข้าวด้อยคุณภาพจากรัฐบาลจงเจริญ (สร้างบริเวณไดโนเสาร์ตัวเล็กลง รอกินเศษแต่เป็นพวกพ้องของตน)

3.กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ปลดหนี้ชาวนา กระจายรายได้สู่ชนบท และให้เศรษฐกิจหมุนขึ้นจากล่างสู่บนทั้งระบบ
คำตอบ ระบบเศรษฐกิจข้าวในแต่ละภาคมีความต่างกันหมุนขึ้นจากล่างสู่บนหรือไม่ เป็นคำถามที่สงสัยกัน เพราะในบางพื้นที่อาจได้มากว่าอีกพื้นที่ แต่ที่แน่ๆ โรงสีเป็นผู้ได้กำไรอย่างมากมายมหาศาลทั้งที่ขายข้าวไม่ได้ในหลายพื้นที่ชาวนาได้ราคาข้าวสูงขึ้นแต่ ก็ไม่ถึง ๑๕,๐๐๐ บาท มีการทุจริต สวมสิทธิ อย่างมากมายมหาศาล ชาวนาเห็นตัวเลขแล้วพอใจ เพราะได้ราคาข้าวสูงขึ้น กระจายรายได้ที่มีที่มาจากงบประมาณรายจ่ายของรัฐภาษีของประชาชนทุกภาคส่วนไม่เว้นแม้แต่ชาวนาผันไปสู่โรงสี ผู้ค้าข้าวรายย่อยที่เป็นบริวารไดโนเสาร์ ต่อไปนี้ระบบเศรษฐกิจข้าวจะอยู่ในมือผู้ค้ารายใหญ่เพียงรายเดียวคือรัฐบาล(ผู้รับประโยชน์คือพวกพ้อง) มีโรงสีเป็นบริวารกินค่าต๋งจากการกำหนดราคาจำนำข้าว เป็นการกระจายรายได้ในหมู่นายทุน หากขาดดุลในงบประมาณรายจ่ายเพราการค้าข้าวแบบนี้ทุกปี ภายในห้าปีตัวเลขการใช้หนี้เพราะใช้จ่ายแบบนี้ จะเท่ากับวงเงินงบประมาณหนึ่งปีร้อยเปอร์เซ็นต์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



โครงการรับจำนำ โกงกันอย่างไร เครดิตKorbsak Sabhavasu
https://www.facebook.com/video/video.php?v=387200628051990


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เวียดนามเริ่มต้นโครงการรับซื้อข้าวจากชาวนา



ทางการเวียดนามเริ่มต้นโครงการรับซื้อข้าวจากชาวนาโดยมีการประกันราคาขั้นต่ำให้หลังจากที่ราคาจำหน่ายข้าวในประเทศลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
   
     วันนี้(18 มิ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า  เวียดนามได้เริ่มต้นโครงการรับซื้อข้าวจากชาวนา โดยได้มีการประกันราคาขั้นต่ำให้ หลังจากที่ราคาจำหน่ายข้าวในประเทศลดต่ำลงอย่างน่าใจหาย  ซึ่งทางเวียดนามเพิ่งได้เริ่มเดินหน้าโครงการดังกล่าวที่มอบหมายให้ภาคเอกชนเข้ามาเป็นผู้ร่วมดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ปล่อยเงินกู้ระยะสั้นดอกเบี้ย 0 เปอร์เซนต์ให้แก่เอกชน เพื่อให้เอกชนนำเงินไปซื้อข้าวจากชาวนา โดยมีรัฐบาลประกันราคารับซื้อขั้นต่ำให้ โดยโครงการนี้ จัดทำขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในเวียดนามโดยเฉพาะ ซึ่งรัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ภาคเอกชนจะรับซื้อข้าวได้มากถึง 1 ล้านตัน ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวนี้ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ราคาข้าวกำลังตกต่ำ แต่มีผลผลิตออกมามากเกินความต้องการ โดยข้าวเหล่านี้จะถูกนำไปเก็บไว้ จนกว่าที่ราคาในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น จึงจะนำออกมาจำหน่าย โดยรัฐบาลได้ประกันราคารับซื้อข้าวเปลือกขั้นต่ำเอาไว้ อยู่ที่ กิโลกรัมละ 4,142 ดอง หรือราว 6 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคาที่สูงกว่าท้องตลาดเพียงเล็กน้อย
   
     อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้รับซื้อข้าวจากชาวนาเริ่มกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆที่ทำให้ต้นทุนการรับซื้อเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าขนส่งและค่าแรง นอกจากนี้ ก็ยังมีข้าวคงเหลือที่ยังค้างสต็อกเอาไว้ตั้งแต่ฤดูเก็บเกี่ยวที่แล้ว ซึ่งอาจทำให้ปริมาณการรับซื้อข้าวเพิ่มขึ้นมา กลายเป็นปัญหาซ้ำซ้อนได้ ขณะที่รัฐบาลเวียดนามยืนยันว่า ในช่วงระหว่างนี้ ทางการเวียดนามจะเร่งระบายข้าวโดยการส่งออกมากขึ้น
cr: http://www.tnews.co.th/html/news/60307/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2.html


ความคิดเห็นที่ 3

โพลชี้คนไม่เห็นด้วย!!ลดจำนำข้าว



นิด้าโพล เปิดเผยสำรวจความเห็น พบประชาชนร้อยละ 59.62 ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลลดราคาจำนำข้าวลง ทำชาวนาเป็นหนี้เพิ่ม ชี้ควรแก้ทุจริตคอรัปชันมากกว่า ขณะที่ประชาชนเกินครึ่ง เห็นว่าแนวโน้มคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยก็จะลดลง
       
     วันนี้ (23 มิ.ย.) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การปรับลดราคารับจำนำข้าว” สำรวจระหว่างวันที่ 19–21 มิถุนายน 2556 จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,248 หน่วยตัวอย่าง จากกรณีที่คณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ได้ปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือก จากตันละ 15,000 บาท เป็น 12,000 บาท
         
     จากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 59.62 ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลลดราคาจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100 เปอร์เซ็นต์ จากตันละ 15,000 บาท เป็น 12,000 บาท เพราะเห็นใจเกษตรกร ทำให้มีรายได้จากการขายข้าวลดลง อีกทั้งต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ทำให้ชาวนาเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้น ควรไปแก้ไขการทุจริตคอรัปชันของระบบขั้นตอนจะดีกว่า ขณะที่ร้อยละ 36.62 เห็นด้วย เพราะรัฐบาลไม่ต้องแบกค่าใช่จ่ายส่วนต่างราคาข้าว ซึ่งทำให้รัฐขายข้าวขาดทุน
         
     ด้านความคิดเห็นต่อการรับจำนำข้าวกับการประกันราคาข้าว ว่านโยบายใดที่เกษตรกรจะได้ประโยชน์สูงสุด พบว่า ประชาชนร้อยละ 44.31 ระบุว่า เป็นการประกันราคาข้าว เพราะลดการทุจริตคอรัปชัน มีขั้นตอนที่ตรวจสอบได้ชัดเจนและละเอียดกว่าการรับจำนำ ช่วยให้รัฐบาลไม่ขาดทุน รองลงมา ร้อยละ 29.81 ระบุ ว่าเป็นการรับจำนำข้าว เพราะเกษตรกรจะได้ราคาที่สูงกว่าการประกันข้าวและได้เงินทันทีที่ขายข้าว ทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ และร้อยละ 13.30 เห็นว่าทั้งสองนโยบายไม่ทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์สูงสุด เพราะทั้งสองโครงการมีช่องโหว่ในการทุจริตเหมือนกัน ผลประโยชน์จะตกอยู่ที่โรงสีหรือพ่อค้าคนกลางมากกว่า
       
      เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อแนวโน้มคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย จากการที่รัฐบาลลดราคาจำนำข้าวเปลือก พบว่า ประชาชนร้อยละ 54.17 ระบุว่า ลดลง เพราะฐานคะแนนเสียงส่วนหนึ่งมาจากเกษตรกร ทำให้เกษตรกรรู้สึกผิดหวังกับนโยบายประชานิยมที่เคยได้ให้ไว้ และอาจมีผลกระทบกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการจำนำข้าว ทำให้เครดิตของพรรคเพื่อไทยลดลง ขณะที่ร้อยละ 25.72 ระบุว่าเท่าเดิม เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน จึงไม่น่าจะมีผลแต่อย่างใด คิดว่าประชาชนน่าจะเข้าใจในสถานการณ์ มีเพียงร้อยละ 4.33 ระบุว่า เพิ่มขึ้น เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดทุนในโครงการจำนำข้าวด้าน

-------------------



'จำนำข้าว'ทำคะแนนนิยม'ปู-พท.'ลด


'กรุงเทพโพล'เผย'จำนำข้าว-ซ่อมสส.ดอนเมือง' ทำคะแนนนิยม'นายกฯ'ตก หนุน'ปรับครม.'คณะรัฐมนตรี



      22 มิ.ย.56 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพล) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน จำนวน 1,234 คน ในหัวข้อ "คะแนนนิยมเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งซ่อม สส.ดอนเมือง และผลงานรับจำนำข้าวขาดทุน" พบว่า คะแนนนิยมนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่ร้อยละ 40.4 ลดลงจากผลสำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 ร้อยละ 10.8 (จากเดิมร้อยละ 51.2) ในขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน มีคะแนนนิยมอยู่ที่ ร้อยละ 31.7 ลดลงจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมา ร้อยละ 1.4

      ส่วนคะแนนนิยมพรรคการเมือง พบว่า ร้อยละ 41.0 เลือกพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีคะแนนนิยมลดลงจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมา ร้อยละ 7.8 ขณะที่ร้อยละ 32.4 เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีคะแนนนิยมลดลงจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมา ร้อยละ 2.4 เมื่อถามว่า รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำงานครบวาระ 4 ปี หรือไม่ พบว่า ร้อยละ 55.4 คาดว่า จะทำงานครบวาระ 4 ปี และร้อยละ 45.4 เห็นว่า เวลานี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ควรจะมีการปรับ ครม.

-----------------------------------------------



ปชช.กว่า 80% มั่นใจโครงการจำข้าวรบ.มีทุจริต




     สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องโครงการรับจำนำข้าวต่อเสถียรภาพของรัฐบาล กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ

     นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง โครงการรับจำนำข้าวต่อเสถียรภาพของรัฐบาล กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สมุทรปราการ พะเยา เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ นครพนม สกลนคร สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น นครราชสีมา ชุมพร ตรัง และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 1,432 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 - 22 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน ความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 พบว่า

     จากผลสำรวจเมื่อสอบถามความคิดเห็นของตัวอย่างกรณีการทุจริตคอรัปชั่นในโครงการรับจำนำข้าว นั้นพบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 81.2 คิดว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นในโครงการรับจำนำข้าว ในขณะที่ร้อยละ 18.8 คิดว่าไม่มี นอกจากนี้เมื่อสอบถามต่อไปถึงความเหมาะสม ในการตัดสินใจของรัฐบาลกรณีที่มีการลดราคาจำนำข้าวจาก ตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาทนั้น พบว่า ประมาณ 2 ใน 3 หรือร้อยละ 65.1 เห็นว่าไม่เหมาะสม ในขณะที่ร้อยละ 34.9 เห็นว่าการลดราคาจำนำข้าวดังกล่าวมีความเหมาะสมแล้ว

     อย่างไรก็ตามผลการสำรวจพบว่า ตัวอย่างส่วนมากหรือร้อยละ 63.5 ระบุ "รู้สึกผิดหวัง"ต่อรัฐบาลที่ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนตามที่หาเสียงไว้ กรณีที่มีการปรับราคารับจำนำข้าวจาก ตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาท ในขณะที่ร้อยละ 36.5 ระบุไม่รู้สึกอะไรเลย

     ประเด็นสำคัญที่น่าพิจารณาอย่างยิ่งคือ ตัวอย่างส่วนมากหรือร้อยละ 62.3 ระบุไม่พึงพอใจต่อการบริหารจัดการในโครงการรับจำนำข้าวโดยภาพรวม ในขณะที่ร้อยละ 37.7 ระบุพึงพอใจ และตัวอย่างมากกว่า 2 ใน 3 หรือร้อยละ 74.7 คิดว่าโครงการรับจำนำข้าวส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล โดยมีเพียงร้อยละ 25.3 ที่ระบุว่าไม่ส่งผลกระทบ

     สำหรับความคิดเห็นต่อทางออกที่ดีที่สุดสำหรับนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาในโครงการรับจำนำข้าวนั้น พบว่า ร้อยละ 33.1 ระบุว่าให้ทำงานต่อไปโดยที่ไม่ต้องทำอะไร ในขณะที่ร้อยละ 34.8 ระบุให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี รองลงมาคือ ร้อยละ 18.9 ระบุให้ลาออก และร้อยละ 13.2 ระบุให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามลำดับ

---------------------------------------------------



ขวัญชัยหนุนปรับครม.ขี้เหร่ โละ!! ก.พาณิชย์



ขวัญชัยหนุนปรับครม.ขี้เหร่ให้โละก.พาณิชย์ซัดรมต.ไร้กึ๋นปากอมสากไม่ช่วยนายกแจงลดจำนำข้าว



     วันนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทีนิวส์ กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาสิงคโปร์ว่า ตนเองคงจะไม่ได้ไปพบ เพราะถูกคำสั่งศาลห้ามออกนอกประเทศ แต่จะมีสส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปขอตำแหน่งจากพ.ต.ท.ทักษิณ หลังมีข่าวปรับครม.หรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่า ที่ผ่านมารัฐบาลตอบแทนบุญคุณ สส.และบุคคลต่างๆมาพอแล้ว
    
     ต่อไปนี้น่าจะตอบแทนบุญคุณประชาชนบ้าง โดยการจัดคนมืออาชีพมาทำงาน ไม่อย่างนั้น ครม.ขี้เหร่แน่ เพราะรัฐมนตรีไม่มีกึ๋น ไม่ใช่มืออาชีพ มานั่งเป็นเสนาบดีแต่วิสัยทัศน์ไม่มี บริหารงานไม่เป็น บ้านเมืองก็แย่ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ควรปรับอย่างยิ่ง เพราะขนาดปัญหาลดราคาจำนำข้าว ก็ปล่อยให้นายกรัฐมนตรีออกมาตอบโต้เพียงคนเดียว "คนอื่นอมสากอะไรอยู่ไม่รู้" นายขวัญชัย กล่าว
    
     ส่วน สส.ในพรรคก็กลับมาถล่มรัฐบาล และบางคนก็เอาแต่ผลประโยชน์ มีรถนำให้โก้หรูดูเท่ห์เป็นพอ แต่ทำงานไม่ได้เรื่อง แล้วรัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร เจอแบบนี้กองเชียร์ก็ล้า ประชาชนสับสน ชาวนาก็จะประท้วง รัฐบาลจึงควรออกมาเบรกเกม ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ก่อนจะไปเข้าทางพรรคประชาธิปัตย์ที่รอยุอยู่แล้ว ส่วนกลุ่มหน้ากากขาว ก็พวกประชาธิปัตย์ทั้งนั้น เป็นพวกเลือกข้าง พวกล้มรัฐบาล
cr: http://www.tnews.co.th/html/news/60830/%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88-%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%B0!!-%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B9%8C.html

-----------------------------------------------------------



Allmylike : AML


รายงาน ราคาข้าวในตลาดโลกUpdated on Tuesday, 26 June 2012 21:37



องค์กรอาหารและการเกษตร (FAO) ของ สหประชาชาติ มีรายงานซึ่งคาดการณ์ ว่าในปีนี้ผลผลิตข้าวในตลาดโลกจะสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว

รายงานของ FAO ได้ทำนายไว้ว่า ในปีนี้ผลผลิตข้าวในตลาดโลกจะสูงขึ้น จากปีก่อน 2 เปอร์เซ็น โดยผลผลิตทีเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะอยู่ในแถบทวีปเอเชีย

     ซึ่งผลผลิตจำนวนมากคาดว่า จะมาจากประเทศ บังกลาเทศ,พม่า,จีน,อินเดีย,ปากีสถาน,ฟิลิปปินส์และ รวมถึงไทยด้วย

     รายงานของ FAO ยังทำนายถึง ว่าจะมีการฟื้นตัวของผลผลิตข้าวในแถบทวีแอฟริกาด้วยเช่นกัน ซึ่ง ประเทศที่คาดการณ์กันว่าจะมีปริมาณข้าวเปลือกที่ได้เพิ่มขึ้นนั้น จะประกอบไปด้วย มาลี ไนจีเรีย และ เซนีกัลป์  

     ในส่วนอื่นๆ ของโลกรายงายงาน ยังมีการคาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวในแถบประเทศในทวีปยุโรป และในสหรัฐอเมริกา น่าจะลดต่ำลง ด้วยสองสาเหตุ คือ ปัญหาภัยแล้งที่ในปีนี้ ที่รุนแรงจนผิดปกติ และ ราคาข้าวที่ตกต่ำลง ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่หันไปปลูกพืชชนิดอื่นๆ  ส่วนในทวีปอเมริกากลาง และอเมริกาใต้นั้นคาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตข้าวตกต่ำเป็นอย่างมาก

     คอนเซ็บเซี่ยน คัลป์ นักเศรษฐศาสตร์ของ FAO กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นในเอเชีย ในปีนี้จะทำให้ ปริมาณความต้องการลดน้อยลง อย่างที่เรียกได้ว่าผลผลิตล้นตลาดซึ่งจะนำมาซึ่ง ราคาที่ตกต่ำลง  ซึ่งเธอมองว่า ความต้องการข้าวในตลาดโลกจะลดลงกว่า 9 แสนตัน จาก ประมาณ  34 ล้านตันที่คาดการณ์กันเอาไว้

     Ms. Calpe กล่าวว่า เหตุผลหนึ่งที่ความต้องการข้าว ในตลาดโลกลดน้อยลง เพราะประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ๆ ของโลก อย่าง อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์ หรือ แม้แต่บังคลาเทศ เอง ก็มีผลผลิตข้าวภายในประเทศในปริมาณที่ดี  อันเป็นผลทำให้บางประเทศ อย่างเช่น ฟิลิปปินส์ ได้มีการจำกัดการนำเข้าข้าวสารในปีนี้

     ถึงแม้ปริมาณความต้องการข้าว จะลดน้อยลง แต่ FAO ก็ยอมรับว่าราคาข้าว ยังคงสูงอยู่ด้วยหลายเหตุ หลายปัจจัยเช่น ราคาน้ำมัน  และราคาปุ๋ย หรือในบางพื้นที่อาจจะต้องรวมถึง ราคาแรงงานที่สูงขึ้น

     คัลป์ ซึ่งปัญหาเรื่องราคาข้าวยังคงมีราคาสูงนี้กำลังสร้างปัญหาให้กับทางการจีน ถึงกับมีการตั้งคำถามถึงบันทึกรายงานผลการเก็บเกี่ยวข้าวในปีนี้ ?ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกมาโดยตลอด ในปีนี้รัฐบาลได้มีการ ประกันราคาข้าว ซึ่งเป็นผลทำให้ราคาข้าวของไทยสูงขึ้น อันเป็นผลทำให้ ปริมาณการส่งออกข้าวของไทย ลดต่ำลงถึง 20% ไม่น้อยกว่า 8 ล้านตัน  

     โครง
ความคิดเห็นที่ 25
หวัดดีค่า

ยังคิดแค่จะปรับ ครม...

ถ้าเป็นต่างประเทศ ทำประเทศชาติเสียหายขนาดนี้ เค้าลาออกไปทั้งคณะแล้วค่ะ ไม่หน้าด้านหน้าทนกันอย่างนี้หรอกค่ะ..อุ๊บส์!!

ความคิดเห็นที่ 23


ตอกบัตรเข้านอน ราตรีสวัสดิ์เพื่อนๆชาวนอนแดงทุกคน
ความคิดเห็นที่ 22
ว่ากันเรื่อง การปรับ ครม. คราวนี้ (หรือจะพูดกันให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการหาแพะมารับบาปนั่นแหละครับ)...

ผมเชื่อว่าประเด็นหลักที่ทำให้ต้องปรับ ครม.ก็ไม่พ้นเรื่องโครงการจำนำข้าวนั่นแหละครับ เพราะกระทบฐานเสียงกลุ่มใหญ่ตรงๆตัวเลย หากไม่รีบหาแพะมาบูชายันต์ให้ชาวนาคลายโกรธลงบ้าง ต่อให้ รมต.เสื้อแดงขี่คอกันพูดจนน้ำลายแห้งปาก ก็เชื่อว่าหยุดชาวนาไม่อยู่หรอก...

คิดดูง่ายๆขนาดต้องให้ขบวนการเสื้อแดงแต่งเรื่องหลอกชาวนาว่าที่ รบ.ต้องลดราคารับจำนำข้าวเป็นเพราะพรรคฝ่ายค้านกดดันอมยิ้ม19... เจริญไม๊ครับ เรื่องโง่ๆอย่างนี้ก็แต่งมาหลอกพวกพ้องกันเองได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นคิดคือใคร แต่ก็เห็นอยู่ว่า สุดท้ายก็โง่ดักดานเชื่อตามๆกันมา... จะว่าไป วงจรข่าวของเสื้อแดง มันถือเป็นวงจรอุบาทได้เลยนะครับ... พอมีเสื้อแดงกุข่าวโง่ๆ... คนฟังก็เชื่อแบบโง่ๆ แล้วส่งต่อข่าวไปแบบโง่ๆ แล้วก็เชื่อกันแบบโง่ๆ... แล้วก็ส่งต่อข่าวไปแบบโง่อมยิ้ม20... อ้อ... ถ้ามีคนแย้ง อาจมีแถอย่างโง่ๆด้วย...


ผมว่านะท่าบุญทรงคงรู้ชะตากรรมของตัวเองดีตั้งแต่ออกแถลงการณ์ร่วมกับ รมต.เสื้อแดงแล้ว เห็น แบะะ.. แบะะ.. แบะะะะ... ตลอดรายการ เห็นไม๊ครับ แพะบูชายันต์ตัวแรก... ส่วน รมต.เสื้อแดงที่นั่งข้างๆ นั่นแหละครับคนเชือดแพะ... ส่วนเชือดไปแล้วจะได้รับค่าตอบแทนอย่างไร เดี๋ยวเรามาดูกัน...



เราต้องไม่ลืมนะครับ รบ.นี้ยึดคติ "ได้ดีเพราะพี่ให้" ทราบมาว่าคุณแซม ได้รับการปลอบใจไปแล้ว ส่วนใครจะได้รับการปรับเข้าเราก็คงต้องมาดูว่า ใครจะน่ารัก และนอบน้อมถ่อมตนพอที่จะได้เก้าอี้ไปครอง... งานนี้อาจได้เห็นคางคกขึ้นวอกันบ้างนะครับ ขอให้พี่น้องอดทน... อย่าไปอ้วกให้พวกมันเห็นนะอมยิ้ม35


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่