หลังจากที่ตั้งกระทู้ก่อนหน้าไว้หลายกระทู้ เกี่ยวกับละครศึกรักจอมราชันย์ภาค 2 ซึ่งกำลังออกอากาศอยู่ทางสถานีโทรทัศน์ TVB และใกล้จะลาจอเต็มที เนื้อหาในกระทู้หนึ่งเราว่าไว้ถึงดราม่าเกี่ยวกับความไม่เป็นมืออาชีพของนักเขียนบทละครและการปล่อยปละละเลยของผู้กำกับ ที่แก้บทไปมานับครั้งไม่ถ้วน และส่งบทให้นักแสดงเพียง 1-2 วันก่อนการถ่ายทำเท่านั้น ซึ่งสร้างความยากลำบากในการจดจำคำราชาศัพท์ ศัพท์เฉพาะ และคำโบราณให้แก่นักแสดงเป็นอย่างมาก และขวัญใจเจ้าของกระทู้อย่างสนมหยูเติ้งชุ่ยเหวิน ก็ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวหลายครั้งหลายหนถึงอาการป่วยที่เธอได้รับเพราะสาเหตุเหล่านี้
และเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ได้เกิดสงครามน้ำลายขึ้นใน weibo (ทวิตเตอร์ของจีน) เมื่อเติ้งชุ่ยเหวินได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ที่ปัดความรับผิดชอบของนักเขียนบท ข้อความนั้นมีเนื้อหาที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาจนหนาว เพราะเธอเกริ่นนำไว้แล้วว่า "ฉันไม่มีอะไรจะเสีย" ก่อนที่นักแสดงนำฝ่ายชายในเรื่องอย่างหวงเต๋อปิน จะออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างลอยๆด้วยการโพสตำหนิคนๆนึงใน weibo ส่วนตัวของเค้าโดยไม่ระบุนาม ทว่าทุกคนก็รู้แก่ใจกันดีว่าหมายถึงนางเอกของเรื่องอย่างเติ้งชุ่ยเหวินนั่นเอง!! ส่วนนักแสดงคนอื่นๆยังคงนิ่งเงียบ วางเฉยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ดูจากภาพถ่ายเบื้องหลังก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ความเป็นไปได้ไม่ยาก..
ซึ่งข้อความที่ดังกล่าวที่เจ๊เติ้งโพสไว้ มีเนื้อความดังนี้คือ..
"ฉันไม่มีอะไรพิเศษและไม่มีอะไรจะต้องเสีย ดังนั้นฉันเลยไม่กลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ธรรมชาติของคนเราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก เราต้องช่วยกันรับผิดชอบ เพราะเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ฉันป่วยตอนถ่ายทำช่วงกลางเรื่อง แต่ฉันพยายามปล่อยๆมันไปก็เพื่องาน ถ้าคุณยังอยากทำตัวเหมือนเด็ก ก็ไม่ต้องมาใส่ใจเรื่องเวลาเตรียมตัวของนักแสดงกับทีมงานหรอก แต่คุณจะต้องเป็นคนรับผิดชอบกับผลที่จะตามมา! พวกเราทุกคนก็อยากให้งานออกมาดีด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอก! ฉะนั้นเราถึงต้องยอมรับความผิดพลาดนี้ไปด้วยกัน!"
(ภาพข้อความดังกล่าวจาก weibo)
ล่าสุด.. สถานีโทรทัศน์ TVB ได้แถลงข่าวการตัดสินใจ "แบน" เติ้งชุ่ยเหวินอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย โดยมีเนื้อความดังนี้คือ
"TVB เราให้ความสำคัญกับเชอเรนอยู่ในระดับสูงตลอดมา และเธอเองก็ประสบความสำเร็จจนโลดแล่นอยู่ในวงการได้อย่างโดดเด่นก็เพราะเรา แต่ในเวลานี้.. ขณะที่ละครกำลังประสบปัญหา เธอกลับออกมาโวยวายโดยไม่คำนึงถึงสภาพจิตใจของผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมงานของเธอบางคนเคยเข้ามาคุยกับเราก่อนหน้านี้ถึงพฤติกรรมของเธอที่ทำให้พวกเค้าอึดอัด สำหรับกรณีนี้ทางเราคิดว่าคงจะเป็นการดีกว่า ถ้าพวกเราจะไม่ขอร่วมงานกับเธออีกตั้งแต่นี้เป็นต้นไป!" ซึ่งสาเหตุการแบนครั้งนี้ก็ไม่ใช่อะไรเลย นอกจากเรื่องดังกล่าวนี่เอง!
และนอกจากนี้เติ้งชุ่ยเหวินและ TVB ยังมีปัญหาระหองระแหงก่อนหน้ามาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่เรื่องการประกาศรางวัล TV Queen ที่ค้านสายตาสุดๆเมื่อปี 2004 และ 2006 การดิสเครดิตด้วยการปล่อยข่าวเสียๆหายๆ การมอบบทนางเอกของเรื่องยอดหญิงจอมทระนงภาค 3 ให้นักแสดงหญิงคนอื่นโดยไม่มีใครติดต่อไป การถ่ายทำวิดีโออธิบายเนื้อเรื่องละครศึกรักจอมราชันย์ภาค 2 ที่ไม่มีใครเชิญเธออีกเช่นกัน ประเด็นสำคัญอีกข้อหนึ่ง คือเจ๊เติ้งเป็นเพียงนักแสดงไม่กี่คนที่กล้าปฏิเสธละครที่ TVB หยิบยื่นมาให้!!! และอีกมากมายหลายเรื่อง ซึ่งสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้แก่บรรดาแฟนคลับและแฟนละครชาวฮ่องกงเป็นอย่างมาก บ้างก็บอกว่า TVB พยายามทำตัวจะเป็น CCTV ฮ่องกง บ้างก็บอกว่า TVB ช่างเป็นเผด็จการเสียนี่กระไร ตั้งแต่เรื่องเลี้ยงดาราในสังกัดเยี่ยงทาส งานหนัก เงินน้อย ห้ามมีปากเสียง ซึ่งข้อสุดท้ายช่างห่างไกลตัวตนของเติ้งชุ่ยเหวินอย่างลิบลับ เพราะเธอเป็นคนปากตรงกับใจ ไม่ประจบเสแสร้งและไม่ใช่คนที่ขยาดขลาดกลัวองค์กร จึงมักจะเห็นเธอแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาอยู่บ่อยๆ เช่นโปรดัคชันละครพีเรียดแย่เกินไป(ชุดซ้ำซากจนจำได้, ฉากไม่สมจริง ไม่ค่อยลงทุนถ่ายทำในสถานที่จริง) การทำงานที่หนักเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพของนักแสดงแต่กลับได้ค่าแรงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน(นักแสดงบางคนป่วยจะตายก็ต้องหอบสังขารมาเล่น) เป็นต้น
(กรณีนี้เราขอชี้แจงเป็นการส่วนตัว ในฐานะที่ตามเจ๊เติ้งและละครเรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มโปรเจ็คจนถ่ายทำเสร็จ เจ๊เติ้งไม่ได้เพิ่งจะออกมาบ่นหรือโวยวายถึงเรื่องบทแต่อย่างใด เธอพูดเรื่องนี้มาซักพักแล้วและหลายครั้งหลายหนก่อนละครจะออกอากาศเสียอีก ซึ่งส่วนตัวเราว่าเรื่องบทมีผลมากทีเดียว เพราะละครจะดังไม่ดังมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักแสดง มันขึ้นอยู่ที่บทเป็นอันดับ 1 นักแสดงจึงรองลงมาเป็นอันดับ 2 การที่นักแสดงได้รับบทก่อนถ่ายทำเพียงไม่นาน ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมตัวและแสดงออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งนักแสดงหลายคนในเรื่องนี้ถูกตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าแสดงเหมือนท่องบท ก็เพราะสาเหตุนี้เอง ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่เป็นมืออาชีพของคู่หูผู้กำกับ-นักเขียนบทจริงๆ กรณีนี้เราเห็นด้วยกับเจ๊เติ้งโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
แต่ถามว่าแถลงการณ์ของ TVB มีน้ำหนักมั้ย? แน่นอนว่าก็มีเหมือนกัน อู๋หย่งเว่ยเองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่ากลัวเจ๊เติ้งมาก เพราะเจ๊เติ้งเป็นนักแสดงประเภท Perfectionist และจริงจังกับงานมาก อยากให้งานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าความจริงจังคงจะแผ่ความกดดันให้คนอื่นไม่มากก็น้อย และเรื่อง flying paper ก็ใช่จะเพิ่งเกิดขึ้นมาครั้งแรก ทว่านักเขียนบทคนนี้ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ศึกรักจอมราชันย์ภาค 1 เลยนั่นล่ะค่ะ!! When heaven burns ก็อีกเรื่อง ทุกคนรู้กันดีกับสไตล์การทำงานของคู่หูสองคนนี้ เจ๊เติ้งก็รู้ค่ะ(แต่ลืม) แต่ที่เธอรับเล่น เพราะเธอตั้งใจจะออกจาก TVB ไปเป็นนักแสดงอิสระอยู่แล้ว และเพราะภาค 1 นี้ทำให้เธอกลับมาดังเป็นพลุแตก เลยอยากกลับมาแสดงบทนี้อีก และแก้ไขข้อผิดพลาดเมื่อครั้งแสดงไว้ในภาคแรก ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้เพราะดูเป็นพากย์ไทย แต่คนฮ่องกงยืนยันได้ดีว่าตอนนั้นใครพูดอย่างไหลลื่น ใครพูดเหมือนท่องบท และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เจ๊เติ้งเคยปล่อยโฮ(อย่างเงียบๆคนเดียว)ตอนดูเทปการแสดงของตัวเองด้วย เพราะเธอคาดหวังกับตัวเองไว้มาก กดดันตัวเองไว้สูง และคิดว่าที่เล่นมาน่ะมันช่างไม่น่าพอใจเอาเสียเลย! หยูเฟยที่ทุกคนปลาบปลื้มในฝีมือการแสดง กลับให้คะแนนตัวเองเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!!!! ซึ่งหลินเป่าอี้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้เอง จึงไม่แปลกใจที่เจ๊แกจะเครียดกับการทำงานของภาค 2 จนเป็น Mental disorder ไปช่วงนึง!)
เรื่องแบนจะจบยังไงต่อไปยังไม่อาจบอกได้ ศึกรักจอมราชันย์ภาค 2 จะฉายต่อจนจบหรือไม่ก็อาจวางใจ แต่ส่วนตัวเราเชื่อว่าถ้าเจ๊เติ้งกล้าพูดว่า "ไม่มีอะไรจะเสีย" จน TVB ต้องสนองนีทให้ขนาดนี้ เธอก็ต้องพร้อมยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้วล่ะค่ะ ซึ่งเรามั่นใจ 100% ว่ายังมีละครที่แผ่นดินใหญ่อีกหลายเรื่องที่รอให้เจ๊ไปแสดงอย่างแน่นอน!!! น่าเสียดายที่ครั้งนึง TVB เคยพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อรักษาเธอไว้ให้ต่อสัญญา แต่ในเมื่อ TVB ยังคงยืนกรานที่จะบริหารงานแบบนี้ ก็ไม่อาจการันตีอนาคตภายภาคหน้าได้ว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือบุคลากรที่อุตส่าห์ปั้นมากับมืออยู่อีกกี่คน..
(สถานการณ์ภายในเป็นยังไงก็ดูได้จากภาพเนาะ weibo เช่นเคยค่ะ)
ปล. แก้ไขล่าสุด.. TVB ออกมาประกาศแล้วนะคะ ว่าปีหน้าหรือก็คือปี 2014 บทละครทุกเรื่องที่จะถ่ายทำจะต้องมีความยาวประมาณ 80% ของเนื้อเรื่อง ไม่ใช่ถ่ายไปเขียนไป หรือคิดโปรเจ็คถ่ายทำโดยไม่มีตัวบทแบบที่เคยเป็นมาอีกแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ๊เติ้งนะคะ ถ้าเค้าไม่ออกมาพูดเรื่องนี้ TVB ก็จะไม่ปรับปรุงแก้ไขใดๆทั้งสิ้น ยังคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลต่อไป และก็ต้องขอบใจด้วยที่อุตส่าห์ไล่คนพูดออก เหอะๆ.. (ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไรต้องเสีย แต่เราว่าเจ๊เติ้งเสียนะคะ อย่างน้อยก็คือเสียใจ ขนาดแฟนคลับยังหน้าชาไปตามๆกันเลย รวมถึงเราด้วย)
ศึกรักจอมราชันย์ภาค 2 กับความคิดเห็นส่วนตัวแบบมึนๆของตัวเรา
เราเชื่อว่าใครที่เข้ามาห้องนี้บ่อยๆ คงจะเห็นกระทู้เราบ้างผ่านๆตานะคะ ซึ่งล่าสุดก็คือกระทู้เรื่องย่อละครศึกรัก 2 ตอน 2-4 นั่นเอง แล้วก็หายไปเลย.. ไม่มาเขียนต่อ จนล่าสุดละครเล่นไป 20 กว่าตอนแล้ว อาทิตย์หน้าก็คงจะจบหากไม่เกิดอะไรขึ้นเสียก่อน ส่วนสาเหตุที่เราไม่ได้มาเขียนต่อส่วนนึงก็คือไม่ค่อยว่าง เพราะมันต้องดูไป ทำความเข้าใจไป เขียนไป จับภาพไป ซึ่งมันเหนื่อยและกินเวลาพอสมควร เราก็เลยพักไปเพราะกะจะรวบยอดทีเดียวแต่ก็ไม่ทำได้ซักที
และอย่างที่เคยว่าไว้เมื่อหลายเดือนก่อนว่าเรื่องนี้แค่ทำได้เสมอตัวกับภาค 1 ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว แต่นี่.. เอาเป็นว่าคะแนนเต็ม 10 เราให้ 3!!! เสื้อผ้าหน้าผมไม่อลังเรายอมได้.. นักแสดงไม่สาวไม่ปิ๊งเราไม่เกี่ยง.. เน้นขันทีนางกำนัลเราโอเค.. เจ๊เติ้งออกน้อยเราทนได้!! แต่.. สิ่งที่เหลือเกินจริงๆก็คือบทของเรื่องค่ะ มันเนือยมาก.. รู้สึกไม่ค่อยมีทริคหรือขับเคี่ยวอะไรกันเท่าไหร่ ออกแนวละครครอบครัวด้วยซ้ำ เพราะคนในวังอยู่กันอย่างสงบสุขมาก สนมนางกำนัลก็รักกันดี เหตุการณ์ต่างๆภายในเรื่องเกิดจากการทะเลาะกันของหยูเยียะกับหยวนเซ่าหรือฉุนไท่เฟ่ยผู้น้องเสียมากกว่า
นอกจากนี้เนื้อเรื่องในภาค 1 ทั้งหมด กลับตาลปัตรกลายเป็นเพียงแค่ข่าวลือและเรื่องเล่าเอามันของไพร่ฟ้าประชาชนในภาค 2 เท่านั้น! เอาเป็นว่าถ้าใครรักและประทับใจในภาค 1 มาก เราก็ไม่อยากให้มาดูซักเท่าไหร่หรอกค่ะ ถึงจะคิดซะว่าเป็นคนละเรื่องกันไปเลย ก็ยังไม่อยากให้ดูอยู่ดี เพราะมันแทบไม่มีอะไรดึงดูดใจเลย กระทั่งเราที่นอนดึกมาเป็นเวลาร่วมสิบปี ยังเข้านอนตอน 3 ทุ่มได้เป็นครั้งแรกก็เพราะละครเรื่องนี้! คิดดูซี๊ว่ามันง่วงขนาดไหน.. ส่วนตัวเราคงจะดูต่อไปจนจบค่ะ เพราะอยากดูฉากเลิฟซีนแบบจูบจริงของเจ๊เติ้งกับเฉินห้าว และฉากกบฏบุกวังหลวงที่หยูเฟยโดนทำร้ายเท่านั้นเอง.. ถ้าไม่มีฉากพวกนี้ก็คงทนดูมาได้จนถึงตอนนี้ไม่ไหวแน่ แต่ถ้าใครอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็สามารถไปแวะเวียนดูได้ที่เว็บ azdrama.net แล้วอย่าลืมมาคุยกันนะคะ.
**แก้ไข - เพิ่มคำแถลงการณ์จาก TVB และอีก 1 ย่อหน้า
ดราม่าร้อนต้อนรับกลางปี เมื่อ TVB แบนเติ้งชุ่ยเหวิน!!
หลังจากที่ตั้งกระทู้ก่อนหน้าไว้หลายกระทู้ เกี่ยวกับละครศึกรักจอมราชันย์ภาค 2 ซึ่งกำลังออกอากาศอยู่ทางสถานีโทรทัศน์ TVB และใกล้จะลาจอเต็มที เนื้อหาในกระทู้หนึ่งเราว่าไว้ถึงดราม่าเกี่ยวกับความไม่เป็นมืออาชีพของนักเขียนบทละครและการปล่อยปละละเลยของผู้กำกับ ที่แก้บทไปมานับครั้งไม่ถ้วน และส่งบทให้นักแสดงเพียง 1-2 วันก่อนการถ่ายทำเท่านั้น ซึ่งสร้างความยากลำบากในการจดจำคำราชาศัพท์ ศัพท์เฉพาะ และคำโบราณให้แก่นักแสดงเป็นอย่างมาก และขวัญใจเจ้าของกระทู้อย่างสนมหยูเติ้งชุ่ยเหวิน ก็ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวหลายครั้งหลายหนถึงอาการป่วยที่เธอได้รับเพราะสาเหตุเหล่านี้
และเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ได้เกิดสงครามน้ำลายขึ้นใน weibo (ทวิตเตอร์ของจีน) เมื่อเติ้งชุ่ยเหวินได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ที่ปัดความรับผิดชอบของนักเขียนบท ข้อความนั้นมีเนื้อหาที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาจนหนาว เพราะเธอเกริ่นนำไว้แล้วว่า "ฉันไม่มีอะไรจะเสีย" ก่อนที่นักแสดงนำฝ่ายชายในเรื่องอย่างหวงเต๋อปิน จะออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างลอยๆด้วยการโพสตำหนิคนๆนึงใน weibo ส่วนตัวของเค้าโดยไม่ระบุนาม ทว่าทุกคนก็รู้แก่ใจกันดีว่าหมายถึงนางเอกของเรื่องอย่างเติ้งชุ่ยเหวินนั่นเอง!! ส่วนนักแสดงคนอื่นๆยังคงนิ่งเงียบ วางเฉยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ดูจากภาพถ่ายเบื้องหลังก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ความเป็นไปได้ไม่ยาก..
ซึ่งข้อความที่ดังกล่าวที่เจ๊เติ้งโพสไว้ มีเนื้อความดังนี้คือ..
"ฉันไม่มีอะไรพิเศษและไม่มีอะไรจะต้องเสีย ดังนั้นฉันเลยไม่กลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ธรรมชาติของคนเราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก เราต้องช่วยกันรับผิดชอบ เพราะเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ฉันป่วยตอนถ่ายทำช่วงกลางเรื่อง แต่ฉันพยายามปล่อยๆมันไปก็เพื่องาน ถ้าคุณยังอยากทำตัวเหมือนเด็ก ก็ไม่ต้องมาใส่ใจเรื่องเวลาเตรียมตัวของนักแสดงกับทีมงานหรอก แต่คุณจะต้องเป็นคนรับผิดชอบกับผลที่จะตามมา! พวกเราทุกคนก็อยากให้งานออกมาดีด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอก! ฉะนั้นเราถึงต้องยอมรับความผิดพลาดนี้ไปด้วยกัน!"
(ภาพข้อความดังกล่าวจาก weibo)
ล่าสุด.. สถานีโทรทัศน์ TVB ได้แถลงข่าวการตัดสินใจ "แบน" เติ้งชุ่ยเหวินอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย โดยมีเนื้อความดังนี้คือ "TVB เราให้ความสำคัญกับเชอเรนอยู่ในระดับสูงตลอดมา และเธอเองก็ประสบความสำเร็จจนโลดแล่นอยู่ในวงการได้อย่างโดดเด่นก็เพราะเรา แต่ในเวลานี้.. ขณะที่ละครกำลังประสบปัญหา เธอกลับออกมาโวยวายโดยไม่คำนึงถึงสภาพจิตใจของผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมงานของเธอบางคนเคยเข้ามาคุยกับเราก่อนหน้านี้ถึงพฤติกรรมของเธอที่ทำให้พวกเค้าอึดอัด สำหรับกรณีนี้ทางเราคิดว่าคงจะเป็นการดีกว่า ถ้าพวกเราจะไม่ขอร่วมงานกับเธออีกตั้งแต่นี้เป็นต้นไป!" ซึ่งสาเหตุการแบนครั้งนี้ก็ไม่ใช่อะไรเลย นอกจากเรื่องดังกล่าวนี่เอง!
และนอกจากนี้เติ้งชุ่ยเหวินและ TVB ยังมีปัญหาระหองระแหงก่อนหน้ามาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่เรื่องการประกาศรางวัล TV Queen ที่ค้านสายตาสุดๆเมื่อปี 2004 และ 2006 การดิสเครดิตด้วยการปล่อยข่าวเสียๆหายๆ การมอบบทนางเอกของเรื่องยอดหญิงจอมทระนงภาค 3 ให้นักแสดงหญิงคนอื่นโดยไม่มีใครติดต่อไป การถ่ายทำวิดีโออธิบายเนื้อเรื่องละครศึกรักจอมราชันย์ภาค 2 ที่ไม่มีใครเชิญเธออีกเช่นกัน ประเด็นสำคัญอีกข้อหนึ่ง คือเจ๊เติ้งเป็นเพียงนักแสดงไม่กี่คนที่กล้าปฏิเสธละครที่ TVB หยิบยื่นมาให้!!! และอีกมากมายหลายเรื่อง ซึ่งสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้แก่บรรดาแฟนคลับและแฟนละครชาวฮ่องกงเป็นอย่างมาก บ้างก็บอกว่า TVB พยายามทำตัวจะเป็น CCTV ฮ่องกง บ้างก็บอกว่า TVB ช่างเป็นเผด็จการเสียนี่กระไร ตั้งแต่เรื่องเลี้ยงดาราในสังกัดเยี่ยงทาส งานหนัก เงินน้อย ห้ามมีปากเสียง ซึ่งข้อสุดท้ายช่างห่างไกลตัวตนของเติ้งชุ่ยเหวินอย่างลิบลับ เพราะเธอเป็นคนปากตรงกับใจ ไม่ประจบเสแสร้งและไม่ใช่คนที่ขยาดขลาดกลัวองค์กร จึงมักจะเห็นเธอแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาอยู่บ่อยๆ เช่นโปรดัคชันละครพีเรียดแย่เกินไป(ชุดซ้ำซากจนจำได้, ฉากไม่สมจริง ไม่ค่อยลงทุนถ่ายทำในสถานที่จริง) การทำงานที่หนักเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพของนักแสดงแต่กลับได้ค่าแรงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน(นักแสดงบางคนป่วยจะตายก็ต้องหอบสังขารมาเล่น) เป็นต้น
(กรณีนี้เราขอชี้แจงเป็นการส่วนตัว ในฐานะที่ตามเจ๊เติ้งและละครเรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มโปรเจ็คจนถ่ายทำเสร็จ เจ๊เติ้งไม่ได้เพิ่งจะออกมาบ่นหรือโวยวายถึงเรื่องบทแต่อย่างใด เธอพูดเรื่องนี้มาซักพักแล้วและหลายครั้งหลายหนก่อนละครจะออกอากาศเสียอีก ซึ่งส่วนตัวเราว่าเรื่องบทมีผลมากทีเดียว เพราะละครจะดังไม่ดังมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักแสดง มันขึ้นอยู่ที่บทเป็นอันดับ 1 นักแสดงจึงรองลงมาเป็นอันดับ 2 การที่นักแสดงได้รับบทก่อนถ่ายทำเพียงไม่นาน ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมตัวและแสดงออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งนักแสดงหลายคนในเรื่องนี้ถูกตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าแสดงเหมือนท่องบท ก็เพราะสาเหตุนี้เอง ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่เป็นมืออาชีพของคู่หูผู้กำกับ-นักเขียนบทจริงๆ กรณีนี้เราเห็นด้วยกับเจ๊เติ้งโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
แต่ถามว่าแถลงการณ์ของ TVB มีน้ำหนักมั้ย? แน่นอนว่าก็มีเหมือนกัน อู๋หย่งเว่ยเองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่ากลัวเจ๊เติ้งมาก เพราะเจ๊เติ้งเป็นนักแสดงประเภท Perfectionist และจริงจังกับงานมาก อยากให้งานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าความจริงจังคงจะแผ่ความกดดันให้คนอื่นไม่มากก็น้อย และเรื่อง flying paper ก็ใช่จะเพิ่งเกิดขึ้นมาครั้งแรก ทว่านักเขียนบทคนนี้ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ศึกรักจอมราชันย์ภาค 1 เลยนั่นล่ะค่ะ!! When heaven burns ก็อีกเรื่อง ทุกคนรู้กันดีกับสไตล์การทำงานของคู่หูสองคนนี้ เจ๊เติ้งก็รู้ค่ะ(แต่ลืม) แต่ที่เธอรับเล่น เพราะเธอตั้งใจจะออกจาก TVB ไปเป็นนักแสดงอิสระอยู่แล้ว และเพราะภาค 1 นี้ทำให้เธอกลับมาดังเป็นพลุแตก เลยอยากกลับมาแสดงบทนี้อีก และแก้ไขข้อผิดพลาดเมื่อครั้งแสดงไว้ในภาคแรก ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้เพราะดูเป็นพากย์ไทย แต่คนฮ่องกงยืนยันได้ดีว่าตอนนั้นใครพูดอย่างไหลลื่น ใครพูดเหมือนท่องบท และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เจ๊เติ้งเคยปล่อยโฮ(อย่างเงียบๆคนเดียว)ตอนดูเทปการแสดงของตัวเองด้วย เพราะเธอคาดหวังกับตัวเองไว้มาก กดดันตัวเองไว้สูง และคิดว่าที่เล่นมาน่ะมันช่างไม่น่าพอใจเอาเสียเลย! หยูเฟยที่ทุกคนปลาบปลื้มในฝีมือการแสดง กลับให้คะแนนตัวเองเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!!!! ซึ่งหลินเป่าอี้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้เอง จึงไม่แปลกใจที่เจ๊แกจะเครียดกับการทำงานของภาค 2 จนเป็น Mental disorder ไปช่วงนึง!)
เรื่องแบนจะจบยังไงต่อไปยังไม่อาจบอกได้ ศึกรักจอมราชันย์ภาค 2 จะฉายต่อจนจบหรือไม่ก็อาจวางใจ แต่ส่วนตัวเราเชื่อว่าถ้าเจ๊เติ้งกล้าพูดว่า "ไม่มีอะไรจะเสีย" จน TVB ต้องสนองนีทให้ขนาดนี้ เธอก็ต้องพร้อมยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้วล่ะค่ะ ซึ่งเรามั่นใจ 100% ว่ายังมีละครที่แผ่นดินใหญ่อีกหลายเรื่องที่รอให้เจ๊ไปแสดงอย่างแน่นอน!!! น่าเสียดายที่ครั้งนึง TVB เคยพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อรักษาเธอไว้ให้ต่อสัญญา แต่ในเมื่อ TVB ยังคงยืนกรานที่จะบริหารงานแบบนี้ ก็ไม่อาจการันตีอนาคตภายภาคหน้าได้ว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือบุคลากรที่อุตส่าห์ปั้นมากับมืออยู่อีกกี่คน..
(สถานการณ์ภายในเป็นยังไงก็ดูได้จากภาพเนาะ weibo เช่นเคยค่ะ)
ปล. แก้ไขล่าสุด.. TVB ออกมาประกาศแล้วนะคะ ว่าปีหน้าหรือก็คือปี 2014 บทละครทุกเรื่องที่จะถ่ายทำจะต้องมีความยาวประมาณ 80% ของเนื้อเรื่อง ไม่ใช่ถ่ายไปเขียนไป หรือคิดโปรเจ็คถ่ายทำโดยไม่มีตัวบทแบบที่เคยเป็นมาอีกแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ๊เติ้งนะคะ ถ้าเค้าไม่ออกมาพูดเรื่องนี้ TVB ก็จะไม่ปรับปรุงแก้ไขใดๆทั้งสิ้น ยังคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลต่อไป และก็ต้องขอบใจด้วยที่อุตส่าห์ไล่คนพูดออก เหอะๆ.. (ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไรต้องเสีย แต่เราว่าเจ๊เติ้งเสียนะคะ อย่างน้อยก็คือเสียใจ ขนาดแฟนคลับยังหน้าชาไปตามๆกันเลย รวมถึงเราด้วย)
ศึกรักจอมราชันย์ภาค 2 กับความคิดเห็นส่วนตัวแบบมึนๆของตัวเรา
เราเชื่อว่าใครที่เข้ามาห้องนี้บ่อยๆ คงจะเห็นกระทู้เราบ้างผ่านๆตานะคะ ซึ่งล่าสุดก็คือกระทู้เรื่องย่อละครศึกรัก 2 ตอน 2-4 นั่นเอง แล้วก็หายไปเลย.. ไม่มาเขียนต่อ จนล่าสุดละครเล่นไป 20 กว่าตอนแล้ว อาทิตย์หน้าก็คงจะจบหากไม่เกิดอะไรขึ้นเสียก่อน ส่วนสาเหตุที่เราไม่ได้มาเขียนต่อส่วนนึงก็คือไม่ค่อยว่าง เพราะมันต้องดูไป ทำความเข้าใจไป เขียนไป จับภาพไป ซึ่งมันเหนื่อยและกินเวลาพอสมควร เราก็เลยพักไปเพราะกะจะรวบยอดทีเดียวแต่ก็ไม่ทำได้ซักที
และอย่างที่เคยว่าไว้เมื่อหลายเดือนก่อนว่าเรื่องนี้แค่ทำได้เสมอตัวกับภาค 1 ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว แต่นี่.. เอาเป็นว่าคะแนนเต็ม 10 เราให้ 3!!! เสื้อผ้าหน้าผมไม่อลังเรายอมได้.. นักแสดงไม่สาวไม่ปิ๊งเราไม่เกี่ยง.. เน้นขันทีนางกำนัลเราโอเค.. เจ๊เติ้งออกน้อยเราทนได้!! แต่.. สิ่งที่เหลือเกินจริงๆก็คือบทของเรื่องค่ะ มันเนือยมาก.. รู้สึกไม่ค่อยมีทริคหรือขับเคี่ยวอะไรกันเท่าไหร่ ออกแนวละครครอบครัวด้วยซ้ำ เพราะคนในวังอยู่กันอย่างสงบสุขมาก สนมนางกำนัลก็รักกันดี เหตุการณ์ต่างๆภายในเรื่องเกิดจากการทะเลาะกันของหยูเยียะกับหยวนเซ่าหรือฉุนไท่เฟ่ยผู้น้องเสียมากกว่า
นอกจากนี้เนื้อเรื่องในภาค 1 ทั้งหมด กลับตาลปัตรกลายเป็นเพียงแค่ข่าวลือและเรื่องเล่าเอามันของไพร่ฟ้าประชาชนในภาค 2 เท่านั้น! เอาเป็นว่าถ้าใครรักและประทับใจในภาค 1 มาก เราก็ไม่อยากให้มาดูซักเท่าไหร่หรอกค่ะ ถึงจะคิดซะว่าเป็นคนละเรื่องกันไปเลย ก็ยังไม่อยากให้ดูอยู่ดี เพราะมันแทบไม่มีอะไรดึงดูดใจเลย กระทั่งเราที่นอนดึกมาเป็นเวลาร่วมสิบปี ยังเข้านอนตอน 3 ทุ่มได้เป็นครั้งแรกก็เพราะละครเรื่องนี้! คิดดูซี๊ว่ามันง่วงขนาดไหน.. ส่วนตัวเราคงจะดูต่อไปจนจบค่ะ เพราะอยากดูฉากเลิฟซีนแบบจูบจริงของเจ๊เติ้งกับเฉินห้าว และฉากกบฏบุกวังหลวงที่หยูเฟยโดนทำร้ายเท่านั้นเอง.. ถ้าไม่มีฉากพวกนี้ก็คงทนดูมาได้จนถึงตอนนี้ไม่ไหวแน่ แต่ถ้าใครอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็สามารถไปแวะเวียนดูได้ที่เว็บ azdrama.net แล้วอย่าลืมมาคุยกันนะคะ.
**แก้ไข - เพิ่มคำแถลงการณ์จาก TVB และอีก 1 ย่อหน้า