ก่อนอื่นขอชี้แจงในเบื้องต้นว่าเจ้าของกระทู้เขียนเรื่องนี้ขึ้นเพราะมีเจตนาเพียงต้องการคำแนะนำหรือความช่วยเหลือจากเพื่อนๆในพันทิป มิได้มีเจตนาดูหมิ่นหรือใส่ร้าย วิชาชีพทนายหรือองค์กรใดๆทั้งสิ้น ถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใดจากคำบอกเล่าของเจ้าของกระทู้กล่าวล่วงไปถึงหรือทำให้ผู้ใดไม่พอใจ เจ้าของกระทู้กราบขออภัยมา มา ณ.โอกาสนี้
เรื่องคือ เมือวานนี้ 21พค.56 เจ้าของกระทู้พาแม่ไปปรึกษาและขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย เนื่องจากถูกสามีคือพ่อของเจ้าของกระทู้เองเอาเปรียบและทำร้ายอย่างรุนแรงพร้อมทั้งนำภรรยาใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านแม่(สินสมรส)แต่แม่เป็นคนผ่อนคนเดียวเเพราะพ่อทิ้งเราไปซื้อบ้านอยู่กับแฟนใหม่ตั้งแต่ปี 2529 จึงเดินทางไปที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายกรมอัยการ พอไปถึงได้เล่าเรื่องให้นิติกรฟังจนหมด สักพักท่านรอง(เห็นนิติกรเรียกเช่นนั้น)ได้เดินเข้ามา นิติกรจึงได้เล่าเรื่องของแม่ให้ท่านรองฟัง ท่านรองฟังและตัดบทพร้อมทั้งกล่าวว่าที่นี่ไม่มีคนทำคดีหย่าหรือคดีครอบครัวให้ไปที่ศาลไปหาทนายอาสา เราก็ไป พอเข้าไปถึงพบทนายอยู่สองท่านในห้องก็เล่าเรื่องราวให้ท่านนึงฟังเช่นเดิม ทางทนายอาสาก็ปฏิเสธที่จะทำให้เพราะต้องให้กรรมการพิจารณาก่อนว่าจะเข้ากรณีอนาถาหรือไม่ถ้ายังไงให้ไปสอบถามประธานสภาทนายประจำจังหวัดที่สำนักงานกฎหมายของท่านประธานซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก พอไปถึงก็ได้เล่าความเช่นเดิมให้ท่านฟัง ท่านก็ชี้แจงว่าให้ไปทำเรื่องที่สภาทนายสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพ(ราชดำเนิน) จะดีกว่าเพราะถ้าทำเรื่องที่นี้กว่าจะได้พิจารณาน่าจะสิ้นปี แล้วท่านก็แนะนำว่าถ้าใช้ทนายที่นี่ พรุ่งนี้ก็ฟ้องได้เลยแต่มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นประมาณสองหมื่นบาท เราไม่มีเงินขนาดนั้นจึงได้ตัดสินขอตัวกลับโดยบอกว่าจะทำตามคำแนะนำที่ท่านบอกให้ไปสภาทนายที่ราชดำเนิน ระหว่างทางกลับบ้านอย่างสิ้นหวัง แฟนที่มาด้วยกันนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เข้าไปห้องทนายอาสา แฟนไม่ได้เข้าไปในห้องเพราะลูกงอแง จึงได้นั่งรออยู่ด้านนอก ทนายอาสาที่อยู่ในห้องอีกท่านนึง ได้เดินออกมาคุยกับเธอพร้อมทั้งบอกว่าเห็นใจเรื่องของเราถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็โทรมาโดยได้ให้นามบัตรไว้กับแฟน ผมจึงได้โทรไปตามนามบัตรที่ให้ สิ่งที่ทนายท่านนั้นถามคือทางนั้นเรียกเท่าไหร่ ผมอึ้งอยู่พักนึงแล้วตอบว่าทางสำนักงานของประธานบอกว่าสองหมื่นบาท ทนายคนนี้จึงบอกกับผมว่าเค้าเอาหมื่นเดียวตัดราคากันไปเลย เดี๋ยวค่ำนี้นัดเจอกัน ผมจึงตอบทนายท่านนั้นไปว่าขอเวลาปรึกษากันก่อนแล้วจะโทรให้คำตอบ แต่ในใจก็ได้คำตอบแล้วว่าคงไม่เอาทนายคนนี้เพราะขนาดหน้าที่ตัวเองยังไม่ซื่อสัตย์หรือมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพตัวเองเลย จะมามีจรรยาบรรณหรือซื่อสัตย์กับลูกความจนๆอย่างเราได้อย่างไร
มาที่คำถาม
1 การพิจารณาให้รับเป็นคดีอนาถามันยากและใช้เวลานานมากน้อยอย่างไร
2 คุณแม่อายุ 74 ไม่มีรายได้อื่นนอกจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 500/เดือน เงินในบัญชีมีติดอยู่บัญชี 214บาทกับอีกบัญชีเหลือ 68 บาท มีแต่ในบัญชีของพ่อเไม่มีรถยนต์ ไม่มีที่ดิน จะมีก็แต่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่อาศัยอยู่ตอนนี้เนื้อที่ 320 ตรว.ซึ่งก็เป็นสินสมรส แต่ทำอะไรไม่เพราะพ่อยึดหมด อย่างนี้อนาถาพอหรือไม่
3 มีช่องทางอื่นที่ผมยังไม่ได้ไปขอความช่วยเหลืออีกหรือไม่
4 อยากได้คำแนะนำและข้อควรระวังในการจ้างทนายฟ้องหย่าเองครับ เพราะถ้าหาหรือหยิบยืมใครมาได้ก็จะฟ้องเองเนื่องจากสุขภาพแม่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก อยากให้ท่านมีเงินไปรักษาตัวเร็วๆ แล้วก็จะได้ไม่ต้องมาคอยรับใช้พ่อกับแฟนใหม่เค้าอีกต่อไป
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่ๆทุกท่านล่วงหน้าที่สละเวลาอ่าน ในส่วนของรายละเอียด เจ้าของกระทู้ไม่ได้นำมาเขียนทั้งหมดเนื่องจากมีรายละเอียดค่อนข้างมากจึงได้พยายามสรุปเท่าที่ความสามารถของเจ้าของกระทู้กระทำได้ หากมีข้อผิดพลาดหรือมีข้อแนะนำประการใดเจ้าของกระทู้ยินดีน้อมรับทุกความคิดเห็น ขอบคุณครับ
สอบถามทนายทุกท่าน + เล่าประสบการณ์ขอรับความช่วยเหลือจากทนายอาสา
เรื่องคือ เมือวานนี้ 21พค.56 เจ้าของกระทู้พาแม่ไปปรึกษาและขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย เนื่องจากถูกสามีคือพ่อของเจ้าของกระทู้เองเอาเปรียบและทำร้ายอย่างรุนแรงพร้อมทั้งนำภรรยาใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านแม่(สินสมรส)แต่แม่เป็นคนผ่อนคนเดียวเเพราะพ่อทิ้งเราไปซื้อบ้านอยู่กับแฟนใหม่ตั้งแต่ปี 2529 จึงเดินทางไปที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายกรมอัยการ พอไปถึงได้เล่าเรื่องให้นิติกรฟังจนหมด สักพักท่านรอง(เห็นนิติกรเรียกเช่นนั้น)ได้เดินเข้ามา นิติกรจึงได้เล่าเรื่องของแม่ให้ท่านรองฟัง ท่านรองฟังและตัดบทพร้อมทั้งกล่าวว่าที่นี่ไม่มีคนทำคดีหย่าหรือคดีครอบครัวให้ไปที่ศาลไปหาทนายอาสา เราก็ไป พอเข้าไปถึงพบทนายอยู่สองท่านในห้องก็เล่าเรื่องราวให้ท่านนึงฟังเช่นเดิม ทางทนายอาสาก็ปฏิเสธที่จะทำให้เพราะต้องให้กรรมการพิจารณาก่อนว่าจะเข้ากรณีอนาถาหรือไม่ถ้ายังไงให้ไปสอบถามประธานสภาทนายประจำจังหวัดที่สำนักงานกฎหมายของท่านประธานซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก พอไปถึงก็ได้เล่าความเช่นเดิมให้ท่านฟัง ท่านก็ชี้แจงว่าให้ไปทำเรื่องที่สภาทนายสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพ(ราชดำเนิน) จะดีกว่าเพราะถ้าทำเรื่องที่นี้กว่าจะได้พิจารณาน่าจะสิ้นปี แล้วท่านก็แนะนำว่าถ้าใช้ทนายที่นี่ พรุ่งนี้ก็ฟ้องได้เลยแต่มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นประมาณสองหมื่นบาท เราไม่มีเงินขนาดนั้นจึงได้ตัดสินขอตัวกลับโดยบอกว่าจะทำตามคำแนะนำที่ท่านบอกให้ไปสภาทนายที่ราชดำเนิน ระหว่างทางกลับบ้านอย่างสิ้นหวัง แฟนที่มาด้วยกันนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เข้าไปห้องทนายอาสา แฟนไม่ได้เข้าไปในห้องเพราะลูกงอแง จึงได้นั่งรออยู่ด้านนอก ทนายอาสาที่อยู่ในห้องอีกท่านนึง ได้เดินออกมาคุยกับเธอพร้อมทั้งบอกว่าเห็นใจเรื่องของเราถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็โทรมาโดยได้ให้นามบัตรไว้กับแฟน ผมจึงได้โทรไปตามนามบัตรที่ให้ สิ่งที่ทนายท่านนั้นถามคือทางนั้นเรียกเท่าไหร่ ผมอึ้งอยู่พักนึงแล้วตอบว่าทางสำนักงานของประธานบอกว่าสองหมื่นบาท ทนายคนนี้จึงบอกกับผมว่าเค้าเอาหมื่นเดียวตัดราคากันไปเลย เดี๋ยวค่ำนี้นัดเจอกัน ผมจึงตอบทนายท่านนั้นไปว่าขอเวลาปรึกษากันก่อนแล้วจะโทรให้คำตอบ แต่ในใจก็ได้คำตอบแล้วว่าคงไม่เอาทนายคนนี้เพราะขนาดหน้าที่ตัวเองยังไม่ซื่อสัตย์หรือมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพตัวเองเลย จะมามีจรรยาบรรณหรือซื่อสัตย์กับลูกความจนๆอย่างเราได้อย่างไร
มาที่คำถาม
1 การพิจารณาให้รับเป็นคดีอนาถามันยากและใช้เวลานานมากน้อยอย่างไร
2 คุณแม่อายุ 74 ไม่มีรายได้อื่นนอกจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 500/เดือน เงินในบัญชีมีติดอยู่บัญชี 214บาทกับอีกบัญชีเหลือ 68 บาท มีแต่ในบัญชีของพ่อเไม่มีรถยนต์ ไม่มีที่ดิน จะมีก็แต่ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่อาศัยอยู่ตอนนี้เนื้อที่ 320 ตรว.ซึ่งก็เป็นสินสมรส แต่ทำอะไรไม่เพราะพ่อยึดหมด อย่างนี้อนาถาพอหรือไม่
3 มีช่องทางอื่นที่ผมยังไม่ได้ไปขอความช่วยเหลืออีกหรือไม่
4 อยากได้คำแนะนำและข้อควรระวังในการจ้างทนายฟ้องหย่าเองครับ เพราะถ้าหาหรือหยิบยืมใครมาได้ก็จะฟ้องเองเนื่องจากสุขภาพแม่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก อยากให้ท่านมีเงินไปรักษาตัวเร็วๆ แล้วก็จะได้ไม่ต้องมาคอยรับใช้พ่อกับแฟนใหม่เค้าอีกต่อไป
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่ๆทุกท่านล่วงหน้าที่สละเวลาอ่าน ในส่วนของรายละเอียด เจ้าของกระทู้ไม่ได้นำมาเขียนทั้งหมดเนื่องจากมีรายละเอียดค่อนข้างมากจึงได้พยายามสรุปเท่าที่ความสามารถของเจ้าของกระทู้กระทำได้ หากมีข้อผิดพลาดหรือมีข้อแนะนำประการใดเจ้าของกระทู้ยินดีน้อมรับทุกความคิดเห็น ขอบคุณครับ