เมื่อประมาณหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา มีผู้นำธุรกิจรูปแบบใหม่ มาเผยแพร่ในเมืองไทย ธุรกิจที่ว่านี้เป็น Social Media App. ซึ่งจะเปิดตัวปลายพฤษภาคมศกนี้ แต่ผู้ก่อตั้งได้อนุญาตให้สมาชิกของเขา สามารถทำการแนะนำธุรกิจให้ผู้ที่สนใจได้ก่อน โดยการสมัครฟรี แต่ต้องยอมรับ และอยู่ภายในกรอบที่เรียกว่า "สัญญาลับ" (NDA หรือ Non Disclosure agreement) แล้วเจ้านี่ มันคืออะไรล่ะ สรุปสาระสำคัญคือ ไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลใดๆ แก่ผู้ที่ยังไม่สมัคร ไม่อนุญาตให้นำข้อมูลไปเผยแพร่ในที่สาธารณะ (พูดคุย ชักชวนกัน เป็นการส่วนตัวได้ หรือทำอย่างไรก็ได้ที่ต้องเป็น Private ซึ่งในวิดิโอ ที่บริษัทแนะนำ เขาก็ทำอย่างนี้ หากโพสในเฟส อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะหมิ่นเหม่เหลือเกิน หากมีคนมา คลิ๊ก Like มันก็ไม่ Private แล้วซิ) และกระทำการใดๆ ที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของบริษัท ทั้งนี้ ผู้ที่สมัครแล้วเท่านั้น (ยอมรับ NDA ตอนสมัคร) ที่จะได้รับทราบข้อมูลต่างๆ ที่ถูกต้องในเว็บที่บริษัทเผยแพร่ (ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด หรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และเป็นข้อมูลทางการค้าด้วย) แล้วจะมีใครสนใจเหรอ? มี ครับ เพราะเขาอาศัยชื่อเสียงและความเชื่อถือเป็นหลัก ดังเช่นเมื่อตอนบริษัทขายตรงยักษ์ใหญ่จะเปิดทำการที่เวียดนาม ก็ทำลักษณะแบบนี้เหมือนกัน ไม่แปลกครับ แต่คนไทยเราส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยเท่านั้นเอง จะมีก็เพียงกลุ่มเล็กๆ ที่เข้าใจ และเคยสัมผัสมาก่อน ก็จะรู้ว่า อะไรทำได้ อะไรที่เขาห้าม และอะไรที่ไม่ห้าม แต่ "ไม่ควรทำ" เขาก็จะไม่ทำกัน และถือปฏิบัติกันอย่างนี้ เพราะแต่ละวงการหรืออุตสาหกรรม เขาก็มีธรรมเนียมปฏิบัติเฉพาะที่ดีกันอยู่ (เฉพาะพวกที่พัฒนาแล้วเท่านั้น)
ที่นี้เรื่องก็มีอยู่ว่า มีบุรุษ ผู้หนึ่ง (ขออภัย ผมไม่สามารถใช้คำว่า "สุภาพบุรุษ" ได้) ซึ่งมีฐานะ การงานที่ดี มีชื่อเสียงระดับหนึ่งในแวดวงการตลาดออนไลน์ จากการที่ตัวเองเขียนบล๊อก ให้ความรู้ทางด้านการตลาดออนไลน์เผยแพร่ในเว็บมานานพอควร (เรียกว่า วาง Position ทางการตลาดสำหรับตัวเองไว้ก่อน) แรกๆ ก็มีผู้ติดตามอ่านบทความจำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องลงทะเบียนสมัครรับข่าวสารกับเขาก่อน (เขาก็จะได้ฐานข้อมูลไป) หลังๆ เริ่มแนะนำสินค้าบ้าง คนก็เริ่มติดตามน้อยลง เขาไม่เคยทำการตลาดแบบเครือข่ายของค่ายใดๆ เลย (เขาว่าอย่างนั้น ทำแต่การตลาดออนไลน์อย่างเดียว) ผมเองก็ติดตามอ่านอยู่เหมือนกัน อยู่มาวันหนึ่งได้รับอีเมล์จากบุรุษผู้นี้ ชวนให้เข้าร่วมทำธุรกิจที่ว่านี่แหละ ส่งลิ้งค์มาให้ดูเสร็จสรรพ คิดว่าหลายคน คงจะได้รับ หรือเคยเข้าไปดูมาแล้ว ยอมรับว่าตื่นเต้นมากกับแนวคิดธุรกิจและวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่เขานำเสนอ แต่พอฟังถึงนาทีที่ 6.25 เท่านั้นเอง ความศรัทธาในตัวเขาทั้งหมดที่มีมานาน ก็หมดไปในทันที เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ก็ด้วยคำพูดของเขาที่ว่า "สำหรับท่านที่อาจจะเคยสมัครกับระบบนี้ ที่เรียกว่า RIPPLN ไปแล้วกับคนอื่น ถ้าหากว่าท่านอยากจะมาอยุ่ในวงศ์วานของผมเนี่ยะ ท่านยังสามารถทำได้ โดยการสมัคร โดยใช้อีเมล์อันใหม่...(พูดถึงความแตกต่าง และสิ่งที่จะได้ หากสมัครกับเขา)..." ซึงจะมีอะไร อย่างไร หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
โอโห สุดยอด คิดได้ไง เขาต้องการสื่ออะไรเหรอ? ใช่ครับ ต้องการสื่อสิ่งที่เขาต้องการไง ว่าเขาคิดอะไรอยู่ สำหรับท่านที่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาแล้วสักระยะหนึ่งคงพอทราบความหมาย โดยเฉพาะท่านที่เป็นผู้นำเครือข่ายทั้งหลายว่านี่คือ การแย่งคน หรือแย่งสายงาน ชวนผู้อื่นที่สมัครแล้ว ให้ไปสมัครกับตนเอง อย่างนั้นเหรอ? ก็พิจารณากันเองละกันครับ เพราะคำพูดอยู่ในคลิปนั้นชัดเจน เพียงแต่ไม่ได้พูดตรงๆ เท่านั้นเองครับ ที่นี้ก็ถึงบางอ้อแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมศรัทธาในตัวเขามันหมดจากใจไปในทันที (หากไม่มีประโยคเด็ดนี้ ผมคงสมัครไปแล้วล่ะ ไม่เห็นต้องพูดเลย) แต่ก็ดีใจนะ และต้องขอขอบคุณที่ ทำให้รู้ว่า "ธาตุแท้" ของเขาเป็นอย่างไรเมื่อมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง ต่อไปจะได้ไม่ต้องคอยติดตามอ่านบทความ หรือหลงเชื่ออะไรต่อไปอีก
สิ่งที่จะเกิดขึ้น 1. สำหรับบุรุษท่านนี้ คงจะมีคนมาสมัครกับเขาตรีมละครับ (แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน ธุรกิจดีครับ อย่าเข้าใจผิด เพียงแต่ผมเลือกคนที่จะทำงานด้วยเท่านั้นเอง) เมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาจะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุจุดประสงค์ คนที่ทำธุรกิจมาก่อนเขา คงโดนแย่งคนไปเยอะ (เพราะสมัครใหม่ได้นิ จะมีอีกกี่สิบอีเมล์ ก็ยังได้ แต่หากเป็นต่างประเทศ คุณมีอีเมล์สองอันขึ้นไป กลับกลายเป็นว่า เขาจะสงสัย และมีผลต่อความน่าเชื่อถือ ยกเว้น อีเมล์ของบริษัท และอีเมล์ส่วนตัว) และน่าเห็นใจ กลุ่มที่ทำธุรกิจมาก่อน เจอหมัดนี้เข้าไป ผมว่าจุกเหมือนกัน ทุกอย่างที่ทำมา คนที่เคยไปแนะนำไว้ สิ่งที่ลงทุน ลงแรงไป หายวับไปกับคนที่หนีไปสมัครใหม่หมด แล้วอย่างนี้เบียดเบียนคนอื่นหรือเปล่า? ควรให้ความเคารพ นับถือไหม? หรือเห็นว่าตัวเองมีระบบและเทคโนโลยีที่ดีกว่า เลยลุยขยี้คนอื่นได้ ตามจริงผมว่า หากเขาไม่พูดประโยคนั้น สื่อออกไปอย่างชัดเจน ผมคงไม่มีอะไรเขียนละครับ 555
2. ในอนาคต ความยุ่งยากจะเกิดขึ้นจากการแย่งคน แนะนำคน เปลี่ยนทีม และบุรุษท่านนี้ก็จะไม่มีคำตอบให้ หากไปขอคำแนะนำจากเขา เพราะตัวเองทำเป็นตัวอย่าง การตลาดเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ ก็คล้ายๆ กันครับ ต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กันในระดับหนึ่ง (Human touch) เราก็จะชวนคนใกล้ตัวมาร่วมทำทั้งนั้น พวกเราเป็นมนุษย์ ท่านว่าจริงไหม?
3. การตลาดเครือข่ายแบบออนไลน์ ในบ้านเรา คงไม่ไปไหน เพราะในเมื่อผู้นำหรือบางคนถึงกับเรียกว่า อาจารย์ ยังมีความคิดลักษณะอย่างนี้อยู่ ? คนทั่วไปก็จะเอือมระอา พลอยตีขลุมไปว่า วงการนี้มันเป็นอย่างนี้เองเหรอ? แล้วอย่างนี้ ยังจะไปร่วมวงไพบูลย์กับเขาเหรอ? พลอยทำให้เสียไปทั้งวงการด้วย จะชวนใครที่ไหน เขาก็เบือนหน้าหนี (แม้ว่าชวนทางเน็ท ไม่เห็นหน้าก็ตาม)
มาถึงตอนนี้แล้ว ก็อยากจะบอกว่า บ้านเราโหยหาผู้นำที่ดีและเป็นแบบอย่างในทุกวงการ ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่า ผู้นำคนนั้นควรจะมีจิตสำนึกในการทำธุรกิจที่ดีด้วย ไม่ใช่คิดได้แต่เพียง "ถูก" หรือ "ผิด" ซึ่งคนทั่วๆ ไป ก็รู้กันอยู่ แต่ควรมีคำว่า "ควร" หรือ "ไม่ควร" ซึ่งสิ่งนี้ต่างหากที่เป็นเครื่องบ่งบอกว่า จิตสำนึกได้พัฒนาแล้วหรือยัง? หรือแม้กระทั่งเป็นสิ่งบ่งบอกความเป็นผู้นำเลยทีเดียว แล้วเมื่อไรประเทศไทยจะพัฒนาได้เท่าเทียมกับอารยะประเทศเล่า? หรือว่าเราเคยชินแล้วกับคำพูดประเภทที่ว่า "ไม่ได้ทำผิดกฏหมาย" แต่ "ทำในสิ่งที่กฏหมายห้าม" (นำมายกตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใด) หรือประโยคเด็ด ที่เคยทำให้ผู้คนหมดความเชื่อถือและเจ้าตัวหมดอาชีพไปเลย เช่น "วันนี้ผมไม่ได้มาพูดเรื่องจรรยาบรรณ" บางท่านอาจจดจำคำพูดเหล่านี้ได้ พวกเราต้องการอย่างนั้นเหรอ หากผู้คนมีจิตสำนึกที่ดี กฏหมายก็แทบจะไม่สำคัญ เพราะจิตสำนึก จะอยู่ในระดับที่สูงกว่า กฏหมาย ว่าไหมครับ?
สุดท่าย หากท่านอ่านมาถึงตรงนี้ ขอแนะนำว่า ธุรกิจนี้ดีครับ แต่เลือกคนที่จะทำงานด้วยหน่อยละกัน จะได้ไม่เสียเวลา และอยากฝากตั้งข้อสังเกตุด้วย เพราะได้ข่าวว่ามีคนสมัครไปกับบุรุษท่านนี้ ต้องรอ invite ข้ามวัน ในขณะที่หากสมัครกับทีมอื่น ได้รับภายใน 3 นาที และเท่าที่ทราบ invite ที่ส่งมา ก็มาจากระบบของเขาเอง ไม่ได้มาจากเว็บบริษัท เขาเอาอีเมล์และเบอร์โทรเราไปทำอะไรหว่า?
และสุดท้ายจริงๆ อยากตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบว่า "พฤติกรรมอย่างนี้ น่ารังเกียจหรือเปล่า?"
โชคดีครับ
"สังคมจะน่าอยู่ มาร่วมกันปลูกจิตสำนึกที่ดี กันเถอะ"
พฤติกรรมอย่างนี้ น่ารังเกียจหรือเปล่า?
ที่นี้เรื่องก็มีอยู่ว่า มีบุรุษ ผู้หนึ่ง (ขออภัย ผมไม่สามารถใช้คำว่า "สุภาพบุรุษ" ได้) ซึ่งมีฐานะ การงานที่ดี มีชื่อเสียงระดับหนึ่งในแวดวงการตลาดออนไลน์ จากการที่ตัวเองเขียนบล๊อก ให้ความรู้ทางด้านการตลาดออนไลน์เผยแพร่ในเว็บมานานพอควร (เรียกว่า วาง Position ทางการตลาดสำหรับตัวเองไว้ก่อน) แรกๆ ก็มีผู้ติดตามอ่านบทความจำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องลงทะเบียนสมัครรับข่าวสารกับเขาก่อน (เขาก็จะได้ฐานข้อมูลไป) หลังๆ เริ่มแนะนำสินค้าบ้าง คนก็เริ่มติดตามน้อยลง เขาไม่เคยทำการตลาดแบบเครือข่ายของค่ายใดๆ เลย (เขาว่าอย่างนั้น ทำแต่การตลาดออนไลน์อย่างเดียว) ผมเองก็ติดตามอ่านอยู่เหมือนกัน อยู่มาวันหนึ่งได้รับอีเมล์จากบุรุษผู้นี้ ชวนให้เข้าร่วมทำธุรกิจที่ว่านี่แหละ ส่งลิ้งค์มาให้ดูเสร็จสรรพ คิดว่าหลายคน คงจะได้รับ หรือเคยเข้าไปดูมาแล้ว ยอมรับว่าตื่นเต้นมากกับแนวคิดธุรกิจและวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่เขานำเสนอ แต่พอฟังถึงนาทีที่ 6.25 เท่านั้นเอง ความศรัทธาในตัวเขาทั้งหมดที่มีมานาน ก็หมดไปในทันที เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ก็ด้วยคำพูดของเขาที่ว่า "สำหรับท่านที่อาจจะเคยสมัครกับระบบนี้ ที่เรียกว่า RIPPLN ไปแล้วกับคนอื่น ถ้าหากว่าท่านอยากจะมาอยุ่ในวงศ์วานของผมเนี่ยะ ท่านยังสามารถทำได้ โดยการสมัคร โดยใช้อีเมล์อันใหม่...(พูดถึงความแตกต่าง และสิ่งที่จะได้ หากสมัครกับเขา)..." ซึงจะมีอะไร อย่างไร หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
โอโห สุดยอด คิดได้ไง เขาต้องการสื่ออะไรเหรอ? ใช่ครับ ต้องการสื่อสิ่งที่เขาต้องการไง ว่าเขาคิดอะไรอยู่ สำหรับท่านที่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาแล้วสักระยะหนึ่งคงพอทราบความหมาย โดยเฉพาะท่านที่เป็นผู้นำเครือข่ายทั้งหลายว่านี่คือ การแย่งคน หรือแย่งสายงาน ชวนผู้อื่นที่สมัครแล้ว ให้ไปสมัครกับตนเอง อย่างนั้นเหรอ? ก็พิจารณากันเองละกันครับ เพราะคำพูดอยู่ในคลิปนั้นชัดเจน เพียงแต่ไม่ได้พูดตรงๆ เท่านั้นเองครับ ที่นี้ก็ถึงบางอ้อแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมศรัทธาในตัวเขามันหมดจากใจไปในทันที (หากไม่มีประโยคเด็ดนี้ ผมคงสมัครไปแล้วล่ะ ไม่เห็นต้องพูดเลย) แต่ก็ดีใจนะ และต้องขอขอบคุณที่ ทำให้รู้ว่า "ธาตุแท้" ของเขาเป็นอย่างไรเมื่อมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง ต่อไปจะได้ไม่ต้องคอยติดตามอ่านบทความ หรือหลงเชื่ออะไรต่อไปอีก
สิ่งที่จะเกิดขึ้น 1. สำหรับบุรุษท่านนี้ คงจะมีคนมาสมัครกับเขาตรีมละครับ (แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน ธุรกิจดีครับ อย่าเข้าใจผิด เพียงแต่ผมเลือกคนที่จะทำงานด้วยเท่านั้นเอง) เมื่อมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาจะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุจุดประสงค์ คนที่ทำธุรกิจมาก่อนเขา คงโดนแย่งคนไปเยอะ (เพราะสมัครใหม่ได้นิ จะมีอีกกี่สิบอีเมล์ ก็ยังได้ แต่หากเป็นต่างประเทศ คุณมีอีเมล์สองอันขึ้นไป กลับกลายเป็นว่า เขาจะสงสัย และมีผลต่อความน่าเชื่อถือ ยกเว้น อีเมล์ของบริษัท และอีเมล์ส่วนตัว) และน่าเห็นใจ กลุ่มที่ทำธุรกิจมาก่อน เจอหมัดนี้เข้าไป ผมว่าจุกเหมือนกัน ทุกอย่างที่ทำมา คนที่เคยไปแนะนำไว้ สิ่งที่ลงทุน ลงแรงไป หายวับไปกับคนที่หนีไปสมัครใหม่หมด แล้วอย่างนี้เบียดเบียนคนอื่นหรือเปล่า? ควรให้ความเคารพ นับถือไหม? หรือเห็นว่าตัวเองมีระบบและเทคโนโลยีที่ดีกว่า เลยลุยขยี้คนอื่นได้ ตามจริงผมว่า หากเขาไม่พูดประโยคนั้น สื่อออกไปอย่างชัดเจน ผมคงไม่มีอะไรเขียนละครับ 555
2. ในอนาคต ความยุ่งยากจะเกิดขึ้นจากการแย่งคน แนะนำคน เปลี่ยนทีม และบุรุษท่านนี้ก็จะไม่มีคำตอบให้ หากไปขอคำแนะนำจากเขา เพราะตัวเองทำเป็นตัวอย่าง การตลาดเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ ก็คล้ายๆ กันครับ ต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กันในระดับหนึ่ง (Human touch) เราก็จะชวนคนใกล้ตัวมาร่วมทำทั้งนั้น พวกเราเป็นมนุษย์ ท่านว่าจริงไหม?
3. การตลาดเครือข่ายแบบออนไลน์ ในบ้านเรา คงไม่ไปไหน เพราะในเมื่อผู้นำหรือบางคนถึงกับเรียกว่า อาจารย์ ยังมีความคิดลักษณะอย่างนี้อยู่ ? คนทั่วไปก็จะเอือมระอา พลอยตีขลุมไปว่า วงการนี้มันเป็นอย่างนี้เองเหรอ? แล้วอย่างนี้ ยังจะไปร่วมวงไพบูลย์กับเขาเหรอ? พลอยทำให้เสียไปทั้งวงการด้วย จะชวนใครที่ไหน เขาก็เบือนหน้าหนี (แม้ว่าชวนทางเน็ท ไม่เห็นหน้าก็ตาม)
มาถึงตอนนี้แล้ว ก็อยากจะบอกว่า บ้านเราโหยหาผู้นำที่ดีและเป็นแบบอย่างในทุกวงการ ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่า ผู้นำคนนั้นควรจะมีจิตสำนึกในการทำธุรกิจที่ดีด้วย ไม่ใช่คิดได้แต่เพียง "ถูก" หรือ "ผิด" ซึ่งคนทั่วๆ ไป ก็รู้กันอยู่ แต่ควรมีคำว่า "ควร" หรือ "ไม่ควร" ซึ่งสิ่งนี้ต่างหากที่เป็นเครื่องบ่งบอกว่า จิตสำนึกได้พัฒนาแล้วหรือยัง? หรือแม้กระทั่งเป็นสิ่งบ่งบอกความเป็นผู้นำเลยทีเดียว แล้วเมื่อไรประเทศไทยจะพัฒนาได้เท่าเทียมกับอารยะประเทศเล่า? หรือว่าเราเคยชินแล้วกับคำพูดประเภทที่ว่า "ไม่ได้ทำผิดกฏหมาย" แต่ "ทำในสิ่งที่กฏหมายห้าม" (นำมายกตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใด) หรือประโยคเด็ด ที่เคยทำให้ผู้คนหมดความเชื่อถือและเจ้าตัวหมดอาชีพไปเลย เช่น "วันนี้ผมไม่ได้มาพูดเรื่องจรรยาบรรณ" บางท่านอาจจดจำคำพูดเหล่านี้ได้ พวกเราต้องการอย่างนั้นเหรอ หากผู้คนมีจิตสำนึกที่ดี กฏหมายก็แทบจะไม่สำคัญ เพราะจิตสำนึก จะอยู่ในระดับที่สูงกว่า กฏหมาย ว่าไหมครับ?
สุดท่าย หากท่านอ่านมาถึงตรงนี้ ขอแนะนำว่า ธุรกิจนี้ดีครับ แต่เลือกคนที่จะทำงานด้วยหน่อยละกัน จะได้ไม่เสียเวลา และอยากฝากตั้งข้อสังเกตุด้วย เพราะได้ข่าวว่ามีคนสมัครไปกับบุรุษท่านนี้ ต้องรอ invite ข้ามวัน ในขณะที่หากสมัครกับทีมอื่น ได้รับภายใน 3 นาที และเท่าที่ทราบ invite ที่ส่งมา ก็มาจากระบบของเขาเอง ไม่ได้มาจากเว็บบริษัท เขาเอาอีเมล์และเบอร์โทรเราไปทำอะไรหว่า?
และสุดท้ายจริงๆ อยากตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบว่า "พฤติกรรมอย่างนี้ น่ารังเกียจหรือเปล่า?"
โชคดีครับ
"สังคมจะน่าอยู่ มาร่วมกันปลูกจิตสำนึกที่ดี กันเถอะ"