27 มกราคม 2553      
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับอุปกรณ์ที่เปลี่ยนโลกไอทีไปอย่างสิ้นเชิงสำหรับ iPad ที่เมืองซานฟาซิโก สหรัฐอเมริกา โดยซีอีโอ Steve Jobs ที่หลายคนทั่วโลกยกย่องให้เขาเป็น ศาสดาคนหนึ่งของวงการไอที ปรากฎการณ์ iPad Fever ได้เขย่าทั้งโลกให้หมุนไปในบริบทใหม่ภายใต้แรงขับเคลื่อนของ Apple ซึ่งเป็นคนเปิดเกมส์ใหม่ของวงการคอมพิวเตอร์ด้วยอุปกรณ์ที่ถูกขนานนามว่า " แทบเล็ต พีซี " ( Tablet PC  ) ...



ในห้วงเวลานั้นเจ้าอุปกรณ์อัจฉริยะที่สั่งการด้วยการใช้ปลายนิ้วสัมผัส และบังคับทุกสิ่งอย่างให้เคลื่อนไหวไปอย่างอิสระบนหน้าจอ ทัชสกรีน ถูกจัดหมวดหมู่เป็น Tablet Pc ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจาก SmartPhone สุดฮอตอย่าง iPhone ซึ่งในตอนนั้นเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2550 และได้รับการตอบรับที่ดีทั่วโลกอย่างล้นหลาม  และนี้คืออีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์วงการไอที ที่กำลังก้าวกระโดดจากยุค PC เข้าสู่ยุคที่ จ๊อบส์เรียกมันว่า Post PC era หรือ ยุคหลังคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

บนอุปกรณ์คล้ายกระดาษชนวนที่คนไทยแอบแซวกันในยุคนั้น อัดแน่นไปด้วยระบบปฎิบัติการที่มอบประสบการณ์ความลื่นไหลของระบบ และความแม่นยำของการสัมผัสที่ถูกใจคนใช้งานทั่วโลก ด้วยหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 1024x768 และมีน้ำหนักเพียง  680 กรัม สำหรับตัว wifi แต่ถ้าเป็น 3G น้ำหนักตัวจะเป็น 730 กรัม   ส่วนตัว CPU ที่ฝังมาให้ในเครื่องคือ Apple A4 ที่คอยมอบประสบการณ์ wow.. ให้กับเจ้าของ iPad ในตอนนั้น  ซึ่งตัวเครื่องมีความหนาถึง  13.4 มม. ตอนนั้นเจ้า iPad ตัวแรกยังไม่มีกล้องมาให้เลย  ซึ่งมาพร้อมกับความจุ 3 ขนาดคือ 16 , 32 และ 64 GB ตามลำดับ และในเวลาต่อมา ก็ถูกพัฒนาไปเรื่อย ๆ ให้บางลง ใส่กล้องมาให้ อัพเกรด CPU ให้แรงขึ้น เร็วขึ้น จุแบตเตอรี่ให้มากขึ้น เพิ่มความคมชัดหน้าจอเป็น Ratina Display รวมไปจนถึง ย่อขนาดให้กลายร่างเป็น  iPad mini  หน้าจอ 7.9 นิ้ว !  



ถ้าพูดในเชิงเศรษฐศาสตร์ของคนในยุคหลังจากได้สัมผัส iPad แล้วต้องบอกว่ามัน ได้กลายมาเป็นแรงผลักดันให้อุตสาหกรรมไอทีก้าวกระโดดอย่างมากมายในหลาย ๆ มิติด้วยกัน มันได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงาน วิธีการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ และได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่สร้างระบบเศรษฐกิจบนแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ให้เฟื่องฟู มีเรื่องที่น่าสนใจของ iPad ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ามันมีบทบาทแค่ไหนในห้วงเวลา ณ ตอนนั้นของการเข้ามาของ Tablet PC อย่างเป็นทางการของ iPad  

1. iPad ออกแบบมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องกลชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Monolith from 2001 ในซีรียส์เรื่อง A Space Odyssey.
2. วันแรกที่ iPad วางขาย ทำยอดขายได้ 300,000 เครื่อง และกวาดยอดขายไปกว่า 3 ล้านเครื่องหลังวางตลาดได้แค่เพียง 80 วัน ซึ่งตอนนั้นผลิตไม่ทันด้วยซ้ำ หากผลิตทัน เชื่อว่าคงไม่ใช่ตัวเลขแค่ สามแสนเครื่องแน่ ๆ
3. iPad ทำยอดขาย Notebook ตกลง 13% ทั่วโลกในวันวางขายวันแรก และยังคงลดลงไปเรื่อย ๆในปีถัดมา
4. หนังสือพิมพ์ Times บน iPad ขายได้มากถึง 5,000 ฉบับ หลังวางตลาด iPad ไปได้แค่ สามวัน ในราคา 9.99 USD  ส่วนนิตยสาร Wired  ก็ถูกดาวน์โหลดไปมากถึง 24,000 ครั้ง หลังจากเปิดตัวได้ไม่กี่ชั่วโมง
5. iPad กล้าท้าทายการทำงานของระบบ Flash บนเวบไซต์ ด้วยการไม่รันให้บน iPad  ด้วยความเชื่อที่ว่า ระบบ Flash นั้น ทำงานไม่เสถียร มีข้อผิดพลาดเยอะ แต่สนับสนุนมาตรฐาน HTML 5 แทน

iPad  อุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาให้อยู่ตรงกลางระหว่าง โทรศัพท์มือถือและโน้ตบุ๊ค มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ ของวงการต่าง ๆ  มากมาย เราลองมาย้อนรอยดูว่ามันได้เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ ๆ ของชีวิตทั่วโลกได้แค่ไหนกัน  
1 . วงการเกมส์ console กระทบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ iPad เข้ามาแย่งพื้นที่เวลาของเด็ก ๆ และคนทั่วไปในการเล่นเกมส์ เพราะ iPad ได้เปลี่ยนวัฒนธรรมการเล่นเกมส์บนหน้าจอทีวี มีจอยสติ๊ก หรือแบบพกพาที่มีปุ่มกดมาให้  กลายมาเป็นบนหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่เต็มตา  สีสันสวยงาม พร้อมระบบจับการเคลื่อนไหวในตัวเครื่องได้  พกพาสะดวก แม้จะหนักไปบ้างในเวลานั้น  มีตัวเลขที่ชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมเกมส์ PC และ console รวมไปถึง เกมส์พกพาอย่าง PSP , Nintendo DS ที่เกือบจะกลายเป็นของเล่นตกยุค และมีโอกาสสูญพันธุ์ได้ง่าย ๆ หากไม่มีการปรับตัวเพื่อต่อกรกับเจ้า iPad นี้  จากข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดอย่าง NPD Group ยอดขายเกมส์กล่องในปี 2011 ต่ำกว่าปี 2008 อยู่ถึง 22 %  ยอดขายเครื่องก็ตกลง 30 % ในช่วง10 เดือนแรกของปี 2012 เมื่อเทียบกับปีก่อน  รวมไปจนถึงการยุบหน่วยงานพัฒนาเกมส์ของหลายสำนักในเวลาต่อมา ซึ่งสำหรับปี 2012 ที่ผ่านมา มีค่ายเกมส์มากถึง 12 ค่ายต้องปิดตัวลง รวมไปถึงค่าย Hudson Soft ที่ผลิตเกมส์ Bomberman ที่เราคุ้นเคยกันดีมาหลายสิบปี ก็ต้องอำลาวงการไป นี้คือผลกระทบที่รุนแรงและก่อตัวมาหลายปีต่อเนื่องแล้ว สำหรับอุตสาหกรรมเกมส์คอนโซลทั่วโลก  

2. วงการหนังสือ และสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลก กำลังสั่นคลอนกับการมาของ iPad
จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้าที่ iPad จะเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านหนังสือแบบ E-book อุปกรณ์ Amazon Kindle ที่เป็น Ebook reader ก็เป็นเจ้าตลาดอยู่ก่อนหน้าแล้วถึง  4 ปี ซึ่งได้เปลี่ยนรูปแบบใหม่ของการอ่านหนังสือมาแล้วสักระยะหนึ่ง แต่มันถูกหมัดฮุกอย่างหนักจาก iPad ซึ่งเข้ามาเขย่าวงการหนังสือ และนิตยสารด้วยระบบ iBook ที่ถูกใจหนอนหนังสืออย่างมากกับระบบ จัดการบนหิ้งหนังสือออนไลน์ที่หลากหลาย สวยงามบนหน้าจอ 9.7 นิ้ว พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ของการอ่านหนังสือที่เติมเต็มอรรถรสสำหรับคนรุ่นใหม่ด้วยการใส่ Interactive ทั้งภาพและเสียง  ซึ่งในตอนนั้นตัว Kindle เองรองรับระบบ E-ink ซึ่งเป็นหนังสือขาวดำเพียงอย่างเดียว  ตลาดหนังสือดิจิตอลทั่วโลกในเวลานั้นตื่นตัวจนน่าตกใจมาก ๆ เพราะตลาด E-ink ได้หยุดชะงักลงทั่วโลก เพื่อจับตาดูการเข้ามาของ iPad ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังด้วยยอดขายที่ใช้เวลาเพียง 6 เดือนแรก แซงหน้า kindle ไปอย่างราบคาบ




...และปรากฎการณ์ดังกล่าวได้เป็นแรงกระเพื่อมต่ออุตสาหกรรมหนังสืออย่างมาก จนเวลาต่อมา เมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการหนังสือก็คือ ยอดขาย E-book แซงหน้า หนังสือจริง ๆ ที่ประเทศสหรัฐ ซึ่งทำการสำรวจโดย  สมาคมสิ่งพิมพ์แห่งสหรัฐอเมริกา ในเดือน กุมภาพันธ์ปี 2011 ที่ผ่านมา ยังไม่นับรวมถึง Digital Magazine ที่เข้ามาแย่งพื้นที่การอ่านนิตยสารจริง ๆ ที่ต่างปรับตัวกันแทบไม่ทัน และนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เม็ดเงินโฆษณาจากสื่อสิ่งพิมพ์อย่างนิตยสารในบ้านเราหดตัวลงทุกปี ตั้งแต่ iPad เข้ามาอาละวาดโกยคะแนนนิยมจาก หนอนหนังสือในบ้านเราโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เติบโตมาพร้อมกับความคุ้นเคยในการอ่านหนังสือดิจิตอลได้อย่างง่ายดาย  นอกเหนือไปจากการเข้ามาของ New media อื่น ๆ ที่แย่งเม็ดเงินของสื่อสิ่งพิมพ์รูปแบบเดิมๆ อยู่แล้ว

3. มาตรฐานใหม่ของการศึกษาทั่วโลก ได้รับการเชื่อมโยงการเรียนรู้ของเด็กผ่าน iPad ที่ทำให้จิตนาการของความรู้ในสาขาต่าง ๆ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทย ซึ่งทำให้เกิดโครงการ  " แท็บเลตพีซีเพื่อการศึกษาไทย "  ที่ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงปี 2012 ที่ผ่านมา iPad ได้เข้ามาปฎิวัติวงการการศึกษาสำหรับเด็ก ๆ รวมไปจนถึงผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน เพราะนำเสนอผ่านระบบ มัติมีเดียที่เข้าใจง่าย  เห็นภาพ จดจำได้ดีกว่าการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว มันได้กลายเป็นเครื่องมือในการสอนของคุณครูในหลาย ๆ ประเทศ และทำให้นักเรียนสนุกสนานกว่าแต่ก่อน ( อยากกลับไปเป็นเด็กจริง ๆ )  มีงานวิจัยจาก www.everydayfamily.com ในอเมริกาเปิดเผยเมื่อเร็ว ๆนี้ว่า ผลการสำรวจชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้ Tablet ของเด็กในวัยไม่เกิน 12 ปี  ว่าถูกใช้เพื่อเล่นเกมส์มากถึง 77 %  ตามมาด้วยการใช้งานด้านการศึกษาอีกประมาณ 57 %   หาข้อมูลท่องเที่ยว 55 % รวมไปถึงดูรายการทีวี อีก 43 %   ทำให้เห็นว่าเด็กอเมริกาก็สนใจการใช้งาน tablet เพื่อการศึกษาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ไม่แน่ใจว่า ถ้ามาทำสำรวจเด็กไทยดูบ้าง จะได้ตัวเลขเป็นยังไงกันแน่ ?



4. วงการ PC และ Notebook แทบจะล้มทั้งยืน เมื่อศึกครั้งนี้ ผู้ท้าชิงอย่าง iPad ได้เปิดฉากโจมตีอย่างหนักหน่วง ตามมาด้วยกองทัพ tablet อีกสายหลายพันธุ์ จากค่าย Android ที่พร้อมกระหน่ำซ้ำจนยอดขาย PC และ Notebook ตกลงอย่างน่าใจหาย นี้เป็นแนวโน้มที่บ่งชี้อย่างชัดเจนถึงยุค Post PC Era ที่ได้จ๊อบส์ได้บอกไว้อย่างไม่ผิดเลยทีเดียว เพราะจากตัวเลขยอดขาย Laptop ในร้านของ Best Buy ซึ่งเป็นร้านขายสินค้า IT ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ได้ออกมาเปิดเผยแบบงง ๆ เลยว่า ในปี 2010 ที่ผ่านมา ( ปีเดียวกับที่ iPad บังเกิดนี้แหละ ) ยอดตกลงกว่า 50 % ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ครั้งใหม่ในวงการไอทีเลยทีเดียว ซึ่งในเวลาต่อมา ตัวเลขยอดขายของ Tablet ทั่วโลกก็ได้ขยับขึ้นเรื่อย ๆ จากการพัฒนาสินค้าออกมาจากหลายค่าย โดยเฉพาะคู่ปรับอย่างซังซุงที่ได้ออก Galaxy tab ออกมาท้าชน iPad อย่างจัง ๆ ในหลาย ๆ ขนาด ทำให้ตลาดโตขึ้นแบบก้าวกระโดดทุกปี และมีการคาดการณ์กันแล้วว่า ในปี 2013 นี้ ยอดขาย Tablet PC ทั่วโลกจะแซงหน้า Notebook เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ เป็นการคาดการณ์ที่อยู่บนสถิติตัวเลขที่มีความเป็นได้สูงมาก เหมือนครั้งหนึ่ง ใครจะเชื่อว่าเครื่อง PC จะโดน Notebook มาแย่งพื้นที่ยอดขาย แต่มาวันนี้ Notebook กำลังจะโดนโค่นซะเอง ! โดย iPad เป็นผู้กรุยทางไว้ให้สำหรับอุปกรณ์แบน ๆ อย่าง Tablet PC นั่นเอง

มาจนถึงวันนี้ เราคงต้องเรียก iPad ว่ามันได้กลายมาเป็นตัวละครใหม่ของวงการไอทีของโลก ที่ขับเคลื่อนหลาย ๆ อุตสาหกรรมให้รุดหน้าอย่างรวดเร็ว สร้างอารยธรรมใหม่ ๆ ของสังคมดิจิตอลผ่านระบบ Application System ที่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจใหม่ๆ มากมาย  นอกจากนั้น iPad ยัง ประกาศสงครามกับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เคยมีมา สร้างสถิติใหม่  ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกนี้ และทำให้ชีวิตของผู้คนสะดวกสบายมากขึ้น  ต้องเรียกมันว่า iPad คือ อุปกรณ์พลิกโลกไอทีในยุคดิจิตอล อย่างแท้จริง

....