รีวิว ครั้งแรก ในฟิลิปปินส์ ตอนที่ 1
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ฟิลิปปินส์ ไม่ใช่ประเทศที่คิดจะไปเที่ยว ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ ก็ไม่ทราบ
มาหาอ่านใน พันทิป ก็มีไม่เยอะ เท่าประเทศอื่นในอาเซียนแต่มีเหตุบังเอิญที่ครอบครัวของพี่สาวต้องเดินทางไปประเทศนี้
ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยที่ พ่อแม่ และครอบครัวพี่สาว เดินทางไปก่อนกับการบินไทย
ส่วนผมกับแฟน ตามไปทีหลังด้วย สายการบิน Cebu Pacific ราคาสองคนไปกลับ 19,800.96 บาท รวมซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม
คนละ 20 กก.ก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์การเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ ให้กับชาวพันทิปเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่
ประชาคมอาเซียน(AEC)ครับ
แลกเงินPHPไปประมาณ10,000 บาท และเงิน USD ประมาณ 2,000 บาท เผื่อเหลือเผื่อขาด เพราะที่พักและค่าอาหารส่วนใหญ่ไปฝากท้องกับพ่อแม่และพี่สาว
(อัตราแลกเปลี่ยน 1 PHP = 0.77 THB)
เริ่มออกเดินทางตื่นแต่เช้า ในวันหยุดที่ 14 เมษายน เพื่อมาขึ้นรถไฟฟ้าเที่ยวแรกที่ BTS หมอชิต มุ่งหน้าไปลงสถานี พญาไท
ลงจาก BTS มาต่อ Airport Link เจอผู้ร่วมทาง กำลังลากกระเป๋า ทั้งไทยและต่างชาติ เดินทางแบบไม่รีบร้อน เดินทางไปกับ CITY LINE (ไม่ได้งก…นะครับ 555)
นั่งรอบนรถอย่างเงียบสงบควบคู่กับความง่วงอยู่ครู่ใหญ่ นักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มนี้ ก็มาสร้างความคึกคักในขบวนขึ้นมาทันที
ถึงสุวรรณภูมิแล้วครับ ไม่ได้มาเยือนซะนาน
เช็คอิน โหลดกระเป๋า เรียบร้อย น้ำหนักไม่เกิน ลุ้นแทบแย่เพราะพี่สาวฝากให้ขนของขนเสบียงตามไปด้วย
เครื่องออก 9.40 ประตู D5 เวลาเดินทางยังเหลือเฟือ เดินเล่น ดูสินค้าปลอดภาษีพลางๆ ดีกว่าครับ
ผ่าน ตม.ด้วยเครื่องอัตโนมัติ แบบงงๆ เป็นครั้งแรก สะดวกรวดเร็ว แต่รู้สึกเซ็งที่ไม่มีการประทับตราใน Passport
ซึ่งปกติก็ว่างแทบทุกหน้าอยู่แล้ว
แวะมาสัมผัสห้องน้ำที่ปรับปรุงใหม่ของสุวรรณภูมิ ดูหรูหรา บรรยากาศเหมือนกำลังปล่อยทุกข์ในวังเจ้าคุณปู่ คนจึงใช้เยอะว่าที่อื่น
ไปกินข้าวต้มฟรี ที่ King Power Lounge ดีกว่าครับ ไหนๆ อุตส่าห์สมัครบัตรเครดิต SCB King Power มาเพื่อการนี้
จัดไปเต็มที่เลยครับ 55
ใช้เวลาเพลิดเพลินกับของฟรีอยู่พักใหญ่ ตกใจว่าได้เวลาแล้วนี่ มัวแต่ห่วงกิน...เอาละสิ
ทั้งวิ่งทั้งเดินตามหาเกท D5 หลงทางด้วยความไม่ชินกับสนามบินสุวรรณภูมิ เกือบตกเครื่องไปแล้วครับ
ขึ้นเครื่องได้ที่นั่งปุ๊บ ก็เก็บภาพแอร์สาวของสายการบินแห่งนี้เป็นที่ระลึก
บนเครื่องก็ขายอาหารและของที่ระลึก เหมือนกับสายการบิน Low Cost ทั่วไป
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็เห็น Mount Mariveles ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว และ Corregidor Island
(เกาะพระจันทร์เสี้ยว… แอบตั้งเอง) ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวมะนิลา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมะนิลา เป็นเกาะที่มีรีสอร์ท
สำหรับพักผ่อนตากอากาศ ถ้าซื้อทัวร์ One Day Trip ตกคนละ 2,000 PHP รวมมื้อเที่ยง ในช่วงสงครามแปซิฟิก
เกาะแห่งนี้มีปืนใหญ่และป้อมปราการ คอยปกป้องทางเข้าอ่าวมะนิลาจากการรุกรานของศัตรู ปัจจุบันยังคงมีร่องรอยการต่อสู้
ให้ผู้ที่สนใจได้เข้าเยี่ยมชม รวมถึงมีกิจกรรมต่างๆบนเกาะ (Wikipedia เค้าว่าไว้ยังงั้น)
ท่าทางที่สนามบิน Ninoy Aquino คงจะมีการจราจรคับคั่ง เครื่องจึงบินวนให้ชม Mount Mariveles และ
Corregidor island ไปสามรอบอย่างจุใจ
ถึงเวลาของเราได้ Landingซะที เครื่องเริ่มลดระดับเข้าสู่กรุงมะนิลาเบื้องหน้า
ถึงแล้วคร้าบ สำหรับ Cebu Pacific จะจอดเทียบที่ Terminal 3 เป็นอาคารใหม่ดูดีกว่า Terminal 1 ที่การบินไทยไปจอด
ผ่าน ตม.อย่างง่ายดาย ไร้ปัญหา เท่าที่สังเกตเที่ยวบินนั้นมีคนไทยเพียงแค่ 4 คน ครับ โดยที่ 80% ของผู้โดยสารเป็นชาวฟิลิปปินส์
จากนั้นพี่เขยก็มารับไปที่พักย่าน MAKATI วันนี้วันอาทิตย์ถนนโล่งมากครับ ไม่ได้เป็นวันหยุดสงกรานต์เหมือนบ้านเรานะครับ
วันแรกไม่มีอะไรมาก เดินเล่นรอบๆที่พัก เป็นการออร์เดิร์ฟก่อน 55
วิวยามเย็นเมืองมะนิลา ถ่ายจากที่พักชั้น 29
เช้าวันที่2 ไม่มีแผนอะไรมาก นอกจากควงแฟนไป Window Shopping ห้างชื่อดังย่าน MAKATI คือ ห้าง Greenbelt
และ ห้าง Landmark
ย่าน MAKATI เป็นย่านธุรกิจ ที่สำคัญของฟิลิปปินส์ เป็นที่ตั้งของธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์
และสำนักงานขนาดใหญ่ เปรียบได้กับย่านสาธรของบ้านเรา ตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง เป็นระเบียบ ปลอดภัย
รปภ.หน้าธนาคาร ถือปืนลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นี่
เดินผ่านถนน RADA หรือ THAILAND STREET ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานฑูตไทยประจำกรุงมะนิลา
ร้านอาหารข้างทางในย่านMAKATI อยู่ในซุ้มเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีรถเข็นจอดเกะกะเหมือนบ้านเรา
เช้าวันจันทร์ ก็ได้พบกับรถติดในฟิลิปปินส์ เทียบกับเมื่อวานนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บีบแตรกันพร่ำเพรื่อ
ถ้าเป็นบ้านเราคงได้มีเรื่องกันแล้ว
พี่ตำรวจจราจรของที่นี่ครับ
เดินไปเดินมาชักหิว ขอแวะชิมฟาสต์ฟู้ดเจ้าถิ่น ร้าน Chowking ซะหน่อย
ได้มา 2 อย่าง ข้าวหน้าเนื้อไข่ดาว (84PHP) กับ ข้าวไก่ทอดข้าวเกรียบ (79PHP) รสชาติชืดๆเหมือนทำไว้นานแล้วมาให้เรากิน
น้ำจิ้มมี2แบบ เป็นน้ำเกรวี่เหมือนกินในมันบดKFC อีกอันนึงเป็นเหมือนน้ำจิ้มไก่แต่เปรี้ยวจี๊ดจับใจ มื้อนี้จัดไป 163 PHPครับ
ที่นี่ความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง แม้แต่ร้านฟาสต์ฟู้ด,ร้าน 7-11 ยังต้องมีพี่ รปภ.พกปืน ทุกร้านเลยทีเดียว
ตอนแรกไม่กล้าเข้าร้านเพราะพี่แก เหน็บปืนไว้ที่เอว กลัวจะไปทำให้พี่แกอารมณ์เสีย
การก่อสร้างอาคารสูงที่นี่มีการทำหลังคาขึงตาข่าย ป้องกันเศษวัสดุจากการก่อสร้างที่อาจจะหล่นลงมา ดูดีมีระเบียบมากครับ
หนุ่มในเครื่องแบบคนนี้มาเก็บค่าจอดรถนี่เอง ตอนแรกเดินผ่านนึกว่ามีเรื่องอะไรกันซะอีก
กดสัญญาณไฟเพื่อข้ามถนน แต่คนที่นี่ไม่ยักกะมีใครกดซักคน
ถึงแล้วครับห้างGreenbelt ที่เห็นเป็นทางเชื่อมระหว่างGreenbelt3และGreenbelt4
Greenbeltมีทั้งหมด 5 อาคาร แต่ละอาคารเรียงกันเป็นลักษณะวงกลม มีสวนสาธารณะและโบสถ์อยู่ใจกลางสวน
ถือเป็นห้างที่ไฮโซมาก และมีการรักษาความปลอดภัยอย่างดี
รปภ.ที่นี่น่าจะมีกว่า 100 คน อยู่ประจำทุกมุม และบริเวณทางเข้าห้าง คอยตรวจกระเป๋าทุกคนที่ผ่านเข้าออกห้าง
เทียบกับห้างบ้านเราแล้วที่นี่ตรวจเข้มงวดกว่ามากครับ
สวนสาธารณะใจกลาง Greenbelt ทั้ง 5 อาคาร
[CR] ครั้งแรก ในฟิลิปปินส์ ตอนที่ 1
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ฟิลิปปินส์ ไม่ใช่ประเทศที่คิดจะไปเที่ยว ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ ก็ไม่ทราบ
มาหาอ่านใน พันทิป ก็มีไม่เยอะ เท่าประเทศอื่นในอาเซียนแต่มีเหตุบังเอิญที่ครอบครัวของพี่สาวต้องเดินทางไปประเทศนี้
ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยที่ พ่อแม่ และครอบครัวพี่สาว เดินทางไปก่อนกับการบินไทย
ส่วนผมกับแฟน ตามไปทีหลังด้วย สายการบิน Cebu Pacific ราคาสองคนไปกลับ 19,800.96 บาท รวมซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม
คนละ 20 กก.ก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์การเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ ให้กับชาวพันทิปเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่
ประชาคมอาเซียน(AEC)ครับ
แลกเงินPHPไปประมาณ10,000 บาท และเงิน USD ประมาณ 2,000 บาท เผื่อเหลือเผื่อขาด เพราะที่พักและค่าอาหารส่วนใหญ่ไปฝากท้องกับพ่อแม่และพี่สาว (อัตราแลกเปลี่ยน 1 PHP = 0.77 THB)
เริ่มออกเดินทางตื่นแต่เช้า ในวันหยุดที่ 14 เมษายน เพื่อมาขึ้นรถไฟฟ้าเที่ยวแรกที่ BTS หมอชิต มุ่งหน้าไปลงสถานี พญาไท
ลงจาก BTS มาต่อ Airport Link เจอผู้ร่วมทาง กำลังลากกระเป๋า ทั้งไทยและต่างชาติ เดินทางแบบไม่รีบร้อน เดินทางไปกับ CITY LINE (ไม่ได้งก…นะครับ 555)
นั่งรอบนรถอย่างเงียบสงบควบคู่กับความง่วงอยู่ครู่ใหญ่ นักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มนี้ ก็มาสร้างความคึกคักในขบวนขึ้นมาทันที
ถึงสุวรรณภูมิแล้วครับ ไม่ได้มาเยือนซะนาน
เช็คอิน โหลดกระเป๋า เรียบร้อย น้ำหนักไม่เกิน ลุ้นแทบแย่เพราะพี่สาวฝากให้ขนของขนเสบียงตามไปด้วย
เครื่องออก 9.40 ประตู D5 เวลาเดินทางยังเหลือเฟือ เดินเล่น ดูสินค้าปลอดภาษีพลางๆ ดีกว่าครับ
ผ่าน ตม.ด้วยเครื่องอัตโนมัติ แบบงงๆ เป็นครั้งแรก สะดวกรวดเร็ว แต่รู้สึกเซ็งที่ไม่มีการประทับตราใน Passport
ซึ่งปกติก็ว่างแทบทุกหน้าอยู่แล้ว
แวะมาสัมผัสห้องน้ำที่ปรับปรุงใหม่ของสุวรรณภูมิ ดูหรูหรา บรรยากาศเหมือนกำลังปล่อยทุกข์ในวังเจ้าคุณปู่ คนจึงใช้เยอะว่าที่อื่น
ไปกินข้าวต้มฟรี ที่ King Power Lounge ดีกว่าครับ ไหนๆ อุตส่าห์สมัครบัตรเครดิต SCB King Power มาเพื่อการนี้
จัดไปเต็มที่เลยครับ 55
ใช้เวลาเพลิดเพลินกับของฟรีอยู่พักใหญ่ ตกใจว่าได้เวลาแล้วนี่ มัวแต่ห่วงกิน...เอาละสิ
ทั้งวิ่งทั้งเดินตามหาเกท D5 หลงทางด้วยความไม่ชินกับสนามบินสุวรรณภูมิ เกือบตกเครื่องไปแล้วครับ
ขึ้นเครื่องได้ที่นั่งปุ๊บ ก็เก็บภาพแอร์สาวของสายการบินแห่งนี้เป็นที่ระลึก
บนเครื่องก็ขายอาหารและของที่ระลึก เหมือนกับสายการบิน Low Cost ทั่วไป
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็เห็น Mount Mariveles ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว และ Corregidor Island
(เกาะพระจันทร์เสี้ยว… แอบตั้งเอง) ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวมะนิลา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมะนิลา เป็นเกาะที่มีรีสอร์ท
สำหรับพักผ่อนตากอากาศ ถ้าซื้อทัวร์ One Day Trip ตกคนละ 2,000 PHP รวมมื้อเที่ยง ในช่วงสงครามแปซิฟิก
เกาะแห่งนี้มีปืนใหญ่และป้อมปราการ คอยปกป้องทางเข้าอ่าวมะนิลาจากการรุกรานของศัตรู ปัจจุบันยังคงมีร่องรอยการต่อสู้
ให้ผู้ที่สนใจได้เข้าเยี่ยมชม รวมถึงมีกิจกรรมต่างๆบนเกาะ (Wikipedia เค้าว่าไว้ยังงั้น)
ท่าทางที่สนามบิน Ninoy Aquino คงจะมีการจราจรคับคั่ง เครื่องจึงบินวนให้ชม Mount Mariveles และ
Corregidor island ไปสามรอบอย่างจุใจ
ถึงเวลาของเราได้ Landingซะที เครื่องเริ่มลดระดับเข้าสู่กรุงมะนิลาเบื้องหน้า
ถึงแล้วคร้าบ สำหรับ Cebu Pacific จะจอดเทียบที่ Terminal 3 เป็นอาคารใหม่ดูดีกว่า Terminal 1 ที่การบินไทยไปจอด
ผ่าน ตม.อย่างง่ายดาย ไร้ปัญหา เท่าที่สังเกตเที่ยวบินนั้นมีคนไทยเพียงแค่ 4 คน ครับ โดยที่ 80% ของผู้โดยสารเป็นชาวฟิลิปปินส์
จากนั้นพี่เขยก็มารับไปที่พักย่าน MAKATI วันนี้วันอาทิตย์ถนนโล่งมากครับ ไม่ได้เป็นวันหยุดสงกรานต์เหมือนบ้านเรานะครับ
วันแรกไม่มีอะไรมาก เดินเล่นรอบๆที่พัก เป็นการออร์เดิร์ฟก่อน 55
วิวยามเย็นเมืองมะนิลา ถ่ายจากที่พักชั้น 29
เช้าวันที่2 ไม่มีแผนอะไรมาก นอกจากควงแฟนไป Window Shopping ห้างชื่อดังย่าน MAKATI คือ ห้าง Greenbelt
และ ห้าง Landmark
ย่าน MAKATI เป็นย่านธุรกิจ ที่สำคัญของฟิลิปปินส์ เป็นที่ตั้งของธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์
และสำนักงานขนาดใหญ่ เปรียบได้กับย่านสาธรของบ้านเรา ตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง เป็นระเบียบ ปลอดภัย
รปภ.หน้าธนาคาร ถือปืนลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นี่
เดินผ่านถนน RADA หรือ THAILAND STREET ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานฑูตไทยประจำกรุงมะนิลา
ร้านอาหารข้างทางในย่านMAKATI อยู่ในซุ้มเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีรถเข็นจอดเกะกะเหมือนบ้านเรา
เช้าวันจันทร์ ก็ได้พบกับรถติดในฟิลิปปินส์ เทียบกับเมื่อวานนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บีบแตรกันพร่ำเพรื่อ
ถ้าเป็นบ้านเราคงได้มีเรื่องกันแล้ว
พี่ตำรวจจราจรของที่นี่ครับ
เดินไปเดินมาชักหิว ขอแวะชิมฟาสต์ฟู้ดเจ้าถิ่น ร้าน Chowking ซะหน่อย
ได้มา 2 อย่าง ข้าวหน้าเนื้อไข่ดาว (84PHP) กับ ข้าวไก่ทอดข้าวเกรียบ (79PHP) รสชาติชืดๆเหมือนทำไว้นานแล้วมาให้เรากิน
น้ำจิ้มมี2แบบ เป็นน้ำเกรวี่เหมือนกินในมันบดKFC อีกอันนึงเป็นเหมือนน้ำจิ้มไก่แต่เปรี้ยวจี๊ดจับใจ มื้อนี้จัดไป 163 PHPครับ
ที่นี่ความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง แม้แต่ร้านฟาสต์ฟู้ด,ร้าน 7-11 ยังต้องมีพี่ รปภ.พกปืน ทุกร้านเลยทีเดียว
ตอนแรกไม่กล้าเข้าร้านเพราะพี่แก เหน็บปืนไว้ที่เอว กลัวจะไปทำให้พี่แกอารมณ์เสีย
การก่อสร้างอาคารสูงที่นี่มีการทำหลังคาขึงตาข่าย ป้องกันเศษวัสดุจากการก่อสร้างที่อาจจะหล่นลงมา ดูดีมีระเบียบมากครับ
หนุ่มในเครื่องแบบคนนี้มาเก็บค่าจอดรถนี่เอง ตอนแรกเดินผ่านนึกว่ามีเรื่องอะไรกันซะอีก
กดสัญญาณไฟเพื่อข้ามถนน แต่คนที่นี่ไม่ยักกะมีใครกดซักคน
ถึงแล้วครับห้างGreenbelt ที่เห็นเป็นทางเชื่อมระหว่างGreenbelt3และGreenbelt4
Greenbeltมีทั้งหมด 5 อาคาร แต่ละอาคารเรียงกันเป็นลักษณะวงกลม มีสวนสาธารณะและโบสถ์อยู่ใจกลางสวน
ถือเป็นห้างที่ไฮโซมาก และมีการรักษาความปลอดภัยอย่างดี
รปภ.ที่นี่น่าจะมีกว่า 100 คน อยู่ประจำทุกมุม และบริเวณทางเข้าห้าง คอยตรวจกระเป๋าทุกคนที่ผ่านเข้าออกห้าง
เทียบกับห้างบ้านเราแล้วที่นี่ตรวจเข้มงวดกว่ามากครับ
สวนสาธารณะใจกลาง Greenbelt ทั้ง 5 อาคาร