เปิดอก เจค ศตวรรษ ภีม ภาคิน ใช่ลูกไหม?!

กระทู้สนทนา
เปิดอก เจค ศตวรรษ ภีม ภาคิน ใช่ลูกไหม?! (ภาพยนตร์บันเทิง)
เรื่อง - ภาพ : กอง บก.

           กลายเป็นประเด็นฮอตในโลกออนไลน์อีกแล้วค่ะ สำหรับกรณีของหนุ่มหน้าใส "ภีม" ภาคิน จิกิตศิลปิน ลูกชายของ "แอน" กัญญารัตน์ บ่อสันเทียะ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ว่า จริง ๆ แล้วพ่อของตนคือ "เจค" ศตวรรษ ดุลยวจิตร ซึ่งพ่อทิ้งไปเมื่อ 18 ปีก่อน และไม่เคยออกมายอมรับว่าตนเป็นลูก

           ล่าสุดภาพยนตร์บันเทิง ได้ต่อสายตรงคุยกับ เจค ศตวรรษ ซึ่งทางนี้กลับออกปากยอมรับมาตลอดว่านี่คือลูก เพียงแต่มีหลายสาเหตุที่ทำให้ตนไม่มั่นใจย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่อยากให้เด็กซึ่งบริสุทธิ์ และไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแบบนี้

         เจค ศตวรรต : เรื่องนี้ต้องบอกว่าที่มาที่ไปคือรายการของ วู้ดดี้โทร.มาจะให้ไปออกรายการแล้วผมก็บอกว่าไม่ไป ไม่รู้จะออกไปทำไม ไม่รู้ว่าออกไปแล้วจะมีอะไร เพราะเรื่องราวมันจบไปนานแล้ว เขาก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นขอเชิญไปแบบเซอร์ไพรส์ เราก็บอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว เพราะเราก็มีครอบครัวใหม่แล้ว คือมันผ่านมา 20 ปีแล้วทำไม่ได้ ส่วนจะเป็นพ่อไหม คือเรายอมรับว่าเคยมีสัมพันธ์กับ แอน แบบลึกซึ้ง แต่เขาก็หายไป 3 เดือนแล้วกลับมาท้อง เราก็รับเลย ไม่ได้ปรึกษากับพ่อแม่เรา คือเราไม่สนใจว่าเป็นลูกเราหรือไม่ใช่ เราก็รับตรงนั้นไป แต่ที่ว่าแคลงใจไหม มันก็แคลงใจเพราะคนเราหายไป 2-3 เดือนแล้วก็โผล่มาคือท้องเลย มันแคลงใจตั้งแต่ตอนที่เกิดปัญหาแล้ว

ในส่วนของเรื่องกฎหมายพี่เจคเคยจดทะเบียนรับน้องภีมเป็นลูกไหมคะ รวมถึงในสูติบัตรแจ้งเกิด

         เจค ศตวรรต : ไม่ได้เป็นพ่อครับ ไม่ได้เซ็นอะไรเลย ดูแลเขา เขาท้องมาผมก็ดูแลคือรับในส่วนตรงนี้ไม่เคยเซ็น แต่มีการขึ้นศาลเพื่อให้ทุกอย่างจบไม่อยากให้เด็กมีปัญหา แล้วหลังจากนั้นพอมีปัญหาเราก็ต่างคนต่างแยกไปใช้ชีวิตกันมาจนถึงตอนนี้

คิดอย่างไรบ้างกับการที่น้องไปออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย

         เจค ศตวรรต : เท่าที่ทราบคือทาง วู้ดดี้ เขาต้องการสร้างกระแสจะปั้นน้องเขา คือ จะปั้นก็ปั้นไป น้องเขาจะได้ดีควรมาจากการแสดงฝีมือของเขา ไม่ใช่มาปั้นและมาทำลายเพื่อที่ตัวเองจะขึ้นไปมันไม่ใช่ คนจะยอมรับมันไม่ใช่ตรงนี้ เด็กเดี๋ยวนี้แข่งกันที่ฝีมือ ที่ผ่านมาคนไม่รู้อะไรเพราะผมไม่เคยเอ่ย แต่ทางวู้ดดี้เขาเอาไปตั้งกระทู้ในรายการว่าพ่อคือใคร ผมว่าคนก็รู้ว่าพ่อคือใคร วันแรกที่ผมรับเขามาเป็นลูกผมก็โดนสื่อในช่วงนั้นอยู่แล้วว่าศตวรรษทำผู้หญิงท้อง มีลูก ผมก็ไม่ได้มายด์ตรงนั้น ผมยังไปถ่ายหนังสืออะไรกันเลย วันนี้จะใช่จริงหรือไม่จริง ผมยอมรับไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปตรวจหรืออะไร ถ้าเราไม่รับตั้งแต่วันนั้นคงจบ แต่นี้ก็ไม่ใช่ วันนั้นพอเรารับ เราก็ดูแลเขาไม่ได้ทิ้งขว้าง ดูแลจนคลอด จนมามีปัญหา ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับตัว แอน เขา

ถ้าจะบอกว่าความสัมพันธ์กับน้องภีม วันนี้สิ่งที่ทางพี่เจคต้องการคืออย่าพาดพิงมาทางพี่อย่างนั้นหรือเปล่าคะ

         เจค ศตวรรต : เด็กมันบริสุทธิ์ไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าจะพูดคงต้องพูดกับตัว แอน วันนี้ หน้าที่ของเราคือดูแลครอบครัวของเรา จะไปดูแลเขามันเป็นไปไม่ได้ ส่วนเรื่องการยอมรับ ผมยอมรับตั้งแต่วันที่เขากลับมาแล้ว ยังเคยไปถ่ายแบบด้วยกัน วันพ่อก็เคยไปด้วยกัน แล้วจะบอกว่าผมไม่ยอมรับคงไม่ใช่ แต่ผมก็ยอมรับว่าไม่ได้คุยกับตัวเด็กเลย นานมากแล้วเพราะเราต่างคนต่างใช้ชีวิต ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยว จบคือให้จบจากตรงนั้น แต่ถ้าเขามีปัญหาอะไรให้โทร. มา

ทางนั้นเคยติดต่อมาบ้างไหมคะ

         เจค ศตวรรต : เขาก็โทร. มาโทร. หาพี่สาวผมตลอด นัดว่าจะมาเจอแต่ก็ไม่เคยมาตอนปู่เสียก็ไม่มา โทร. หาปู่โทร. มาก็เรื่องเงินอย่างเดียว ถ้าไม่เดือดร้อนไม่โทร.มาความรู้สึกตรงนี้ผู้ใหญ่คงคิด คือปู่ย่าก็ต้องการเจอหลานนะ ไม่ใช่ไม่อยากเจอ เพราะเขาก็เคยดูแลในช่วงที่ผมไปอยู่เมืองนอกให้ทุกอย่าง นม ผ้าอ้อม คือดูแลหมดก็อยากเจอแต่ตรงนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องส่วนตัวของผมกับ แอน นั้นคือเรื่องส่วนตัว ไม่อยากเอาเด็กมาเกี่ยวข้อง แค่นั้นจบ

โกรธทางวู้ดดี้และรายการไหมคะ

         เจค ศตวรรต : ไม่โกรธนะ คือเขาไม่รู้อะไร อีกอย่างคือมันเป็นธุรกิจของเขา ผมอยู่ในวงการมา 20 ปีรู้ว่าเขาต้องทำ ไม่งั้นรายการเขาขายไม่ได้ เขายิงประเด็นต้องยิงให้คนดู ผมอยู่ตรงนี้ผมเห็น และที่เจอมาแรงที่สุดคือตอนที่เกิดเรื่อง ผมแบกมา 20 ปี มันเป็นปมที่ทำให้ผมแข็งแรงขึ้นปล่อยวาง อยู่ในวงการรู้และเห็น แต่อยู่เฉย ๆ เงียบ ๆ ดีกว่า คือรู้ว่าถ้าไม่สร้างก็ขายข่าวไม่ได้ 20 ปีที่ผ่านมาผมยอมแบกรับคนเดียว เป็นผู้ร้ายคนเดียวพอแล้ว ไม่อยากให้เด็กต้องมาแบกรับตรงนี้ มันไม่ดีหรอก ถ้าผมต้องพูดอะไรออกไปเขาจะหนักเปล่า ๆ

ผลกระทบกับครอบครัวในวันนี้

         เจค ศตวรรต : กระทบแฟนผม เพราะตอนนี้เขาท้องอยู่ เขาก็คิดมาก คือคนท้องจะคิดมากอยู่แล้ว ในช่วง 3-4 เดือนเขาก็เครียด ตอนนี้ผมก็อยู่ของผม 20 ปีไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน ต่างคนต่างใช้ชีวิตคนละส่วนมานานมาก ถ้าจะไปคิดถึงอดีต ปัจจุบันเราจะอยู่ไม่ได้ ผมรู้ว่าทุกอย่างมันเริ่มต้นตั้งแต่จุดแรกที่ผมไปรับผิดชอบ ทำตัวเป็นพระเอกเกินไป

http://women.kapook.com/view62394.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่