กาแฟหวาน น้ำตาลขม : Coffee With A Cop

กระทู้สนทนา
หลังจากเขียนเรื่องหนัก ๆ มาสองเรื่องติด ๆ แล้ว ทั้งจุดจบของความจริง และ ความจริงของตอนจบ ตอนนี้เริ่มมีเวลาพักหายใจ เลยเอาตัวละครเก่า ๆ ที่เคยมีคนทวงมาเขียนเรื่องเบา ๆ บ้างเป็นการคั่นเวลาค่ะ


เรื่องก่อนหน้านี้
จุดจบของความจริง : http://ppantip.com/topic/30414304
(ส่วน link ของ ความจริงของตอนจบตายสนิทไปเรียบร้อยแล้วนะคะ ^^")

-------------------------------------------------------------------------------------


กาแฟหวาน น้ำตาลขม : Coffee With A Cop





(1)

“เร้ดอายงั้นเหรอ”

หญิงสาวเลิกคิ้วน้อย ๆ มองหน้าลูกค้าคนแรกของร้านเป็นเชิงถามเพื่อความแน่ใจ และอีกฝ่ายก็พยักหน้าเป็นการยืนยัน ก่อนฟุบหน้าลงกับเคาน์เตอร์บาร์ในร้านกาแฟที่เธอเป็นผู้จัดการ

ร้านของเธอไม่เหมือนกันร้านกาแฟทั่วไปนักตรงที่เป็นเคาน์เตอร์แบบบาร์กาแฟในอิตาลีให้ลูกค้ายืนหรือนั่งดูบาริสต้าหรือนักชงกาแฟชงเครื่องดื่มมาบริการตรงหน้า สัมผัสถึงกลิ่นหอมของกาแฟ และภาพการทำงานทุกขั้นตอน ไม่ได้มีแค่โต๊ะ หรือโซฟาให้ลูกค้ามานั่งคุยกันแบบสบาย ๆ ในมุมส่วนตัวเพียงอย่างเดียว

“ง่วงนักก็ไปนอน จะกินกาแฟทำไม”

เธอส่ายหน้ากับอาการของเขา ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเขาอดตาหลับขับตานอนมาเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงจนตาแดงก่ำเหมือนชื่อกาแฟที่สั่ง และเธอก็ออกจะโมโหนิดหน่อยด้วยซ้ำที่รู้ว่าอีกฝ่ายฝืนขับรถข้ามจังหวัดมาแทนที่จะนอนพักสักตื่นก่อนแล้วค่อยมาหา

“คิดว่ากินแล้วจะนอนไม่ได้หรือไง” เสียงของเขาอู้อี้เพราะไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ “มาถึงจุดนี้ กาแฟแรงแค่ไหนก็เอาไม่อยู่แล้ว ถ้าเป็นเดธวิชสักสี่แก้ว ก็ไม่แน่”

“เจอกาแฟคาเฟอีนแรงที่สุดในโลกเข้าไปขนาดนั้น ไม่ใช่แค่หลับเป็นตายหรอก แต่คงจะไปที่ชอบ ๆ เลยล่ะ” เธอว่า

ถึงจะระอาใจในความรั้นของเขา แต่เธอก็อดเอื้อมมือไปลูบผมที่เริ่มยาวไปสักหน่อยสำหรับอาชีพในเครื่องแบบของคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อดูซ้ายขวาแล้วไม่มีใครเห็น

สัมผัสจากมือของเธอทำให้เขาสะดุ้งน้อย ๆ และทำให้เธอยิ้มขันกับอาการวูบหลับไปชั่วขณะของเขา ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้นเอง แต่ในที่สุดก็ทนฝืนตัวเองต่อไปไม่ไหว ดีเท่าไรแล้วที่เขาไม่หลับในเป็นอะไรไปก่อนระหว่างทาง

“มานั่งหลับตรงเคาน์เตอร์แบบนี้ เดี๋ยวยอดขายกาแฟตกหมด คนอื่นเห็นแล้วจะหาว่ามากินกาแฟร้านนี้แทนที่จะตื่นกลายเป็นหลับ”

ชายหนุ่มยิ้มเจื่อน ๆ ให้ ยกมือขึ้นขยี้ตา บีบต้นคอตัวเองเบา ๆ พยายามทำให้ตัวเองตื่น

“หัดเป็นห่วงตัวเองบ้างเถอะ” เธอบ่น หันหลังไปคีบผ้าขนหนูจากตู้อุ่นผ้าส่งให้เขาเช็ดหน้า “ดูแลคนอื่นเป็นร้อยเป็นพันยังทำได้ ดูแลตัวเองเพิ่มอีกสักคน จะยากอะไรนักหนา”

เขาเงียบไปนาน เหมือนจะสำนึก แต่แล้วก็ยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัย “ก็จริง แต่อยากมีคนช่วยดูแลอย่างจริงจังเพิ่มอีกคนก็เลยมาหานี่ไง”

“หือ...” เธอเลิกคิ้วสูง แล้วก็ทำเสียงสูงใส่เขา ยืนเท้าสะเอวมองแบบไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ แต่คารมของเขาที่ชักจะขยันหยอดน้ำตาลมากขึ้นกว่าตอนเริ่มคบกันใหม่ ๆ ก็ทำให้เธออดขำไม่ได้

“มองอะไรล่ะ ก็มาให้ดูแลอยู่ตรงนี้นี่ไง...” เขายื่นใบเสร็จที่ได้รับมาจากแคชเชียร์ให้เธอดู “สั่งแล้ว จ่ายเงินแล้ว ชงกาแฟให้กินก่อน เดี๋ยวจะไปหาที่นอน ไม่กวนใจแล้ว ตกลงมั้ย”

หญิงสาวตวัดสายตาค้อน ยื่นถาดไปรับผ้าผืนเล็กที่ใช้แล้วจากเขามาหย่อนลงตะกร้า เป็นอีกครั้งที่เธอต้องยอมแพ้ ส่วนบาริสต้าอีกคนก็รู้เห็นเป็นใจกับเขาเหลือเกินที่เตรียมอุปกรณ์ชงกาแฟมาให้พร้อมสรรพ ก่อนหันไปทักลูกค้ารายใหม่ที่เปิดประตูร้านแล้วมา และหนีไปทำหน้าที่ชงกาแฟให้ลูกค้ารายใหม่ตามรายการที่แคชเชียร์ส่งมาให้หน้าตาเฉย

เธอถอนหายใจยาว บดเมล็ดกาแฟคั่วใหม่เตรียมไว้ ใส่น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิไม่เกินเก้าสิบหกองศาเซลเซียสลงนาในกาน้ำที่มีพวยกาเหมือนท่อผอมโค้ง เทน้ำร้อนลงอุ่นถ้วยกาแฟ และนำน้ำร้อนที่ใช้อุ่นถ้วยกาแฟเทลงอุ่นกระดาษกรองในถ้วยกรอง

ความจริง ใช้แค่เครื่องต้มกาแฟไฟฟ้าธรรมดาในการชงแล้วเติมเอสเพรสโซลงไปอีกหนึ่งช็อตก็ได้เร้ดอายตามที่เขาสั่งเรียบร้อยแล้ว แต่เธอรู้ดีว่า คนตรงหน้าต้องการอะไรที่มากกว่านั้น

ถึงจะบ่นที่เขาสั่งกาแฟมาดื่มแทนที่จะไปนอน แต่เธอก็รู้ว่า เขาไม่ได้เลือกสั่งกาแฟชนิดนี้ เพราะอยากได้กาแฟคาเฟอีนแรงเพียงอย่างเดียว แต่เขาอยากคุยกับเธอและกระบวนการชงกาแฟชนิดนี้ ทำให้เธอมีเวลาให้เขานานขึ้น โดยที่เธอไม่เสียงาน  

เธอตวงกาแฟคั่วบดใส่ลงไปในกระดาษกรองสีขาว เขาชอบกาแฟรสเข้ม แต่คราวนี้ เธอขอขัดใจลูกค้าคนพิเศษด้วยการลดปริมาณกาแฟลงบ้าง แต่ไม่ทำให้เสียรส

“ถ้าเป็นพวกค้ายาละก็ เห็นปริมาณยาลงนี่เป็นเรื่องเลยนะ” เขาบอกเธอแต่ทำท่าเหมือนเอ่ยลอย ๆ

“รู้ด้วยเหรอ” เธอเลิกคิ้วกับคำพูดของเขาอีกเป็นครั้งที่สาม แต่ก็ไม่ยอมตักกาแฟคั่วบดเติมลงไปให้เท่าจำนวนที่เคยชงให้เขาดื่มอยู่ดี “คดีที่ทำจนไม่ได้หลับได้นอนคดีล่าสุด เป็นคดียาเสพติดสินะ”

เขายิ้มและพยักหน้ารับ... คล้ายจะพูดจากันคนละเรื่อง แต่เขารู้ว่า เธอรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร

เธอค่อย ๆ รดน้ำร้อนเป็นสายเล็ก ๆ วนจากขอบนอกเข้ามาหาศูนย์กลางลงไปบนกาแฟบดจนชุ่มจึงหยุดมือ ฟองอากาศค่อย ๆ ผุดแทรกเนื้อกาแฟสีน้ำตาลเข้มพากลิ่นหอมขึ้นมาพร้อมกับไออุ่นสีขาวที่ลอยเหนืออุปกรณ์ชง  

“มีอะไรติดใจกับคดีนั้นกันล่ะ” เธอเอ่ยถาม ระหว่างรอให้ผงกาแฟสีน้ำตาลเข้าซึมซับน้ำร้อนจนอิ่มตัว

คำถามนั้นคือสิ่งที่บอกชัดว่า เธอรู้ใจเขาดีกว่าใคร...

“จะว่าติดใจก็ไม่เชิง ที่ไม่ได้หลับได้นอนก็เพราะรีบทำสำนวนให้เสร็จ ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้วเมื่อวาน” เขาว่า “แต่ที่คดีมันออกมาเป็นแบบนี้ได้ เพราะมีกาแฟเป็นเบาะแส เลยอยากมาขอบใจที่เล่าให้ฟัง”

“อยากเล่าเรื่องผลงานของตัวเองให้ฟัง มากกว่าอยากจะมาขอบใจละมั้ง” เธอเอ่ยยิ้ม ๆ พลางรินน้ำร้อนลงไปเพิ่ม หยดน้ำสีน้ำตาลเข้มค่อย ๆ หยาดลงในถ้วยกาแฟใสที่รองอยู่ด้านล่างทีละน้อย

ชายหนุ่มยันตัวขึ้น เปลี่ยนท่าเป็นนั่งเท้าคาง สบตากับหญิงสาว

“ไม่ใช่ทั้งคู่แหละ... คิดถึง อยากเจอ เลยหาเรื่องมาคุยด้วยน่ะ”

เธอทำเหมือนไม่ได้ยิน แต่มือที่เคยนิ่ง ชะงักไปนิดหนึ่ง น้ำที่รินเพิ่มลงไปในผงกาแฟสะดุดกึก เกือบกระฉอกออกนอกกระดาษกรอง

Men should be like coffee: hot, sweet and strong... คำกล่าวนี้ที่แวบเข้ามาในความคิด คนตรงหน้าของเธอก็เป็นเหมือนกาแฟ ที่มีแต่คนที่รู้จริงเท่านั้นที่ตระหนักดีว่า ในความขมของกาแฟมีความหวานซ่อนอยู่ ถึงจะไม่หวานเหมือนน้ำตาลที่ใครคุ้นเคย แต่รสหวานที่สัมผัสได้นั้นก็มักจะทำให้คนรับรู้แปลกใจได้เสมอ

“อยากเล่าอะไรก็เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” เธอดุ แต่แก้มสองข้างแดงเรื่อชนิดปิดไม่มิด




(มีต่อค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่