หัวหน้ากองบรรณาธิการ โกล ประเทศไทย ต้อนรับนายใหญ่คนใหม่ในรอบเกือบ 30 ปี ของปีศาจแดง ด้วยบทความว่าด้วยสายสัมพันธ์ที่ก่อตัวระหว่างสองผู้จัดการทีม มาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน
ชัดเจนแล้วว่า ชายที่จะมานั่งบัลลังก์ทองคำ ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แทนที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปูชนียบุคคลแห่งโลกฟุตบอล ตำนานมีลมหายใจที่ขอยุติวันเวลาของเขากับเก้าอี้ตัวนี้ไว้ที่ 27 ฤดูกาล คือสก็อตติชผู้เป็นที่รักในฟากหนึ่งของแม่น้ำเมอร์ซีย์ - เดวิด มอยส์
จากเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวกลั่นของกลาสโกว์ เซลติก ชายหนุ่มจากเบียร์ดเซน ระหกระเหินค้าแข้งอยู่ในสหราชอาณาจักรให้กับหลายทีม จนมาอยู่กับเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ เป็นสโมสรสุดท้าย ในปี 1998 เขาผันตัวเองเข้ามาอยู่ในทีมสตาฟฟ์โค้ช ขึ้นคุมทีมแทนแกรี ปีเตอร์ส ที่ออกไป เซ็นเตอร์ฮาล์ฟผู้รับใช้ทีมมากว่าร้อยนัด เปลี่ยนสไตล์การเล่นโยนยาวแบบอังกฤษโบราณของต้นสังกัด มาเป็นการเล่นฟุตบอลแบบส่งเท้าต่อเท้า “เจ้าดอกลิลลี่ขาว” ผลงานดีขึ้นทันตา และรอดจากการตกชั้นสู่ดิวิชันสามในที่สุด เมื่อมอยส์คุมทีมเต็มตัวในฤดูกาลถัดมา เปรสตันไปไกลถึงเพลย์ออฟ แม้จะแพ้ให้กับจิลลิงแฮมในบั้นปลาย แต่สปอตไลท์ก็เริ่มสาดส่องมาที่ชายคนนี้
ฤดูกาลถัดมา กุนซือหนุ่มเลือดสกอตต์พิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือของจริงไม่ใช่พลุข้ามคืน เมื่อพาเปรสตันขึ้นมาเล่นดิวิชันหนึ่ง(แชมเปียนชิพในปัจจุบัน)ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี - ในฐานะแชมป์ ยังไม่พอ ถัดมาอีกปีเดียว น้องใหม่ทีมนี้ไปไกลถึงเพลย์ออฟ และพลาดตั๋วขึ้นลีกสูงสุดไปแบบฉิวเฉียด เมื่อแพ้ให้กับโบลตัน วันเดอเรอร์ส - ดีพ เดล ของเปรสตัน เล็กเกินไปสำหรับมอยส์เสียแล้ว
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่ มอยส์รับตำแหน่งผู้จัดการทีมของเอฟเวอร์ตันในปี 2002 และกลายเป็นผู้จัดการทีมที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดเป็นอันดับสามของสหราชอาณาจักร รองจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และอาร์แซน เวงเกอร์ เท่านั้น
แต่ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย เส้นทางชีวิตของสองกุนซือสก็อตติชต่างวัย แต่ใจร้อนไม่แพ้กัน ได้โคจรมาทาบทับกันแล้ว
ช่วงปลายปี 1998 ไบรอัน คิดด์ ผู้ช่วยของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในวันที่ยังไม่ได้ยศอัศวิน อำลาโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปแบกรับความท้าทายที่อีวูดพาร์ค ในภารกิจ พาแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส หนีตกชั้น เดือดร้อนถึงกุนซือชาวสกอตต์ที่กำลังพาทีมคั่วสามแชมป์ ต้องหาผู้ช่วยคนใหม่ และหนึ่งในแคนดิเดตที่เฟอร์กูสันทำการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ก็คือเดวิด มอยส์ คนบ้านเดียวกันนี่เอง
วันนั้นมอยส์พลาดงานใหม่เนื่องจากกุนซือรุ่นพี่เห็นว่า เขาออกจะใจร้อนเกินไป (ซึ่งมอยส์เม้ามอยในภายหลังว่า ตนไม่เห็นว่าเฟอร์กี้จะใจเย็นกว่าตนตรงไหนเลย) และสุดท้าย งานนั้นตกเป็นของ สตีฟ แม็คลาเรน อดีตผู้ช่วยหนุ่มจากดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่ชะตาลิขิตให้ได้กุมบังเหียนสิงโตคำรามในอนาคต
เป็นที่รู้กันดีว่า ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมของอเล็กซ์ เฟอร์กูสันนั้น เป็นตำแหน่งที่เลือกสรรกันอย่างพิถีพิถันยิ่ง เนื่องจากนั่นหมายถึง การวางตัวทายาทรับไม้กลาย ๆ หากกุนซือเฒ่าวางมือไปในวันหนึ่ง แม้ในที่สุด มอยส์จะไม่ถูกเลือก แต่เขาก็ถูกอกถูกใจว่าที่ท่านเซอร์ไม่น้อย
พวกเขายังพบกันอีกครั้ง เมื่อช่วงปี 2000 เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ทีมหนีตกชั้นในพรีเมียร์ลีก(ขณะนั้น) ยื่นข้อเสนอให้เขาย้ายจากเปรสตัน มอยส์ของคำปรึกษาจากเฟอร์กี้ คราวนี้รุ่นพี่จากกลาสโกว์เชิญเขามาพูดคุยถึงแคร์ริงตัน และให้คำแนะนำไปว่า เขาควรรอข้อเสนอที่ดีกว่านี้ - ซึ่งก็ได้จริง ๆ ในไม่กี่ปีต่อมา จากเอฟเวอร์ตันนั่นเอง
ความสัมพันธ์ระหว่างสองกุนซือจากกลาสโกว์ยังคงพัฒนาไปเรื่อย ๆ นอกจากจะคอมเมนต์ชื่นชมกันและกันอยู่เสมอ มอยส์ยังมอบวอนเดอร์คิดคนแรก ๆ ในความดูแลของเขาอย่าง เวย์น รูนีย์ ให้ไปเติบใหญ่ในความดูแลของบรมครูรุ่นพี่ ยูไนเต็ดเองก็มักจะมองเอฟเวอร์ตัน เป็นตัวเลือกแรก ๆ ยามที่ต้องการหาที่ทางให้นักเตะชั้นดีที่ไม่มีโอกาสลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น ทิม เฮาเวิร์ด, หลุยส์ ซาฮา, ฟิล เนวิลล์, ดาร์รอน กิ๊บสัน ฯลฯ
เมื่อเอ่ยถึงรูนีย์ ลืมไม่ได้ว่า ทุกอย่างเริ่มมาจากความไว้วางใจของมอยส์ ที่ให้เด็กหนุ่มอายุไม่เต็ม 17 ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ จนนำมาสู่ประตูดับอาร์เซนอลสุดอลังการในวันที่ 19 ตุลาคม 2002 ไม่ใช่แค่รูนีย์ แต่บรรดาดาวโรจน์ในถิ่นกูดิสัน พาร์ค ต่างได้รับโอกาสจากมอยส์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเจมส์ “ฟาดดี้” แม็คฟาดเดน, วิคเตอร์ อนิเชบี หรือแม้แต่ เชน ดัฟฟี และ รอสส์ บาร์คลีย์ ในปัจจุบัน - ไม่ต่างอะไรจากบรรดาลูกกรอกคะนอง ที่ "ป๋า" ให้โอกาสพวกเขาลงสนามอยู่เสมอ สมาชิก "Class of 92" จงเป็นพยาน
นอกจากการเป็นคนบ้านเดียวกัน อารมณ์เกรี้ยวกราดยามบัญชาการเกมอยู่ที่ข้างสนามของทั้งสองนั้น ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่าใคร ทางฟุตบอลที่เน้นการจ่ายแม่นยำ เข้าทำรวดเร็ว ของทั้งคู่ก็สอดคล้องกันอยู่ มอยส์ค่อย ๆ ปรับทีมที่เล่นสไตล์โบราณ สาดบอลเข้าเขตโทษ ให้กองหน้ายักษ์ปักหลั่นโขก มาเป็นฟุตบอลเท้าต่อเท้า ครองบอลเหนียวแน่น แต่เข้าทำรวดเร็ว หลากหลาย อย่างในปัจจุบัน อดีตผู้เล่นของแมนฯ ยู ที่ย้ายมาอยู่เอฟเวอร์ตัน จึงทำผลงานได้ดี และไม่ต้องปรับตัวนาน
มอยส์ยังเป็นผู้จัดการทีมที่ให้สัมภาษณ์ได้น่าจดจำคนหนึ่ง คำให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งรับตำแหน่ง ที่เขาเรียกทอฟฟี่สีน้ำเงินว่า “people’s club(ทีมของประชาชน)” ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟน ๆ ในเวลาไม่นาน และคำนี้ก็กลายเป็นอีกฉายาหนึ่งของทีมไปในที่สุด
ทั้งสองยังเป็นผู้จัดการทีมที่ให้ความสำคัญกับการค้นหาผู้เล่นชั้นดีจากทั่วโลก เครือข่าวแมวมองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น ขึ้นชื่อในความกว้างขวางและหูตาไว แม้ในช่วงหลังทีมจะต้องจ่ายเงินซื้อตัวผู้เล่นในราคาสูงลิบ แต่ต้องไม่ลืมว่า นี่คือทีมที่ค้นพบปีเตอร์ ชไมเคิล และ โอเล กุนนาร์ โซลชา และได้ทั้งสองมาด้วยค่าตัวที่ถูกแสนถูก ส่วนมอยส์และเอฟเวอร์ตันนั้นไปไกลยิ่งกว่า พวกเขาเซ็นสัญญากับ Sports Interactive ผู้พัฒนาเกม Football manager เพื่อขอใช้ฐานข้อมูลผู้เล่นที่รวบรวมโดยอาสาสมัครของบริษัททั่วโลก อาจฟังดูไร้สาระ แต่ลองดูนักเตะอย่าง นิกิชา เยลาวิช, สตีเวน พีนาร์, มารูยาน เฟลไลนี ฯลฯ แล้วจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องขำ ๆ
แฟนฟุตบอลทั่วโลกต่างยอมรับในฝีมือของกุนซือหนุ่มผู้ทำให้ทีมเบี้ยน้อยหอยนิดอย่างเอฟเวอร์ตัน ก้าวขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของประเทศ แม้แต่ดาร์เรน เฟอร์กูสัน ลูกชายของท่านเซอร์เอง ยังเลือกโทรมาปรึกษากับมอยส์ เมื่อตัดสินใจรับงานคุมทีมที่ปีเตอร์โบโร่ ทั้งที่มีพ่อเป็นตำนานมีลมหายใจแบบนั้น
บางที มันอาจถูกกำหนดไว้แล้ว ตั้งแต่พวกเขาพบกันในการสัมภาษณ์งานครั้งนั้น - เฟอร์กูสันในวันเวลาที่กำลังเข้าใกล้การเป็นอัศวินจากผลงานกวาดสามแชมป์ พบเงาสะท้อนอันเกรี้ยวกราดของตัวเอง มอยส์ที่กำลังห้าว มองเห็นตัวเองที่จัดเจนโลกมากขึ้น มีประสบการณ์สูงกว่า แม้สุดท้าย มอยส์จะไม่ได้เป็นขุนพลเงาข้างกายอัศวินเฟอร์กูสัน
แต่เงาที่แท้ย่อมทาบทาต้นกำเนิดได้สนิท แม้จะทอดไปไกลถึงฝากหนึ่งของแม่น้ำเมอร์ซีย์ก็ตาม
เดวิด มอยส์
"ตอนที่เขาคุยกับผมเรื่องจะให้ผมไปเป็นผู้ช่วยของเขา เขามองว่าผมออกจะใจร้อนไปหน่อย แต่ผมจำได้เลย ตอนผมยังอยู่เซลติก ที่ม้านั่ง ผมเห็นเขาที่กำลังคุมอเบอร์ดีน ตะโกนจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นที่ลำคอน่ะ"
มอยส์ พูดถึงเซอร์อเล็กซ์
เหล่าเงา(ตัวจริง)ที่หายไปของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ไบรอัน คิดด์
"คิดโด้" อดีตแข้งผีแดง ถูกเฟอร์กูสันดึงตัวกลับสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดในปี 1988 ในฐานะโค้ชทีมเยาวชน และไต่เต้าขึ้นมาเป็นมือขวาใน 2 ปีต่อมา ปลายปี 1998 เขาตัดสินใจทิ้งทีมไปรับงานพาแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส หนีตกชั้น แต่ไม่สำเร็จ และถูกปลดออกเมื่อพากุหลาบไฟดิ่งลงไปถึงอันดับ 19 ของดิวิชันหนึ่ง คิดด์ระหกระเหินไปเป็นสตาฟฟ์โคชให้หลายทีม ก่อนจะมาเป็นมือขวาของโรแบร์โต้ มันชินี ที่แมนฯ ซิตี้ ในปัจจุบัน
สตีฟ แม็คลาเรน
แซงหน้ามอยส์ คว้าตำแหน่งมือขวาของป๋าไปได้ และแจ็คพ็อตแตกตั้งแต่ปีแรก เมื่อคว้าเทรบเบิลแชมป์กับทีมทันที มีชื่อเสียงจากการเป็นโค้ชสมัยใหม่ที่นำการวิเคราะห์คู่แข่งจากวิดิโอ และนักจิตวิทยากีฬา เข้ามาใช้ดูแลทีม
หลังถอดใจไม่รอรับตำแหน่งต่อจากเซอร์อเล็กซ์ แม็คลาเรนออกไปคุมมิดเดิลส์โบรซ์อยู่ 5 ปี ทำผลงานได้น่าทึ่งไม่น้อย จนได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในปี 2007 และพาทีมพลาดตั๋วยูโร 2008 รอบสุดท้าย บิ๊กแม็คถูกก่นด่าจากทั่วสารทิศ
ปัจจุบันแม็คลาเรนว่างงาน หลังเพิ่งถูกทเวนเต้ปลด
คาร์ลอส เคยรอช
ทำมาหากินอยู่แถว ๆ เอเชีย ก่อนจะถูกเฟอร์กี้ดึงตัวไปเป็นมือขวา ผ่านไปฤดูกาลเดียวก็ถูกเรอัล มาดริด ดึงตัวไปคุมทีม แต่แค่เพียง 10 เดือนก็ถูกไล่ออกกลับมาอยู่กับแมนฯ ยู อีกครั้ง เคยรอชอยู่กับแมนฯ ยูอีก 4 ปี ก่อนจะรับงานใหญ่ คุมทีมชาติโปรตุเกส และไม่ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปัจจุบันเขากำลังคุมทีมชาติอิหร่าน
link :
http://www.goal.com/th/news/4265/คอลัมน์/2013/05/09/3965700/The-Unnoticed-เดวิด-มอยส์-เงาที่หายไปของเซอร์-อเล็กซ์?ICID=HP_TS_2
เดี๋ยวนี้พันทิปโฉมใหม่ทำ feature พิเศษ ซ่อนการตอบกลับความเห็นไว้ใน [99ตอบกลับ] (99 คือจำนวนที่ตอบกลับ) ไว้ข้าง [ตอบกลับ] ด้านล่างของคห. ต้อง click เพื่อดูนะครับ
[บทความผีแดง 2013-01-14] The Unnoticed: เดวิด มอยส์ - เงาที่หายไปของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (หรือจะทาบทาได้สนิท)
ชัดเจนแล้วว่า ชายที่จะมานั่งบัลลังก์ทองคำ ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แทนที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปูชนียบุคคลแห่งโลกฟุตบอล ตำนานมีลมหายใจที่ขอยุติวันเวลาของเขากับเก้าอี้ตัวนี้ไว้ที่ 27 ฤดูกาล คือสก็อตติชผู้เป็นที่รักในฟากหนึ่งของแม่น้ำเมอร์ซีย์ - เดวิด มอยส์
จากเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวกลั่นของกลาสโกว์ เซลติก ชายหนุ่มจากเบียร์ดเซน ระหกระเหินค้าแข้งอยู่ในสหราชอาณาจักรให้กับหลายทีม จนมาอยู่กับเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ เป็นสโมสรสุดท้าย ในปี 1998 เขาผันตัวเองเข้ามาอยู่ในทีมสตาฟฟ์โค้ช ขึ้นคุมทีมแทนแกรี ปีเตอร์ส ที่ออกไป เซ็นเตอร์ฮาล์ฟผู้รับใช้ทีมมากว่าร้อยนัด เปลี่ยนสไตล์การเล่นโยนยาวแบบอังกฤษโบราณของต้นสังกัด มาเป็นการเล่นฟุตบอลแบบส่งเท้าต่อเท้า “เจ้าดอกลิลลี่ขาว” ผลงานดีขึ้นทันตา และรอดจากการตกชั้นสู่ดิวิชันสามในที่สุด เมื่อมอยส์คุมทีมเต็มตัวในฤดูกาลถัดมา เปรสตันไปไกลถึงเพลย์ออฟ แม้จะแพ้ให้กับจิลลิงแฮมในบั้นปลาย แต่สปอตไลท์ก็เริ่มสาดส่องมาที่ชายคนนี้
ฤดูกาลถัดมา กุนซือหนุ่มเลือดสกอตต์พิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือของจริงไม่ใช่พลุข้ามคืน เมื่อพาเปรสตันขึ้นมาเล่นดิวิชันหนึ่ง(แชมเปียนชิพในปัจจุบัน)ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี - ในฐานะแชมป์ ยังไม่พอ ถัดมาอีกปีเดียว น้องใหม่ทีมนี้ไปไกลถึงเพลย์ออฟ และพลาดตั๋วขึ้นลีกสูงสุดไปแบบฉิวเฉียด เมื่อแพ้ให้กับโบลตัน วันเดอเรอร์ส - ดีพ เดล ของเปรสตัน เล็กเกินไปสำหรับมอยส์เสียแล้ว
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่ มอยส์รับตำแหน่งผู้จัดการทีมของเอฟเวอร์ตันในปี 2002 และกลายเป็นผู้จัดการทีมที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดเป็นอันดับสามของสหราชอาณาจักร รองจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และอาร์แซน เวงเกอร์ เท่านั้น
แต่ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย เส้นทางชีวิตของสองกุนซือสก็อตติชต่างวัย แต่ใจร้อนไม่แพ้กัน ได้โคจรมาทาบทับกันแล้ว
ช่วงปลายปี 1998 ไบรอัน คิดด์ ผู้ช่วยของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในวันที่ยังไม่ได้ยศอัศวิน อำลาโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปแบกรับความท้าทายที่อีวูดพาร์ค ในภารกิจ พาแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส หนีตกชั้น เดือดร้อนถึงกุนซือชาวสกอตต์ที่กำลังพาทีมคั่วสามแชมป์ ต้องหาผู้ช่วยคนใหม่ และหนึ่งในแคนดิเดตที่เฟอร์กูสันทำการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ก็คือเดวิด มอยส์ คนบ้านเดียวกันนี่เอง
วันนั้นมอยส์พลาดงานใหม่เนื่องจากกุนซือรุ่นพี่เห็นว่า เขาออกจะใจร้อนเกินไป (ซึ่งมอยส์เม้ามอยในภายหลังว่า ตนไม่เห็นว่าเฟอร์กี้จะใจเย็นกว่าตนตรงไหนเลย) และสุดท้าย งานนั้นตกเป็นของ สตีฟ แม็คลาเรน อดีตผู้ช่วยหนุ่มจากดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่ชะตาลิขิตให้ได้กุมบังเหียนสิงโตคำรามในอนาคต
เป็นที่รู้กันดีว่า ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมของอเล็กซ์ เฟอร์กูสันนั้น เป็นตำแหน่งที่เลือกสรรกันอย่างพิถีพิถันยิ่ง เนื่องจากนั่นหมายถึง การวางตัวทายาทรับไม้กลาย ๆ หากกุนซือเฒ่าวางมือไปในวันหนึ่ง แม้ในที่สุด มอยส์จะไม่ถูกเลือก แต่เขาก็ถูกอกถูกใจว่าที่ท่านเซอร์ไม่น้อย
พวกเขายังพบกันอีกครั้ง เมื่อช่วงปี 2000 เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ทีมหนีตกชั้นในพรีเมียร์ลีก(ขณะนั้น) ยื่นข้อเสนอให้เขาย้ายจากเปรสตัน มอยส์ของคำปรึกษาจากเฟอร์กี้ คราวนี้รุ่นพี่จากกลาสโกว์เชิญเขามาพูดคุยถึงแคร์ริงตัน และให้คำแนะนำไปว่า เขาควรรอข้อเสนอที่ดีกว่านี้ - ซึ่งก็ได้จริง ๆ ในไม่กี่ปีต่อมา จากเอฟเวอร์ตันนั่นเอง
ความสัมพันธ์ระหว่างสองกุนซือจากกลาสโกว์ยังคงพัฒนาไปเรื่อย ๆ นอกจากจะคอมเมนต์ชื่นชมกันและกันอยู่เสมอ มอยส์ยังมอบวอนเดอร์คิดคนแรก ๆ ในความดูแลของเขาอย่าง เวย์น รูนีย์ ให้ไปเติบใหญ่ในความดูแลของบรมครูรุ่นพี่ ยูไนเต็ดเองก็มักจะมองเอฟเวอร์ตัน เป็นตัวเลือกแรก ๆ ยามที่ต้องการหาที่ทางให้นักเตะชั้นดีที่ไม่มีโอกาสลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น ทิม เฮาเวิร์ด, หลุยส์ ซาฮา, ฟิล เนวิลล์, ดาร์รอน กิ๊บสัน ฯลฯ
เมื่อเอ่ยถึงรูนีย์ ลืมไม่ได้ว่า ทุกอย่างเริ่มมาจากความไว้วางใจของมอยส์ ที่ให้เด็กหนุ่มอายุไม่เต็ม 17 ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ จนนำมาสู่ประตูดับอาร์เซนอลสุดอลังการในวันที่ 19 ตุลาคม 2002 ไม่ใช่แค่รูนีย์ แต่บรรดาดาวโรจน์ในถิ่นกูดิสัน พาร์ค ต่างได้รับโอกาสจากมอยส์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเจมส์ “ฟาดดี้” แม็คฟาดเดน, วิคเตอร์ อนิเชบี หรือแม้แต่ เชน ดัฟฟี และ รอสส์ บาร์คลีย์ ในปัจจุบัน - ไม่ต่างอะไรจากบรรดาลูกกรอกคะนอง ที่ "ป๋า" ให้โอกาสพวกเขาลงสนามอยู่เสมอ สมาชิก "Class of 92" จงเป็นพยาน
นอกจากการเป็นคนบ้านเดียวกัน อารมณ์เกรี้ยวกราดยามบัญชาการเกมอยู่ที่ข้างสนามของทั้งสองนั้น ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่าใคร ทางฟุตบอลที่เน้นการจ่ายแม่นยำ เข้าทำรวดเร็ว ของทั้งคู่ก็สอดคล้องกันอยู่ มอยส์ค่อย ๆ ปรับทีมที่เล่นสไตล์โบราณ สาดบอลเข้าเขตโทษ ให้กองหน้ายักษ์ปักหลั่นโขก มาเป็นฟุตบอลเท้าต่อเท้า ครองบอลเหนียวแน่น แต่เข้าทำรวดเร็ว หลากหลาย อย่างในปัจจุบัน อดีตผู้เล่นของแมนฯ ยู ที่ย้ายมาอยู่เอฟเวอร์ตัน จึงทำผลงานได้ดี และไม่ต้องปรับตัวนาน
มอยส์ยังเป็นผู้จัดการทีมที่ให้สัมภาษณ์ได้น่าจดจำคนหนึ่ง คำให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งรับตำแหน่ง ที่เขาเรียกทอฟฟี่สีน้ำเงินว่า “people’s club(ทีมของประชาชน)” ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟน ๆ ในเวลาไม่นาน และคำนี้ก็กลายเป็นอีกฉายาหนึ่งของทีมไปในที่สุด
ทั้งสองยังเป็นผู้จัดการทีมที่ให้ความสำคัญกับการค้นหาผู้เล่นชั้นดีจากทั่วโลก เครือข่าวแมวมองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น ขึ้นชื่อในความกว้างขวางและหูตาไว แม้ในช่วงหลังทีมจะต้องจ่ายเงินซื้อตัวผู้เล่นในราคาสูงลิบ แต่ต้องไม่ลืมว่า นี่คือทีมที่ค้นพบปีเตอร์ ชไมเคิล และ โอเล กุนนาร์ โซลชา และได้ทั้งสองมาด้วยค่าตัวที่ถูกแสนถูก ส่วนมอยส์และเอฟเวอร์ตันนั้นไปไกลยิ่งกว่า พวกเขาเซ็นสัญญากับ Sports Interactive ผู้พัฒนาเกม Football manager เพื่อขอใช้ฐานข้อมูลผู้เล่นที่รวบรวมโดยอาสาสมัครของบริษัททั่วโลก อาจฟังดูไร้สาระ แต่ลองดูนักเตะอย่าง นิกิชา เยลาวิช, สตีเวน พีนาร์, มารูยาน เฟลไลนี ฯลฯ แล้วจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องขำ ๆ
แฟนฟุตบอลทั่วโลกต่างยอมรับในฝีมือของกุนซือหนุ่มผู้ทำให้ทีมเบี้ยน้อยหอยนิดอย่างเอฟเวอร์ตัน ก้าวขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของประเทศ แม้แต่ดาร์เรน เฟอร์กูสัน ลูกชายของท่านเซอร์เอง ยังเลือกโทรมาปรึกษากับมอยส์ เมื่อตัดสินใจรับงานคุมทีมที่ปีเตอร์โบโร่ ทั้งที่มีพ่อเป็นตำนานมีลมหายใจแบบนั้น
บางที มันอาจถูกกำหนดไว้แล้ว ตั้งแต่พวกเขาพบกันในการสัมภาษณ์งานครั้งนั้น - เฟอร์กูสันในวันเวลาที่กำลังเข้าใกล้การเป็นอัศวินจากผลงานกวาดสามแชมป์ พบเงาสะท้อนอันเกรี้ยวกราดของตัวเอง มอยส์ที่กำลังห้าว มองเห็นตัวเองที่จัดเจนโลกมากขึ้น มีประสบการณ์สูงกว่า แม้สุดท้าย มอยส์จะไม่ได้เป็นขุนพลเงาข้างกายอัศวินเฟอร์กูสัน
แต่เงาที่แท้ย่อมทาบทาต้นกำเนิดได้สนิท แม้จะทอดไปไกลถึงฝากหนึ่งของแม่น้ำเมอร์ซีย์ก็ตาม
เดวิด มอยส์
"ตอนที่เขาคุยกับผมเรื่องจะให้ผมไปเป็นผู้ช่วยของเขา เขามองว่าผมออกจะใจร้อนไปหน่อย แต่ผมจำได้เลย ตอนผมยังอยู่เซลติก ที่ม้านั่ง ผมเห็นเขาที่กำลังคุมอเบอร์ดีน ตะโกนจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นที่ลำคอน่ะ"
มอยส์ พูดถึงเซอร์อเล็กซ์
เหล่าเงา(ตัวจริง)ที่หายไปของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ไบรอัน คิดด์
"คิดโด้" อดีตแข้งผีแดง ถูกเฟอร์กูสันดึงตัวกลับสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ดในปี 1988 ในฐานะโค้ชทีมเยาวชน และไต่เต้าขึ้นมาเป็นมือขวาใน 2 ปีต่อมา ปลายปี 1998 เขาตัดสินใจทิ้งทีมไปรับงานพาแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส หนีตกชั้น แต่ไม่สำเร็จ และถูกปลดออกเมื่อพากุหลาบไฟดิ่งลงไปถึงอันดับ 19 ของดิวิชันหนึ่ง คิดด์ระหกระเหินไปเป็นสตาฟฟ์โคชให้หลายทีม ก่อนจะมาเป็นมือขวาของโรแบร์โต้ มันชินี ที่แมนฯ ซิตี้ ในปัจจุบัน
สตีฟ แม็คลาเรน
แซงหน้ามอยส์ คว้าตำแหน่งมือขวาของป๋าไปได้ และแจ็คพ็อตแตกตั้งแต่ปีแรก เมื่อคว้าเทรบเบิลแชมป์กับทีมทันที มีชื่อเสียงจากการเป็นโค้ชสมัยใหม่ที่นำการวิเคราะห์คู่แข่งจากวิดิโอ และนักจิตวิทยากีฬา เข้ามาใช้ดูแลทีม
หลังถอดใจไม่รอรับตำแหน่งต่อจากเซอร์อเล็กซ์ แม็คลาเรนออกไปคุมมิดเดิลส์โบรซ์อยู่ 5 ปี ทำผลงานได้น่าทึ่งไม่น้อย จนได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในปี 2007 และพาทีมพลาดตั๋วยูโร 2008 รอบสุดท้าย บิ๊กแม็คถูกก่นด่าจากทั่วสารทิศ
ปัจจุบันแม็คลาเรนว่างงาน หลังเพิ่งถูกทเวนเต้ปลด
คาร์ลอส เคยรอช
ทำมาหากินอยู่แถว ๆ เอเชีย ก่อนจะถูกเฟอร์กี้ดึงตัวไปเป็นมือขวา ผ่านไปฤดูกาลเดียวก็ถูกเรอัล มาดริด ดึงตัวไปคุมทีม แต่แค่เพียง 10 เดือนก็ถูกไล่ออกกลับมาอยู่กับแมนฯ ยู อีกครั้ง เคยรอชอยู่กับแมนฯ ยูอีก 4 ปี ก่อนจะรับงานใหญ่ คุมทีมชาติโปรตุเกส และไม่ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปัจจุบันเขากำลังคุมทีมชาติอิหร่าน
link : http://www.goal.com/th/news/4265/คอลัมน์/2013/05/09/3965700/The-Unnoticed-เดวิด-มอยส์-เงาที่หายไปของเซอร์-อเล็กซ์?ICID=HP_TS_2
เดี๋ยวนี้พันทิปโฉมใหม่ทำ feature พิเศษ ซ่อนการตอบกลับความเห็นไว้ใน [99ตอบกลับ] (99 คือจำนวนที่ตอบกลับ) ไว้ข้าง [ตอบกลับ] ด้านล่างของคห. ต้อง click เพื่อดูนะครับ