++++++++++ น้ำ ต า จ ะ ไ ห ล ..........ขอ แ ช ร์ หน่อยนะครับ ++++++++++

กระทู้สนทนา
เห็นแชร์กันมากมายใน fb
เรื่องแพนด้าหลินปิงที่มีค่าใช้จ่ายในการเช่า

โห....สนุกครับ ส่วนใหญ่ด่ารัฐบาลทั้งนั้น

แต่ที่ผมฮามากเลย
ก็คือการโยงเรื่อง "แพนด้า"
ให้ไปเกี่ยวพันกับเรื่องของ "ยุบโรงเรียน"
และเรื่องของ "ช้างไทย" ที่ไม่ได้รับการดูแล

แหมม....มัน "คนละเรื่องเดียวกัน" เลยครับ

แพนด้ามันเป็นโครงการที่มีมาตั้งนานแล้ว
มีการเปิดการเจรจากันระหว่างจีน กับ มิตรประเทศที่สนใจ

ส่วนยุบโรงเรียนก็เป็นนโยบายของ ปชป.
ที่มาจาก ชินวร บุณยเกียรติ ในสมัยที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาโน่น

และเรื่องช้างไทยนั้น
ก็เป็นปัญหาที่คาราคาซังมาทุกสมัย
โดยมี พรบ.คุ้มครองสัตว์ และ พรบ.จราจรควบคุมอยู่

การจะได้แพนด้ามาไม่ใช่ง่้ายๆครับ
เพราะจีนเลือกที่จะ "ให้เช่า" แพนด้า
กับประเทศที่เขามีผลประโยชน์ หรือ มีความสัมพันธ์ดีเท่านั้น

ในช่วงที่โลกต้องเผิชญกับความตรึงเครียด
อันเนื่องมาจากระบบการปกครองแบบ 2 ระบบนั้น
จีนและสหรัฐเผชิญหน้ากันหลายต่อหลายครั้ง

เพราะคนหนึ่งเป็นคอมมิวนิสท์ คนหนึ่งเป็นโลกเสรี

แต่จีนใช้ "ปิงปอง" กับ  "แพนด้า"
มาเป็นตัวช่วยลดอุณหภูมิของการเผชิญหน้าลงได้อย่างชนิดที่แยบยล
จนประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐตัดสินใจมาเยือนจีนครับ

งานเลี้ยงต้อนรับนิกสัน ถูกถ่ายทอดผ่าดาวเทียมกลับไปที่อเมริกา

บนโต๊ะอาหารนั้น
โจว เอิน ไหล นายกฯจีน
เอ่ยปากชม "แพ็ท นิกสัน" ศรีภรรเมียของท่านประธานาธิบดีนิกสันว่า

"คุณและท่านประธานาธิบดีใช้ตะเกียบได้เก่งมากเลยครับ"

แพ็ทก็ตอบกลับว่า "อ๋อ...เราฝึกมาอย่างดีก่อนที่จะมาเยือนจีนค่ะ"

บนโต๊ะอาหารมี "บุหรี่ตราหมีแพนด้า" วางไว้เพื่อต้อนรับ
โจว เอิน ไหล ได้ชี้ไปที่ซองบุหรี่ แล้วพูดกับแพ็ทว่า

"ผมกำลังคิดว่าจะส่งมอบสิ่งนี้ให้ประชาชนชาวสหรัฐ"

แพ็ทดีใจมาก และหันไปบอกนิกสันว่า
"ริชาร์ด...ท่านนายกฯโจวบอกว่าจะมอบสิ่งนี้ให้กับเรา"

และนั่น...คือปฐมบทของ "การทูตแบบแพนด้า"  ครับ

มีบันทึกของเรื่องนี้ทั้งฝั่งจีน และ อเมริกา
ส่วนใครที่สนใจ ลองไปหาอ่านได้ในหนังสือ "การทูตแบบ โจว เอิน ไหล" ครับ

ประเทศที่เอาแพนด้าของจีนมาดูแล
ก็ต้องทำตามกติกาทีทางการจีนกำหนดครับ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่อยู่อาศัยที่ต้องตรงตามสเป็ค
เรื่องของอาหารการกินที่ต้องเป็นไปตามธรรมชาติของแพนด้า

ไปจนถึงเรื่องของการดูแลรักษาจิปาถะต่างๆ

เมื่อยืมมาครบกำหนดแล้ว
ก็ต้องคืนเขาไปตามที่ตกลงกัน
หากจะขอให้อยู่ต่อ ก็ต้องเจรจาจ่ายค่าเช่ากันใหม่

ผมว่ามันก็แฟร์ๆดี

รายได้จากแพนด้า
ก็เอาไปจุนเจือสวนสัตว์อื่นๆที่สังกัดเดียวกัน
บางทีก็เอามาทำ CSR ให้กับท้องถิ่น เช่น โครงการดูหนังในสวนสัตว์
หรือโครงการประ้เภทแพนด้าช่วยเพื่อน ที่เอาเงินรายได้จากแพนด้าไปช่วยสัตว์อื่นๆ

ยังไม่นับข้อดีในการกระตุ้นการท่องเที่ยว
ที่คนแห่กันไปดูแพนด้า จนกลายเป็นฟีเวอร์

ยังไม่นับเรื่องของ "โอกาส"
ให้คนที่ไม่รวยพอที่จะไปเมืองจีนได้
สามารถที่จะไปดูแพนด้าตัวเป็นๆที่เชียงใหม่

ตอนที่ได้หลินฮุ่ย กับ ช่วงช่วง มานั่น
เงินที่จ่ายไปก็เป็นไปตาม "ข้อตกลงมาตรฐาน"
ที่จีนตั้งเป็นระเบียบของเขาไว้ และ ใช้ปฏิบัติกับทุกประเทศครับ

เงินค่าตัวของหลินปิง (ที่มาเกิดในเมืองไทย)
เขาไม่ได้เบียดบังเอาภาษีไปจ่ายค่าตัวอะไรเลย
เพราะมีรายได้จากการขายบัตรเกินกว่าค่าเช่าซะอีก

ส่วนเรื่องของช้างไทยนั้น
มันมีกฏหมายที่ดูแลช้างอยู่
อยู่ที่ว่าจะบังคับใช้กันแค่ไหน

ทั้งในเรื่องกฏหมายจราจร
ที่ห้ามเอาช้างมาเดินกีดขวางถนน

กฏหมายคุ้มครองสัตว์
ที่ห้ามการทรมานทรกรรมมัน

และยังมีทั้งภาครัฐ ไปจนถึงองค์กรเอกชนต่างๆ
ที่ช่วยกันดูแลช้างในหลายๆรูปแบบ ตามกำลังทรัพย์
ขัดแข้งขัดขา ทะเลาะเบาะแว้งกันให้ได้ยินบ่อยๆตามสมควร

วิธีง่ายๆที่จะช่วยช้าง
และผมว่าทำกันได้ทุกคนด้วย
ก็คือการ "ไม่ซื้อ" อาหารจากคนเลี้ยงครับ

ผมยังจำข่าวที่ช้างอาละวาดใน กทม.ได้อยู่เลย
ช้างมันเครียดครับ เลยอาละวาดไปตามสัญชาติญาน
ตร.ไปตามควาญช้างของมันกลับมาแก้ไขสถานะการณ์

ปรากฏว่าพอไอ้ควาญนั่นมัน "เมา" มาเลยครับ

กลิ่นเหล้าหึ่ง จนตำรวจทำตาปริบๆ ทำอะไรไม่ถูก
มันให้การว่าพาช้างเดินหากินมาทั้งวันทั่วกรุง
พอตกค่ำก็พาช้างมาปล่อยให้กินหญ้า

ส่วนตัวมันออกไปหาเหล้ากินขอรับ !!!!

เลวบริสุทธิ์เลยมั๊ยล่ะ....

พอช้างอาละวาด
ไอ้ควาญนั่นมันก็บอกว่าช้างเครียด
เพราะคิดถึงและมีความผูกพันธ์กับมัน

ผูกพันธุ์...แต่มันหนีช้างไปกินเหล้านี่น๊ะ...

นี่แหละครับ...
ความใจบุญของท่านๆทั้งหลาย
กลายไปเป็นค่าเหล้าให้ "คน" ครับ

หาใช่อาหารช้างแต่อย่างใด...

เริ่มที่ตัวเราก่อนเลยครับ
อย่าไปซื้ออาหารเพื่อให้ควาญสบาย

กว่าเขาจะได้ช้างพามาเดินท่อมๆในเมืองกรุง
เขาต้องรวบรวมเงินไปซื้อมาตัวนึงก็หลายตังค์ครับ
แทนที่มันจะเอาเงินที่ว่าไปลงทุนค้าขาย หรือเพาะปลูก
กลับคิดง่ายๆว่าเอาเงินซื้อช้างมาเดินใน กทม.ดีกว่า...

ผมเห็นด้วยกับการรณรงค์ช่วยช้างครับ
เพราะช้างคือสัตว์คู่บ้าน คู่เมือง  ออกรบทัพ จับศึก ก็ได้ช้างนี่แหละเป็นพาหนะ
ชนะข้าศึกปกป้องบ้านเมืองไว้ได้ ส่วนนึงต้องถือว่าช้างมีบุญคุณกับเรา

เพียงแต่มัน "คนละเรื่อง" เลย
กับการที่จะเอาเรื่องช้าง ไปปนกับเรื่องแพนด้า เพื่อด่ารัฐบาล

คงต้องหาทางรรณรงค์กันด้วยวิธีอื่นครับ
เช่น ...ในภาคเอกชนก็มี บ.เสื้อผ้าสำหรับคุณผู้ชาย
ที่รณรงค์หาทุนในโครงการ "พาช้างกลับบ้าน"

มีคุณโซไรดา ซาลวาลา
ที่ทุ่มเททั้งชีวิตให้ช้าง

มีคุณโรเจอร์ โลหะนันท์
ที่ดูแลเรื่องของสัตว์โดยรวมๆ

ไม่นับศูนย์ช้างของ ออป.ที่มีโรงพยาบาลช้าง
ที่อยู่ตรง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง อีกต่างหาก
คุณหมอที่นี่เก่งครับ ผสมเทียมช้างสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก

ส่วนแพนด้านั้น
อยู่ในความดูแลขององค์การสวนสัตว์ที่เป็นหน่วยงานรัฐ

เงินรายได้ของเขาต้องมีการนำส่งไปตามขั้นตอน
ตามระเบียบปฏิบัติที่เขามีตราไว้สำหรับองค์กรของเขา
ต้องมีการตั้งงบ หากจะเอาเงินออกมาทำโน่นทำนี่
มีการบริหารจัดการต่างๆในส่วนของสวนสัตว์ที่อยู่ในการดูแล

หากเขามีปัญญาจ่ายเงิน "ค่าเช่าแพนด้า"
เขาก็คงมีวิธีหารายได้กลับคืนมาเพื่อให้มันคุ้มทุน โดยที่ไม่เบียดบังภาษีแน่ๆครับ

หากจะด่ารัฐเรื่องช้าง
มันต้องด่าในเชิงปัญหาสังคม
ในเรื่องของ "ช้างเร่ร่อน" , "ช้างที่ไม่มีตั๋วรูปพรรณ" และ "ช้างป่าที่ออกมากินพืชไร่" ครับ

ส่วนเรื่องของแพนด้า , เรื่องยุบโรงเรียน และ เรื่องช้าง ที่แชร์กันนั้น....มันคนละเรื่องเดียวกันเลย !!!!

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่