แฮร์รี่เฮาเซ่นเป็นคนที่ให้ความสนใจในเรื่องของทำให้หุ่นมีการเคลื่อนไหว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ชท King Kong ของ วิลลิส โอเบรียน กับเพื่อนที่ชื่อ เรย์ รอดบิวรี่ ในปี 1933 จากหนังเขาก็ก้าวเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ในปี 1935 ด้วยการทำหนังโฮม-มูฟวี่ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเขาในวัยเด็ก ที่พยายามทำให้หุ่นมีการเคลื่อนไหว และอีก 46 ปีนับจากนั้น เขาก็กลายเป็นผู้ที่ทำให้สิ่งที่เขาพยายามสร้างทำตั้งแต่วัยเด็ก กลายเป็นภาพบนจอภาพยนตร์ ไม่ว่าจะใน Mighty Joe Young (1949), It Came from Beneath the Sea (1955), 20 Million Miles to Earth (1957), Mysterious Island (1961), One Million Years B.C. (1966), The Valley of the Gwangi (1969), หนังการผจญภัยของซินแบด 3 เรื่อง และ Clash of the Titans (1981) แต่งานที่เป็นที่จดจำมากที่สุดก็คือ การทำโครงกระดูก 7 ร่าง ให้เคลื่อนไหวได้ใน Jason and the Argonauts (1963) ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำนานถึง 3 เดือน (ชมได้ที่คลิปด้านล่าง)
ส่วนปีเตอร์ แจ็คสัน บอกว่า "The Lord of the Rings ก็คือหนังเรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นของผม ถ้าไม่มีความรักในการเล่าเรื่อง และงานด้านภาพที่แสนมหัศจรรย์อันยาวนานของเขา มันก็อาจจะไม่ถูกสร้างขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ผม" และ "ความอดทน ความพยายามของเขา สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเรา"
อำลา-อาลัย เรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่น พ่อมดสต็อป-โมชั่น ผู้บุกเบิกเทคนิคพิเศษในโลกภาพยนตร์
วงการภาพยนตร์ ก็ต้องสูญเสียคนทำหนังระดับตำนาน ผู้เปี่ยมไปด้วยความคิด และจินตนาการมากมายไปอีกคน เมื่อ เรย์ แฮร์รี่ เฮาเซ่น พ่อมดสต็อป-โมชั่น ที่ถือว่าเป็นคนทำเทคนิคพิเศษในยุคบุกเบิกต้องจากโลกนี้ไปด้วยวัย 93 ปี เมื่อ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา
แฮร์รี่เฮาเซ่นเป็นคนที่ให้ความสนใจในเรื่องของทำให้หุ่นมีการเคลื่อนไหว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ชท King Kong ของ วิลลิส โอเบรียน กับเพื่อนที่ชื่อ เรย์ รอดบิวรี่ ในปี 1933 จากหนังเขาก็ก้าวเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ในปี 1935 ด้วยการทำหนังโฮม-มูฟวี่ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเขาในวัยเด็ก ที่พยายามทำให้หุ่นมีการเคลื่อนไหว และอีก 46 ปีนับจากนั้น เขาก็กลายเป็นผู้ที่ทำให้สิ่งที่เขาพยายามสร้างทำตั้งแต่วัยเด็ก กลายเป็นภาพบนจอภาพยนตร์ ไม่ว่าจะใน Mighty Joe Young (1949), It Came from Beneath the Sea (1955), 20 Million Miles to Earth (1957), Mysterious Island (1961), One Million Years B.C. (1966), The Valley of the Gwangi (1969), หนังการผจญภัยของซินแบด 3 เรื่อง และ Clash of the Titans (1981) แต่งานที่เป็นที่จดจำมากที่สุดก็คือ การทำโครงกระดูก 7 ร่าง ให้เคลื่อนไหวได้ใน Jason and the Argonauts (1963) ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำนานถึง 3 เดือน (ชมได้ที่คลิปด้านล่าง)
ความเป็นอัจฉริยะของแฮร์รี่เฮาเซ่น สามารถทำให้หุ่นต่างๆ เคลื่อนไหวได้อย่างน่าทึ่งบนจอภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นของไดโนเสาร์จากยุคก่อนประวัติศาสตร์ หรือสัตว์ในตำนาน เมื่อหุ่นเหล่านี้มาอยู่ในมือของแฮร์รี่เฮาเซ่น มันไม่ใช่แค่หุ่นเชิด หากเป็นตัวละครที่มีชีวิตชีวา มีบทบาทของตัวเอง ไม่ต่างไปจากนักแสดงคนหนึ่ง ที่ต้องปรากฏตัวร่วมกันในหนัง และหลายๆ ครั้ง มันก็มีความสำคัญมากกว่านักแสดงในเรื่องซะอีก
หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของเรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่น ผู้สร้างภาพยนตร์ระดับตำนานของวงการหลายๆ คน ต่างก็กล่าวสดุดีให้กับตำนาน-ผู้บุกเบิก เทคนิคพิเศษในโลกภาพยนตร์คนนี้กันโดยทั่วหน้า
จอร์จ ลูคัส กล่าวถึงเรย์ว่า “เรย์เป็นแรงบันดาลใจมหาศาลให้กับพวกเราในโลกของเทคนิคพิเศษ ศิลปะจองหนังในยุคแรกๆ ของเขา ที่พวกเราเติบโตมากับมัน สร้างแรงบันดาลใจให้เรามากมาย” และ “ถ้าปราศจาก เรย์ แฮร์รี่ เฮาเซ่น ก็คงจะไม่มีหนัง Star Wars"
ส่วนปีเตอร์ แจ็คสัน บอกว่า "The Lord of the Rings ก็คือหนังเรย์ แฮร์รี่เฮาเซ่นของผม ถ้าไม่มีความรักในการเล่าเรื่อง และงานด้านภาพที่แสนมหัศจรรย์อันยาวนานของเขา มันก็อาจจะไม่ถูกสร้างขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ผม" และ "ความอดทน ความพยายามของเขา สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเรา"
เทอร์รี่ กิลเลียน ผู้กำกับจาก 12 Monkeys กล่าวว่า "สิ่งที่เราทำทุกวันนี้คือเทคนิคดิจิตอลจากคอมพิวเตอร์ เรย์ทำเทคนิคดิจิตอลมาก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ มีเพียงการคิดคำนวณของเขาเอง"
สตีเวน สปีลเบิร์ก สดุดีสั้นๆ ถึงเรย์ว่า "เรย์, แรงบันดาลใจของคุณ จะอยู่กับเราชั่วนิจนิรันดร์”
ขณะที่เจมส์ คาเมรอน พ่อมดเทคนิคพิเศษแห่งโลกยุคใหม่ บอกว่า “ผมคิดว่าพวกเราทุกคน คือผู้ชำนาญการในศิลปะของหนังแฟนตาซี และไซ-ไฟ ทุกวันนี้ทุกคนรู้สึกว่าเราได้ทำงานต่อยอดจากที่มีคนทำเอาไว้ ถ้าไม่มีการเจือจานกิ่งก้านความฝันทีละเล็กละน้อยของเรย์ พวกเราคงไม่ได้มาอยู่ในจุดนี้"
อ่านแล้วชอบใจอย่าลืมแวะไปกดไลค์ให้ www.facebook.com/Sadaos ด้วยนะครับ นะครับ ที่เพจมีข่าวคราว เรื่องราวของวงการหนัง-เพลงให้ได้อ่าน ได้ชมกันเพียบ!!!