ความเดิมตอนที่แล้ว
โตนเลสาบ แก้มลิงธรรมชาติของคนเขมร http://ppantip.com/topic/30420230
ปราสาทบายน มนตรศิลาทราย (1) http://ppantip.com/topic/30432009
ออกจาก ปราสาทบายน ไปยัง "ปราสาทตาพรหม" ต่อ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมมตร จากประตูชัยนครธม
พี่ไกด์พาแวะเข้าห้องน้ำข้างทางในป่า สำหรับฉัน เจอห้องน้ำปวดไม่ปวดก็ต้องเข้าไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะมีห้องน้ำข้างหน้าอีกเมื่อไหร่
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ปราสาทตาพรหม ที่เคยเห็นแต่ในหนังสือ และจากภาพยนต์เรื่อง Tomb Rider
ที่มีนักแสดงคนโปรด แองเจลิน่า โจลี่ นำแสดง จำได้ว่า ฉากมันอลังการงานสร้างและอัศจรรย์ใจในความลึกลับของป่ามาก
วันนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวได้เห็นกัน ว่าต้นหมาก รากไม้ จะใหญ่โตมหึมา อย่างที่เห็นรูปภาพในหนังสือและในจอทีวีรึเปล่า
รถนำเที่ยวจอดส่งนอกกำแพง ประตูทางเข้าจะมีลักษณะคล้ายนครธม คือ ยอดปรางค์ซุ้มประตูจะเป็นรูปใบหน้าของ
พระโพธิสัตว์หันพระพักตรไปทั้งสี่ทิศ จากประตูทางเข้าไปถึงโคปุระชั้นนอก ระยะทางประมาณ 100 เมตร (กะระยะไม่ค่อยถูกด้วยสิ)
สองข้างทางเป็นป่า มีต้นไม้ร่มรื่น ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แม้เราจะมาถึงเอาตอนเกือบเที่ยงก็ตาม ทางเดินยังเป็นถนนลูกรัง
มีฝุ่นละอองหนาเป็นบางจุด ต้องคอยปิดจมูกไว้
มาถึงแล้ว จากประตูกำแพงปราสาท มาถึงโคปุระด้านนอก ใจมันเริ่มเต้นตึก ตัก มือก็จับกล้องเตรียมพร้อม
เริ่มสอดส่ายหามุมสวย ปลอดหัวคน ค่อนข้างยากซักนิดอีก อีตรงปลอดหัวคนเนี่ยแหละ
พอก้าวข้ามโคปุระชั้นนอกเข้ามาปุ๊บ เห็นเค้าลาง ๆ แล้ว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของปราสาทตาพรหม นั่นก็คือ
ต้นไม้ทีมีขนาดใหญ่มหึมา ปกคลุมปราสาทอยู่ โชว์หุ่นหราอยู่เบื้องหน้า
เที่ยว โบราณสถาน ที่หลงเหลือแต่เค้าลางแห่งอดีต เรามาทำความรู้จัก "ปราสาทตาพรหม" กันซักเล็กน้อย เพื่ออรรถรสในการชมเนอะ
ปราสาทตาพรหม เป็นหนึ่งใน กลุ่มปราสาทบนเส้นทางวงรอบเล็ก รูปแบบศิลปะคล้าย ๆ ปราสาทบายน
สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างเพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายแด่ พระราชมารดาของพระองค์
คือ พระนางชัยราชจุฑามณี และมีความเชื่อว่าพระนางท่านเป็น เทพีแห่งปัญญา
ปราสาทตาพรหม มีจุดเด่นก็คือ ปกคลุมไปด้วยต้นไม้และรากไม้ขนาดใหญ่มหึมา และคงสภาพธรรมชาติอยู่มาก
เดินผ่านโคปุระชั้นในเข้ามาแล้วค่ะ ... เอาละ ที่นี้เราจะเดินตามหา รากไม้มหึมาที่ว่ากัน อิอิ
ปราสาทตาพรหม เป็น วัดในพระพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่า ใหญ่โตกว่าสนามหลวงของไทย ซะอีก
ตั้งอยู่กลางป่าและมีแมกไม้ปกคลุม เป็นอีกปราสาทหนึ่ง ที่เป็นไฮไลท์ของการมาชมนครวัด นครธมแล้ว ต้องไม่พลาดค่ะ
กรี๊ดดดด เจอแล้วรากไม้มหึมา รากแรก ที่จ่อคิวถ่ายอย่างใครดีใครได้ ด้านได้อายอด เพราะมีนักท่องเที่ยวแย่งซีนนี้กันมาก
แต่เรื่องอะไรจะยอมแพ้ แม้จะบอบบางร่างน้อยก็ตาม งานนี้สู้ไม่ถอย ด้วยความที่กลัวไม่มีภาพ เพราะไม่มีเพื่อนไปด้วย
ล็อกตัวน้องมี ช่างภาพประจำกรุ๊ป กระโดดขึ้นแท่น ฉีกยิ้ม แชะ ..สบายใจแระ^^
ประเดิมรากแรกแห่งปราสาทตาพรหม เป็นปฐมฤกษ์แล้ว ก็ได้เวลาลุยต่อ การเดินชมปราสาท พี่ไกด์จะนำเดินวกไปวนมา
ดูสลับซับซ้อนต้องตามประกบให้ดี เพราะไม่ได้มีหมายเลขทางเดินเป็นลำดับไว้ เพราะถ้าหลงกลุ่มเหมือนที่ชมปราสาทบายน
คงไม่สนุกแน่ เพราะรอบ ๆ ปราสาท แม้กระทั่งในปราสาทที่มีปราสาทชั้นในหลายหลัง เต็มไปด้วยแมกไม้มหึมาปกคลุม
ดูลึกลับสลับซับซ้อน
รากแรกมหึมาที่ถ่ายประเดิมตะกี้ เปรียบเหมือนเป็น รีเซฟชั่น กล่าวสวัสดีต้อนรับ
แล้วเชิญนักท่องเที่ยวเดินชมด้านในต่อประมาณอย่างนั้นเลย^^
เจออีกแล้ว รากไม้ที่สอง วานพี่ร่วมทริปใช้น้องไอซี่ (iPhone4) ถ่ายให้อย่างอดใจไม่ไหว
เห็นรากไม้ใหญ่กระดี้กระด้ายิ่งกว่าเห็นเสื้อผ้ายี่ห้อโปรดลดราคา แล้วก็ทำเวลาเดินตามกลุ่มที่เห็นหลังไว ๆ
แหม..จะรีบทำไมนักหนาน๊อ
ตามจารึกไว้ ศาสนสถานแห่งนี้ มีปราสาทถึง 24 หลัง มีหมู่บ้านในสังกัดถึง 3,140 บ้าน แรงงานข้าวัด 79,365 คน
พระชั้นผู้ใหญ่ 18 รูป เจ้าหน้าที่ประกอบพิธี 2,740 คน นางฟ้อนรำ 615 คน
ที่มา : คู่มือนำเที่ยวนครวัด นครธม สำนักพิมพ์สารคดี นายรอบรู้
สันนิษฐานว่า ปราสาทแห่งนี้
เป็นทั้งอารามหลวงในศาสนาพุทธอโรคยาศาลา และเป็นมหาวิทยาลัยสำหรับสอนภาษาสันสกฤตอีกด้วย
สำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ ซ่อมแซมปราสาทตาพรหม แบบคงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมไว้มากที่สุด
เพื่อให้ผู้มาชมจินตนาการ ถึงสภาพและบรรยากาศ เมื่อครั้งที่ฝรั่งเศสเข้ามาถึงเมืองพระนคร
พอเดินไล่ตามกลุ่มทัน อดใจไหว้วานขอให้ลุงสมาชิกร่วมทริป ใช้น้องไอซี่ถ่ายให้
กล้องจากมือถือ ใช้ง่าย ถ่ายคล่อง คุณภาพที่ได้ ก็ถือว่าไม่เลว เหมาะกับสถานการณ์ที่เร่งรีบ
(ไม่เลวในที่นี้ ถ่ายเจ้าของสวยเป็นใช้ได้ 555)
เริ่มชินกับปราสาท ลดอาการกระดี๊กระด้า เริ่มเดินละเลียดชม แทบทุกกำแพงทุกปราสาทชั้นในจะมีรากไม้แบบนี้ให้เห็นเยอะแยะไปหมด
จากการคงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมไว้มากมายนี่เอง กลายมาเป็น เสน่ห์และจุดเด่น ของปราสาทตาพรหม
ที่ใคร ๆ ก็อยากจะมาเห็นไม่น้อยไปกว่า นครวัด มหานครที่ยิ่งใหญ่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
มุมสวย ๆ มุมคล้ายที่ปราสาทบายน มีให้เห็นเยอะมาก แต่จังหวะยืนถ่ายจริงจังไม่ค่อยจะมี
เพราะกังวลว่าสมาชิกร่วมทริปเดินไปทางไหน
หมู่ไม้ขนาดยักษ์ ที่แผ่รากปกคลุมโคปุระและปรางค์ ส่วนมากจะเป็น ต้นสะปง (ไทยเราเรียก ต้นสมพง)
เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีรากชอนไชไปได้ทั่วทิศ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ต้นสะปง ที่แก่ที่สุดในปราสาทตาพรหม มีอายุราว 300 ปี
รากเนี่ย พระเอกเลย ชอบมาก มันช่างใหญ่โตอะไรเช่นนี้น๊อ จังหวะที่เดินมาถึงตรงนี้ โชคดียังไม่ค่อยมีคนมากนัก
ไม่ต้องต่อแถว หรือแย่งชิงถ่ายรูปมุมสวยกับใคร
ปราสาทแต่ละหลังในปราสาทตาพรหม ดูลึกลับดูสลับซับซ้อน บรรยากาศเป็นปราสาทร้างกลางป่า ถ้ามาตอนฝนตกฟ้าร้อง
ลมแรงและไม่มีคน ไม่อยากจะนึกภาพเลย จะน่ากลัวขนาดไหน ไม่ได้บิ้วนะ รู้สึกแบบนี้จริง ๆ
นี่ขนาดมากลางวันแสก ๆ ปะปนไปกับผู้คนที่หลั่งไหลมาชม บางช่วงของเส้นทางเดิน ยังรู้สึกวังเวง โดยเฉพาะในตัวปราสาท
สมแล้วที่เป็น อดีตเทวสถานอันศักดิ์สิทธิ์
รากไม้ต้นนี้ ได้ยินพี่ไกด์อธิบายแว่ว ๆ ว่าเป็น รากไม้พญานาค เพราะมีรากที่ขดเป็นวง ตัวต้นสูงใหญ่
หาจังหวะถ่ายยากเย็น เพราะเต็มไปด้วยผู้คน ต้องยืนแบบระมันระวัง ทางเดินค่อนข้างแคบ และมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มเดินสวนทาง
มีภาพโปรดโดนใจ ณ ปราสาทบายน แล้ว
ก็คงจะเป็นภาพนี้แหละ ที่เป็น ภาพโดนใจ ฝีมือมือชั้นอนุบาลของตัวเอง ณ ปราสาทตาพรหม
บอกไม่ถูกว่า ระหว่าง ใบหน้าที่มีรอยยิ้มแบบบายน กับ รากไม้มหึมา อย่างไหนมีเสน่ห์มากกว่ากัน
แต่ที่แน่ ๆ มันมีแรงดึงดูด ให้วิ่งถลาเข้าใส่อย่างตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันเลย
มุมท็อปฮิตติดอันดับ หนังสือนำเที่ยวเขมรหลาย ๆ เล่ม จะต้องมีรูป ใบหน้าขององค์พระพุทธรูป ที่อยู่ในรากไม้มหึมา
เกือบจะไม่สังเกตุเห็นแล้ว ถ้าพี่อ้อยเจ้าของบริษัททัวร์ไม่สะกิดให้ดู องค์เล็กมากเมื่อเทียบกับรากไม้มหึมา
ขนาดชี้ให้มองตั้งนานถึงจะสังเกตุเห็น
นึกเจ็บตัวใจเอง ว่าทำไมเป็นคนขี้เกียจเปลี่ยนเลนส์นัก เปลี่ยนเลนส์จาก 18-135 mm. มาเป็น 10-20 mm. ตั้งแต่ปราสาทบายน
มาเจอแบบนี้ แทนที่จะเปลี่ยนกลับตามเดิม จะได้ซูมเก็บรายละเอียดแต่ขี้เกียจ มานึกเสียดายเอาตอนขากลับ สมน้ำหน้าตัวเอง
เป็นการพลาดสิ่งสำคัญอีกอย่าง อันเป็นเหตุที่จะต้องหาโอกาส กลับไปเก็บรายละเอียดอีกรอบ อิอิ
แทบไม่มีเวลาให้อ้อยอิ่งกับรากไม้ เพราะเกือบจะเลยเวลานัดหมาย ต้องเผื่อเวลาเดินกลับ
และก็เหมือนเดิม เกือบเป็นคนสุดท้ายอีกแล้วที่กระโดดขึ้นรถ จากนั้น พี่ไกด์ก็พาเราไปทานข้าวเที่ยงเอาตอนบ่ายที่ร้านอาหาร
ก่อนที่จะพาไปชม ปราสาทบันทายศรี ต่อ
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาทักทายกัน หวังว่าเรื่องราว รูปภาพ และเนื้อหา (สาระได้น้อย) จะเป็นประโยชน์ สร้างแรงจูงใจ
ให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยว ไปชมความยิ่งใหญ่ มหัศจรรย์ใจในความอลังการงานสร้างของ 1 ใน 7 สิ่ง มหัศจรรย์ของโลก ด้วยกัน
ตอนนี้จะมาลง มนตราศิลาทราย ตอน ปราสาทบันทายศรี รัตนชาติแห่งเขมร @ นครวัด นครธม กัมพูชา ให้ชมกันค่ะ
ปราสาทตาพรหม มนตราศิลาทราย (2) @นครวัด นครธม : กัมพูชา
ความเดิมตอนที่แล้ว
โตนเลสาบ แก้มลิงธรรมชาติของคนเขมร http://ppantip.com/topic/30420230
ปราสาทบายน มนตรศิลาทราย (1) http://ppantip.com/topic/30432009
ออกจาก ปราสาทบายน ไปยัง "ปราสาทตาพรหม" ต่อ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมมตร จากประตูชัยนครธม
พี่ไกด์พาแวะเข้าห้องน้ำข้างทางในป่า สำหรับฉัน เจอห้องน้ำปวดไม่ปวดก็ต้องเข้าไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะมีห้องน้ำข้างหน้าอีกเมื่อไหร่
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ปราสาทตาพรหม ที่เคยเห็นแต่ในหนังสือ และจากภาพยนต์เรื่อง Tomb Rider
ที่มีนักแสดงคนโปรด แองเจลิน่า โจลี่ นำแสดง จำได้ว่า ฉากมันอลังการงานสร้างและอัศจรรย์ใจในความลึกลับของป่ามาก
วันนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวได้เห็นกัน ว่าต้นหมาก รากไม้ จะใหญ่โตมหึมา อย่างที่เห็นรูปภาพในหนังสือและในจอทีวีรึเปล่า
รถนำเที่ยวจอดส่งนอกกำแพง ประตูทางเข้าจะมีลักษณะคล้ายนครธม คือ ยอดปรางค์ซุ้มประตูจะเป็นรูปใบหน้าของ
พระโพธิสัตว์หันพระพักตรไปทั้งสี่ทิศ จากประตูทางเข้าไปถึงโคปุระชั้นนอก ระยะทางประมาณ 100 เมตร (กะระยะไม่ค่อยถูกด้วยสิ)
สองข้างทางเป็นป่า มีต้นไม้ร่มรื่น ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แม้เราจะมาถึงเอาตอนเกือบเที่ยงก็ตาม ทางเดินยังเป็นถนนลูกรัง
มีฝุ่นละอองหนาเป็นบางจุด ต้องคอยปิดจมูกไว้
มาถึงแล้ว จากประตูกำแพงปราสาท มาถึงโคปุระด้านนอก ใจมันเริ่มเต้นตึก ตัก มือก็จับกล้องเตรียมพร้อม
เริ่มสอดส่ายหามุมสวย ปลอดหัวคน ค่อนข้างยากซักนิดอีก อีตรงปลอดหัวคนเนี่ยแหละ
พอก้าวข้ามโคปุระชั้นนอกเข้ามาปุ๊บ เห็นเค้าลาง ๆ แล้ว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของปราสาทตาพรหม นั่นก็คือ
ต้นไม้ทีมีขนาดใหญ่มหึมา ปกคลุมปราสาทอยู่ โชว์หุ่นหราอยู่เบื้องหน้า
เที่ยว โบราณสถาน ที่หลงเหลือแต่เค้าลางแห่งอดีต เรามาทำความรู้จัก "ปราสาทตาพรหม" กันซักเล็กน้อย เพื่ออรรถรสในการชมเนอะ
ปราสาทตาพรหม เป็นหนึ่งใน กลุ่มปราสาทบนเส้นทางวงรอบเล็ก รูปแบบศิลปะคล้าย ๆ ปราสาทบายน
สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างเพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายแด่ พระราชมารดาของพระองค์
คือ พระนางชัยราชจุฑามณี และมีความเชื่อว่าพระนางท่านเป็น เทพีแห่งปัญญา
ปราสาทตาพรหม มีจุดเด่นก็คือ ปกคลุมไปด้วยต้นไม้และรากไม้ขนาดใหญ่มหึมา และคงสภาพธรรมชาติอยู่มาก
เดินผ่านโคปุระชั้นในเข้ามาแล้วค่ะ ... เอาละ ที่นี้เราจะเดินตามหา รากไม้มหึมาที่ว่ากัน อิอิ
ปราสาทตาพรหม เป็น วัดในพระพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่า ใหญ่โตกว่าสนามหลวงของไทย ซะอีก
ตั้งอยู่กลางป่าและมีแมกไม้ปกคลุม เป็นอีกปราสาทหนึ่ง ที่เป็นไฮไลท์ของการมาชมนครวัด นครธมแล้ว ต้องไม่พลาดค่ะ
กรี๊ดดดด เจอแล้วรากไม้มหึมา รากแรก ที่จ่อคิวถ่ายอย่างใครดีใครได้ ด้านได้อายอด เพราะมีนักท่องเที่ยวแย่งซีนนี้กันมาก
แต่เรื่องอะไรจะยอมแพ้ แม้จะบอบบางร่างน้อยก็ตาม งานนี้สู้ไม่ถอย ด้วยความที่กลัวไม่มีภาพ เพราะไม่มีเพื่อนไปด้วย
ล็อกตัวน้องมี ช่างภาพประจำกรุ๊ป กระโดดขึ้นแท่น ฉีกยิ้ม แชะ ..สบายใจแระ^^
ประเดิมรากแรกแห่งปราสาทตาพรหม เป็นปฐมฤกษ์แล้ว ก็ได้เวลาลุยต่อ การเดินชมปราสาท พี่ไกด์จะนำเดินวกไปวนมา
ดูสลับซับซ้อนต้องตามประกบให้ดี เพราะไม่ได้มีหมายเลขทางเดินเป็นลำดับไว้ เพราะถ้าหลงกลุ่มเหมือนที่ชมปราสาทบายน
คงไม่สนุกแน่ เพราะรอบ ๆ ปราสาท แม้กระทั่งในปราสาทที่มีปราสาทชั้นในหลายหลัง เต็มไปด้วยแมกไม้มหึมาปกคลุม
ดูลึกลับสลับซับซ้อน
รากแรกมหึมาที่ถ่ายประเดิมตะกี้ เปรียบเหมือนเป็น รีเซฟชั่น กล่าวสวัสดีต้อนรับ
แล้วเชิญนักท่องเที่ยวเดินชมด้านในต่อประมาณอย่างนั้นเลย^^
เจออีกแล้ว รากไม้ที่สอง วานพี่ร่วมทริปใช้น้องไอซี่ (iPhone4) ถ่ายให้อย่างอดใจไม่ไหว
เห็นรากไม้ใหญ่กระดี้กระด้ายิ่งกว่าเห็นเสื้อผ้ายี่ห้อโปรดลดราคา แล้วก็ทำเวลาเดินตามกลุ่มที่เห็นหลังไว ๆ
แหม..จะรีบทำไมนักหนาน๊อ
ตามจารึกไว้ ศาสนสถานแห่งนี้ มีปราสาทถึง 24 หลัง มีหมู่บ้านในสังกัดถึง 3,140 บ้าน แรงงานข้าวัด 79,365 คน
พระชั้นผู้ใหญ่ 18 รูป เจ้าหน้าที่ประกอบพิธี 2,740 คน นางฟ้อนรำ 615 คน
ที่มา : คู่มือนำเที่ยวนครวัด นครธม สำนักพิมพ์สารคดี นายรอบรู้
สันนิษฐานว่า ปราสาทแห่งนี้
เป็นทั้งอารามหลวงในศาสนาพุทธอโรคยาศาลา และเป็นมหาวิทยาลัยสำหรับสอนภาษาสันสกฤตอีกด้วย
สำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ ซ่อมแซมปราสาทตาพรหม แบบคงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมไว้มากที่สุด
เพื่อให้ผู้มาชมจินตนาการ ถึงสภาพและบรรยากาศ เมื่อครั้งที่ฝรั่งเศสเข้ามาถึงเมืองพระนคร
พอเดินไล่ตามกลุ่มทัน อดใจไหว้วานขอให้ลุงสมาชิกร่วมทริป ใช้น้องไอซี่ถ่ายให้
กล้องจากมือถือ ใช้ง่าย ถ่ายคล่อง คุณภาพที่ได้ ก็ถือว่าไม่เลว เหมาะกับสถานการณ์ที่เร่งรีบ
(ไม่เลวในที่นี้ ถ่ายเจ้าของสวยเป็นใช้ได้ 555)
เริ่มชินกับปราสาท ลดอาการกระดี๊กระด้า เริ่มเดินละเลียดชม แทบทุกกำแพงทุกปราสาทชั้นในจะมีรากไม้แบบนี้ให้เห็นเยอะแยะไปหมด
จากการคงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมไว้มากมายนี่เอง กลายมาเป็น เสน่ห์และจุดเด่น ของปราสาทตาพรหม
ที่ใคร ๆ ก็อยากจะมาเห็นไม่น้อยไปกว่า นครวัด มหานครที่ยิ่งใหญ่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
มุมสวย ๆ มุมคล้ายที่ปราสาทบายน มีให้เห็นเยอะมาก แต่จังหวะยืนถ่ายจริงจังไม่ค่อยจะมี
เพราะกังวลว่าสมาชิกร่วมทริปเดินไปทางไหน
หมู่ไม้ขนาดยักษ์ ที่แผ่รากปกคลุมโคปุระและปรางค์ ส่วนมากจะเป็น ต้นสะปง (ไทยเราเรียก ต้นสมพง)
เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีรากชอนไชไปได้ทั่วทิศ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ต้นสะปง ที่แก่ที่สุดในปราสาทตาพรหม มีอายุราว 300 ปี
รากเนี่ย พระเอกเลย ชอบมาก มันช่างใหญ่โตอะไรเช่นนี้น๊อ จังหวะที่เดินมาถึงตรงนี้ โชคดียังไม่ค่อยมีคนมากนัก
ไม่ต้องต่อแถว หรือแย่งชิงถ่ายรูปมุมสวยกับใคร
ปราสาทแต่ละหลังในปราสาทตาพรหม ดูลึกลับดูสลับซับซ้อน บรรยากาศเป็นปราสาทร้างกลางป่า ถ้ามาตอนฝนตกฟ้าร้อง
ลมแรงและไม่มีคน ไม่อยากจะนึกภาพเลย จะน่ากลัวขนาดไหน ไม่ได้บิ้วนะ รู้สึกแบบนี้จริง ๆ
นี่ขนาดมากลางวันแสก ๆ ปะปนไปกับผู้คนที่หลั่งไหลมาชม บางช่วงของเส้นทางเดิน ยังรู้สึกวังเวง โดยเฉพาะในตัวปราสาท
สมแล้วที่เป็น อดีตเทวสถานอันศักดิ์สิทธิ์
รากไม้ต้นนี้ ได้ยินพี่ไกด์อธิบายแว่ว ๆ ว่าเป็น รากไม้พญานาค เพราะมีรากที่ขดเป็นวง ตัวต้นสูงใหญ่
หาจังหวะถ่ายยากเย็น เพราะเต็มไปด้วยผู้คน ต้องยืนแบบระมันระวัง ทางเดินค่อนข้างแคบ และมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มเดินสวนทาง
มีภาพโปรดโดนใจ ณ ปราสาทบายน แล้ว
ก็คงจะเป็นภาพนี้แหละ ที่เป็น ภาพโดนใจ ฝีมือมือชั้นอนุบาลของตัวเอง ณ ปราสาทตาพรหม
บอกไม่ถูกว่า ระหว่าง ใบหน้าที่มีรอยยิ้มแบบบายน กับ รากไม้มหึมา อย่างไหนมีเสน่ห์มากกว่ากัน
แต่ที่แน่ ๆ มันมีแรงดึงดูด ให้วิ่งถลาเข้าใส่อย่างตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันเลย
มุมท็อปฮิตติดอันดับ หนังสือนำเที่ยวเขมรหลาย ๆ เล่ม จะต้องมีรูป ใบหน้าขององค์พระพุทธรูป ที่อยู่ในรากไม้มหึมา
เกือบจะไม่สังเกตุเห็นแล้ว ถ้าพี่อ้อยเจ้าของบริษัททัวร์ไม่สะกิดให้ดู องค์เล็กมากเมื่อเทียบกับรากไม้มหึมา
ขนาดชี้ให้มองตั้งนานถึงจะสังเกตุเห็น
นึกเจ็บตัวใจเอง ว่าทำไมเป็นคนขี้เกียจเปลี่ยนเลนส์นัก เปลี่ยนเลนส์จาก 18-135 mm. มาเป็น 10-20 mm. ตั้งแต่ปราสาทบายน
มาเจอแบบนี้ แทนที่จะเปลี่ยนกลับตามเดิม จะได้ซูมเก็บรายละเอียดแต่ขี้เกียจ มานึกเสียดายเอาตอนขากลับ สมน้ำหน้าตัวเอง
เป็นการพลาดสิ่งสำคัญอีกอย่าง อันเป็นเหตุที่จะต้องหาโอกาส กลับไปเก็บรายละเอียดอีกรอบ อิอิ
แทบไม่มีเวลาให้อ้อยอิ่งกับรากไม้ เพราะเกือบจะเลยเวลานัดหมาย ต้องเผื่อเวลาเดินกลับ
และก็เหมือนเดิม เกือบเป็นคนสุดท้ายอีกแล้วที่กระโดดขึ้นรถ จากนั้น พี่ไกด์ก็พาเราไปทานข้าวเที่ยงเอาตอนบ่ายที่ร้านอาหาร
ก่อนที่จะพาไปชม ปราสาทบันทายศรี ต่อ
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาทักทายกัน หวังว่าเรื่องราว รูปภาพ และเนื้อหา (สาระได้น้อย) จะเป็นประโยชน์ สร้างแรงจูงใจ
ให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยว ไปชมความยิ่งใหญ่ มหัศจรรย์ใจในความอลังการงานสร้างของ 1 ใน 7 สิ่ง มหัศจรรย์ของโลก ด้วยกัน
ตอนนี้จะมาลง มนตราศิลาทราย ตอน ปราสาทบันทายศรี รัตนชาติแห่งเขมร @ นครวัด นครธม กัมพูชา ให้ชมกันค่ะ