ปัญหาจากการซื้อรถ Honda City 2012 ท่อน้ำมันสูญญากาศเกิด Leak!! กับอะไรหลายอย่างที่ไม่ประทับใจ!!

สืบเนื่องจากโครงการภาษีรถคันแรกของรัฐบาล ที่บ้านเลยต้องการจะซื้อรถเล็กๆ สักคันไว้ใช้ เพื่อทำธุระใกล้ๆ ประหยัดน้ำมัน แล้วก็ใช้สิทธิของคุณพ่อที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของรถมาก่อน จนสุดท้ายตกลงใจกันว่า ซื้อ Honda City แล้วกัน ราคาโอเค รูปลักษณ์สวย Function ใช้งานก็เหมาะสม จากนั้นก็ได้ไปจองซื้อ โดยคุณพ่อกับคุณแม่ของเราท่านไปดำเนินการเลือกศูนย์ แล้วก็ตัดสินใจจองกับศูนย์ฮอนด้าแถวบ้าน

เริ่มตั้งแต่ตอนจองรถวันที่ 3 กันยายน 2555 โดยในใบจองก็ระบุชื่อผู้จอง (ใช้ชื่อคุณพ่อ) ระบุว่าจะดาวน์ 304k ผ่อน 400k ดอกเบี้ย 2.35% จากนั้นคุณพ่อก็นำใบจองไปยื่นกรมสรรพสามิต เพื่อลงทะเบียนขอรับสิทธิคืนภาษีรถคันแรกในวันท่ี่ 7 กันยายน 2555 ตามขั้นตอน

จากนั้นช่วงประมาณกลางเดือนธันวาคม 2555 ทางศูนย์ก็ติดต่อคุณพ่อให้ไปเปลี่ยนใบจองใบใหม่ โดยให้เหตุผลว่า เซลล์คนเดิมลาออกไป จึงต้องเปลี่ยนใบจอง เปลี่ยนชื่อเซลล์คนใหม่ และในใบจองใหม่ก็ลงวันที่ย้อนหลังเป็นวันที่ 8 กันยายน 2555 (แต่ดันมาแจ้งเราตอนเดือนธันวาเนี่ยนะ  หยอกเย้า)...

ปัญหา คือ..การเปลี่ยนใบจองใหม่ จะต้องนำใบจองอันใหม่นี้ไปแจ้งเปลี่ยนต่อกรมสรรพสามิตด้วย

เป็นเรื่อง!!

ตอนที่ทางศูนย์ติดต่อมาให้ไปเปลี่ยนใบจอง พร้อมกับบอก (คล้ายขู่) ว่า ถ้าเราไม่ไปเปลี่ยนใบจอง แล้วไม่นำใบจองนี้ไปแจ้งเปลี่ยนที่กรมสรรพสามิตล่ะก็.. ตอนที่ออกรถแล้ว เลขที่ใบจองที่เราแจ้งไว้กับกรมสรรพสามิตกับเลขที่ใบจองที่ศูนย์ส่งข้อมูลให้กรมฯ อาจจะไม่ตรงกัน ซึ่งจะทำให้เสียสิทธิ์คืนภาษีได้ เม่าตกใจ

ทางเราทีแรกก็ไม่ได้อะไร จะให้เปลี่ยนใบจองก็ได้ แต่ขอคำยืนยันจากศูนย์ว่า กำหนดส่งมอบรถเราไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นมีนาคม 2556 แต่ก็ขอให้ทางศูนย์เป็นคนไปดำเนินการเปลี่ยนใบจองกับกรมสรรพสามิตให้เราที เพราะว่าถ้าจำกันได้ ช่วงปลายเดือนธันวาคม เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่คนไปยื่นเรื่อง ทำให้คิวยาวมาก ต้องไปตั้งแต่ 7 โมงเช้านู่น แล้วคุณพ่อคุณแม่เราก็อายุมากแล้ว จะให้ไปเบียดเสียดกับคนในช่วงนั้นก็ใช่ที่ เราเองจะไปให้ก็ติดทำงาน อีกอย่างตอนนั้นคิดว่า การเปลี่ยนใบจองด้วยเหตุผลว่าเปลี่ยนเซลล์นี่มันไร้เหตุผล และไม่ใช่ความผิดของลูกค้าด้วย ดังนั้นถ้าจะให้เปลี่ยนใบจอง เพื่อความสะดวกของทางศูนย์ (ในแง่ใดไม่รู้) ทางศูนย์ก็ควรจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการยื่นเรื่องกับกรมสรรพสามิตให้แทนลูกค้า

แค่ประเด็นนี้นิดเดียว ก็กลายเป็นเรื่อง เพราะทีแรกทางศูนย์ยืนยันกับทางคุณพ่อคุณแม่เราว่า ไม่มีคนไปดำเนินการให้ ไม่มีนโยบาย แต่บอกเราซ้ำๆ ทำนองว่า ถ้าเราไม่ไป เราก็อาจจะเสียสิทธิ์ อะไรประมาณนี้ พ่นน้ำหมาก

จนทางเราทนไม่ไหว ต้องขอคุยกับเซลล์เองเลย ทีแรกเซลล์ที่ขายรถก็ยืนยันว่า ไม่มีคนไปดำเนินการที่กรมฯ ให้เราไปเปลี่ยนใบจอง และไปดำเนินการต่อเอง ไม่งั้นจะเสียสิทธิ์ เราเองก็พยายามชี้แจงว่า การเปลี่ยนใบจองโดยพละการ คุณยังไม่ขอคำอนุญาตจากลูกค้าเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไปได้อย่างไรที่เอาใบจองใหม่ไปยื่นกรมฯ แล้วยกเลิกใบจองเก่าของเรา และในเมื่อคุณเปลี่ยนใบจองเพื่อประโยชน์ของคุณฝ่ายเดียว ทำไมจะต้องให้ลูกค้าลำบากไปดำเนินการยื่นเรื่องใหม่อีก ทั้งที่เมื่อคุณขอเปลี่ยน เราก็ยอมเปลี่ยนให้ ยอมเซ็นใบจองใหม่ให้ แต่ขอแค่ให้คุณส่งคนไปยื่นเรื่องแก้ไขกับกรมสรรพากรให้กับเราเท่านั้น

คุยกันไม่รู้เรื่อง จนเราต้องขอคุยกับหัวหน้าทีมขายแทน ตอนแรกหัวหน้าทีมก็ยังยืนยันแบบเดิม ไม่มีคนไปดำเนินการให้ ไม่มีนโยบาย..บลา..บลา.. แต่เราก็ยืนยันว่า ไม่ใช่ความผิดของเราในฐานะลูกค้าที่คุณมาเปลี่ยนใบจองโดยพละการ และเราจะไม่ไปที่กรมฯ ใหม่ด้วย หัวหน้าทีมก็หายไปเป็นวันๆ จนกระทั่งมาติดต่อกับคุณพ่อคุณแม่เราว่า ทางเค้าโอเคจะมาดำเนินการแทนให้

เราก็โอเค.. แต่สงสัยว่า.. เรื่องบริการพื้นฐานแค่นี้...ทำไม..ทางศูนย์ไม่รู้จักแก้ปัญหาให้มันจบง่ายๆ ต้องให้เสียความรู้สึกกัน

อันนั้นเป็นช็อตแรกเท่านั้นค่ะ.. จบไป.. กลับมานั่งนับวันรอรถมาด้วยใจจดจ่อ

จนกระทั่งกลางเดือนมีนาคม 2556 ทางศูนย์แจ้งให้เตรียมตัวรับรถ ที่บ้านเราก็ดีใจ..จะได้รับรถซะที.. ทีนี้ก็ต้องเตรียมตัวกู้ รถใช้ชื่อคุณพ่อ คุณพ่อเป็นเจ้าของรถ เป็นผู้ขอกู้ ทางเราก็เตรียมเอกสารอย่างครบถ้วน ให้คุณพ่อกู้ แล้วเราจะเป็นผู้ค้ำประกัน เพราะรู้ว่าคุณพ่อไม่มีรายได้ประจำ เพราะท่านเกษียณแล้ว อาจจะขอกู้ยาก เราก็เลยใช้ชื่อเราค้ำฯ คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร

ผ่านไป 2-3 วัน ทางไฟแนนซ์โทรมาแจ้งว่า คุณพ่อเราไม่สามารถกู้ได้ เพราะอายุเกิน ถึงจะมีเราเป็นผู้ค้ำฯ ก็ไม่ได้ ระบบไม่ให้กู้..อันนี้เราก็เข้าใจได้ในแง่ของสถาบันการเงิน แต่ว่าสงสัยทำไมเซลล์ที่ขายรถไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบ ทั้งที่น่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานมากๆ เวลาขายรถ ก่อนที่จะทำความตกลงในใบจองด้วยซ้ำ ไม่ใช่เขียนมาดิบดี ดาวน์เท่านี้ ผ่อนเท่านั้น ดอกเบี้ยเท่านู้น.. แต่ดันไม่ได้ศึกษาข้อมูลลูกค้าเลยว่า อายุเกิน ไม่สามารถขอกู้ได้  อมยิ้ม30

ปัญหาที่สองมาอย่างนี้..กู้ไม่ได้ ...ทำไง.. ถ้าจะถอยรถ ก็ต้องซื้อเงินสด.. ไม่งั้นก็ต้องปล่อยรถไป เพราะทางศูนย์ก็เร่งมาว่า ถ้าไม่รับรถ คงต้องปล่อยรถไปก่อน

อ้าว..ทำงี้ได้ไง.. เราจองไว้เกือบ 6-7 เดือน ยื่นเรื่องภาษีรถคันแรกเรียบร้อย จะปล่อยรถไป แล้วลูกค้าจะทำไง.. ทางศูนย์ไม่ได้แจ้งเราล่วงหน้าให้เตรียมตัวเรื่องไฟแนนซ์เลยด้วยซ้ำ

อ่ะ..โชคดีที่เราพอมีเงินเก็บ ก็เลยถอนเงินออกมาทำแคชเชียร์เช็คทั้งจำนวน จ่ายเป็นค่ารถ!!  เต็มจำนวน!! ไม่มีส่วนลดเพิ่มใดๆ ทั้งสิ้น!!!

(มารู้จากเพื่อนอีกคนทีหลังว่า อีกศูนย์หนึ่ง ถ้าซื้อรถด้วยเงินสด จะมีส่วนลดให้เพิ่มอีก 20k) แฟรงเก้น

เซ็งรอบที่สอง..  แต่ในใจก็คิดว่า เอาเหอะ..จ่ายแล้วก็จบ..รับรถก็กลับ... คงไม่มีเรื่องให้รำคาญใจกันอีก..

ใบแดง .....แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่

30 มีนาคม 2556 Honda City ป้ายแดง ขับออกจากศูนย์ด้วยไมล์เริ่มต้นที่ 20 km  เราก็แวะเติมน้ำมันระหว่างทางเต็มถัง E20 ประมาณ 32 ลิตร (เรายังเก็บบิลนั้นไว้อยู่เป็นที่ระลึก เพราะเป็นบิลจ่ายน้ำมันถังแรก อมยิ้ม02) จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับบ้านที่ระยะทางประมาณ 7-8 km พอถึงบ้านก็จอดรถเรียบร้อย พร้อมกับออกมาส่องดูความงามด้วยความภาคภูมิใจ..

มีเสียงทักจากเพื่อนบ้านที่นั่งอยู่ริมรั้ว ใกล้กับที่จอดรถว่า..รถใหม่เหรอ.. สักพักพี่เค้าก็ถามอีกว่า ...ได้กลิ่นน้ำมันหรือเปล่า ทางบ้านเราก็ตอบไปว่า ได้กลิ่น สงสัยมีบ้านไหนทาสีใหม่มั้ง ตอนนั้นได้กลิ่นน้ำมันฉุนมากจริงๆ แต่ไม่คิดว่าเป็นที่รถหรอก..รถใหม่ขนาดนี้..เป็นได้ยังไง..แล้วก็ชื่นชมรถต่อไป เม่าเริงร่า

และเนื่องจากรถคันนี้ซื้อด้วยเงินสด จึงไม่ได้ทำประกันผ่านทางศูนย์ เพราะตั้งใจว่าจะมาทำประกันเอง แต่เพราะยังไม่มีในใจว่าจะทำที่ไหน เลยไม่ได้ทำซะที และรถก็จอดไว้เฉยๆ เพราะยังไม่ได้ทำประกัน จนกระทั่งวันที่ 4 เมษายน 2556 ได้ไปทำประกันภัยกับพรบ.เรียบร้อย รอจนประกันภัยมีผล จะได้ใช้งานได้อย่างสบายใจ

6 เมษายน 2556 เริ่มใช้งานรถจริงๆ วันแรก คุณพ่อเราขับรถไปทำธุระที่หน้าหมู่บ้าน แล้วเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ คือ มาตรวัดน้ำมันพร่องไปเกือบ 1/4 ของถัง ในขณะที่ไมล์วัดระยะทางอยู่ที่ 35 km หักกลบกันแล้วจะเห็นว่า รถวิ่งไปใช้งานประมาณ 15 km แต่น้ำมันกลับหายไป 1/4 หรือราวๆ 8 ลิตร แต่พอดีว่ามันเป็นวันหยุดยาว จึงตั้งใจว่า พอเปิดทำการวันแรกจะนำรถเข้าศูนย์ไปเช็คทันที

9 เมษายน 2556 คุณพ่อนำรถเข้าศูนย์เพื่อเช็คอีกครั้ง ตอนนั้นไมล์วัดระยะทางโชว์ที่ 48 km และน้ำมันก็หายไปที่ 1/4 เต็มๆ

เจ้าหน้าที่รับรถที่ศูนย์แจ้งทีแรกว่า จะไม่รับรถไว้ เพราะใกล้สงกรานต์ และให้คุณพ่อเรานำรถกลับไปใช้ก่อน รอหลังสงกรานต์แล้วค่อยมาใหม่ พร้อมกับบอกว่า น้ำมันอาจจะระเหยก็ได้ เพราะจอดรถตากแดด อากาศร้อน.. อมยิ้ม20 ...เอ่อ.. ขอโทษนะคะ..พอดีที่บ้านจอดรถมีหลังคากันแดดกันฝนค่ะ.. แล้วถ้าการจอดภายใต้สภาพอากาศร้อนของเมืองไทยแล้วน้ำมันระเหยได้ขนาดนี้ล่ะก็.. ไม่อยากนึกภาพ...เม่าเซย์โน

ตอนนั้นคุณพ่อเรายืนยันว่าจะให้ศูนย์เช็คทันที เพราะถ้าเอารถออกไปใช้งานทั้งที่สภาพเป็นอย่างนี้ ก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น เป็นที่มาตรวัดน้ำมันรายงานผลผิด หรือถ้าเกิดเป็นเหตุอื่น น้ำมันรั่ว มิเกิดเหตุสลดหรืออย่างไร แต่สุดท้ายเมื่อทางเรายืนยัน..ทางศูนย์ก็รับรถไว้ แล้วบอกให้คุณพ่อมารับรถได้อีกทีตอน 15.00 น.ของวันนั้นได้เลย

คุณพ่อคุณแม่เราก็เลยไปนั่งเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ รอเวลารับรถ จนกระทั่งได้รับโทร.จากหัวหน้าช่างของศูนย์บอกว่า ต้องขอรับรถไว้ตรวจสอบก่อนและจะแจ้งรายงานให้ Honda สำนักงานใหญ่ทราบ เนื่องจากไม่เคยเกิดเคสกรณีน้ำมันรั่วซึมจากชิ้นส่วนยานยนต์มาก่อน

เรื่องใหญ่กว่าที่คิด เม่าแพนิค   แต่ก็ไม่นอกเหนือความความหมายนัก   เม่าฝึกจิต

คุณพ่อกับคุณแม่เราก็เลยนั่ง Taxi กลับมาที่ศูนย์อีกครั้งทันที และได้พบกับช่างของศูนย์ที่ชี้ให้ดูใต้ท้องรถ (ที่กำลังแขวนอยู่) ให้ดูข้อต่อไนล่อนสีขาวรูปตัว Y และต่อด้วยท่อยางสีดำ จากนั้นช่างที่ศูนย์ก็ได้ชี้ให้ดูรอยคราบน้ำมันบนถาดใต้ท้องรถ และสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากท่อน้ำมันสูญญากาศที่ทำหน้าที่ดูดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้า-ออกเกิดการรั่วซึม

วันต่อมา 10 เมษายน 2556 คุณพ่อได้เข้าไปที่ศูนย์อีกครั้ง คราวนี้ได้พบกับช่างของศูนย์และเจ้าหน้าที่เทคนิคจากทาง Honda สำนักงานใหญ่กำลังดูที่ใต้ท้องรถของเราอยู่พอดี โดยทางทีมช่างบอกว่า จะขอรื้อถังน้ำมันออกเพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ดังกล่าว แต่ยังไม่รับประกัน 100% ว่าจะเกิดจากระบบอื่นหรือไม่

OMG!!  แฟรงเก้น

จากนั้นทางศูนย์ขอนัดเจรจากับทางเราในวันรุ่งขึ้นที่ 11 เมษายน 2556 เวลา 10.00 น. โดยมีคนเข้าร่วมประชุมกว่า 10 คน โดยในครั้งแรกทางคุณพ่อเรายื่นเงื่อนไขว่า จะขอเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือไม่ก็ขอเปลี่ยนรถรุ่นใหม่เลย เนื่องจากบอกตามตรง..ว่า..กลัวจะเกิดปัญหาซ้ำเดิมจริงๆ ยิ่งนึกว่ามันเป็นเรื่องของระบบท่อส่งน้ำมันรั่วนี่..ยิ่งสยองขวัญ..

ทางศูนย์ขอเวลาแจ้งคำตอบให้เป็น 10 วันหลังจากสงกรานต์ ทางเราก็โอเค..รอออออ....

จนกระทั่งหลังสงกรานต์ วันที่ 20 เมษายน ทางศูนย์แจ้งขอเลื่อนการให้คำตอบไปอีก 1 สัปดาห์..

จนกระทั่งครบกำหนด..เราทนรอไม่ไหว จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับ Honda สำนักงานใหญ่โดยตรง ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบศูนย์ที่เราซื้อรถ ทางเค้าก็ยอมรับว่า เกิดจากชิ้นส่วนท่ออัดน้ำมันสูญญากาศเกิดการ Leak เค้าพูดว่า.. "ผมใช้คำว่า Leak นะครับ ไม่ใช่รั่ว"  (...เอ่อ..ขอโทษนะคะ.. Leak นี่ ในภาษาอังกฤษ แปลเป็นภาษาไทย ยังไงก็ได้ความหมายว่า รั่ว อยู่ดี) ทางเจ้าหน้าที่เสริมต่อว่า "ถ้ารั่วนี่หมายถึง ไหลออกมาโจ๊กๆๆๆ แต่ Leak นี่ มันซึมเป็นหยดๆ"... ฟังแล้วอยาก... เม่าเป็นลม

ทางศูนย์ก็บอกว่า เค้าพร้อมจะเปลี่ยนคันใหม่ให้..

แต่ประเด็นคือ ภายหลังจากไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Honda City มากเข้า ก็เกิดอาการหวาดหวั่น กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วต้องไปร้องเรียนอีก.. ครอบครัวเราเลยคิดว่า.. ไม่เอาแล้ว.. จะขอเงินคืน

แต่ประเด็นคือ..

เมื่อวานทางศูนย์โทรแจ้งให้คุณพ่อของเราไปทำความตกลงกันวันอังคารที่ 6 พฤษาคม แล้วให้เรารอรับเช็คเงินคืนในวันที่ 10 พฤษภาคม

เราก็ชี้แจงไปว่า ถ้าจะให้เราลงนามข้อตกลง เราต้องอ่านข้อความก่อนเป็นอย่างแรก ต้องเป็นข้อความที่ตกลงร่วมกัน และที่สำคัญ ต้องยื่นหมูยื่นแมว ลงนาม รับเช็คให้จบวันเดียวกัน

สงสัย.. การจะขอคืนเงินค่าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน.. ทำไมจะต้องมีเงื่อนไขผูกพันเรามากมายด้วย ทั้งที่เงินที่ทางบริษัทจะให้คืนเรา มันเป็นเงินที่เราจ่ายเป็นค่ารถ ค่าทะเบียน ค่ามัดจำป้ายแดง มันเงินของเราทั้งนั้นเลย..

เงินที่เราจ่ายเพื่อซื้อสินค้าที่ได้มาตรฐานมาใช้งาน เพื่อความสะดวก ปลอดภัย แต่เมื่อสินค้าไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานให้เราได้ อันเนื่องมาจากชิ้นส่วนที่มีความผิดพลาด อาจจะทำให้เกิดอันตรายในการใช้งานด้วยซ้ำ..

แล้วเราจะขอ "เงินของเรา" คืน

อยากถามว่า..ทำไมบริษัทต้องสร้างเงื่อนไขให้เราลงนามและเป็นภาระผูกพันกับเราไม่สิ้นสุดอีกคะ..

ป.ล. แต่ต้องขอชมทีมช่างของที่ศูนย์มากค่ะ.. เยี่ยม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่