วาทะธรรมพุทธทาส (๓)

ธรรมะ ไม่อาจจะเห็นได้ด้วยการอ่าน การฟัง การศึกษาเล่าเรียน  (แบบที่เรียนกันในสมัยนี้ ตรงนี้ผมเพิ่มเอง)

^^^^
ไม่ค้าน เพราะ เมื่อสอบกับ "ปัญญา ๓"  หรือที่ตรัสแก่พระสารีบุตรว่า "ศีลสมบูรณ์ สมาธิพอประมาณ ปัญญาพอประมาณ คือ ผู้โสดาบัน"

^^^^
แต่ เสริมเพิ่มว่า

ผู้ใด ที่ สำคัญตน (แบบ สัญญาไม่วิปลาส + สัญญาเกิดก่อน ญาณ เกิดทีหลัง) ว่า

(๑)
"เห็นธรรม" ไม่ว่าแบบ -- ฉันเป็นนักปฏิบัตินะ ไม่ผ่านตำรา ไม่ผ่านพระสูตร ฯ หรือ แบบ ฯลฯ

--- ต้อง อาศัย "การอ่านพระพุทธภาษิตสำนวนแปลเหล่านั้น" เพื่อ ไม่ประมาท ฯ
--- ต้องอาสัย "การฟัง ของกัลยาณมิตร"  ที่ไม่ขัดกับที่ตรัสว่า --อาสัยเราตถาคตเป็นกัลยาณมิตร สัตว์ที่มีความเกิด (ชาติ อาการที่ ๑๑ แห่งปฏิจจฯ) เป็นธรรมดา ย่อมพ้นจากควมเกิดนั้น ฯลฯ (จากความจำ) เพื่อไม่ประมาท
--- ต้องอาศัย การศึกษาเล่าเรียน  แบบ ที่ สอดคล้องกับ ตำรา คือ พระสูตร "อานิสงส์ของอานาปานสติ ๗ อย่าง"  ที่ตรัสไว้  

^^^^
อานินสงส์ของอานาปานสติ ๗ อย่าง (เนื่องกับกระทู้ http://ppantip.com/topic/30226092)
พระพุทธภาษิต เอกธัมมวััค์ อานาปานสติสังยุตต์ สังยุตตนิกาย (เล่มที่ ๑๙ หน้า ๓๙๗ ข้อที่ ๑๓๑๔)
(ใครไม่อคติกับสำนวนแปลท่านพุทธทาส ดู หน้า ๔๙๙ อานาปานสติภาวนา)


สรุป ประเด็นสนทนา
(๑) ใครว่า วาทะธรรมที่ท่านพุทธทาสเสนอ "ผิด" ?

(๒) ใครว่า ที่ผมเสนอตรง --- "เสริมเพิ่มว่า" (ข้่างบนนั้น) ----> ผมเสนอ ไม่สบหลัก ---- "เพราะมีเหตุ  จึงมีผล" ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่