สวัสดีค่ะ ทุกท่าน
วันนี้หนูมีเรื่องที่ทำให้คนธรรมดาอย่างหนู ต้องชอกช้ำกับพฤติกรรมของผู้ใหญ่บางประเภทในสังคมไทย
ซึ่งก็ยิ่งตอกย้ำในคำพูดที่มีคนบอกว่า “บ้านเมืองเรา อยู่ยากขึ้นทุกวัน”
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 1 พค. (วันแรงงาน) ที่ผ่านมา หนูและครอบครัว พากันไปสักการะหลวงพ่อโสธร จ. ฉะเชิงเทรา
รถที่ขับไป เป็นรถป้ายแดง แต่หนูเองก็ไม่ใช่มือใหม่แต่อย่างใดในการขับรถ และเคารพกฎจราจรเป็นอย่างดี
ในขณะที่กำลังขับรถกลับ ก็มีรถกระบะ ซึ่งเป็นของหน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่ง
ซึ่งไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ขับผิดกฎจราจร ข้ามมาชนหน้ารถหนู จนเสียหายอย่างที่เห็น
แม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่กับคนทำงานเก็บเงินเพื่อผ่อนรถสักคัน แม้จะเป็นแค่รอยขีดข่วน ก็คงรู้สึกเสียดาย
คิดว่าทุกๆคนก็คงเข้าใจในจุดนี้นะคะ แต่ในเมื่อเป็นอุบัติเหตุ ก็เข้าใจได้
รถเสียก็ซ่อมได้ มีประกัน ก็เคลมก็ซ่อมกันไป เสียเวลา ไม่ว่า แต่เสียความรู้สึก มันยากจะบรรยายนะคะ
หลังจากเกิดเหตุ หนูไม่ได้รับคำขอโทษ หรือลงมาพูดคุยกันดีๆ
หรือแม้แต่จะสำนึกผิดในสิ่งที่ตนเองกระทำของลุงคนนี้แม้แต่นิดเดียว
ไม่ลงมาจากรถด้วยนะคะ เปิดกระจกนั่งในรถ แล้วก็วางกล้าม คุยโต
ด้วยถ้อยคำที่ไม่น่าจะใช่ลูกผู้ชายคุยกับผู้หญิง กู และอีกมากมาย
และที่ยิ่งกว่านั้น เค้าเรียกลูกน้องมาด้วยนะคะ พอประกันมาถึง ประกันถามว่า คู่กรณีหนู คนไหนเป็นคนขับ?
ใช่ค่ะ อย่างที่คิด เค้าให้ลูกน้องออกรับเป็นคนขับแทน แล้วโดดมานั่งฝั่งคนนั่ง แมนมากๆ
หนูก็โวยวาย ว่า ได้ยังไง ก็เห็นๆอยู่ว่า ขับมาคนเดียว แล้วจะมาเปลี่ยนคนขับแบบนี้ ได้ยังไง?
ตาลุงก็มาพูดด้วยวาจาแสนจะสุภาพตามประสาผู้ใหญ่ในกระทรวง ว่า....
”ทำไม จะเอายังไง จะแจ้งความเลยไหม ไปเลย หรือจะให้กูโทรฯตามผู้กำกับ กูจะรออยู่ตรงนี้แหละ”
เป็นประโยคที่ทำให้หนูจะไม่ทนกับตาลุงคนนี้อีกต่อไป หนูเลยแจ้งความตามคำท้า
ในระหว่างรอตำรวจอยู่นานมาก เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึง ซึ่งระหว่างนั้น ตาลุงที่เก่งกล้าสามารถ วางกล้ามใหญ่โต
แอบมุดออกประตูหลัง (รถคู่กรณี กระบะ 4 ประตู) “มุดหนีเหมือนลูกหมีเลย” แอบไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ลูกน้องอีกคนหนีไปจากที่เกิดเหตุ
แล้วสักพัก ก็มีสายเข้ามายังพี่ตำรวจที่มาอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ คาดว่าคงจะเป็นใครสักคน คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
โทรฯมาบัญชาการ เพราะหลังจากนั้น ตำรวจก็เดินมาบอกหนูว่า ถ้าจะแจ้งความ ก็แค่ทะเลาะวิวาทนะ หนูต้องไปโรงพัก ส่วนตาลุงนั่น ไม่ต้อง!!
แค่นี้ก็รู้แล้วค่ะ จริงๆแล้ว หนูไม่ได้ต้องการอะไรเลย ขอแค่น้ำใจ เกิดอุบัติเหตุ ลงมาขอโทษ คุยกันดีๆ
ยิ่งเป็นผู้ชาย ข้าราชการ อยู่ในหน่วยงานที่ต้องประพฤติตัวเป็นแบบอย่าง
กลับมาทำตัวแบบนี้กับประชาชนที่เค้าเสียภาษีให้พวกคุณ มันถูกต้องแล้วหรือ
อย่าให้เมืองไทยอยู่ยากไปกว่านี้เลย อย่าให้ เมืองไทย เมืองแห่งธารน้ำใจ เมืองไทย เมืองพุทธ
เป็นแค่คำพูดลอยๆสวยๆ ในมโนภาพของคนทั่วไป แต่หาได้จริงไม่ ในโลกความจริง
ข้อมูล+เนื้อหา+รูปภาพนำมากจาก:
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=571631942870904&set=o.242635942515231&type=1&ref=nf
**อยากให้เพื่อนๆรับรู้ถึงการไร้ความรับผิดชอยของคนที่ใช้ภาษีของประชาชนเลยนำมาแชร์ต่อค่ะ
**เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรก หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย
ขับรถกระทรวงวัฒนธรรม ขับผิดกฎ ชนคนอื่น ไม่ขอโทษ แล้วอวดเบ่ง นี่หรือภาพลักษณ์ข้าราชการไทย
สวัสดีค่ะ ทุกท่าน
วันนี้หนูมีเรื่องที่ทำให้คนธรรมดาอย่างหนู ต้องชอกช้ำกับพฤติกรรมของผู้ใหญ่บางประเภทในสังคมไทย
ซึ่งก็ยิ่งตอกย้ำในคำพูดที่มีคนบอกว่า “บ้านเมืองเรา อยู่ยากขึ้นทุกวัน”
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 1 พค. (วันแรงงาน) ที่ผ่านมา หนูและครอบครัว พากันไปสักการะหลวงพ่อโสธร จ. ฉะเชิงเทรา
รถที่ขับไป เป็นรถป้ายแดง แต่หนูเองก็ไม่ใช่มือใหม่แต่อย่างใดในการขับรถ และเคารพกฎจราจรเป็นอย่างดี
ในขณะที่กำลังขับรถกลับ ก็มีรถกระบะ ซึ่งเป็นของหน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่ง
ซึ่งไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ขับผิดกฎจราจร ข้ามมาชนหน้ารถหนู จนเสียหายอย่างที่เห็น
แม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่กับคนทำงานเก็บเงินเพื่อผ่อนรถสักคัน แม้จะเป็นแค่รอยขีดข่วน ก็คงรู้สึกเสียดาย
คิดว่าทุกๆคนก็คงเข้าใจในจุดนี้นะคะ แต่ในเมื่อเป็นอุบัติเหตุ ก็เข้าใจได้
รถเสียก็ซ่อมได้ มีประกัน ก็เคลมก็ซ่อมกันไป เสียเวลา ไม่ว่า แต่เสียความรู้สึก มันยากจะบรรยายนะคะ
หลังจากเกิดเหตุ หนูไม่ได้รับคำขอโทษ หรือลงมาพูดคุยกันดีๆ
หรือแม้แต่จะสำนึกผิดในสิ่งที่ตนเองกระทำของลุงคนนี้แม้แต่นิดเดียว
ไม่ลงมาจากรถด้วยนะคะ เปิดกระจกนั่งในรถ แล้วก็วางกล้าม คุยโต
ด้วยถ้อยคำที่ไม่น่าจะใช่ลูกผู้ชายคุยกับผู้หญิง กู และอีกมากมาย
และที่ยิ่งกว่านั้น เค้าเรียกลูกน้องมาด้วยนะคะ พอประกันมาถึง ประกันถามว่า คู่กรณีหนู คนไหนเป็นคนขับ?
ใช่ค่ะ อย่างที่คิด เค้าให้ลูกน้องออกรับเป็นคนขับแทน แล้วโดดมานั่งฝั่งคนนั่ง แมนมากๆ
หนูก็โวยวาย ว่า ได้ยังไง ก็เห็นๆอยู่ว่า ขับมาคนเดียว แล้วจะมาเปลี่ยนคนขับแบบนี้ ได้ยังไง?
ตาลุงก็มาพูดด้วยวาจาแสนจะสุภาพตามประสาผู้ใหญ่ในกระทรวง ว่า....
”ทำไม จะเอายังไง จะแจ้งความเลยไหม ไปเลย หรือจะให้กูโทรฯตามผู้กำกับ กูจะรออยู่ตรงนี้แหละ”
เป็นประโยคที่ทำให้หนูจะไม่ทนกับตาลุงคนนี้อีกต่อไป หนูเลยแจ้งความตามคำท้า
ในระหว่างรอตำรวจอยู่นานมาก เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึง ซึ่งระหว่างนั้น ตาลุงที่เก่งกล้าสามารถ วางกล้ามใหญ่โต
แอบมุดออกประตูหลัง (รถคู่กรณี กระบะ 4 ประตู) “มุดหนีเหมือนลูกหมีเลย” แอบไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ลูกน้องอีกคนหนีไปจากที่เกิดเหตุ
แล้วสักพัก ก็มีสายเข้ามายังพี่ตำรวจที่มาอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ คาดว่าคงจะเป็นใครสักคน คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
โทรฯมาบัญชาการ เพราะหลังจากนั้น ตำรวจก็เดินมาบอกหนูว่า ถ้าจะแจ้งความ ก็แค่ทะเลาะวิวาทนะ หนูต้องไปโรงพัก ส่วนตาลุงนั่น ไม่ต้อง!!
แค่นี้ก็รู้แล้วค่ะ จริงๆแล้ว หนูไม่ได้ต้องการอะไรเลย ขอแค่น้ำใจ เกิดอุบัติเหตุ ลงมาขอโทษ คุยกันดีๆ
ยิ่งเป็นผู้ชาย ข้าราชการ อยู่ในหน่วยงานที่ต้องประพฤติตัวเป็นแบบอย่าง
กลับมาทำตัวแบบนี้กับประชาชนที่เค้าเสียภาษีให้พวกคุณ มันถูกต้องแล้วหรือ
อย่าให้เมืองไทยอยู่ยากไปกว่านี้เลย อย่าให้ เมืองไทย เมืองแห่งธารน้ำใจ เมืองไทย เมืองพุทธ
เป็นแค่คำพูดลอยๆสวยๆ ในมโนภาพของคนทั่วไป แต่หาได้จริงไม่ ในโลกความจริง
ข้อมูล+เนื้อหา+รูปภาพนำมากจาก: http://www.facebook.com/photo.php?fbid=571631942870904&set=o.242635942515231&type=1&ref=nf
**อยากให้เพื่อนๆรับรู้ถึงการไร้ความรับผิดชอยของคนที่ใช้ภาษีของประชาชนเลยนำมาแชร์ต่อค่ะ
**เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรก หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วย