ด้าน หม่อมเต่านา โพสต์ข้อความถึงภาพ "บิ๊กจ๊อด" กอดคอ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะนั้น คือนักธุรกิจไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้น หากจะประเมินจริยธรรม ต้องประเมินในแง่ความเป็นนักธุรกิจ และหากเป็นเช่นนั้น เหตุใด พรรคประชาธิปัตย์ จึงเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากถ่ายภาพนั้นไม่นาน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ มีตำแหน่งทางการเมืองตำแหน่งแรกในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ขณะที่เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจ ในปี 2549 เขามีฐานะไม่เพียงเป็นนักการเมืองแต่ เป็นตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่ ที่มาจากการเลือกตั้ง
โดย หม่อมเต่านา แนะนำพรรคประชาธิปัตย์ว่า
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรยอมรับการรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุค ร.ส.ช. เพราะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณรวยกระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ ต้องยอมให้เป็นรัฐมนตรี ฉะนั้น เมื่อ มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดิบได้ดีจากคณะรัฐประหาร พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยิ่งต้องต่อต้านการรัฐประหาร
"ทุกครั้งที่เราเห็นภาพ พ.ต.ท. ทักษิณ กับ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ยืนยิ้มอยู่ด้วยกันนั้น สิ่งที่แว๊บ เข้ามาในหัวเราเสมอๆ ก็คือว่า ถ้าหากไม่มีการปฎิวัติในตอนนั้น ถ้าหากคนไทยไม่ได้ชินชา แต่เกรงกลัวอำนาจทหาร และให้การยอมรับในการทำรัฐประหาร มาเรื่อยๆจนเป็นวัฒนธรรม... นักธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท. ทักษิณ หรือ ใครก็ตาม ก็จะไม่สามารถเข้าไปหาจุดศุนย์กลางของอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน เพื่อกระทำการอะไรก็ตามที่พวกเราคิดว่าเขาทำกัน...
พ.ต.ท. ทักษิณ ในตอนนั้น คือนักธุรกิจ ไม่ใช่นักการเมือง ถ้าหากจะประเมินจริยธรรมของ พ.ต.ท. ทักษิณก็ต้องทำด้วยหลักฐาน และความเป็นนักธุรกิจของเขาในตอนนั้น...ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง
เหตุใด พรรค ปชป. จึงเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็น รมต. ต่างประเทศ ได้ในทันทีที่ พ.ต.ท.ทักษิณลงเล่นการเมือง หลังจากภาพนั้นถ่ายได้เพียงไม่นาน?? เรียกได้ว่าตำแหน่งทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ อันแรก เกิดจาการเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาล ปชป ของนายกชื่อ ชวน หลีกภัย
... ต่อมาสิ่งที่เราต้องเข้าใจคือในวันที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ถูกปฎิวัติปี 49 ออกไป จาก คมช.. พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นแค่นักธุรกิจ หรือเป็นแค่นักการเมืองเฉยๆ แล้ว แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ นายกรัฐมนตรีที่มีที่มาจากการผ่านการเลือกตั้งและชนะเลือกตั้งจากประชาชนกว่า ยี่สิบล้านคน.. พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ได้เป็นเพียง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นตัวแทนของอำนาจเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ถูกข่มขืนไปอย่างไม่ยุติธรรม ดังนั้นถ้าหากพวกท่านเกลียดคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณมากนัก และต้องการทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน แทนที่ท่านจะนั่ง จับผิด คิดวนเวียน เรื่องไก่ กับไข่ ท่านควรจะทำจิตใจและสมองให้กระจ่างแล้วมองไปข้างหน้า แล้วพูดกับตัวเองว่า ฉันเกลียดทักษิณเหลือเกิน ดังนั้น ฉันจะไม่ยอมรับการทำรัฐประหารและผลพวงของมันอีกต่อไป เพราะการทำรัฐประหารทำให้ทักษิณรวย เลยทำให้พรรค ปชป. ต้องยอมให้ทักษิณเป็นรัฐมนตรี จนก้าวเดินไปสู่ตำแหน่งนายกกินรวบในแบบที่ฉันเกลียด เกลียด เกลียดเป็นที่สุด... ยิ่งท่านเชื่อเท่าไหร่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนักธุรกิจได้ดิบได้ดี มาเพราะคณะ ปฎิวัติ รสช...ท่านก็ยิ่งต้องต่อต้านการทำรัฐประหารให้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ"
ภาพที่สลิ่ม สาปชอบนำมาใช้
ด้าน หม่อมเต่านา โพสต์ข้อความถึงภาพ "บิ๊กจ๊อด" กอดคอ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะนั้น คือนักธุรกิจไม่ใช่นักการเมือง ดังนั้น หากจะประเมินจริยธรรม ต้องประเมินในแง่ความเป็นนักธุรกิจ และหากเป็นเช่นนั้น เหตุใด พรรคประชาธิปัตย์ จึงเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากถ่ายภาพนั้นไม่นาน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ มีตำแหน่งทางการเมืองตำแหน่งแรกในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ขณะที่เมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจ ในปี 2549 เขามีฐานะไม่เพียงเป็นนักการเมืองแต่ เป็นตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่ ที่มาจากการเลือกตั้ง
โดย หม่อมเต่านา แนะนำพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรยอมรับการรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุค ร.ส.ช. เพราะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณรวยกระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ ต้องยอมให้เป็นรัฐมนตรี ฉะนั้น เมื่อ มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดิบได้ดีจากคณะรัฐประหาร พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยิ่งต้องต่อต้านการรัฐประหาร
"ทุกครั้งที่เราเห็นภาพ พ.ต.ท. ทักษิณ กับ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ยืนยิ้มอยู่ด้วยกันนั้น สิ่งที่แว๊บ เข้ามาในหัวเราเสมอๆ ก็คือว่า ถ้าหากไม่มีการปฎิวัติในตอนนั้น ถ้าหากคนไทยไม่ได้ชินชา แต่เกรงกลัวอำนาจทหาร และให้การยอมรับในการทำรัฐประหาร มาเรื่อยๆจนเป็นวัฒนธรรม... นักธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท. ทักษิณ หรือ ใครก็ตาม ก็จะไม่สามารถเข้าไปหาจุดศุนย์กลางของอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน เพื่อกระทำการอะไรก็ตามที่พวกเราคิดว่าเขาทำกัน... พ.ต.ท. ทักษิณ ในตอนนั้น คือนักธุรกิจ ไม่ใช่นักการเมือง ถ้าหากจะประเมินจริยธรรมของ พ.ต.ท. ทักษิณก็ต้องทำด้วยหลักฐาน และความเป็นนักธุรกิจของเขาในตอนนั้น...ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใด พรรค ปชป. จึงเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็น รมต. ต่างประเทศ ได้ในทันทีที่ พ.ต.ท.ทักษิณลงเล่นการเมือง หลังจากภาพนั้นถ่ายได้เพียงไม่นาน?? เรียกได้ว่าตำแหน่งทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ อันแรก เกิดจาการเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาล ปชป ของนายกชื่อ ชวน หลีกภัย
... ต่อมาสิ่งที่เราต้องเข้าใจคือในวันที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ถูกปฎิวัติปี 49 ออกไป จาก คมช.. พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นแค่นักธุรกิจ หรือเป็นแค่นักการเมืองเฉยๆ แล้ว แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ นายกรัฐมนตรีที่มีที่มาจากการผ่านการเลือกตั้งและชนะเลือกตั้งจากประชาชนกว่า ยี่สิบล้านคน.. พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ได้เป็นเพียง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นตัวแทนของอำนาจเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ถูกข่มขืนไปอย่างไม่ยุติธรรม ดังนั้นถ้าหากพวกท่านเกลียดคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณมากนัก และต้องการทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน แทนที่ท่านจะนั่ง จับผิด คิดวนเวียน เรื่องไก่ กับไข่ ท่านควรจะทำจิตใจและสมองให้กระจ่างแล้วมองไปข้างหน้า แล้วพูดกับตัวเองว่า ฉันเกลียดทักษิณเหลือเกิน ดังนั้น ฉันจะไม่ยอมรับการทำรัฐประหารและผลพวงของมันอีกต่อไป เพราะการทำรัฐประหารทำให้ทักษิณรวย เลยทำให้พรรค ปชป. ต้องยอมให้ทักษิณเป็นรัฐมนตรี จนก้าวเดินไปสู่ตำแหน่งนายกกินรวบในแบบที่ฉันเกลียด เกลียด เกลียดเป็นที่สุด... ยิ่งท่านเชื่อเท่าไหร่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนักธุรกิจได้ดิบได้ดี มาเพราะคณะ ปฎิวัติ รสช...ท่านก็ยิ่งต้องต่อต้านการทำรัฐประหารให้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ"