สวัสดีค่ะ วันนี้มีข้อมูลการไปโครงการ Work & Travel มาฝาก เผื่อจะได้เป็นข้อมูลให้กับคนที่กำลังศึกษาข้อมูลหรือคนที่กำลังคิดว่าจะไปนะคะ
   จริงๆตอนนี้โคตรงการ Work & Travel ฮิตมากสำหรับนิสิตหลายๆคน ซึ่งมันเป็นโครงการที่จิงๆแล้วมีมานานมากๆแล้ว แล้วก็มีเอเจนซี่ไม่รู้กี่สิบที่ให้เลือกกัน
   อันดับแรกของคนที่คิดว่าอยากจะไปจริงๆ ควรหาข้อมูลเยอะๆ เยอะจริงๆนะคะ ถ้าอยากรู้จริงๆ แต่สำหรับางคนก็อาจจะไม่ได้รู้อะไรเลยก็ได้ ก็แค่ไปสมัคร แล้วก็ไปทำนู่นที่นี่ตามที่เอเจนซี่บอกก็จบ ง่ายดีนะเพราะมีเอเจนซี่จัดการให้ จะไปหาข้อมูลให้ยุ่งยากทำไม แต่จิงๆแล้วการที่เรารู้มากนี่แหล่ะ จะเป็นสิ่งที่ดีกับตัวเอง
   เพราะฉนั้นคสรต้องหาเอเจนซี่ที่ดีค่ะ ให้ดูรีวิวในเน็ตเยอะๆ ค้นหาข้อมูลเยอะๆว่าเอเจนซี่ไหนดี หรือไม่ดี เอเจนซี่ใหญ่ๆ ที่มีเด็กเยอะๆ ทำงานมานานเค้าก็อาจจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องการดำเนินเรื่องนู่นนี่นั่น มีพักพวกช่วยเหลือกันอยู่ที่ต่างประเทศ มีเครดิคดี ... บลาๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะดูแลเด็กของเค้าดีหรือทั่วถึงนะคะ //// ส่วนเอเจนซี่เล็กๆ อบอุ่นที่เปิดใหม่ที่สามารถดูแลนักเรียนของเค้าได้ทั่วถึงเนี่ย ก็อาจจะยังขาดความชำนาญในการแก้ปัญหาให้เด็กเวลาเกิดเรื่องฉุกเฉิน อะไรขึ้นมา เพราะฉนั้นให้ศึกษาดีๆค่ะ แต่อย่าไรก้ตามไม่ได้มีอะไรที่ดีหรือร้ายไปทั้งหมด ทุกอย่างมีสองด้านเสมอค่ะ
   สำหรับคนที่อยากจะไปเพื่อเก็บเงิน ขอบอกเลยว่าทำได้ ได้จิงๆ เรื่องแบบนี้มันมีหลายกรณีค่ะ บางคนไปขาดทุนย่อยยับ บางคนไปได้กลับมาเกินคาด แต่อันดับแรกคุณต้องเลือกงานที่ดี เรื่องรัฐที่จะไป แล้วให้แน่ใจว่างานที่เราจะไปทำนั้นมันจะเป็นจริงตาม Job Offer หรือปล่าว บางคนถามว่าไปรัฐไหนดี ขอแนะนำให้รัฐ และเมืองที่เจริญค่ะ เช่น NY / Cali โดยเฉพาะ Cali, California เป็ยรัฐที่มีร้านอาหารไทยมากที่สุดค่ะ พันกว่า ร้านได้ แต่ก็ต้องดูเมืองด้วยนะคะ แต่ส่วนใหญ่แล้ว Work & Travel ใน California ก้จะมีอยู่ไม่กี่เมืองค่ะ ส่วนมากจะเป็น LA, San Fracisco, San Diego ซึ่งในสามเมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่และรวย เป็นเมืองที่มีร้านอาหารไทยเยอะ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะสามารถหา second job ได้ ในกรณีที่เราอยากทำ แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ เมืองที่เจริญ ค่าใช้จ่ายก็สูง ค่าครองชีพสูงเป็นธรรมดา แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ได้แพงกว่าเมืองเล็กๆ มากมายนักหรอก //// มีหลายคนเคยบอกว่าให้ไปรัฐเล็กๆ บ้านๆหน่อยสิ่งล่อตาล่อใจไม่เยอะจะได้เก็บตังได้ แต่จิงๆแล้วงานส่วนใหญ่ในรัฐเล็กๆนั้นมันจะเป็นพวกงาน Housekeeping ที่คุณจะต้องไปล้างห้องน้ำ ขัดสวม และเป็นงานที่เค้าบอกกันว่าเหนื่อยสุดๆ ไม่ได้ใช้ภาษา แถมเมืองเล็กๆก็หา second job ไม่ได้ด้วย ส่วนมากงานพวกนี้ รายได้จะตกอยู่ประมาน $6-$10 / hr แต่ถ้าโรงแรมบางที่ ที่ไม่ค่อยมีคนมาเข้าพักในช่วง low season เค้าก็อาจจะลดชั่วโมงงานคุณได้ บางวันอาจจะให้ทำแค่ 3 ชม. ในขณะที่ยังต้องกิน บ้านยังต้องจ่าย แล้วถ้าโดนหนักๆเข้จะเอาที่ไหนไปพอใช้ และเหลือเก็บคะ เพราะงั้น เลือกเมืองใหญ่ ศึกษาข้อมูลเรื่องเมือง เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อความชั่วร์ค่ะ
   นอกจากนี้ ยังต้องดูเวลาที่เราจะไปอยู้ที่นั้นด้ยนะ ถ้าอยู่ 2 เดือน ก็คงไม่ได้กำไรค่ะ หรืออาจจะได้ก็ต้องดูงานด้วย แต่ถ้าพวกที่พึ่งจบแล้วไปอยู่ได้ 4-5 เดือนเนี่ยก็ได้กำไรค่ะ ปกติแล้ววีซ่า J1 แบบนี้จะอยู่ได้ 4 เดือนและหลังจากวีซ่าหมดอายุ ก็อยู่เที่ยวต่อไปอีก 30 วัน รวมเป็น 5 เดือนค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ดูด้วยว่าตามวีซ่าแล้วเราอยู่ได้ถึงวันไหน แต่ถ้าคนที่หวังจะไปเก็บเงินจิงๆก็อย่าหวังมากนะคะ เพราะมันไม่ดีเหมือนความฝันเราหรอก ไปแล้วอาจจะกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ได้ ให้เผื่อใจไว้ และเตรียมแผนสำรองและมีสติค่ะ เพราะยังงัยมันก็ขึ้นอยู่กับดวง และโชคชะตาของเราด้วยค่ะ
   ***** อันนี้มาเข้าใจความสำคัญจริงๆของเรื่อง คือว่า ใครที่อยากไป ให้สมัครไว้ตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ ต้นเดือนกรกฎา สิงหา ก้สมัครได้แล้วเพราะค่าโครงการมันจะถูกเพราะอยู่ในช่วงโปรโมชั่น และเรายังมีสิทธิ๋เลือกงานก่อนด้วย
   แต่สำหรับใครที่พึ่งมารู้ตัวว่าอยากจะไปช่วงปลายปีก็ยังมีหวัง อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับงานด้วยว่าเราได้งานเร็ยหรือปล่าว แต่ถ้าใครก็ตามที่มาสมัครเอาช่วงต้นปี ของปีที่จะไปเนี่ย บอกเลยว่าผิดมาก เพราะช่วงนั้นหลายๆเอเจนซี่เค้าปิดรับสมัครไปหมดแล้ว แต่มันก้ยังมีบางที่ ที่เค้ายังเปิดอยู่ แต่อย่าไปเลย มันไม่เวิร์คกับตัวคุณเอง เพราะมันมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่ได้ไป หรือ อาจจะได้ไปแล้วงานมันโคตรฮ่วย เพราะว่างานที่คุณได้เนี่ย มันคืองานเหลือจากคนที่เค้าได้งานกันไปหมดแล้ว ส่วนใหญ่งานที่เหลือช่วงนั้น มันจะเป็นงานพวกทำความสำอาด หรืองานร้าน แมกโดนอล ....* แล้วอย่าไปเชื่อเด็ดขาดถ้าไปสมัครกับบางเอเจนแล้วบอกว่ายังมีงานใหม่เข้ามาเรื่อยๆ*.... เพราะมันไม่จริง เอเจนซี่ส่วนใหญ่ หรือบางที่ หางานให้เราจากเอเจนซี่หางานในอเมริกอีกที + กับเอางานจาก Sponsor ที่USAที่เค้ามีคอนแทคกันอยู่ เค้าเรียกงานพวกนี้ว่างาน Self Placement and Full Placement บางที เอเจนบอกเราว่ามีงาน ให้เราจ่ายเงินค่ามัดจำงวดแรกเลยแล้วเค้าจะติดต่องานให้เรา บลาๆ บางทีเลือกานไปเป็น 10 แต่ไม่ได้ซักกะที่ กินเวลาไปเรื่อยๆเป็นเดือนสองเดือน สุดท้ายก็ไม่ได้ไป
   แต่ที่หนักกว่านั้นคือว่า เราอาจจะได้งานแล้ว งานจิงๆ ที่นายจ้างเซ็นสัญญามาเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายเกิดข้อผิดพลาดตรงที่ มันสายเกินไป สายเกินไปในที่นี้คือ มันกินเวลาเลยเดือน กุมภา หรือมีนาไปแล้วซึ่ง  Sponsor ที่เมกาเค้าปิดจ๊อบไปแล้วเค้าจึงไม่สามารถออก DS 2019 ให้เราได้ ... DS 2019 นี่ก็คือเอกสารสัญญาที่ทาง US Sponsor จะเป็นคนร่างขึ้นมาแล้วส่งไปให้ทาง The Department of State เป็นครนออกให้เพื่อส่งมาให้เราไปยื่นเป็นเอกสารในการขอวีซ่า ซึ่งทุกอย่างมันเป็นขั้นตอนตายตัว มันเป็นแบบแผน และกินเวลาพอสมควร .... ทั้งหมดนี้มันคือที่มาของคำว่า DS หมด /// หลายคนถามว่ามันหมดได้ด้วยหรอ ... ได้ ... ความจริงมันไม่ได้กระดาษาหมดหรืออะไร แต่คือ US Sponsor เค้าหมดเวลาออก  DS สำหรับ Spring Work & Travel ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่ว่าเราจะได้ง่านแล้ว นายจ้างพร้อมรับเราหรืออะไรก็ชั่ง แต่ถ้าไม่มี DS 2019 คุณก็หมดสิทธิ์ แล้วเอเจนซี่ที่ไทยของคุณก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะมี US Sponsor บางที่ที่ยังสามารถออก DS ให้เราแต่ก็ไม่สามารถทำไรได้ เพราะเอเจนซี่ที่ไทยของเราทุกที่จะมีคอนแทคกับ US Sponsor แบบตายตัว คือเค้าจะไปสุ่มสี่สุ่มห้าไปทำธุรกิจร่วมกับ Sponsor อื่นที่เค้าไม่ได้คอนแทคอยู่ .... อีกหนึ่งเรื่องคือ งาน Self Placement คืองานที่เอเจนที่ไทยเรา ไปหาเองกับเอเจนที่ต่างประเทศอีกที ซึ่งเอเจนที่นั่นก็มีอีกเยอะแยะ ซึ่งงาน Self Placement จะไม่เหมือนงาน Full Placement ตรงที่ Full Placement เป็นงานที่ทาง US Sponsor ของเรามีให้ซึ่งเป็นงานที่มั่นใจได้ว่ามันจะมีแน่นอน แต่จะดีรึปล่าวนั้นก็อีกเรื่องนึง /// Self Placement อาจมีให้เบือกเยอะ น่าสนใจ และหลากหลายกว่า แต่พอสมัครเลือกงานไปจิงๆ ก็อาจจะไม่ได้งานที่เราต้องการ อ้างว่าเต็มแล้วมั่ง งานปิดไปแล้วมั่ง อะไรแบบนั้น ทางที่ดีควรให้มั่นใจก่อนว่าได้ง่านแล้ว แล้วก็เซ็นสัญญาอะไรเรียบร้อยแล้วค่อยจ่ายค่าโครงการส่วนที่เหลือ ... แต่ย่างที่บอก ถ้าคิดจะสมัครต้นปี ของปีที่จะไป แบบกะทันหันแบบนั้น อย่าทำเลย มันไม่คุ้มเสี่ยง คุณอาจจะเสยดายเวลา เสียดายตังแล้วก็เสยใจด้วย เอาเวลาไปศึกษาข้อมูลเยอะๆแล้วไปปีหน้าดีกว่า
   ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นน้อยกับหลายๆคน หรืออาจจะเกิดแต่คนที่ไม่ได้ไปก็รู้แค่ว่าไม่ได้ไป แต่ไม่ได้หาข้อมูล หรือศึกษาว่าทำไม เราโดนโกงรึปล่าวหรือยังงัย เพราะฉนั้นลองอ่านแล้วให้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ หรือเป็นความรู้ของใครหลายๆคนที่อยากไปนะคะ
   ส่วนใครที่อยากรู้ว่าแต่ละรัฐเป็นยังไง อากาศเป็นยังไง ให้ google เอาเลยค่ะ ถ้าเป็นพวกทาง west / south Cali, Arizona, Texas ก็จะร้อนหน่อยโดยเฉพาะ Tx ส่วน Cali ตอนเหนือแบบ San Fracisco ก้จะหนาวหน่อย แต่รวมๆ Cali ถือว่าเป็นรัฐที่ฝรั่งชอบเพราะอากาศดีค่ะ .... เลยมาอีกนิด สูงขึ้นไปหน่อยเป็นพวก Oregon, Colorado, North Dakota, Montana ก็จะหยาวเลย แต่ขอบอกว่าทุกรัฐแถบนั้นธรรมชาติงดงามมากๆ ภูเขา ทำเลสาบ ต้นสน หิมะ โดยเฉพาะ Oregon และ Montana น่าไปเที่ยวมากๆค่ะ ส่วนตอนกลางเช่น IL, NE, SD อากาศก็จะหนาวค่ะ NE และ ND เป็นรัฐตอนกลางที่ไม่ค่อยมีอะไร ส่วนมากจะเป็นท้องนา รัฐทำการเกษตร ปลูกข้าวโพดค่ะ ส่วนฝั่ง East เช่น NY, PA ก็จะอากาศเย็นค่ะ ทางตอนใต้ FL, GA ก็จะร้อนชื่น แบบเมืองทะเลและชายหาดค่ะ ...
  
หวังว่าจะให้ข้อมูลได้เยอะนะคะ