คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่ได้ทำงานด้านนี้ รู้จากที่ฟังมา
1. รายได้ตั๋วหนัง เช็คจากยอดออนไลน์ของระบบในเครือ SF EGV MAJOR ตามที่เครือเหล่านี้ดูแลจริงๆ
(โรง ตจว.ที่อยูในเครือแต่รับจากสายหนัง ไม่รวม) โปรแกรนี้ มีสำหรับพวก ผู้บริหารโรงภาพยนต์ ค่ายหนัง ผกก. บางคน
2.เอายอดรวมมาแบ่งครับ ดูเลขสุดท้าย แล้วค่อยแบ่ง เพราะเงินอยู่กับทางโรงหนังทั้งหมด
3. ตามสัญญาที่เซ็ฯกัน ถ้าได้ยอดเกิน200 300 ก็น่าจะมีแบ่งเพิ่ม
4. ก็มีหนังบ้างเรื่องนะครับ ขออภัยจำชื่อไม่ได้ นึกไม่ออก ที่ซื้อมาแพงก็ขอเพิ่มค่าตั๋ว
แต่ส่วนมาก ไม่เพิ่ม เพราะเวลาหนังไหนขายได้น้อย หนังไม่ดี คนดูยังไม่เคยออกปาก ขอเงินคืนเลย
(ถึงทำก็คงจะไม่ได้คืน อิอิ) หนังบางเรื่องฟอร์มไม่ดี แต่ทำเงิน ก็ถือเป็นกำไร ของคนซื้อลิขสิทธิ์
ถ้าเกิดไปขึ้นราคาเรื่องอื่น น่าจะมีโวยให้ลดราคาหนังทุนต่ำไปด้วยสิ
5. โรงหนังไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ ค่ายหนังที่เอาหนังมาเข้าฉาย คือ คนจ่ายค่าลิขสิทธิ์
อย่างเรื่อง ลินคอล์น ตอนแรกก็เกือบไม่ได้ฉาย เพราะค่ายที่ซื้อมา คิดว่าไม่คุ้ม
โรงหนัง เปรียบเหมือนตลาดขายของ ใครจะเอาของมาขาย ต้องเสียค่าที่
แถมยังเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบริการอื่นๆได้อีก ตามสัญญาที่ทำไว้
(พูดอ้อมๆแล้ว นะ ถ้าคิดไม่ออกก็.... จะบอกให้)
6. ถ้าเลขทัั่วไปที่รู้กัน คือ 50-50 แต่ อาจจะมีเล่นตัวบ้าง
ขึ้นกับโรงหนัง หรือ ค่ายหนัง ที่มีพลังมากกว่ากัน
แต่ส่วนมากไม่ทำ เพราะปัจจัยหลายๆอย่าง
อย่างพี่มากสัปดา 2 - 3 อาจจะบอกเป็น ค่ายขอ 60 ละกัน
แต่สัปดาหลังๆ กลางเดือนพฤษภา อาจจะเป้นโรงหนังขอ 60 ได้มั้ย
ประมาณนี้
1. รายได้ตั๋วหนัง เช็คจากยอดออนไลน์ของระบบในเครือ SF EGV MAJOR ตามที่เครือเหล่านี้ดูแลจริงๆ
(โรง ตจว.ที่อยูในเครือแต่รับจากสายหนัง ไม่รวม) โปรแกรนี้ มีสำหรับพวก ผู้บริหารโรงภาพยนต์ ค่ายหนัง ผกก. บางคน
2.เอายอดรวมมาแบ่งครับ ดูเลขสุดท้าย แล้วค่อยแบ่ง เพราะเงินอยู่กับทางโรงหนังทั้งหมด
3. ตามสัญญาที่เซ็ฯกัน ถ้าได้ยอดเกิน200 300 ก็น่าจะมีแบ่งเพิ่ม
4. ก็มีหนังบ้างเรื่องนะครับ ขออภัยจำชื่อไม่ได้ นึกไม่ออก ที่ซื้อมาแพงก็ขอเพิ่มค่าตั๋ว
แต่ส่วนมาก ไม่เพิ่ม เพราะเวลาหนังไหนขายได้น้อย หนังไม่ดี คนดูยังไม่เคยออกปาก ขอเงินคืนเลย
(ถึงทำก็คงจะไม่ได้คืน อิอิ) หนังบางเรื่องฟอร์มไม่ดี แต่ทำเงิน ก็ถือเป็นกำไร ของคนซื้อลิขสิทธิ์
ถ้าเกิดไปขึ้นราคาเรื่องอื่น น่าจะมีโวยให้ลดราคาหนังทุนต่ำไปด้วยสิ
5. โรงหนังไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ ค่ายหนังที่เอาหนังมาเข้าฉาย คือ คนจ่ายค่าลิขสิทธิ์
อย่างเรื่อง ลินคอล์น ตอนแรกก็เกือบไม่ได้ฉาย เพราะค่ายที่ซื้อมา คิดว่าไม่คุ้ม
โรงหนัง เปรียบเหมือนตลาดขายของ ใครจะเอาของมาขาย ต้องเสียค่าที่
แถมยังเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบริการอื่นๆได้อีก ตามสัญญาที่ทำไว้
(พูดอ้อมๆแล้ว นะ ถ้าคิดไม่ออกก็.... จะบอกให้)
6. ถ้าเลขทัั่วไปที่รู้กัน คือ 50-50 แต่ อาจจะมีเล่นตัวบ้าง
ขึ้นกับโรงหนัง หรือ ค่ายหนัง ที่มีพลังมากกว่ากัน
แต่ส่วนมากไม่ทำ เพราะปัจจัยหลายๆอย่าง
อย่างพี่มากสัปดา 2 - 3 อาจจะบอกเป็น ค่ายขอ 60 ละกัน
แต่สัปดาหลังๆ กลางเดือนพฤษภา อาจจะเป้นโรงหนังขอ 60 ได้มั้ย
ประมาณนี้
แสดงความคิดเห็น
ถามคนที่มีความรู้หรือที่ทำงานอยู่ในบริษัทผลิตหนัง ถึงวิธีการคำนวนและกระจายรายได้ของภาพย์ยนต์ 1 เรื่อง
1. การคำนวนรายได้ แบบที่มักเห็นตามประชาสัมพันที่บอกว่า หนังเรื่องนี้ได้ 100 ล้าน หรือ พี่มาก ได้ 500 ล้าน แบบนี้เค้าคิดจากราคาตัวหนังที่เท่าไหร่ครับ คือผมพอจะเดาสมการได้ว่า เอา จำนวนคนดู x ราคาบัตร แต่ว่า ราคาบัตรมันมีตั้งแต่ 80 100 120 140 160 200 แล้วอย่างนี้เค้าคำนวนกันอย่างไร
2. ต่อจากข้อ 1 ถ้า สมมุติ ค่าบัตรโรงหนัง 100 บาท บริษัทผู้ผลิตหนังได้ 50 โรงหนังได้ 50 ถ้าเกิด ดูเก้าอี้ 150 หรือ 200 ผู้ผลิตหนังจะได้เพิ่มตามหรือเปล่าครับ หรือว่าไม่เกี่ยว ส่วนต่างโรงหนังจะได้ฝ่ายเดียว
3. ผู้กำกับและนักแสดงหลักจะได้เงินแบบการคิดเป็น percent commision จากยอดขายของหนังหรือเปล่าครับ เช่น คนดูมาก ก็ได้มาก อะไรแบบนี้
4. ค่าลิขสิทธิ์หนังที่โรงหนังต้องจ่ายราคาต่างกันมากหรือเปล่าครับ แบบหนังที่ลงทุน 50 ล้านกับ 100 ล้าน ทำไมไม่เคยเห็นโรงหนังขึ้นราคาตัวโดยอ้างว่าต้นทุนผลิตหนังเรื่องนี้มันสูงเลย เช่นค่าลิขสิทธิ์ transformer กับ หอแต๋วแตก
5. ค่าลิกขสิทธิ์หนังที่โรงหนังต้องจ่าย เป็นการจ่ายแบบทีเดียวตายตัว fixed cost หรือจายแบบตามจำนวนคนดูครับ variable cost
6. อย่าง พี่มากที่ได้ 500 บริษัทผู้ผลิตกับ โรงหนังที่ฉาย แบ่งกันประมานเท่าไหร่ครับจาก 500 ล้าน