*เรื่องยาวมากแต่หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังจะแต่งงานบ้าง*
สวัสดีค่ะ วันนี้ขอเอาประสบการณ์เกี่ยวกับร้านเวดดิ้งที่เราเจอมากับตัวมาแชร์นะคะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราไม่ใช่เจ้าสาวแต่เป็นเพื่อนเจ้าสาวที่รับรู้เหตุการณ์ต่างๆตลอดมา สิ่งที่จะมาถ่ายทอดให้รู้กันเราไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรเลย แค่อยากให้คนที่กำลังมองหาร้านเวดดิ้งสำหรับวันสำคัญของตัวเอง ศึกษาร้านให้ดีก่อนค่ะ เพราฉะนั้น *จะไม่เอ่ยถึงชื่อร้านพิกัดที่ตั้งแต่อย่างใด หลังไมค์ก็ไม่ขอบอกนะคะ*
เริ่มเรื่องจากเพื่อนสนิทเราจะแต่งงาน จริงๆนางมีแพลนที่คุยๆกับเราไว้ก่อนนานแล้วว่า ถ้าเรียนจบรับปริญญาเมื่อไหร่ก็จะแต่งงานเลย ตามประสาคนต่างจังหวัดที่เรียบง่าย ผู้ใหญ่2ฝ่ายก็เห็นพ้องกันว่ารับปริญญาเสร็จแต่งงานซะ ชีวิตจะได้หมดงานใหญ่ๆ จะได้เริ่มสร้างครอบครัวใหม่ได้เร็วๆ เพื่อนเราอยู่ภาคตะวันออกนี่แหละ เรากับเพื่อนรับปริญญาต้นเดือนมีนาคม ส่วนฤกษ์แต่งงานของเพื่อนก็ปลายเดือนมีนาคม การรับปริญญามันไม่ยุ่งมากเพราะแค่จองชุด ซ้อมและรับจริง แต่สำหรับงานแต่งงาน เพื่อนเราต้องจัดการเองทั้งหมด ตั้งแต่การหาสถานที่ หาชุด รายชื่อ พิมพ์การ์ด ของชำร่วย จัดแต่งสถานที่ ดอกไม้ ส่วนเรื่องพิธีการ อาหารการกิน ผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยตระเตรียมให้
เพื่อนเราเริ่มมองหาร้านเวดดิ้งตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยที่เพื่อนจะโทรมาหาเราตลอดว่าวันนี้ไปดูร้านไหนเป็นยังไงบ้าง เราก็เสียดายเพราะเราอยู่คนละจังหวัดกันให้ได้เต็มที่ก็แค่คำปรึกษาแล้วกคอยเสริช์รูปชุดและของชำร่วย+การจัดดอกไม่ประดับให้ดูเป็นแนวทาง เพื่อนเรามีลูกพี่ลูกน้องที่รับจัดดอกไม้อยู่ ก็เลยจ้างเค้ามาจัด พอไปคุยเรื่องดอกไม้ เค้าเลยแนะนำร้านเวดดิ้งนี้มาเพราะรู้จักกัน ระยะทางจากบ้านเพื่อนกับร้านไกลกันมาก ขับรถเกือบ1ชั่วโมงเลยทีเดียว อยู่กันคนละอำเภอเลยอ่ะ !!!! เพื่อนเราก็ไม่ได้อยู่ตัวจังหวัด
แต่ด้วยการเป็นร้านที่สามารถพูดได้อย่างสบายใจว่าชอบอะไรแบบไหน(บางร้านไม่สามารถคอมเม้นได้ เพื่อนบอกพูดปุ๊บบรรยากาศมาคุเลย)เพื่อนก็เลยสบายใจที่จะใช้บริการร้านนี้(โดยไม่รู้ถึงอนาคต) เราก็คุยกับเพื่อนตลอดว่า เป็นไงมั้งได้ชุดแบบไหนเช้าเย็นราคาเท่าไหร่ มีอะไรให้บ้าง มันก็เล่ารายละเอียดให้ฟังนั่นนี่โน่น ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม เพื่อนเราก็แวะไปตลอด ดูชุดลองชุด คุยเกี่ยวกับรูปแบบงานเป็นสเต็ปประมาณนี้
- แวะไปดูชุด ลองแบบชุด ยังไม่ตัดสินใจแบบ
-แวะไปดูชุด ลองแบบชุด เลือกแบบ โดยทางร้านก็แนะนำดีว่าแบบนี้เหมาะกับเพื่อนเรานะ แต่ตรงนี้น่าจะปรับนิด ตรงนั้นน่าจะปรับหน่อย เพื่อนเราก็โอเค พอใจยิ้มย่องทีเดียว
- ไปลองชุด แต่ได้ชุดแบบใหม่แทน มันเจอชุดที่ถูกใจกว่า เลือกๆไปเถอะวันสำคัญทั้งที
- ลองชุดแก้ชุด คุยเรื่องหน้าผม พี่เค้านัดมาขัดผิวก่อนวันงาน (เราได้แต่จินตนาการตามเวลาที่เพื่อนเล่า เออๆพี่เค้าดีเนอะ แนะนำอะไรดีอยู่)
เราเจอเพื่อนอีกทีคือวันซ้อมรับปริญญา ก็ถามเกี่ยวกับงาน มันก็ว่าได้ของชำร่วยแล้ว ทำการ์ดกับป้ายชื่อ(แขวนบนเวที)เอง โดยเพื่อนเจ้าบ่าวเป็นคนช่วย ส่วนชุดทางเจ้าบ่าวก็ไม่มีอะไรมาก สีชุดให้เข้ากัน พอดีตัวก็โอเค
หลังจากรับปริญญาเสร็จเพื่อนเราก็กลับไปหัวหมุนเตรียมจัดงาน แต่มีโทรมาเล่าด้วยว่า “แกๆๆๆ ฉันใส่ชุดที่ลองไว้ไม่ได้!! ฉันยัดตัวเองไม่ลง” เรานี้ขำกร้ากเลยนะ แกทำอะไรห๊ะ ทำไมมันบวมขนาดนั้น ตอนต้นเดือนที่เจอกันก็ไม่เท่าไหร่นี่ แต่ก็ทำได้แค่บ่นล่ะจ้า ตกลงคือต้องปลื่ยนชุดใหม่ พี่ที่ร้านบอกว่าเค้ามีอยู่ชุดนึงกำลังตัด เพื่อนเราน่าจะใส่ได้ เดียวใกล้ๆงานมาลองอีกที ก็โอเค ยังดีนะที่มีทางออก
เราเองก็ยุ่งมากไปได้ก็ก่อนวันงานวันเดียวเท่านั้น(กลับหลังวันงานทันที) เราก็นัดกับเพื่อนสร็จสรรพว่าให้มารับที่ไหน เพื่อนบอกว่าเดียวพอรับเราเสร็จจะเลยไปร้านเพื่อขัดผิวเลย เราก็ยินดีเลยจ้า อยากเห็นร้านเวดดิ้งอยู่แล้ว น่าจะเป็นปกติของผู้หญิงที่ชอบดูชุดแต่งงานด้วยความเพ้อฝันอยู่แล้ว(หรือเราผิดปกติ?)
พอไปถึง ร้านป็นร้านกระจก2ห้อง แต่กั้นเป็นห้องๆไว้ ห้องทางซ้ายมือสำหรับแขวนชุดไม่มีที่นั่งรอ ส่วนห้องขวา มีโซฟาให้นั่งเล่น มีกระจก-เก้าอี้ (ไว้แต่งหน้า) 2ชุด ที่หน้าร้านรกไปด้วยเศษดอกไม้เศษใบไม้ เค้ากำลังจัดดอกไม้งานแต่งอยู่นั่นเอง หน้ากระจกเปะไว้ว่ารับ แต่งหน้าทำผม เจ้าสาว รับปริญญา ถ่ายรูป จัดดอกไม้ ของชำร่วย สารพัดเลย เราคิดในใจไว้เลยว่า เพื่อนตูเจอร้านดีแน่ๆ รับขนาดนี้ต้องโปรแน่ๆ พวกเราไปถึงบ่าย2แก่ๆ ก็มีเจ้าสาวรอขัดตัวอยู่ พี่เค้าเลยให้เพื่อนเราไปทำเล็บที่ร้านถัดไป พอทำเล็บกลับมาเสร็จ เราก็นั่งรอเจ้าสาว2คนขัดผิด รอไม่นานก็ถึงคิวเพื่อนเรา พอเพื่อนเราขัดผิว เรากับพี่สาวมันก็ออกไปหาอะไรกินสบายๆ กลับมายังไม่เสร็จ ไม่เป็นไรๆ เดียวขอไปนั่งทำเล็บมั่งดีกว่า แต่พอเดินเข้าร้านปุ๊บ เรางงนิดหน่อย เพราะมีเจ้าสาวรอคิดทำเล็บอยู่ประมาณ3คิว เป็นเจ้าสาวจากร้านเวดดิ้งนี่แหละที่ให้มาทำ(ระหว่างทำก็มีเจ้าสาวมาอีก1คน) เราก็คุยกับคนทำเล็บด้วยความงงนะ ทำไมคนแต่งงานกันเยอะจัง พี่เค้าบอกเลยว่านี่ยังน้อยนะ วันก่อนนี่9คู่!!! คุณพระ 9คู่18คน เข้าใจอยู่ว่าเจ้าบ่าวใช่เวลาไม่มากเท่าเจ้าสาว แต่18คนนี่ไม่เยอะไปหน่อยหรอ แต่เราก็โหงั้นร้านนี้ต้องดีมากแน่ๆทำได้ขนาดนี้ แต่ผิดถนัดค่ะ
พอเราทำเล็บเสร็จก็เดินกลับมาที่ร้าน เพื่อนเราลองชุดเช้าสำหรับพรุ่งนี้เสร็จ หลังจากที่เพื่อนเราลองชุดเปลื่ยนแบบมาหลายครั้ง ปรากฏว่าชุดที่ได้ใส่พรุ่งนี้กลับไม่ใช่ชุดที่ลองตั้งแต่แรก ไม่ใช่ชุดที่พี่เค้าบอกก่อนหน้านี้ แต่เป็นอีกชุดนึงที่เพื่อนเราลองวันนั้น ตอนนั้นเลย!!(คือเค้าไม่มีเวลาทำชุดใหม่แก้ชุดใหม่เลย) ส่วนเจ้าบ่าว กางเกงยาวไป พี่เค้าก็ว่าเดียวสอยชายให้(คิดว่าจะได้แก้หรอคะ) แล้วพรุ่งนี้นัดแต่งหน้าทำผมตี2นะ ตี2ค่อยออกจากบ้านก็ได้นะ เราเป็นทีมสุดท้ายที่กลับจากร้านนั้น พอขึ้นรถปุ๊ป มีพี่สาวเพื่อนขับรถ เรานั่งข้างๆ บ่าว-สาวนั่งข้างหลัง ทุกคนระบายกันเต็มที่เลยค่ะ สรุปคือเพื่อนเราไม่ได้อ้วนขึ้นขนาดนั้น แต่เค้าไม่มีเวลาแก้ชุดให้(เค้ามีงานแบบนี้ทุกวัน) และสิ่งสำคัญคือเค้ารับงานกันเกินตัว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำงานพรุ่งนี้ออกมาให้เรียบร้อยที่สุดเลยไม่คิดอะไร
กว่าเราจะแวะซื้อของกลับบ้านมามีเตรียมอะไรอีกหน่อยได้นอนก็เกือน5ทุ่ม แล้วเวลาเที่ยงคืนหน่อยๆเพื่อนเราก็มาปลุก... เอาว่ะ วันสำคัญเพื่อน ลุกก็ลุก เราไปถึงร้านตี2พอดีแป๊ะ เป็นคิวแรกเลย คุณค่ะ ดิฉันและเพื่อนไปถึงตี2แต่ได้ออกจากร้านตี5คะ!!! ที่สำคัญ ฤกษ์ 6.19 ค่ะ จากที่บอกข้างต้นว่าระยะห่างจากบ้านและร้านต้องขับรถเกือบ1ชั่วโมง!! เร่งกันจนทำอะไรไม่ถูก เพื่อนเรารู้ว่าจะต้องเสร็จช้าแน่ๆ เลยรีบไปให้เช้าที่สุด แต่ก็ยังช้าอยู่ดี สาเหตุว่าทำไมเราออกมาช้าน่ะหรอค่ะแค่นี้เอง
- บ่าว-สาว4คู่!
- นัดมาตี2พร้อมกันหมด
- ที่สำคัญ คนที่ทำงานมีแค่2คน! หมายถึงคนแต่งหน้าหนึ่งคน คนทำผมหนึ่งคน! ที่เหลือ2คนจะคอยช่วยเล็กๆน้อยๆ
- และทั้ง2คนนี้ก็เริ่มลนลานแล้วเพราะเวลาจวนตัวมาก
อุแม่เจ้า ฉันไม่เคยเห็นอะไรที่มันวุ่นวายขนาดนี้จริงๆนะ สำหรับชุดเจ้าสาวก็ได้ตัวที่ลองไว้เมื่อวาน ส่วนชุดเจ้าบ่าว เป็นกางเกงที่ยังไม่ได้แก้ขาให้!! ใช่สิคะ เค้าจะเอาเวลาไหนมาแก้ให้ละ เวลานอนเค้าเองยังแทบไม่มีเลย สุดท้าย ขากางเกงเจ้าบ่าวก็เต่อขึ้นเพราะเข็มกลัด.... ส่วนเครื่องประดับผมเจ้าสาว ปกติแล้วพวกนี้เค้าต้องเตรียมให้เข้าชุดกันทั้งหมดไม่ใช่หรอคะ? ไม่ แบบนั้นมันเบสิคเกินจ้า ร้านนี้เปิดลิ้นชักมา หยิบอะไรได้ก็เอามาทาบเลย เรานี่ยืนดูอึ้งๆ พูดไม่ออก เราก็คิดว่ามันไม่น่าเกลียดก็เอาไปก่อนเถอะ เดียวไม่ทันงาน แล้วงานช่วงเช้าก็ผ่านไป เราคุยกับเพื่อนเลยกับเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อนบอกว่า เค้ารับงานเยอะเกินไป รับทุกงาน บางครั้งถ้าคนเยอะมากๆโทนไปเค้าก็ไม่รับ หนักกว่าคือไปที่ร้านแล้วเค้าปิดประตูเลยไม่รับแขก แต่รู้แน่ๆว่าเค้าอยู่ข้างใน... เอ่อออ ร้านแบบนี้มีอยู่จริงว่ะ ไม่เป็นไร ทุกอย่างมันเรียบร้อยก็ดีแล้วถึงขลุกขลักหน่อยก็ไม่เป็นไร
มาถึงงานตอนเย็น งานเย็นเริ่มตอน6โมง ครั้งนี้พี่เค้ามาแต่งหน้าทำผมให้ที่บ้าน ทุกอย่างก็เป็นไปเรื่อยๆตามสเต็ป (เค้ามาถึงที่บ้านไม่ถึง5นาทีคนที่ร้านโทรตามว่า คนที่พี่นัดไว้มารอแล้ว เจ๋งป่ะล่ะคะ) พี่เค้าก็คุยๆเป็นปกติเหมือนทุกอย่าเฟอร์เฟคไปหมด หึ..
*ตั้งแต่ตรงนี้อ่านเลยนะค่ะ ความรับผิดชอบของคนเราเป็นยังไง*
แต่หน้าเสร็จเพิ่ง4โมง พี่เค้าถามว่าจะใส่ชุดไหมเดียวเค้าจะได้ช่วย เพื่อนเรามันขี้ร้อน+อากาศที่ร้อนมาก และมีเวลาอีกพักใหญ่(สถานที่งานเย็นใกล้บ้าน) เลยบอกว่ายังดีกว่าค่ะ เค้าก็กลับกันไป แต่พอเค้ากลับกันไปไม่ถึง5นาที นางก็เดินมาหาเรา ยื่นชุด หันมามอง ฉันว่าใส่เลยดีกว่า..... เอออออออ จัดให้ได้ เราก็ใส่ให้นาง ชุดเป็นแบบร้อยเชือกข้างหลัง คือต้องถอดเชือกออกมาเพื่อใส่ก่อนแล้วค่อยร้อยกลับ ถ้าไม่ถอดเชือกออกจะติดสะโพก กว่าจะใส่เสร็จดึงเชือกมันเลยค่ะ มันก็ยืนหมุนๆเดินๆแล้วหันมามอง “แก พี่เค้าเอาสุ่มกระโปรงให้ป่ะว่ะ พี่เค้าลืมแน่เลยอ่ะ ถ้าไม่มีมันเดินไม่ได้นะกระโปรงพันขาแน่ๆ” เอาล่ะ นางเริ่มพล่าน ลุกลี้ลุกลนละ สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาพี่เค้า
**
“พี่ค่ะ พี่ลืมสุ่มกระโปรหนูรึป่าว”
“แต่พี่ว่าพี่เอาให้แล้วนะ”
แล้วสายก็ถูกตัดไป ... โทรไม่ติด เพื่อนเราโทรเข้าอีกเบอร์นึง มีคนรับแต่ไม่มีเสียงพูด พอเพื่อนเราฮัลโหลสายก็ถูกตัดและติดต่อไม่ได้เช่นกัน.... (รับสายแต่ไม่พูดอะไร เหมือนรอฟังว่าใครโทรมา) ขนาดเราเองไม่ใช่เจ้าสาวนะ ตัวเรายังโมโหแทน จากที่เวลามีพักสบายๆ เรามานั่งเครียดกันเรื่องสุ่มกระโปรง พยายามคิดสารพัดวิธีว่าจะเอายังไงดี ร้านเวดดิ้งใกล้บ้านดีไหม ขอเช่าสุ่มกระโปรงเค้าอย่างเดียวได้ไหม หรือจะไปเอาที่ร้านได้ไหม ทางบ้านเจ้าสาวไม่มีใครไปได้ เลยโทรไปหาทางฝั่งเจ้าบ่าวให้ขับรถไปเอา 1ชั่วโมงครึ่งหลังจากนั้นเจ้าบ่าวมาพร้อมสุ่มกระโปรง จากที่พอมีเวลาชิวๆกลายเป็นต้องเร่งรีบเพื่อให้ทันเวลา
พอเราถามว่าที่ร้านเค้าพูดอะไรมั้ง เจ้าบ่าวบอกว่า เค้าทำหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเดินเข้าร้านไปเค้าก็เรียกให้เด็กในร้านไปหยิบมาให้เลย ..... คือเค้ารู้ว่าเค้าลืมแต่เค้าไม่คิดจะแสดงสปิริตอะไรเลย ตามความคิดเรานะพอเพื่อนเราโทรไปเค้าก็รู้แล้วว่าลืม แต่เค้าไม่อยากจะแก้ปัญหาเพราะถ้าให้เค้ากลับไปที่ร้านและเอามาให้ใหม่มันเสียเวลาเค้าแน่ๆ แต่อย่างน้อยเค้าไม่ต้องตัดสายทิ้งแล้วบอกมาเลยตรงๆว่าพี่ลืม น้องมาเอาที่ร้านพี่ได้ไหม มันยังดีกว่าการหนีปัญหาไปดื้อแบบนี้ เรายังบอกเพื่อนว่า ถ้าให้เค้าช่วยใส่ชุดให้เลยเค้าจะไม่มีข้อแก้ตัวแน่ แต่ว่ายังดีที่ใส่ก่อนเวลา ทำให้ยังมีเวลาแก้ไขทัน วันรุ่งขึ้นเพื่อนเราแวะส่งเราขึ้นรถแล้วเลยเอาชุดไปคืน สิ่งที่ร้านรับผิดชอบคือ ลดให้300บาทที่เป็นเศษ ซึ่งมันไม่คุ้มกับความเสี่ยงเมื่อวานเลย
จากทั้งหมด สรุปคือร้านเวดดิ้งเห็นแก่เงิน รับงานเยอะเกินตัว ไม่ดูว่าตัวเองสามารถทำได้แค่ไหน ทั้งๆที่งานแต่งงานของแต่ละคู่เป็นวันสำคัญมากๆ เพื่อนเราบอกว่าเหมือนช่วงนี้คนแต่งงานกันแยอะ ช่วงเดือนอื่นๆของปีจะไม่เยอะขนาดนี้ ถามความเห็นเรากับร้านนี้นะ โอเคทุกอย่างยกเว้นอย่างเดียวคือ “คุณภาพ”
ขออีกนิดเรื่องของชำร่วย เพื่อนเราซื้อของชำร่วยจากร้านในตัวเมือง เลือกเป็นกล่องใส่ของห่อผ้าแก้ว พอวันไปเอา นางโทรมาบ่นว่าของที่นางสั่งไว้มันไม่พอ เค้าเอาตลับเมตรอันเล็กๆเพิ่มมาให้ แปะชื่อเรียบร้อยโดยไม่โทรแจ้งสักคำเดียว สุดท้ายก็เอาไปเปลื่ยนเป็นตลับเล็กๆแทน เพราะว่าตลับเมตรไม่ถูกใจ จริงๆเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรโทรแจ้ง-ปรึกษาลูกค้าก่อน ไม่ใช่มัดมือชกหรือตัดสินใจแทน งานดูขลุดขลักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่สุดท้ายทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดีแล้วก็ปล่อยมันไป
เราเชื่อว่าบ่าว-สาวทุกคู่อยากมีวันแต่งงานที่สมบูรณ์เหมือนที่ใฝ่ฝัน เพราะฉะนั้น การหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ขอให้ทุกๆคู่ที่กำลังจะมีข่าวดีจัดงานได้อย่างราบลื่นไร้อุปสรรค์นะคะ สวัสดีค่ะ...
-ที่เราแทร็กห้องเหล่านี้เพราะคิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ครอบครัว ผู้หญิง เลยคิดว่า3ห้องนี้เหมาะที่สุด
-ที่เว้นบรรทัดเพราะอยากจะให้อ่านกันง่ายๆนะคะ
ขอมาเล่าเรื่องร้านเวดดิ้งที่สุดแสนจะประทับใจเรา *ประชด
สวัสดีค่ะ วันนี้ขอเอาประสบการณ์เกี่ยวกับร้านเวดดิ้งที่เราเจอมากับตัวมาแชร์นะคะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราไม่ใช่เจ้าสาวแต่เป็นเพื่อนเจ้าสาวที่รับรู้เหตุการณ์ต่างๆตลอดมา สิ่งที่จะมาถ่ายทอดให้รู้กันเราไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรเลย แค่อยากให้คนที่กำลังมองหาร้านเวดดิ้งสำหรับวันสำคัญของตัวเอง ศึกษาร้านให้ดีก่อนค่ะ เพราฉะนั้น *จะไม่เอ่ยถึงชื่อร้านพิกัดที่ตั้งแต่อย่างใด หลังไมค์ก็ไม่ขอบอกนะคะ*
เริ่มเรื่องจากเพื่อนสนิทเราจะแต่งงาน จริงๆนางมีแพลนที่คุยๆกับเราไว้ก่อนนานแล้วว่า ถ้าเรียนจบรับปริญญาเมื่อไหร่ก็จะแต่งงานเลย ตามประสาคนต่างจังหวัดที่เรียบง่าย ผู้ใหญ่2ฝ่ายก็เห็นพ้องกันว่ารับปริญญาเสร็จแต่งงานซะ ชีวิตจะได้หมดงานใหญ่ๆ จะได้เริ่มสร้างครอบครัวใหม่ได้เร็วๆ เพื่อนเราอยู่ภาคตะวันออกนี่แหละ เรากับเพื่อนรับปริญญาต้นเดือนมีนาคม ส่วนฤกษ์แต่งงานของเพื่อนก็ปลายเดือนมีนาคม การรับปริญญามันไม่ยุ่งมากเพราะแค่จองชุด ซ้อมและรับจริง แต่สำหรับงานแต่งงาน เพื่อนเราต้องจัดการเองทั้งหมด ตั้งแต่การหาสถานที่ หาชุด รายชื่อ พิมพ์การ์ด ของชำร่วย จัดแต่งสถานที่ ดอกไม้ ส่วนเรื่องพิธีการ อาหารการกิน ผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยตระเตรียมให้
เพื่อนเราเริ่มมองหาร้านเวดดิ้งตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยที่เพื่อนจะโทรมาหาเราตลอดว่าวันนี้ไปดูร้านไหนเป็นยังไงบ้าง เราก็เสียดายเพราะเราอยู่คนละจังหวัดกันให้ได้เต็มที่ก็แค่คำปรึกษาแล้วกคอยเสริช์รูปชุดและของชำร่วย+การจัดดอกไม่ประดับให้ดูเป็นแนวทาง เพื่อนเรามีลูกพี่ลูกน้องที่รับจัดดอกไม้อยู่ ก็เลยจ้างเค้ามาจัด พอไปคุยเรื่องดอกไม้ เค้าเลยแนะนำร้านเวดดิ้งนี้มาเพราะรู้จักกัน ระยะทางจากบ้านเพื่อนกับร้านไกลกันมาก ขับรถเกือบ1ชั่วโมงเลยทีเดียว อยู่กันคนละอำเภอเลยอ่ะ !!!! เพื่อนเราก็ไม่ได้อยู่ตัวจังหวัด
แต่ด้วยการเป็นร้านที่สามารถพูดได้อย่างสบายใจว่าชอบอะไรแบบไหน(บางร้านไม่สามารถคอมเม้นได้ เพื่อนบอกพูดปุ๊บบรรยากาศมาคุเลย)เพื่อนก็เลยสบายใจที่จะใช้บริการร้านนี้(โดยไม่รู้ถึงอนาคต) เราก็คุยกับเพื่อนตลอดว่า เป็นไงมั้งได้ชุดแบบไหนเช้าเย็นราคาเท่าไหร่ มีอะไรให้บ้าง มันก็เล่ารายละเอียดให้ฟังนั่นนี่โน่น ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม เพื่อนเราก็แวะไปตลอด ดูชุดลองชุด คุยเกี่ยวกับรูปแบบงานเป็นสเต็ปประมาณนี้
- แวะไปดูชุด ลองแบบชุด ยังไม่ตัดสินใจแบบ
-แวะไปดูชุด ลองแบบชุด เลือกแบบ โดยทางร้านก็แนะนำดีว่าแบบนี้เหมาะกับเพื่อนเรานะ แต่ตรงนี้น่าจะปรับนิด ตรงนั้นน่าจะปรับหน่อย เพื่อนเราก็โอเค พอใจยิ้มย่องทีเดียว
- ไปลองชุด แต่ได้ชุดแบบใหม่แทน มันเจอชุดที่ถูกใจกว่า เลือกๆไปเถอะวันสำคัญทั้งที
- ลองชุดแก้ชุด คุยเรื่องหน้าผม พี่เค้านัดมาขัดผิวก่อนวันงาน (เราได้แต่จินตนาการตามเวลาที่เพื่อนเล่า เออๆพี่เค้าดีเนอะ แนะนำอะไรดีอยู่)
เราเจอเพื่อนอีกทีคือวันซ้อมรับปริญญา ก็ถามเกี่ยวกับงาน มันก็ว่าได้ของชำร่วยแล้ว ทำการ์ดกับป้ายชื่อ(แขวนบนเวที)เอง โดยเพื่อนเจ้าบ่าวเป็นคนช่วย ส่วนชุดทางเจ้าบ่าวก็ไม่มีอะไรมาก สีชุดให้เข้ากัน พอดีตัวก็โอเค
หลังจากรับปริญญาเสร็จเพื่อนเราก็กลับไปหัวหมุนเตรียมจัดงาน แต่มีโทรมาเล่าด้วยว่า “แกๆๆๆ ฉันใส่ชุดที่ลองไว้ไม่ได้!! ฉันยัดตัวเองไม่ลง” เรานี้ขำกร้ากเลยนะ แกทำอะไรห๊ะ ทำไมมันบวมขนาดนั้น ตอนต้นเดือนที่เจอกันก็ไม่เท่าไหร่นี่ แต่ก็ทำได้แค่บ่นล่ะจ้า ตกลงคือต้องปลื่ยนชุดใหม่ พี่ที่ร้านบอกว่าเค้ามีอยู่ชุดนึงกำลังตัด เพื่อนเราน่าจะใส่ได้ เดียวใกล้ๆงานมาลองอีกที ก็โอเค ยังดีนะที่มีทางออก
เราเองก็ยุ่งมากไปได้ก็ก่อนวันงานวันเดียวเท่านั้น(กลับหลังวันงานทันที) เราก็นัดกับเพื่อนสร็จสรรพว่าให้มารับที่ไหน เพื่อนบอกว่าเดียวพอรับเราเสร็จจะเลยไปร้านเพื่อขัดผิวเลย เราก็ยินดีเลยจ้า อยากเห็นร้านเวดดิ้งอยู่แล้ว น่าจะเป็นปกติของผู้หญิงที่ชอบดูชุดแต่งงานด้วยความเพ้อฝันอยู่แล้ว(หรือเราผิดปกติ?)
พอไปถึง ร้านป็นร้านกระจก2ห้อง แต่กั้นเป็นห้องๆไว้ ห้องทางซ้ายมือสำหรับแขวนชุดไม่มีที่นั่งรอ ส่วนห้องขวา มีโซฟาให้นั่งเล่น มีกระจก-เก้าอี้ (ไว้แต่งหน้า) 2ชุด ที่หน้าร้านรกไปด้วยเศษดอกไม้เศษใบไม้ เค้ากำลังจัดดอกไม้งานแต่งอยู่นั่นเอง หน้ากระจกเปะไว้ว่ารับ แต่งหน้าทำผม เจ้าสาว รับปริญญา ถ่ายรูป จัดดอกไม้ ของชำร่วย สารพัดเลย เราคิดในใจไว้เลยว่า เพื่อนตูเจอร้านดีแน่ๆ รับขนาดนี้ต้องโปรแน่ๆ พวกเราไปถึงบ่าย2แก่ๆ ก็มีเจ้าสาวรอขัดตัวอยู่ พี่เค้าเลยให้เพื่อนเราไปทำเล็บที่ร้านถัดไป พอทำเล็บกลับมาเสร็จ เราก็นั่งรอเจ้าสาว2คนขัดผิด รอไม่นานก็ถึงคิวเพื่อนเรา พอเพื่อนเราขัดผิว เรากับพี่สาวมันก็ออกไปหาอะไรกินสบายๆ กลับมายังไม่เสร็จ ไม่เป็นไรๆ เดียวขอไปนั่งทำเล็บมั่งดีกว่า แต่พอเดินเข้าร้านปุ๊บ เรางงนิดหน่อย เพราะมีเจ้าสาวรอคิดทำเล็บอยู่ประมาณ3คิว เป็นเจ้าสาวจากร้านเวดดิ้งนี่แหละที่ให้มาทำ(ระหว่างทำก็มีเจ้าสาวมาอีก1คน) เราก็คุยกับคนทำเล็บด้วยความงงนะ ทำไมคนแต่งงานกันเยอะจัง พี่เค้าบอกเลยว่านี่ยังน้อยนะ วันก่อนนี่9คู่!!! คุณพระ 9คู่18คน เข้าใจอยู่ว่าเจ้าบ่าวใช่เวลาไม่มากเท่าเจ้าสาว แต่18คนนี่ไม่เยอะไปหน่อยหรอ แต่เราก็โหงั้นร้านนี้ต้องดีมากแน่ๆทำได้ขนาดนี้ แต่ผิดถนัดค่ะ
พอเราทำเล็บเสร็จก็เดินกลับมาที่ร้าน เพื่อนเราลองชุดเช้าสำหรับพรุ่งนี้เสร็จ หลังจากที่เพื่อนเราลองชุดเปลื่ยนแบบมาหลายครั้ง ปรากฏว่าชุดที่ได้ใส่พรุ่งนี้กลับไม่ใช่ชุดที่ลองตั้งแต่แรก ไม่ใช่ชุดที่พี่เค้าบอกก่อนหน้านี้ แต่เป็นอีกชุดนึงที่เพื่อนเราลองวันนั้น ตอนนั้นเลย!!(คือเค้าไม่มีเวลาทำชุดใหม่แก้ชุดใหม่เลย) ส่วนเจ้าบ่าว กางเกงยาวไป พี่เค้าก็ว่าเดียวสอยชายให้(คิดว่าจะได้แก้หรอคะ) แล้วพรุ่งนี้นัดแต่งหน้าทำผมตี2นะ ตี2ค่อยออกจากบ้านก็ได้นะ เราเป็นทีมสุดท้ายที่กลับจากร้านนั้น พอขึ้นรถปุ๊ป มีพี่สาวเพื่อนขับรถ เรานั่งข้างๆ บ่าว-สาวนั่งข้างหลัง ทุกคนระบายกันเต็มที่เลยค่ะ สรุปคือเพื่อนเราไม่ได้อ้วนขึ้นขนาดนั้น แต่เค้าไม่มีเวลาแก้ชุดให้(เค้ามีงานแบบนี้ทุกวัน) และสิ่งสำคัญคือเค้ารับงานกันเกินตัว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำงานพรุ่งนี้ออกมาให้เรียบร้อยที่สุดเลยไม่คิดอะไร
กว่าเราจะแวะซื้อของกลับบ้านมามีเตรียมอะไรอีกหน่อยได้นอนก็เกือน5ทุ่ม แล้วเวลาเที่ยงคืนหน่อยๆเพื่อนเราก็มาปลุก... เอาว่ะ วันสำคัญเพื่อน ลุกก็ลุก เราไปถึงร้านตี2พอดีแป๊ะ เป็นคิวแรกเลย คุณค่ะ ดิฉันและเพื่อนไปถึงตี2แต่ได้ออกจากร้านตี5คะ!!! ที่สำคัญ ฤกษ์ 6.19 ค่ะ จากที่บอกข้างต้นว่าระยะห่างจากบ้านและร้านต้องขับรถเกือบ1ชั่วโมง!! เร่งกันจนทำอะไรไม่ถูก เพื่อนเรารู้ว่าจะต้องเสร็จช้าแน่ๆ เลยรีบไปให้เช้าที่สุด แต่ก็ยังช้าอยู่ดี สาเหตุว่าทำไมเราออกมาช้าน่ะหรอค่ะแค่นี้เอง
- บ่าว-สาว4คู่!
- นัดมาตี2พร้อมกันหมด
- ที่สำคัญ คนที่ทำงานมีแค่2คน! หมายถึงคนแต่งหน้าหนึ่งคน คนทำผมหนึ่งคน! ที่เหลือ2คนจะคอยช่วยเล็กๆน้อยๆ
- และทั้ง2คนนี้ก็เริ่มลนลานแล้วเพราะเวลาจวนตัวมาก
อุแม่เจ้า ฉันไม่เคยเห็นอะไรที่มันวุ่นวายขนาดนี้จริงๆนะ สำหรับชุดเจ้าสาวก็ได้ตัวที่ลองไว้เมื่อวาน ส่วนชุดเจ้าบ่าว เป็นกางเกงที่ยังไม่ได้แก้ขาให้!! ใช่สิคะ เค้าจะเอาเวลาไหนมาแก้ให้ละ เวลานอนเค้าเองยังแทบไม่มีเลย สุดท้าย ขากางเกงเจ้าบ่าวก็เต่อขึ้นเพราะเข็มกลัด.... ส่วนเครื่องประดับผมเจ้าสาว ปกติแล้วพวกนี้เค้าต้องเตรียมให้เข้าชุดกันทั้งหมดไม่ใช่หรอคะ? ไม่ แบบนั้นมันเบสิคเกินจ้า ร้านนี้เปิดลิ้นชักมา หยิบอะไรได้ก็เอามาทาบเลย เรานี่ยืนดูอึ้งๆ พูดไม่ออก เราก็คิดว่ามันไม่น่าเกลียดก็เอาไปก่อนเถอะ เดียวไม่ทันงาน แล้วงานช่วงเช้าก็ผ่านไป เราคุยกับเพื่อนเลยกับเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อนบอกว่า เค้ารับงานเยอะเกินไป รับทุกงาน บางครั้งถ้าคนเยอะมากๆโทนไปเค้าก็ไม่รับ หนักกว่าคือไปที่ร้านแล้วเค้าปิดประตูเลยไม่รับแขก แต่รู้แน่ๆว่าเค้าอยู่ข้างใน... เอ่อออ ร้านแบบนี้มีอยู่จริงว่ะ ไม่เป็นไร ทุกอย่างมันเรียบร้อยก็ดีแล้วถึงขลุกขลักหน่อยก็ไม่เป็นไร
มาถึงงานตอนเย็น งานเย็นเริ่มตอน6โมง ครั้งนี้พี่เค้ามาแต่งหน้าทำผมให้ที่บ้าน ทุกอย่างก็เป็นไปเรื่อยๆตามสเต็ป (เค้ามาถึงที่บ้านไม่ถึง5นาทีคนที่ร้านโทรตามว่า คนที่พี่นัดไว้มารอแล้ว เจ๋งป่ะล่ะคะ) พี่เค้าก็คุยๆเป็นปกติเหมือนทุกอย่าเฟอร์เฟคไปหมด หึ..
*ตั้งแต่ตรงนี้อ่านเลยนะค่ะ ความรับผิดชอบของคนเราเป็นยังไง*
แต่หน้าเสร็จเพิ่ง4โมง พี่เค้าถามว่าจะใส่ชุดไหมเดียวเค้าจะได้ช่วย เพื่อนเรามันขี้ร้อน+อากาศที่ร้อนมาก และมีเวลาอีกพักใหญ่(สถานที่งานเย็นใกล้บ้าน) เลยบอกว่ายังดีกว่าค่ะ เค้าก็กลับกันไป แต่พอเค้ากลับกันไปไม่ถึง5นาที นางก็เดินมาหาเรา ยื่นชุด หันมามอง ฉันว่าใส่เลยดีกว่า..... เอออออออ จัดให้ได้ เราก็ใส่ให้นาง ชุดเป็นแบบร้อยเชือกข้างหลัง คือต้องถอดเชือกออกมาเพื่อใส่ก่อนแล้วค่อยร้อยกลับ ถ้าไม่ถอดเชือกออกจะติดสะโพก กว่าจะใส่เสร็จดึงเชือกมันเลยค่ะ มันก็ยืนหมุนๆเดินๆแล้วหันมามอง “แก พี่เค้าเอาสุ่มกระโปรงให้ป่ะว่ะ พี่เค้าลืมแน่เลยอ่ะ ถ้าไม่มีมันเดินไม่ได้นะกระโปรงพันขาแน่ๆ” เอาล่ะ นางเริ่มพล่าน ลุกลี้ลุกลนละ สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาพี่เค้า
**
“พี่ค่ะ พี่ลืมสุ่มกระโปรหนูรึป่าว”
“แต่พี่ว่าพี่เอาให้แล้วนะ”
แล้วสายก็ถูกตัดไป ... โทรไม่ติด เพื่อนเราโทรเข้าอีกเบอร์นึง มีคนรับแต่ไม่มีเสียงพูด พอเพื่อนเราฮัลโหลสายก็ถูกตัดและติดต่อไม่ได้เช่นกัน.... (รับสายแต่ไม่พูดอะไร เหมือนรอฟังว่าใครโทรมา) ขนาดเราเองไม่ใช่เจ้าสาวนะ ตัวเรายังโมโหแทน จากที่เวลามีพักสบายๆ เรามานั่งเครียดกันเรื่องสุ่มกระโปรง พยายามคิดสารพัดวิธีว่าจะเอายังไงดี ร้านเวดดิ้งใกล้บ้านดีไหม ขอเช่าสุ่มกระโปรงเค้าอย่างเดียวได้ไหม หรือจะไปเอาที่ร้านได้ไหม ทางบ้านเจ้าสาวไม่มีใครไปได้ เลยโทรไปหาทางฝั่งเจ้าบ่าวให้ขับรถไปเอา 1ชั่วโมงครึ่งหลังจากนั้นเจ้าบ่าวมาพร้อมสุ่มกระโปรง จากที่พอมีเวลาชิวๆกลายเป็นต้องเร่งรีบเพื่อให้ทันเวลา
พอเราถามว่าที่ร้านเค้าพูดอะไรมั้ง เจ้าบ่าวบอกว่า เค้าทำหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเดินเข้าร้านไปเค้าก็เรียกให้เด็กในร้านไปหยิบมาให้เลย ..... คือเค้ารู้ว่าเค้าลืมแต่เค้าไม่คิดจะแสดงสปิริตอะไรเลย ตามความคิดเรานะพอเพื่อนเราโทรไปเค้าก็รู้แล้วว่าลืม แต่เค้าไม่อยากจะแก้ปัญหาเพราะถ้าให้เค้ากลับไปที่ร้านและเอามาให้ใหม่มันเสียเวลาเค้าแน่ๆ แต่อย่างน้อยเค้าไม่ต้องตัดสายทิ้งแล้วบอกมาเลยตรงๆว่าพี่ลืม น้องมาเอาที่ร้านพี่ได้ไหม มันยังดีกว่าการหนีปัญหาไปดื้อแบบนี้ เรายังบอกเพื่อนว่า ถ้าให้เค้าช่วยใส่ชุดให้เลยเค้าจะไม่มีข้อแก้ตัวแน่ แต่ว่ายังดีที่ใส่ก่อนเวลา ทำให้ยังมีเวลาแก้ไขทัน วันรุ่งขึ้นเพื่อนเราแวะส่งเราขึ้นรถแล้วเลยเอาชุดไปคืน สิ่งที่ร้านรับผิดชอบคือ ลดให้300บาทที่เป็นเศษ ซึ่งมันไม่คุ้มกับความเสี่ยงเมื่อวานเลย
จากทั้งหมด สรุปคือร้านเวดดิ้งเห็นแก่เงิน รับงานเยอะเกินตัว ไม่ดูว่าตัวเองสามารถทำได้แค่ไหน ทั้งๆที่งานแต่งงานของแต่ละคู่เป็นวันสำคัญมากๆ เพื่อนเราบอกว่าเหมือนช่วงนี้คนแต่งงานกันแยอะ ช่วงเดือนอื่นๆของปีจะไม่เยอะขนาดนี้ ถามความเห็นเรากับร้านนี้นะ โอเคทุกอย่างยกเว้นอย่างเดียวคือ “คุณภาพ”
ขออีกนิดเรื่องของชำร่วย เพื่อนเราซื้อของชำร่วยจากร้านในตัวเมือง เลือกเป็นกล่องใส่ของห่อผ้าแก้ว พอวันไปเอา นางโทรมาบ่นว่าของที่นางสั่งไว้มันไม่พอ เค้าเอาตลับเมตรอันเล็กๆเพิ่มมาให้ แปะชื่อเรียบร้อยโดยไม่โทรแจ้งสักคำเดียว สุดท้ายก็เอาไปเปลื่ยนเป็นตลับเล็กๆแทน เพราะว่าตลับเมตรไม่ถูกใจ จริงๆเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรโทรแจ้ง-ปรึกษาลูกค้าก่อน ไม่ใช่มัดมือชกหรือตัดสินใจแทน งานดูขลุดขลักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่สุดท้ายทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดีแล้วก็ปล่อยมันไป
เราเชื่อว่าบ่าว-สาวทุกคู่อยากมีวันแต่งงานที่สมบูรณ์เหมือนที่ใฝ่ฝัน เพราะฉะนั้น การหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ขอให้ทุกๆคู่ที่กำลังจะมีข่าวดีจัดงานได้อย่างราบลื่นไร้อุปสรรค์นะคะ สวัสดีค่ะ...
-ที่เราแทร็กห้องเหล่านี้เพราะคิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก ครอบครัว ผู้หญิง เลยคิดว่า3ห้องนี้เหมาะที่สุด
-ที่เว้นบรรทัดเพราะอยากจะให้อ่านกันง่ายๆนะคะ