คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ผมอ่านกระทู้นี้ให้แฟนผมฟัง
แฟนผมเป็นช่างแต่งหน้าครับ
แฟนผมฝากเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง
เป็นกาลครั้งหนึ่งละกันนะครับ
ไม่ได้เจาะจงจะพาดพิงผู้ใด
อย่าร้อนตัวนะครับ
เพราะสตูดิโอที่ดีๆในสังคมยังมีอีกเยอะมากครับ
หลักการทำงานของสตูดิโอแต่งงานนั้น
ส่วนใหญ่ เน้นที่ผลกำไรเป็นอันดับหนึ่งครับ
น้อยจริงๆที่จะเห็นสตูดิโอที่ยอมทำทุกอย่าง
เพื่อให้ลูกค้ามีความสุข (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี)
สตูดิโอบางแห่งแพง
แต่เขาเอาไปจ้างช่างแต่งหน้าทำผม
แค่พันกว่าบาท (ไม่เกินพันห้า)
โดยพันห้านั้น เขาบังคับให้ช่างแต่งหน้า
อยู่กับคุณทั้งวันอีกด้วย
ไม่ต้องทำมาหากินอะไรเลย
ดังนั้นช่างแต่งหน้าส่วนใหญ่ที่ยอมรับในราคานี้
ก็ต้องทำใจว่าเป็นเกรดอะไร
บางครั้งเอานักศึกษามาแต่ง
แต่บางคนก็แต่งสวย ถือว่าโชคดีไป
ถ้าแต่งไม่สวย ก็ดูรูปไม่สวยไปจนวันตาย
ตากล้องก็เช่นกัน
ส่วนใหญ่จะจ้างนักศึกษา
หรือช่างภาพโนเนม
ที่ราคาไม่เกิน 2000 บาทเต็มที่
บางครั้งตากล้องมาทำงานเพราะเงิน
ไม่ได้มาทำงานด้วยแรงบันดาลใจ
เขาจะเร่งให้ถ่ายให้เสร็จๆ
จะได้กลับ จะได้ไปพักผ่อน
เพราะค่าตัวน้อย ใช้เวลามาก
เขาจึงต้องทำใจรับงานราคาไม่แพง
แต่ต้องรับบ่อยๆจนเบื่อ
แต่ไม่ทำก็ไม่มีรายได้
ดังนั้นถ้าเจอตากล้องแบบนี้
ก็ทำใจเถอะครับ
ถ้าใช้หลายๆงานเข้า เขาก็กดราคาลงไปอีก
นั่นหมายความว่าการออกกองหนึ่งครั้ง
ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่านู้น ค่านี่ ไม่กิน 5000 บาท
ชุดซื้อมาราคาไม่แพงมากนัก ใส่ซ้ำแล้วซ้ำอีก
เน่า ไม่ซัก เพราะเขาคิดเอาว่ารีทัชก็สวยแล้ว
พอเน่าก็ขายต่อเป็นมือสอง แล้วลองเดาสิครับว่าใครซื้อต่อ
บอกได้แค่ว่าเป็นวงกลม
แล้วทั้งหมดที่เหลือ หักต้นทุนนิดหน่อย
ก็เป็นกำไรของสตูดิโอครับ
ดังนั้น ถ้าคู่บ่าวสาวคู่ไหนจะแต่งงาน
แนะนำให้ตัดสินใจดีๆ
เลือกดูที่ Feedback จากลูกค้าของเขา
ไม่ใช้จากเซลล์ของเขา
แฟนผมเป็นช่างแต่งหน้าครับ
แฟนผมฝากเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง
เป็นกาลครั้งหนึ่งละกันนะครับ
ไม่ได้เจาะจงจะพาดพิงผู้ใด
อย่าร้อนตัวนะครับ
เพราะสตูดิโอที่ดีๆในสังคมยังมีอีกเยอะมากครับ
หลักการทำงานของสตูดิโอแต่งงานนั้น
ส่วนใหญ่ เน้นที่ผลกำไรเป็นอันดับหนึ่งครับ
น้อยจริงๆที่จะเห็นสตูดิโอที่ยอมทำทุกอย่าง
เพื่อให้ลูกค้ามีความสุข (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี)
สตูดิโอบางแห่งแพง
แต่เขาเอาไปจ้างช่างแต่งหน้าทำผม
แค่พันกว่าบาท (ไม่เกินพันห้า)
โดยพันห้านั้น เขาบังคับให้ช่างแต่งหน้า
อยู่กับคุณทั้งวันอีกด้วย
ไม่ต้องทำมาหากินอะไรเลย
ดังนั้นช่างแต่งหน้าส่วนใหญ่ที่ยอมรับในราคานี้
ก็ต้องทำใจว่าเป็นเกรดอะไร
บางครั้งเอานักศึกษามาแต่ง
แต่บางคนก็แต่งสวย ถือว่าโชคดีไป
ถ้าแต่งไม่สวย ก็ดูรูปไม่สวยไปจนวันตาย
ตากล้องก็เช่นกัน
ส่วนใหญ่จะจ้างนักศึกษา
หรือช่างภาพโนเนม
ที่ราคาไม่เกิน 2000 บาทเต็มที่
บางครั้งตากล้องมาทำงานเพราะเงิน
ไม่ได้มาทำงานด้วยแรงบันดาลใจ
เขาจะเร่งให้ถ่ายให้เสร็จๆ
จะได้กลับ จะได้ไปพักผ่อน
เพราะค่าตัวน้อย ใช้เวลามาก
เขาจึงต้องทำใจรับงานราคาไม่แพง
แต่ต้องรับบ่อยๆจนเบื่อ
แต่ไม่ทำก็ไม่มีรายได้
ดังนั้นถ้าเจอตากล้องแบบนี้
ก็ทำใจเถอะครับ
ถ้าใช้หลายๆงานเข้า เขาก็กดราคาลงไปอีก
นั่นหมายความว่าการออกกองหนึ่งครั้ง
ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่านู้น ค่านี่ ไม่กิน 5000 บาท
ชุดซื้อมาราคาไม่แพงมากนัก ใส่ซ้ำแล้วซ้ำอีก
เน่า ไม่ซัก เพราะเขาคิดเอาว่ารีทัชก็สวยแล้ว
พอเน่าก็ขายต่อเป็นมือสอง แล้วลองเดาสิครับว่าใครซื้อต่อ
บอกได้แค่ว่าเป็นวงกลม
แล้วทั้งหมดที่เหลือ หักต้นทุนนิดหน่อย
ก็เป็นกำไรของสตูดิโอครับ
ดังนั้น ถ้าคู่บ่าวสาวคู่ไหนจะแต่งงาน
แนะนำให้ตัดสินใจดีๆ
เลือกดูที่ Feedback จากลูกค้าของเขา
ไม่ใช้จากเซลล์ของเขา
แสดงความคิดเห็น
ข้อคำแนะนำ สตูดิโอแต่งงานจะฟ้องเรา ที่เล่าว่าได้รับริการไม่ดี
คือเราจองแพ็คเกจงานแต่ง จากงานแฟร์ ตัดสินใจจากผลงานที่เห็น การตกแต่งบูธ เซลพูดจาดี และแล้วก็โง่ไปที่ 1 แสนบาท
เราสามารถถ่ายรูป ได้สามรอบ เพราะรูปเยอะเราซื้อเพิ่มตั้งแต่วันนั้นเลยเพราะรู้ว่าซื้อหลังๆจะแพงเลยเอาให้จบที่เดียว
ถ่ายรูปรอบแรก สตูไม่เหมือนที่แจ้ง วันที่ถ่าย มีคู่อื่นรอถ่ายรวมแล้ว4-5คู่ได้ สตูเก่าๆ วันที่มาดูรูป รูปยังไม่แต่งแต่เลือนการดูถึงสองครั้ง รูปร้อยกว่ารูปเราเลือกกันสองคนไมไ่ด้เลยเพราะ ไม่สวยภาพดูแบบ โบราณเรียบๆไม่ชอบเลย
ถ่ายรูปรอบสอง ก่อนถ่ายมีการบอกก่อนว่า ไม่ชอบเลยของเก่ามันแย่ ไม่ถูกใจเลย แต่งหน้าก็ไม่ถูกใจ เอาตัวอย่างให้ดูอยากได้อารมณ์นี้คะ่ เซลบอกจะเปลี่ยนช่างแต่งหน้าให้ และเปลี่ยนตากล้องให้ วันนั้นลูกค้าคงเยอะเลยถ่ายได้ไม่ดี รอบสองถ่ายตจว พอเจอหน้าตากล้องก็ งง ว่านี้มันก็สองคนเดิมที่ถ่ายให้ในสตูเลยนิ แต่ก็บ่นกันเองไม่ได้โวยวาย ช่างแต่งหน้าคนใหม่คนนี้แต่งดีใจเลยอ่อนให้ รูปออกมาก็ดีขึ้นนะคงเพราะฉากดี แต่แสงสีก็แปลกๆ ไม่สวยแบบโดนใจ หน้าแต่งสวยกว่าเดิมแต่รูปที่ออกมาดูเยิ้มๆ หน้าบานๆไม่สวยอยู่ดี ถ่ายไอโฟนสวยกว่าอีก แค่ก็ดีกว่าเก่า
รอบสาม ก่อนถ่ายเลยขอว่าใช้ชุดและแต่งหน้าที่นี้เหมือนเดิม แต่ขอเอาตากล้องเราไปถ่ายเองเพราะรูปสองรอบแล้วก็ยังไม่สวย ถ้าเป้นแบบนี้ไม่ไหวแน่ รอบนี้เค้าก็เหมือนๆกับว่า แอบๆให้นะคะ่ เพราะว่าจริงๆไม่ได้ เราไปถ่ายมาเองภาพที่ออกมาสวยถูกใจ เพื่อนๆชมทุกคนเลย
มาถึงวันพลุแตก คือวันที่เรา นัดลองชุดแต่งงานตัดกับทางร้าน โทรจี้มากๆเลือนมาหลายรอบจนเรายื่นคำขาดว่าต้องภายในสัปดาห์นี้ เค้าเลยนัดเสารที่ 27 ตุลาคมนี้ พอไปถึงร้านบอกว่าชุดยังไม่เสร็จอาทิตย์หน้าคอ่ยมาลองได้ไหม เราเลยเก็บทุกความผิดหวังแล้วคุยกะเซลเลยว่า ภาพก็ไม่โอเค แต่งหน้าไม่สวยเอารูปเปรียบเทียบให้ดู แล้วชุดก็ไม่เสร็จ ผิดคำพูดแล้วเราจะฝากความหวังอะไรได้อีก พอกันที เราขอเงินคืนแค่50%
แล้วเราจะไม่เอารูปทั้งสองรอบที่ถ่ายเลย จะออกจากร้านไปเลย ซึ่งเค้าก็ไปคุยมาและตอบรับขอตกลง
และบอกจะโอนเงินไม่เกิน7 วันหลังจากนี้ แต่พอถึงวันนั้นเราโทรตามบอกวว่าไม่ว่าง เดี่ยวโทรกลับแล้วโทรไปก้ไม่รับอีกเลย
จนมาเมื่อวันที่ 3 พฤจิ เราให้แฟนโทรไปอีกเจ้าของบอกว่าจะไม่คืนเงินแล้วเพราะ ไปเจอขอความโพส ต่อว่าร้านเค้า ในfan pageร้านที่เราใช้ขายของ facebook และเค้าไปแจ้งความแล้วด้วย และบอกว่าให้เราไปฟ้อง สคบ ฟ้องอะไรก็แล้วแต่เค้าก้จะดำเนินการตามแบบของเค้า
เราโพสจริงคะ่ ณ จุดนี้ เราบ่น และระบุชัดเจนว่าร้านอะไร เนื้อความระบุว่าต้องการแฉสิ่งที่เราเจอและเสียเงินไป ไม่ต้องการให้คนอื่นเจอแบบนี้อีก
คนผิด เค้ารับความจริงไม่ได้ เราเองก็จะไม่ยอมค่ะ แต่ประเด็นนี้ ใครๆก็บอกเราเสียเปรียบ เค้าเองบอกว่าตัวเค้าผิดนัดชุดจริงแต่รอหน่อยไม่ได้หรอ มีเวลาก่อนวันงานอีกแสดงว่าเค้าก็ยังไม่ได้ผิดสัญญาอะไร ถ้างั้นเค้าก็ยังไม่ผิดสัญญาอะไร แต่จะรับความผิดพลาดอะไรอีกไม่ได้แล้วถ้าเหลือ10 วันต่อจากนี้เราจะทำอะไรทันค่ะ เราเลยคิดว่าถ้าเค้าเองไม่ผิดคงไม่ยอมรับคืนเงิน50% หรอกเพราะงานมันแย่จริงๆ ถ้างานดีจ่ายมากกว่านี้ก็ได้
คำถามถ้าเราจะ ต่อสู้ทางศาลกับเค้าเรามีโอกาสชนะมากแค่ไหน
เอกสาร แน่นอนสัญญาที่ทีก็ต้องเอื้อประโยชน์ต่อร้านเค้าแน่ๆ
เรามีกระดาษเขียนระบุว่า เค้าจะคืนเงินเราภายในวันที่2 ตุลา มีเซ็นชื่อสองฝ่ายแต่เป็นกระดาษที่เราเขียนขึ้นเองถือเป็นสัญญาได้ไหมคะ