[เรื่องสั้นจากชีวิตจริง]บางกอกบู๊ลิ้ม : (2) เมื่อท้องถนนกลายเป็นสนามรบ

http://ppantip.com/topic/30360461 ตอนแรกครับ

--------------------------

[เรื่องสั้นจากชีวิตจริง]บางกอกบู๊ลิ้ม : (2) เมื่อท้องถนนกลายเป็นสนามรบ


โดย : TonyMao_NK51
E-Mail :tonymao_nk51@hotmail.com
FaceBook : TonyMao Nk

“แท็กซี่ปืนดุ ยิงดับแมสเซนเจอร์ ปมปาดหน้า”

“แย่งผู้โดยสาร รถเมล์-รถตู้ ชักดาบดวลกลางถนน”

เป็นอีกวันที่ผมพบกับพาดหัวข่าวเหล่านี้บนหน้าหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย แล้วก็เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ผมรู้สึกชินชากับเหตุการณ์ดังกล่าว

ก็แค่คนตายไปอีกศพเท่านั้น!เพราะคนเราล้วนตายกันเป็นเรื่องปกติ ทั้งคุณ ผม และทุกๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง

ผมไม่รู้หรอกว่า “กรุงเทพมหานคร” หรือที่หากแปลเป็นภาษาอังกฤษย่อมหมายถึง “City of Angels” และพ้องกับนคร “Los Angeles” เมืองที่ว่ากันว่ามีคนไทยอาศัยอยู่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา กลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร?

นครแห่งเทพ...มีเพียงแต่ชื่อเท่านั้นแท้ที่จริงแล้ว นี่คือเมืองปีศาจ เมืองที่มีอำนาจลี้ลับบางอย่างทำให้ผู้คนที่อยู่อาศัย ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตนได้ชัยชนะ เพื่อความอยู่รอดแม้ต้องแก่งแย่งทำลายล้างคนอื่นๆ ก็ตาม

เมืองที่ระบบขนส่งมวลชนคือลานประลองทั้งกำลังกายและเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบ ผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ที่นั่งสบายๆส่วนผู้แพ้ก็จะต้องทนยืนกันอย่างเบียดเสียด ทนร้อนทนอึดอัดนานนับชั่วโมงจากการจราจรที่ติดขัดทั้งเช้าและเย็น หรืออาจจะถึงค่ำมืด ผู้คนจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อแย่งชิงที่นั่งบนรถเมล์ – รถไฟฟ้าอันมีอยู่น้อยนิดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่ว่ากันว่าสูงถึง 15 ล้านคน

แต่หากใครที่คิดว่ามีพาหนะส่วนบุคคลแล้วจะไม่ต้องต่อสู้...คุณคิดผิด

หากระบบขนส่งมวลชนคือลานประลอง

ท้องถนนในกรุงเทพฯย่อมต้องเป็น “สนามรบ” อย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะหากการประลองบนรถเมล์-รถไฟฟ้าว่าหนักแล้วยังเทียบไม่ได้กับการต่อสู้ที่ดุเดือดบนท้องถนน ของบรรดายานพาหนะชนิดต่างๆ

ที่บางครั้งก็เดิมพันกันด้วยชีวิต

-------------------------------

ถนนจรัญสนิทวงศ์ เวลา 18.30น.

เป็นอีกวันที่ผมนั่งรถเมล์กลับบ้านวันนี้ผมนั่งรถร้อน สภาพรถนั้นดูเก่าแต่ความเร็วความแรงไม่ได้เก่าไปตามโครงรถที่เห็นจากภายนอก โดยรอบแล้วมีคนบนรถไม่มากนัก และรถวิ่งด้วยความเร็วที่ทำให้ผมรู้สึกว่า..ราวกับนั่งอยู่ในรถแข่ง

ความน่าสนใจคนขับมิใช่หนุ่มวัยรุ่น แต่เป็นชายวัยกลางคน ทว่าผมสัมผัสได้ถึงความเลือดร้อนและมุทะลุไม่แพ้หนุ่มๆ อายุน้อยๆ แต่อย่างใด

ถนนจรัญสนิทวงศ์..แม้วันนี้เหลือเพียงฝั่งละ2 ช่องจราจร เนื่องด้วยช่องขวาสุดทั้ง 2 ด้าน ถูกกันไว้สร้างรถไฟฟ้า ที่อีกไม่นานก็จะลากยาวไปถึงบางแคแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา แม้ช่องจะแคบเมื่อเทียบกับรถบัสยาวตามแบบฉบับรถเมล์ทั่วไปแต่ทักษะของคนขับ ที่ราวกับเคยเป็นอดีตนักแข่งรถระดับอาชีพ แต่ด้วยเหตุบางประการทำให้ต้องทิ้งสนามแข่ง หลบลี้เร้นกาย ใช้ชีวิตเป็นเพียงคนขับรถเมล์เท่านั้น

รถเก๋งรถกระบะ รถตู้ ถูกรถเมล์ที่มีขนาดใหญ่กว่า พุ่งทะยานแซงขึ้นไปได้อย่างง่ายดายคันแล้ว คันเล่า จนหลุดออกจากแนวรถติด ในที่สุดก็มาถึงแยกท่าพระ

ทว่ามันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น

“ไฟเหลือง!” ผมอุทานในใจ พร้อมกับรู้สึกเซ็งๆที่อาจจะต้องติดไฟแดงอยู่อีกครู่หนึ่ง แต่ในชั่วพริบตา ความเซ็งก็หายไปกลายเป็นความรู้สึกตื่นเต้นเข้ามาแทนที่

“แกร๊กๆ บรืนนนนนนนนนนนนน!”

ห้วงขณะนั้นราวกับเวลาหยุดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆดังภาพสโลว์โมชั่นในบางฉากของภาพยนตร์แอ็คชั่น ตั้งแต่คนขับตบเกียร์สูงเสียงคันเกียร์กระทบตัวรถดังสนั่น ตามด้วยการเหยียบคันเร่งเต็มที่

“ฟ้าวววววว.......เอี๊ยดดดดดดด!”

รถเมล์พุ่งทะยานเต็มกำลังฝ่าเส้นจอดรถหน้าแยกไปในจังหวะเดียวกับที่ไฟเหลืองเปลี่ยนเป็นไฟแดงก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเพชรเกษม เสียงล้อเสียดทานกับพื้นดังสนั่น ทั้งหมดเกิดขึ้นและจบลงในเสี้ยววินาทีผมเห็นผู้โดยสารบางรายกำที่ยึดเกาะแน่น ขณะที่เมื่อมองไปในเลนที่ได้ไฟเขียวพบว่ารถจากเลนนั้น ต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่งเช่นกัน ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ตกใจของพวกเขา

“Yeah!Good Job” ผมอุทานในใจอีกครั้งพร้อมกับกำหมัดขวาชูออกไปด้านหน้า ราวกับนักฟุตบอลที่สะใจสุดขีดหลังจากทำประตูได้ผมทำเช่นนั้นไปโดยไม่รู้ตัว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกดูเหมือนผมจะชินชากับการลุ้นเพื่อฝ่าไฟเหลืองเสียแล้ว ทุกครั้งที่พบเหตุการณ์ดังกล่าวผมต้องลุ้นทุกครั้ง..ว่าคนขับจะใจถึง และมีทักษะการดริฟท์รถขั้นเทพพอที่จะกล้าทำเช่นนั้นหรือไม่?เพราะการเข้าโค้งของรถเมล์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อเทียบกับรถเก๋ง - รถกระบะทั่วไป

แต่คนขับจำนวนไม่น้อยก็ทำมันได้อย่างง่ายดาย

มันเป็นทักษะปกติในนครแห่งนี้..ที่ทุกวินาทีคือการแข่งขันและเราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้รอด

ไม่เพียงแค่รถเมล์เท่านั้นแต่รถอื่นๆ ก็มีทักษะและสัญชาตญาณดังกล่าวเช่นกัน

-------------------------------

แยกสะพานควาย เวลา 09.00 น.

แยกสะพานควาย..แยกที่รถติดที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองหลวงแห่งนี้ที่ซึ่ง 3 ใน 4 ด้านของแยกดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่รถหนาแน่นมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศทั้งสิ้น

ด้านหนึ่งมาจากจตุจักรที่รถจำนวนมากไหลหลากมาจากห้าแยกลาดพร้าว ด้านหนึ่งมาจากอารีย์ ที่กระแสรถถูกบีบอัดมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและอีกด้านหนึ่งมาจากถนนประดิพัทธ์ ถนนที่ปลายทางมีเส้นทางรถไฟคอยกักรถทั้งเข้าและออก ให้ติดขัดอยู่เสมอ แม้ไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนก็ตาม

มีเพียงด้านที่มาจากสุทธิสาร( อินทามระ ) เท่านั้น ที่รถไม่มากพอจะเป็นคู่แข่งของด้านอื่นๆ

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นจนชินตาคือเมื่อแยกไหนเปลี่ยนจากไฟเขียวเป็นไฟแดง “ม้าเหล็กจรยุทธ์” หรือมอเตอร์ไซค์ – จักรยานยนต์ จำนวนหนึ่ง มักจะเร่งความเร็วพุ่งตัวออกไปในจังหวะเดียวกันเสมอ

แม้ว่าเลนของตนจะไม่ใช่เลนที่ได้ไฟเขียว ถัดจากเลนก่อนหน้าก็ตาม

ทำไมผมถึงเรียกมอเตอร์ไซค์ว่าม้าเหล็กจรยุทธ์หรือ?เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

จะมียานพาหนะใดเล่าที่พุ่งทะยานฝ่าไฟแดงได้โดยใช้เวลาออกตัวน้อยที่สุด ได้อย่างมอเตอร์ไซค์?

จะมียานพาหนะใดเล่าที่สามารถเล็ดรอดช่องว่างเล็กๆ บนท้องถนน ขณะที่ยานพาหนะชนิดอื่นๆต้องติดแหง็กอยู่นานนับชั่วโมง ได้อย่างมอเตอร์ไซค์?

จะมียานพาหนะใดเล่าที่สามารถขับขี่ย้อนศร โดยใช้พื้นที่อันน้อยนิดริมทางเท้าอย่างคุ้มค่าที่สุดได้อย่างมอเตอร์ไซค์?

จะมียานพาหนะใดเล่าที่แม้ไม้กั้นทางรถไฟจะถูกเลื่อนลงมากั้นถนนผู้ขับขี่ยังสามารถจูงรถลอดใต้ไม้กั้นไปได้ ระหว่างที่รถไฟยังมาไม่ถึงได้อย่างมอเตอร์ไซค์?

และจะมียานพาหนะใดเล่าที่สามารถใช้บริการทางเท้า ในการเดินทางได้เช่นเดียวกับคนเดินถนนได้อย่างมอเตอร์ไซค์

หากคำว่า “จรยุทธ์” ในทางการทหารหมายถึงหน่วยรบหรือกองโจรขนาดเล็ก ที่มีความคล่องตัว รุกและถอยได้อย่างรวดเร็วไปมาไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา เช่นนั้นแล้ว..บรรดานักบิดมอเตอร์ไซค์ทั้งหลาย ก็สมควรได้รับสมญานามดังกล่าวอย่างไร้ข้อกังขาทุกประการเช่นกัน

วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง..แมสเซนเจอร์ส่งสินค้า– เอกสาร...และบรรดาอดีตเด็กแวนซ์กวนเมืองทั้งหลายที่วันนี้ผันตัวมาทำงานปกติทั่วไป พวกเขามีความสามารถดังกล่าวติดตัวทั้งสิ้นและใช้มันอยู่เสมอ ทั้งในการขับขี่ตามหน้าที่ของตนที่ได้รับมอบหมาย หรือระหว่างการเดินทางไป– กลับนอกเวลางาน

ทักษะการซิ่งที่วัดใจกับความตายนี้...มันคือสัญชาตญาณและแบบแผนการเอาชีวิตรอดบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งการฆ่าฟันแห่งนี้ที่ยากจะสอนหรือเลียนแบบกันได้ในเวลาอันสั้น

มันคือวิถีของพวกเขา

วิถีบนอานอาชาจักรกล

วิถีที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน

-------------------------------

( มีต่อ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่